ถึงนิพพานแล้วไม่ตายไม่เปลี่ยนแปลง
วันที่ 24 เมษายน 2546 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

วันที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ [เช้า]

ถึงนิพพานแล้วไม่ตายไม่เปลี่ยนแปลง

 

[ก่อนจังหัน]

        ทองคำที่ได้รับบริจาคเพิ่มเติมหลังจากมอบแล้วเวลานี้ได้ ๔๘ กิโล ๑๓ บาท ๗๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๐,๑๘๓ ดอลล์ นี่เราเตรียมไว้ข้างหน้านะ ข้างหน้านี้จะหนักพอสมควรอยู่ ทีแรกเรากะว่าจะมอบวันที่ ๑๒ มาพิจารณาแล้วไม่ถูก คือวันที่ ๑๒ เป็นวันงาน วันงานแล้วกว่าจะได้สมบัติอะไรมารวมเข้าแล้ว ถึงจะนับบวกเรียบร้อยแล้วได้เท่าไร นั่นแหละเราถึงจะเอาเข้าหลอม แล้วกำหนดวัน คือจะมอบวันที่เท่านั้น มันต้องหลังจากวันที่ ๑๒ ไป คือวันที่ ๑๒ เป็นวันงาน รวบรวมปัจจัยทั้งหลาย ๆ เข้ามาแล้ว ถึงจะบอกตัวเลขออกมาได้เท่านั้น แล้วก็หลอมเข้าเลย จะเป็นวันที่เท่าไรก็ทราบเองล่ะ

         นี่พักหนึ่งในย่านวันที่ ๑๒ นี้จะเป็นพักหนึ่ง จากนั้นร่วมไปตอนกฐินหรืออะไรนี้ จากนี้ไปหนักเรื่อย ๆ แหละ หนักก็หนักเพื่อชาติไทยของเรา ยกชาติไทยของเรา สูงก็ชาติไทยของเรา จะเป็นอะไรไป ไม่มีอะไรเสียหาย    (ลูกศิษย์ :ขอโอกาสครับ ญาติโยมเขาสงสัยว่าวันที่ ๑๒ สิงหาหลวงตาจะลงมา) คงไม่ลง (อยู่ที่นู่นนะฮะ แต่ทองมอบหลังจาก ๑๒ สิงหานะครับ) นั่นแหละถึงจะเอาลงมา คือการที่จะเอาทองลงมาระยะไหนนั้น แล้วแต่ความเหมาะสม ทองนะ ตลอดถึงวันมอบมอบวันไหน แต่เราจะมอบในย่านนั้นแหละ ย่านหลังจากงานวันที่ ๑๒ เรียบร้อยแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาจะไปรวมกันที่นู่นก็ได้ วันที่ ๑๒ เราจะไม่ลงมา หลังจากวันที่ ๑๒ แล้วนั้นแหละที่จะมามอบทอง เราถึงจะลงมาทีเดียว ในระยะงานจะยังไม่มา กรุณาทราบตามนี้นะ

 

[หลังจังหัน]

        สำหรับวันที่ ๑๒ เป็นวันงาน งานรวบรวมสมบัติเราเพื่อเข้าสู่หัวใจของชาติเรา เมื่อรวบรวมได้จำนวนมากน้อย เป็นที่แน่ใจแล้วก็หลอม จากนั้นกำหนดวันไว้แล้ว จะมามอบวันไหนหลวงตาก็จะบอกมาเอง คือจะสัตตาหะมาในกลางพรรษา มามอบทองคำ ดอลลาร์เรา ในช่วงนั้นแหละ ช่วงวันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้วนะ สำหรับวันที่ ๑๒ นี้เราให้เป็นวันรวม การรวมนี้จะรวมที่วัดป่าบ้านตาดซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของภาคทั้งหลายรวมกันที่นั่นด้วย ภาคกลาง ทางนู้นมา ภาคต่าง ๆ มารวมจุดนั้น วันที่ ๑๒ ก็คงจะเป็นศาลาใหญ่เรา หน้ากำแพงนั้นแหละ เรียกว่า เป็นงานใหญ่วันหนึ่งเหมือนกัน วันที่ ๑๒ หลังจากนั้นแล้วรวบรวมได้เท่าไร หลอมละที่นี่ แน่นอนว่าจะได้เข้าเท่าไรแล้ว ทีนี้ประกาศวันที่จะมามอบทองคำ กรุณาทราบตามนี้นะ

         เวลานี้เรากำลังเร่ง เร่งงานของเราเพื่อชาติไทยของเรา ขอให้พี่น้องทั้งหลายเข้าถึงใจในชาติของตนทุก ๆ ท่านนะ เวลานี้เราก็มีหัวหน้าอยู่แล้ว ทางศาสนาหลวงตาเป็นหัวหน้า นำพี่น้องทั้งหลายด้วยความจริงใจทุกอย่าง ไม่มีอะไรเป็นที่สงสัยในการนำของเรา ว่าจะมีความด่างพร้อย หรือมัวหมองตรงไหน เราบอกชัด ๆ บอกเราไม่มี เรามีแต่ความเมตตาล้วน ๆ เพื่อชาติไทยของเรา จะได้อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข หนาแน่นมั่นคง และสืบทอดมรดกของปู่ ย่า ตา ยาย ของเราไป ให้มีมรดกต่อกันไปบ้าง

         อย่ามาฉิบหายเอาตอนลูกหลานเกิดขึ้นมามาก ๆ ทำลายชาติของเรานี้อย่าให้ได้ยินนะ ชาติไทยของเรา ต่างคนให้ต่างมีความหนักแน่นในชาติของตน เสียสละเพื่อชาติ ไม่เป็นไร ชาติอยู่ได้เราอยู่ได้ ชาติอยู่ไม่ได้เราจม ใครจะมีเงินกองเท่าภูเขาทนอยู่ไม่ได้ ถ้าลงชาติจม จมไปด้วยกันหมด หลักใหญ่อยู่กับชาตินะ จึงให้พิจารณา ดังที่ทองคำคราวนี้ให้ได้ ๑๐ ตันนั้นเราก็คิดรวมหมดในชาติไทยของเรา ที่จะประกาศตนยกชาติให้เห็นผลออกมาว่า ได้สิ่งที่เป็นเครื่องหมายของการช่วยชาตินั้นคืออะไร แล้วยกทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันขึ้นเลย และดอลลาร์ ๑๐ ล้านขึ้นเลย แล้วเป็นที่อบอุ่น สำหรับเราที่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเราก็พอใจ

         ใครจะมาติฉินนินทา ว่ากล่าวโจมตีแบบไหน เราไม่สนใจแหละ เพราะทั้งชาติเราขวนขวายเต็มกำลังของเราแล้ว พวกนั้นไม่ได้ทำอะไร มีแต่คอยมาทำลาย ต่างคนเตรียมฝ่ามือไว้ฟาดหน้าผากมันก็แล้วกันนะ เข้าใจเหรอ ก็เราหาแทบเป็นแทบตายในคนทั้งชาติ มันไม่ได้สมบัติอะไรมาคอยทำลายเรา ไม่มีสมบัติอะไรเลย คนนี้คนหนักแผ่นดิน ถ้าอยู่ในเมืองไทยก็คนไทยหนักแผ่นดิน เศษเดนของคนไทย หมามันก็ไม่ต้องการคนประเภทนี้นะ คนคอยที่ทำลายชาติ ทำลายส่วนรวม ทำลายหัวใจของชาติ คือคนประเภทที่เสนียดจัญไร มหาภัยที่เลวร้ายที่สุดคือคนประเภทนี้นะ

         ขออย่าให้มีในเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธที่รักความสามัคคี กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อความแน่นหนามั่นคงทั่วหน้ากัน ขออย่าให้ได้เห็น ได้พบ ได้ยินในสิ่งเหล่านี้เลย เลวร้ายที่สุด ผู้ที่ต้องการความฉิบหายแก่ผู้อื่นที่เขาต้องการความเจริญแก่ชาติของเขา เราตั้งหน้าตั้งตาไปทำลาย เลวร้ายที่สุดเลย ขออย่าให้ได้ยิน นี่พี่น้องทั้งหลายให้ต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามด้วยกันทุกคน หลวงตานี้เอาเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่ละขึ้นเวทีแล้วนะ ๑๐ ตัน ยังไงก็ไม่ถอยว่างั้นเลย

         ๑๐ ตัน กับดอลลาร์ ๑๐ ล้านนี้จะไม่ถอย จะให้ได้สมใจของชาติไทยเราที่รักชาติ รักษาชาติไทยมานาน อย่าให้หลุดลุ่ยไปไหนได้เลยเป็นอันขาด เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่เราช่วยชาติของเราทั่วหน้ากัน เมืองนอกเมืองนาโลกไหนเขาก็ทราบหมด ว่าเมืองไทยกำลังช่วยชาติคราวนี้ ขอให้ได้เครื่องหมายแห่งการช่วยชาติมาโชว์ขึ้นให้โลกภายนอกเขาได้เห็น  นอกจากเมืองไทยเราเห็นและอบอุ่นเรียบร้อยแล้ว ให้เมืองนอกเขาได้อนุโมทนาบ้างว่า เมืองไทยเรามีความรักชาติ ความพร้อมเพรียงสามัคคี ความเสียสละมากน้อยเพียงไร เขาจะได้เห็นในครั้งนี้แหละ

         หลวงตาได้พิจารณาหมดแล้วถึงได้ออกประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เพื่อเป็นความสง่าราศีแก่ชาติไทยของเรา ขอให้พี่น้องทั้งหลายคิดให้ถึงใจ ๆ ทุกคน ๆ อย่าจืดอย่าชืดนะ ถึงเวลาเข้มข้นต้องเข้มข้น เวลาธรรมดาเป็นธรรมดา เวลาเข้มข้นเข้มข้นอย่าอ่อนเปียกไปตลอดเวลาใช้ไม่ได้ บ้านเมืองล่มจม ตัวเราล่มจมได้ไม่สงสัย ถึงเวลาเข้มข้นเข้มข้น ถึงเวลาเด็ดเด็ด ถึงเวลาขาดขาด ไม่มีอะไรเสียดายเลย เพื่อสมบัติอันใหญ่หลวงคือชาติของเรา เอาให้มันอย่างนั้นซิ ถ้าได้ครบจำนวนแล้วเรียกว่าสุดแล้วละ หลวงตาพอใจทุกอย่าง ในการพาพี่น้องทั้งหลายดำเนิน ได้ถึงจุดหมายปลายทางของเรา เราพอใจมาก

         ส่วนที่จะได้จะเศษจะเหลือยิ่งเป็นการเพิ่มพูนวาสนาบารมี และความรักชาติ ความเสียสละของเราได้มากขึ้น ๆ ไม่มีอะไรเสียหาย พอพูดอย่างนี้ก็ระลึกถึงอาจารย์เจี๊ยะ ผ้าขี้ริ้วห่อทองนะ ลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่มั่นใครจะเกินอาจารย์เจี๊ยะ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนพ่อกับลูก ท่านเมตตามากทีเดียว ทางนี้ก็เป็นนิสัยเจ๊ก ท่านก็นิสัยเด็ดเดี่ยวทุกอย่าง เข้ากันได้ผางเลย ๆ เวลาคุยกันเหมือนพ่อแม่กับลูกคุยกัน พอมีอะไรเอะอะนี่เปรี้ยงปร้าง ๆ หลวงปู่มั่นซัดหน้าผากอาจารย์เจี๊ยะ ใส่กันเปรี้ยงปร้าง ๆ สักเดี๋ยวเงียบเลย ลงมา “เรื่องอะไรตะกี้นี้”  “อ๋อไปทำไอ้นั้น ๆ ผิด ท่านก็เขกเอาล่ะซิ” ท่านไม่เห็นว่าท่านดีนะ ท่านพูดเป็นธรรมทั้งนั้น เราฟังหมด

         นี่ท่านก็อยู่ที่วัดปทุมธานี วัดนี้เรารับแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบ ที่เรารับอยู่ทางภาคกลางเรานี้ก็มีเมืองกาญจน์วัดป่าหลวงตาบัวแห่งหนึ่ง ก็ต้องได้หาพระมารับเป็นเจ้าของ และที่วัดภูริทัตตะนี้เรารับแล้ว เราก็ต้องนิมนต์อาจารย์เจี๊ยะมา ท่านก็รับให้ นี่นะ ท่านได้มาอยู่ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เราจึงรับเพียงสองวัดเท่านั้น เรื่องที่เขาจะถวายวัดนี้มากต่อมากสำหรับเรานะ แต่เราไม่อาจรับได้เพราะมีเหตุผลทุกอย่าง การรับนี่รับเพราะเหตุผลกลไกอะไร รับลอย ๆ ไม่ได้ ต้องมีหลักมีเกณฑ์ เพราะฉะนั้นเราจึงรับได้เพียงสองวัด วัดนี้กับวัดป่าหลวงตาบัว เพื่อกรรมฐานเที่ยวในแถวนี้ ทางเมืองกาญจน์ก็เป็นป่าเป็นเขา ดกหนามาก สะดวกในการบำเพ็ญ

         ท่านสาครก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ฝั้น ท่านก็อยู่ทองผาภูมิ ท่านก็อยู่ที่นั่น จากนั้นมาถึงวัดป่าหลวงตาบัวนี้ก็ห่าง เพราะเห็นว่าทำเลนั้นเหมาะสม เราก็เลยรับให้ที่เขามาถวายที่ ที่นั่นจึงกลายเป็นวัดเสือขึ้นมา มีแต่ตัวใหญ่ ๆ นะ เดี๋ยวนี้ แต่ก่อนเห็นพวกเรา เขาดุ่มดิ่ม ๆ ออกมาเลย เขาอยากเล่นกับเรา ไปคราวนี้เฉยเชียวนะ เขาตัวใหญ่แล้ว ตัวไหนอยู่ที่ไหนเฉยเลย โถ มึงท่าใหญ่นักเหรอ มึงท่าใหญ่กับกูเหรอน่ะ ทั้งว่าทั้งรัก เขาดุ่มๆ  เฉยนะ เขาไม่เล่นกับเรา เพราะเขาเป็นสัตว์ใหญ่แล้ว ที่ลุกขึ้นอืดอาดเนือยนายลำบากคงเป็นอย่างงั้น เหมือนผู้ใหญ่กับเด็ก ถ้าเด็กปุ๊บปั๊บมันวิ่งเลย ผู้ใหญ่จะลุกแต่ละครั้งนี่ โถ ของล่นเมื่อไร

         อันนี้เสือมันใหญ่แล้ว ได้มาเล่นตัวเดียว ถ้าเห็นเราไปทั้งทีก็เลยเอาออกมาตัวหนึ่ง เอามาล่ามโซ่ไว้ ให้พระเล่นกับมัน กับท่านจันทร์ เราไปก็ไปลูบหัวมันบ้างเล็กน้อย กูไปล่ะน่ะ สูมันท่าใหญ่นักคราวนี้น่ะ กูไม่อยู่กับสูแหละ ไปเลย มันน่ารักนะ มีแต่ตัวใหญ่ ๆ เสือที่เป็นสัตว์ดุร้ายกลายเป็นเสือน่ารัก เป็นสัตว์น่ารัก ก็คือเสือวัดนี้แหละ ถามดูว่ามันเคยทำอะไรไหม ไม่ทำ ไม่เคยตบ ไม่เคยกัด ไม่เคยอะไร ไม่ว่าสัตว์ทั้งหลายเกลื่อนอยู่ในวัด เวลานี้เข้ากันได้หมดแล้วนะ

        วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมาก พูดเพียงเท่านั้น ให้เราทุกคน ๆ เลยเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ต่อไป ถึงจุด ๑๒ สิงหา นั่นเป็นจุดหนึ่งที่เราจะมอบทองคำ-ดอลลาร์เข้าสู่คลังหลวงของเรา นี่จุดหนึ่ง แล้วก็จุดตอนกฐินตอนนั้นเป็นจุดใหญ่มากนะ เราคิดว่าจะให้เรียบร้อยในปีนี้ ในทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน พยายามมาได้ ๕ ปีกว่าแล้ว ขอให้เรียบร้อยในคราวนี้ หลวงตาก็จะหายห่วงทุกสิ่งทุกอย่าง หลวงตาห่วงเพียงกับพี่น้องทั้งหลายเท่านั้นนะ สำหรับหลวงตาเองไม่มีอะไรแล้ว อยู่ไปแบบคนไม่มีราค่ำราคาก็ได้ เราไม่คิดอะไรมีราคา ไม่มีราคา เราไม่ได้สนใจกับอะไร นี่ก็ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเวลาจำเป็น หลังจากนี้แล้วเราจะทำอะไรก็ตามเรื่องของเราไปแหละ

        พอหมดภาระการช่วยชาติคราวนี้แล้ว เราก็แน่ใจว่าเราเบาลงจากภาระทั้งหลายที่แบกหาม เราปล่อยเข้ามาอยู่โดยลำพังเรา สะดวกสบาย ตายเมื่อไรก็หายห่วง การพูดนี้พูดด้วยความยืนยัน พูดด้วยความแน่ใจทุกอย่าง สำหรับหัวใจเราเองเราไม่มีอะไรแล้วในโลกนี้ โลกทั้งหลายแสวงหาที่พึ่ง หาที่เกาะที่ยึด ไขว่คว้ากันทั่วโลกดินแดน เพราะที่ยึดที่เกาะทางใจไม่มี สมบัติเงินทองข้าวของภายนอกมีเกลื่อนมันก็เป็นที่พึ่งไม่ได้ ได้มาคอยแต่จะหายไปสูญไป อยู่อย่างงี้ทั่วประเทศเขตแดนนะ หาความแน่นอนกับสิ่งภายนอกไม่ได้

         เพราะฉะนั้นจงพยายามหาความแน่นอนทั้งสิ่งภายในให้ได้แม่นยำ ภายนอกก็เป็นกาลเป็นเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ ให้ได้หาสมบัติเงินทองเครื่องเยียวรักษาธาตุขันธ์ ซึ่งมันกวนอยู่ตลอดเวลานี้ให้พอเป็นไปได้ ถึงลมหายใจขาดดิ้นลงไปเรียกว่าตาย นั่นเป็นพักหนึ่ง แต่ใจดวงนี้ไม่ตาย ใจดวงนี้เป็นนักท่องเที่ยว วิ่งตลอด ในภพนี้ภพนั้นวิ่งอยู่ตลอดมากี่กัปกี่กัลป์ มันไม่ยอมตาย เรียกว่าจะไม่ตายเลยจิตใจดวงนี้ ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ก็ยอมรับความทุกข์ความทรมาน แต่ไม่ยอมฉิบหายคือใจดวงนี้

         เวลาพ้นจากบาปจากรรมหนาแน่นขึ้นมา เป็นกรรมที่เบาบาง จนกระทั่งผ่านขึ้นมาหาคุณงามความดี เกาะได้ยึดได้ แล้วก็ผ่านไป ๆ  พุ่งถึงนิพพาน นั่นเรียกว่าอมตธรรม ไม่มีตายแล้ว นั่นเรียกว่าสุดสิ้นเลย ถึงนิพพานไม่มีตายด้วย ไม่มีคำว่าเปลี่ยนแปลงด้วย แต่ที่อยู่ในโลกสมมุตินี้ไม่ตายแต่เปลี่ยนแปลงตลอด ถึงนิพพานแล้วไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ตาย นี่เราได้บำเพ็ญมาเต็มกำลังความสามารถของเรา เป็นเครื่องประกาศให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบชัดด้วยความยืนยันของเราเอง ไม่มีข้อข้องใจสงสัย ว่าการที่จิตใจของเราไม่มีอะไรที่จะยึดจะเกาะ พอทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเต็มหัวใจ ได้มาจากการอุตส่าห์พยายามสร้างคุณงามความดีทั้งนั้นนะ แทบเป็นแทบตายก็เพื่อความดี ๆ

         ความดีก็สนองเข้าเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งถึงขั้นพอ พอทุกอย่าง อยู่ไปนี้มีแต่มืดกับแจ้งเท่านั้น ไม่เห็นมีความหมายอะไร ใจไม่ไปสร้างความหมายอะไรให้เสีย พอทุกอย่างแล้วพอหมด นี่ละการที่มาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มาสอนแบบหลอกลวงนะ นับตั้งแต่เราช่วยชาติมา พี่น้องทั้งหลายมา เราก็ไม่เคยหลอกลวงพี่น้องทั้งหลาย ถึงไหนถึงกันทุกอย่าง หมดเป็นหมด ยังเป็นยัง เป็นก็เป็น ตายก็ตายตลอดมานี้เลย

         เรื่องของเราที่เราช่วยตัวเองมาก็แบบเดียวกัน ไม่มีอะไรสงสัย เทิดทูนธรรมพระพุทธเจ้าเหนือหัวใจอย่างเดียว เหนือชีวิตอย่างเดียวเท่านั้นพุ่งเลยเชียว จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางดังที่เรียนทราบแล้วด้วยความสัตย์ความจริง ว่าเราหมดทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรจะไปยึดไปเกาะเป็นห่วงเป็นใยกับสิ่งใดในโลกนี้ นั่นละท่านว่าแสนสบาย ท่านว่าตรงนั้นนะ หมดทุกอย่างที่จะไปยึดไปเกาะแล้วแสนสบาย นี่อำนาจแห่งธรรมคือการบำเพ็ญความดีงามของเรา หนุนเราให้ไปถึงขนาดนั้น 

         มีมากมีน้อยหนุนขึ้นไปเป็นลำดับ บรรเทาทุกข์ไปเรื่อย ๆ ต่อไปก็เป็นสุข ๆ เป็นบรมสุขเพราะการสร้างความดี ด้วยความฝ่าฝืนกิเลสตัวเป็นภัยต่อจิตใจเรานั้นแหละ ให้ทุกคนได้ฝ่าฝืนนะ อย่าปล่อยใจเกินไปนะ เสียเรานั้นแหละ ไม่ได้เสียใครนะ เราอ่อนแอก็เท่ากับกิเลสเหยียบย่ำทำลาย เราแข็งแกร่งด้วยการต่อสู้กิเลสนี้เรียกว่าเรากำชัยชนะมาเรื่อย ๆ ความสุขความเจริญจอมปราชญ์ท่านชมเชย ท่านดำเนินมาแล้วจากความอุตส่าห์พยายามทุกด้านทุกทาง ท่านไม่ท้อถอยอ่อนแอ เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตแล้วได้พบพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว อย่าปล่อยมือให้หายไปนะ ต่อไปนี้จะให้พร

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาทุกวัน

ได้ที่ www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

 

 

       


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก