|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ลูกศิษย์มีครูย่อมดีเสมอ |
|
วันที่ 15 มิถุนายน 2545 เวลา 7:30 น. ความยาว 34.54 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
ลูกศิษย์มีครูย่อมดีเสมอ
เมื่อเช้านี้พระ ๓๘ องค์ที่ท่านไม่ฉันท่านไม่ออกมานี้มีเยอะนะอยู่ข้างใน องค์ไหนไม่ฉันก็ไม่ออกมา มาทำข้อวัตรปฏิบัติส่วนรวมเราก็ห้ามไม่ให้มา ตั้งหน้าภาวนาแล้วก็ให้อยู่เฉพาะกับจิตตภาวนาเท่านั้น ไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับหมู่กับเพื่อนซึ่งทำให้เสียเวลาไป องค์ไหนไม่ฉันก็ไม่ต้องออกมา ข้อวัตรปฏิบัติตัดออกหมด ยังเหลือแต่ลำพังตัวเองกับความเพียร วัดนี้ปฏิบัติอย่างนั้นตลอดมา ถ้าฉันก็รวมกันทำข้อวัตรปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความพร้อมเพรียงกัน ถ้าองค์ไหนไม่ฉันก็ไม่ต้อง ๆ แล้วการอดอาหารก็ไม่ต้องมาบอกหัวหน้า ไม่จำเป็น ปล่อยตามอัธยาศัย ใครจะพักอาหารหยุดอาหารเมื่อไรก็หยุดไปเลย
สำหรับวัดนี้พระที่อดอาหารมีประจำทุกวันเลย มีประจำมาตลอด ที่อื่น ๆ ไม่ค่อยมีนะ ที่วัดป่าบ้านตาดนี้มีมากอยู่ อาจจะเป็นพระมาอยู่ที่นี่ได้รับการแนะนำสั่งสอนการทำความพากเพียรด้วยวิธีการต่าง ๆ อยู่อย่างนั้นก็ได้ วัดอื่น ๆ ท่านอาจไม่ค่อยสอนนัก แต่สำหรับวัดนี้สอนตลอด มางดเอาตอน... จะเรียกว่างดก็ไม่ผิด ตอนที่มาช่วยชาติบ้านเมือง ภาระการแนะนำสั่งสอนเพื่อนฝูงรู้สึกว่าลดลงมากทีเดียว ก็หมุนไปทางโลกสงสารช่วยบ้านช่วยเมืองไปเสีย
แต่ก่อนสำหรับวัดนี้เข้มงวดกวดขันทุกอย่างให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ เพราะฉะนั้นโลกเขาจึงว่าหลวงตาบัวดุ คือเราเข้มงวดกวดขันรักษาของดีไว้ตลอด ไม่ให้ของชั่วซึมซาบและไหลทะลักเข้ามาท่วมทับกันแหลกไปหมด เราตัดออก ๆ เลย นี่ที่เขาไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินเขาก็ว่าเราดุเราด่าอะไร แต่สำหรับพระที่มาอยู่กับเรา เรื่องดุท่านทราบเหตุผลแล้ว ดุด้วยเหตุผลกลไกอะไรท่านรู้แล้ว เพราะฉะนั้นพระจึงต้องกลัว กลัวจะผิดแล้วกลัวจะโดนดุซ้ำเข้าอีก ความหมายว่างั้น แต่ก่อนเอาจริงเอาจังมาก เพราะหมู่เพื่อนมาเกาะให้เป็นกังวล มาหลายองค์เข้าไปเรื่องความเคลื่อนไหวก็มีผิดมีถูก แล้วเพิ่มมากขึ้นความผิดพลาด นี่ก็ได้เริ่มดุด่าว่ากล่าวกัน แต่อยู่ลำพังเราก็ไม่มีอะไรจะดุด่า เพียงองค์สององค์ก็ไม่เห็นมีอะไร อยู่กันสบาย ๆ อยู่ในป่าในเขา ไม่มีได้ดุกันนะ ในป่าไม่มี
เพราะส่วนมากพระท่านไม่ค่อยอยู่รวมกันในป่า องค์นั้นอยู่ถ้ำนั้น องค์นี้อยู่ถ้ำนี้ องค์นั้นอยู่ป่านั้น ๆ ไปเสีย แห่งละองค์หรือสององค์ ก็จะเอาอะไรมาดุกันเพราะมันไม่ผิด ทีนี้เวลามารวมหมู่เพื่อนมันก็มากเข้า หลายเรื่องหลายราว ก็เหมือนเรามีลูกหลายคน ถ้าลูกคนเดียวถึงมันจะดื้อบ้างซนบ้างก็มีคนเดียวดูแลทั่วถึง แต่สองคนสามคนเข้าไปล้วนแล้วตั้งแต่พวกที่เริ่มเรียนดอกเตอร์ ๆ ทั้งนั้นด้วยแล้วพ่อแม่อกจะแตก ดอกเตอร์ของเด็กคืออะไร พอเด็กเกิดขึ้นมานี้เริ่มเรียนดอกเตอร์แล้วนะ ไม่ต้องเรียน ก.ไก่ ก.กา เรียนชั้นสูงทีเดียวเลย เรียนขั้นดอกเตอร์เลย ดอกเตอร์อะไร ดอกเตอร์ซนเข้าใจไหม มันซน มันอยากรู้อยากเห็นอยากทุกอย่าง มันก็ดีดก็ดิ้นไปตามประสาของเด็ก เพราะฉะนั้นเราถึงได้ว่าเริ่มแล้วนะนี่ เริ่มวิชาดอกเตอร์แล้ว หลายคนเข้าไปพ่อแม่ยิ่งเป็นกังวลมากทีเดียว
เราได้เห็นพ่อแม่เอามาเป็นบทเรียนมากทีเดียวนะ เพราะฉะนั้นจึงได้ย้อนหลังคิดถึงบุญคุณของพ่อของแม่นะ ถึงตามเก็บนะ คุณของพ่อของแม่ตามเก็บหมด ลูกแต่ละคนเข้ามารวมกันแล้ว ไอ้นั่นไปไหน ไอ้นี่ไปไหน ถามอยู่นั่นละ ไม่พ่อก็แม่ละถาม ไอ้นั้นไปไหน เป็นอย่างนั้นนะ แต่ยังดีอันหนึ่งที่ลูกหลายคนก็ไม่ปรากฏว่ามีคนใดเกเรนะ ไม่มี อันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่เข้มงวดเหมือนกัน พ่อก็ดุ แม่ก็ดุเหมือนกัน ดุพอ ๆ กัน ลูกจึงต้องระวัง พอเฆี่ยน ๆ พอตี ๆ เลยจะว่าไง
นี่เราพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับพระกับเณรมีมากเข้า ๆ ครูบาอาจารย์ก็เทียบเหมือนพ่อเหมือนแม่ คอยสอดส่องดูแลความผิดพลาด คือรักษาด้วยความดีทุกอย่างไม่ให้ผิดพลาด จึงต้องสอดส่อง ผู้ปฏิบัติก็ต้องระวังตัวเองตลอดเวลา ระวังโดยลำพังแล้วยังต้องระวังครูบาอาจารย์จะดุด่าว่ากล่าวอะไร ดีไม่ดีกลัวท่านจะไล่หนีอีกด้วย นั่นซีสำคัญอยู่ตรงนั้น นี่เพราะต้องการเป็นคนดี ฆราวาสก็ต้องมีการอบรมแนะกันในครัวเรือน เฉพาะอย่างยิ่งส่วนมากคนบ้านนอกของเรามักจะรับประทานอาหารรวมกัน บางทีพ่อก็พูดออกมาแล้วแม่ก็พูดออกมาแง่นั้นแง่นี้ อะไรใครไม่ดีที่ไหนก็มาพูดให้ลูกฟัง เวลาอยู่รวมกันมักจะเป็นเวลารับประทานอาหาร นอกนั้นไม่ค่อยรวม คนไหนไม่ดีที่ตรงไหน ๆ ไม่พ่อกับแม่ละมาเล่า ลูกก็ฟัง คนใดดียังไง ๆ ก็มาเล่าให้ฟัง
ส่วนมากว่าอย่าชั่วอย่างงั้นนะให้ดีอย่างนี้นะ พ่อแม่ก็ไม่ได้บอกแหละ หากมาเล่าให้ฟังเป็นการพร่ำสอนลูกอยู่ในตัวนั้นแหละ เราฟังอยู่ตลอดนี่ซิ ลูกหลายคนแม้จะไม่มีคนเกเรก็ตาม พ่อแม่ก็หนักอกมากเหมือนกันไม่ใช่เล่นนะ นี่ละเราจึงย้อนหลังอาหารการกินอะไรดีๆ นี้เอาไว้ให้ ส่วนมากพูดติดปากเอาไว้ให้น้อง คือหมายความว่าคนสุดท้องที่กำลังเลี้ยงดูอยู่ แล้วอะไรดี ๆ ที่ควรแก่เด็กคนสุดท้องก็ต้องสงวนไว้เลย อันนี้เอาไว้ให้น้อง ๆ ไว้เลยนะ จำได้ตลอด คนไหนเป็นคนสุดท้องต้องเป็นคนรับเป็นพิเศษเสมอกันหมด ไว้ให้น้อง ๆ เราไม่ลืมนะ
เวลานี้มันตามเก็บคุณของพ่อของแม่ โอ๋ย เป็นตายจริง ๆ นะ ลูกยิ่งหลายคนพ่อแม่เลยจะเป็นจะตาย พะวักพะวนกับคนนั้นคนนี้ยุ่ง ถ้ามีคนเสียด้วยแล้วก็ยิ่งจะไปใหญ่นะ ลูกคนนั้นเกเรทางนั้นลูกคนนี้เกเรทางนี้พ่อแม่อกแตกนะ แต่สำหรับในครอบครัวของเราเราก็พูดตามความจริงไม่มี อย่างนั้นไม่มี ดื้อก็ดื้อธรรมดาไม่ได้มีโกโรโกโสทำความเสียหายแก่ตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ก็เดือดร้อนอยู่ตลอด คอยแนะ นี่ละพ่อแม่เลี้ยงลูก คนไหนดีคนไหนชั่วก็มาเล่าให้ลูกฟัง เราก็ฟัง จากนั้นเราก็มีการอบรมลูกเราบ้างเป็นครั้งเป็นคราวก็ดี พูดสองสามประโยควันหนึ่ง ๆ ลูกก็จะดี เราก็ทำตัวของเราให้เป็นคนดีไปเรื่อย ๆ มันก็จะชินต่อนิสัยตั้งแต่เด็กขึ้นมา ไม่โกโรโกโส
อย่างเมืองไทยของเรานี้พูดจริง ๆ เราก็เป็นคนไทย สอนเพื่อคนไทยให้ดิบให้ดี ปัดสิ่งชั่วช้าลามกก็ต้องเอามาสอนละซี นิสัยคนไทยเรานี้มักปล่อยตัว แล้วฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย อันนี้เสียมากทั่วประเทศไทยเราเลย นี่แหละอ่อนแอตรงนี้ ไม่มีหลักเกณฑ์ไม่มีเนื้อหนังเป็นของตัว ไม่มีหลักใจ เลื่อนลอย อะไร ๆ มาก็ดังที่เคยพูดคว้ามับ ๆ นี่เป็นนิสัยไม่ดีเลย เสียทรัพย์สมบัติเข้าไปหาเสียที่ใจ ถ้าเสียที่ใจนี้เสียมากทีเดียว เป็นนิสัยแล้วแก้ไม่ตก ลำบากลำบนมากทีเดียว จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณา ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตามหลักธรรมที่ท่านสอนบ้างซิ ก็เราเป็นลูกชาวพุทธไม่ฟังคำของพุทธจะฟังเสียงใคร ตัวเราเป็นมหาโจรอยู่แล้ว ฟังมันเท่าไรก็ยิ่งจมไปๆ ฟังเสียงท่านผู้เลิศเลอคือพระพุทธเจ้า เอาธรรมท่านมาปฏิบัติต่อตนเอง
หนักบ้างเบาบ้างเราฝึกเพื่อความเป็นคนดี หนักก็หนักเพื่อเป็นคนดี เบาก็เพื่อเป็นคนดี ทุกข์ก็เพื่อเป็นคนดีไม่ใช่เพื่อเป็นคนชั่ว ถ้าเป็นไปตามกิเลสหนักก็หนักเพื่อมหันตทุกข์ อะไรเพื่อทุกข์เพื่อมหันตทุกข์ไป ถ้าตามกิเลสเป็นอย่างงั้น นี่เสียมากนะ รู้สึกว่าเสีย เพราะหลวงตานี่เที่ยวทั่วประเทศไทย ไปที่ไหนมันอดไม่ได้ละจะไม่ให้ดูไม่ให้ฟัง ดูกิริยามารยาทความประพฤติหน้าที่การงานของคน มันต้องดูไป ไม่ได้ว่าตั้งหน้าตั้งตาจะดู หากเป็นไปในความสัมผัสกันระหว่างข้างนอกกับข้างใน ตาหูจมูกลิ้นกายกับรูปเสียงกลิ่นรสเครื่องสัมผัสจะต้องมาสัมผัสกัน แล้วก็เข้าไปสู่ที่ใจ เอานำมาคิด
เราอย่าพากันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินไปนะเมืองไทยเราเสียได้ เสียได้จริง ๆ เพราะนิสัยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่มีการเก็บการรักษา มีแต่ความฟุ่มเฟือยแล้วก็ปล่อยออก ๆ เสีย เด็กเกิดขึ้นมาดูพ่อดูแม่แล้วก็ตามพ่อตามแม่ เป็นนิสัยเลื่อนลอยไปหมด ไม่มีเนื้อหนังเป็นของตัว รักชาติก็รักตัวเอง รักความประพฤติของตัวเองจึงเรียกว่ารักชาติ รักเฉย ๆ ไม่มีการอารักขา ไม่มีการปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดี รักไม่มีความหมาย รักอย่างนั้นใช้ไม่ได้ ต้องปฏิบัติตัว นี่ก็พูดอย่างที่ว่าพระท่านบวชมา เป็นฆราวาสก็เป็นแบบหนึ่ง เวลาบวชมาพลิกนิสัยใจคอเข้าสู่ศีลสู่ธรรมแบบหนึ่ง อย่างนั้นนะ กิริยานิสัยใจคอที่เคยเป็นมาแต่ในบ้านในเรือนเป็นฆราวาส เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา แต่พอเข้ามาบวชเอาหลักธรรมวินัยมากางกึ๊ก ดูแบบแปลนแผนผังคือธรรมวินัย มีแต่แบบแปลนที่ดีทั้งนั้นๆ เราก็ค่อยศึกษาไปตามนั้นแล้วปฏิบัติไปตามนั้น ปรับใจของเราเข้าสู่ศีลธรรมเสมอ อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง มันก็ค่อยกลายเป็นคนดี
ทีแรกเข้มงวดกวดขันเป็นทุกข์เหมือนกัน การระมัดระวังกลัวจะเป็นโทษเป็นกรรมเป็นอาบัติ เช่น พระเป็นอาบัติต้องโทษไม่สมควร มาหาคุณหาประโยชน์แล้วมาต้องโทษต้องกรรมไม่สมควร จึงต้องปัดออกด้วยการระมัดระวังรักษาเสมอ ทีนี้เมื่อต่างคนต่างรักษา วันนี้ก็รักษาวันหน้าก็รักษา รักษาตลอดเวลามันก็ค่อยชินไปๆ ทีนี้ศีลธรรม กลมกลืนกับตัวเราแล้ว ไปไหนระวังกับไม่ระวังกิริยาท่าทางภายนอกก็เป็นเรียบ ๆ เหมือนกัน แต่ภายในระวังอยู่เสมอ อะไรจะผิดสิกขาบทวินัยจะปัดปั๊บๆ หลีกปุ๊บๆ เป็นเอง นั่นความเคยชิน เป็นอย่างนั้น
อย่างที่เราเดินไปนี่ มองเห็นมดอย่างนี้นะ กำลังจะก้าวเหยียบลงไป มองเห็นมดโดดข้ามผึงเลยไม่เหยียบ นั่นเห็นไหมล่ะ มันเป็นเองนะ ไม่ใช่เราตั้งท่าไประวังมดตัวนี้ตัวเดียวนะ ไปตัวไหนก็เหมือนกัน สัตว์ตัวไหนก็เหมือนกัน พอจะเหยียบย่างลงไปปั๊บมองเห็นสัตว์นี่โดดผางไปเลย มันหากเป็นของมันเอง นี่คือความเคยชินในการระวังรักษาเรา การรักษาความดี ปัดความชั่วออกก็ต้องเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
นี่มันปล่อยเลยตามเลยดูอะไร ๆ เลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมด เราที่มาเกี่ยวกับโลกสามสี่ปีนี้ได้เห็นชัดเจนมากทีเดียว บรรดาพี่น้องชาวไทยเรารู้สึกเหลวไหลในการประพฤติตัวไม่ค่อยมี นี่อันหนึ่ง แล้วเลื่อนลอย การซื้อง่ายมาก อะไร ๆ มาซื้อ ๆ แต่ชอบยินดีในของเมืองนอก นี่เสียนิสัยนะให้พากันจำทุกคน เมืองเราเป็นของเรา ตัวของเราเป็นตัวของเรา ไม่ใช่อันเดียวกัน เมืองเขาเป็นเมืองเขา อยู่อาศัยกันก็ตาม แต่เขาก็ต้องเป็นเขา เราต้องเป็นเราอยู่อย่างงั้น ต้องระมัดระวังให้มีหลักมีเกณฑ์ทุกสิ่งทุกอย่าง
ให้เอาไปคิดบ้างนะที่เทศน์อย่างนี้ ไม่ได้มาเทศน์หลอก ๆ หลอน ๆ เล่น ๆ โก้ ๆ นะ ปฏิบัติมาไม่ได้ปฏิบัติโก้ ๆ นะ พระพุทธเจ้าพระสาวกอรหันต์เป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ท่านแทบเป็นแทบตายมา ได้แบบฉบับอันเลิศเลอมาสอนพวกเรา เราไม่ได้แบบท่านก็ขอให้แบบลูกศิษย์มีครู เดินตามร่องรอยท่านก็จะเป็นคนดีไป ลูกศิษย์มีครูย่อมดีเสมอ ลูกศิษย์เหยียบย่ำหัวครูนี่จมทั้งนั้นไม่มีใครดี ที่ว่าเจริญรุ่งเรืองเพราะการดูถูกเหยียดหยามหรือเหยียบย่ำหัวครูหัวอาจารย์ไปนี้ไม่มีทาง จะเลิศเลอขนาดไหนก็มีแต่ลมปากความสำคัญตนในเวลาเป็นบ้านั่นเท่านั้น พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็เดือดร้อน อย่างพระเทวทัต ยังดีนะนั่นนะ เวลาจะทำลายพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ายิ่งกว่าการทำลายพระพุทธเจ้า นี้ถือเป็นเลิศเลอ สำหรับงานของพระเทวทัตที่จะทำลายพระพุทธเจ้า ถือเป็นงานเลิศเลอที่สุด จะทำลายโดยถ่ายเดียวเท่านั้น
นี่เวลาจิตมันฮึกเหิมไปด้วยความชั่วช้าลามก ไฟเผาหัวอกมัน มันไม่ได้สนใจกับความผิดความพลาดอะไรเลย มีแต่จะเอาให้ได้อย่างใจๆ ครั้นทำไป ทำอะไรก็มันผิดทาง พระพุทธเจ้าเรียกว่าถูกต้องเป็นสุคโต ไปดีอยู่ดีกินดี การแนะนำสั่งสอนดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรเกินพระพุทธเจ้า ไม่มีผิดพลาด ไอ้เรานี้ผิดพลาดทุกวันทุกเวลา เป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าด้วยความหมายมั่นปั้นมือที่จะทำลายพระพุทธเจ้า จะยกตนเป็นเอกขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชากองขี้ทั้งกอง ใครจะไปกราบไหว้ลงคอได้ ทองคำทั้งแท่งมีอยู่ ใครจะไปกราบไหว้กองมูตรกองคูถ อันนี้พระพุทธเจ้าทองคำทั้งแท่ง ตัวเราเองมูตรคูถ เพื่อนฝูงของเรามีมากมีน้อยเป็นมูตรเป็นคูถด้วยกัน แล้วใครจะมากราบลงคอ
ทำไป ๆ ก็ผิดหวังเรื่อยไปๆ ที่ความมั่นหมายของตัวเองว่าดิบว่าดีจะทำตามความมั่นหมาย มีแต่ความผิดพลาดๆ สุดท้ายพระเณรที่ติดตามไปก็กลับคืนหมดเลย มิหนำซ้ำพระสารีบุตร โมคคัลลาน์ไปแนะนำพร่ำสอนเห็นโทษเห็นกรรมแล้วก็กลับคืนมาหมด ก็ยังเหลือแต่พระเทวทัตกับพระโกกาลิกเท่านั้น แล้วก็เห็นโทษของตัวไปเรื่อย ๆ
ต่อจากนั้นกลับมาเห็นโทษ นั่นเห็นไหมล่ะ จะเข้ากราบพระพุทธเจ้าขอขมาโทษที่ผิดพลาดประการใด มาขอขมาโทษ นี่กลับเป็นคนเห็นโทษขึ้นมา มาก็ไม่ถึงพระพุทธเจ้าเสีย มาถึงหน้าพระเชตวันก็ถูกแผ่นดินสูบลงที่นั่น ก็เลยถวายคางกรรไกร แล้วท่านก็มีหวัง นั่นเห็นไหมความเห็นโทษของตัวเองมีหวังนะ พระเทวทัตไม่จมทีเดียว ในระยะนี้ยอมรับว่าจม เพราะอำนาจแห่งกรรมของตัวเอง ทำลงไปแล้วก็มาดัดสันดานตัวเองนั้นแหละ ทีนี้กรรมอันดีระลึกกราบไหว้พระพุทธเจ้า มอบกายถวายตัวทุกอย่างต่อพระพุทธเจ้าแล้ว พอดีถูกแผ่นดินสูบ นี่ก็ถวายคางกรรไกร
พระองค์ก็ทรงแย้มรับว่า เอ้อ เธอก็ไม่ผิดหวังเสียทีเดียว เวลาหนักก็หนัก ความมีกิเลสคนมีกิเลสสัตว์มีกิเลสย่อมมีผิดพลาดได้เป็นธรรมดาทั่วโลกดินแดน อันนี้เธอก็มีกิเลส แล้วบัดนี้เธอได้เห็นโทษของเธอแล้ว กิเลสนั้นปัดออกไป แล้วยกคุณค่าแห่งศีลแห่งธรรมแห่งความดีงามขึ้นมา นี่ได้ถวายคางกรรไกรต่อเราตถาคต พอพ้นจากนรกแล้วเธอจะได้อุบัติขึ้นมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งชื่อ อัฐิสาระ นี่เพราะคุณค่าแห่งความเห็นโทษของตัวเองเป็นอย่างนั้น ต่อไปท่านก็จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่เวลานี้จมในนรกเท่าไรก็เป็นเรื่องกรรมประเภทหนึ่ง กรรมไม่ลำเอียง ทำชั่วต้องเป็นชั่วไปก่อน หมดวาระของความชั่วแล้ว กรรมดีก็จะสนอง สนองคราวนี้เรียกว่า นิพพานเที่ยงไปเลย เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวงตลอดไป
เราผิดพลาดประการใดก็เอามาเป็นเครื่องแนะนำพร่ำสอนเรา ให้ถือความดีคนดีเป็นคติตัวอย่าง เราอย่าเชื่อเราจนเกินไป เชื่อเราเกินไปทั้ง ๆ ที่เราไม่มีความดีอะไรเชื่อ มีแต่ความทะนงตัวว่าดี เลวขนาดไหนก็ว่าตัวดีๆ นี้ยิ่งจะสร้างความชั่วมากขึ้นนะ คนประเภทที่เลวขนาดไหนยังสำคัญว่าตัวดีๆ ผู้นี้จะสร้างความเลวร้ายและมหันตทุกข์ขึ้นที่หัวใจมากมายไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์นะ เพราะสร้างไม่หยุดโดยไม่เห็นโทษ ถ้าผู้เห็นโทษแล้วก็ชะงักพักโทษอันนั้นกลับเข้าสู่ความดีดังพระเทวทัตเป็นต้น ให้พากันระมัดระวังนะ
นี่พระท่านปฏิบัติอย่างนี้อย่างที่ท่านทั้งหลายเห็น อย่างพระวัดป่าบ้านตาด คนทั้งหลายเขาไม่เคยเห็นเขาก็ว่าท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ที่เราเคยปฏิบัติกับหมู่กับเพื่อนมาอย่างเข้มงวดกวดขันมีไม่มากองค์นักนะ เข้มงวดกว่านี้มากมาย ทุกสิ่งทุกอย่าง กิริยาพระนี่เหมือนกันกับว่าเคยทะเลาะกันมาตั้งกัปตั้งกัลป์ มองเห็นหน้ากันนี่ต่างองค์ต่างเคร่งขรึม ไม่มีคำว่ายิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อความคึกความคะนองอันเป็นเรื่องไฟนรกอเวจี ไม่มีต่อกันเลย มีอะไรก็พูดธรรมดา ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสธรรมดาในกฎเกณฑ์ของอรรถของธรรม ไม่เตลิดเปิดเปิงไปหากิเลสตัณหาอะไรนะ ต่างองค์ต่างมีความเคร่งขรึมในศีลในธรรม ระมัดระวังด้วยสติปัญญาของตัวเองตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วต่างองค์ก็ต่างมีแต่ความผาสุกร่มเย็น ดูตัวเองตลอด
นี่การแนะนำสั่งสอน เวลานี้มีน้อยก็เป็นอย่างนั้น เทียบมาตั้งแต่มีลูกคนเดียวสองคน เมื่อลูกมากไปแล้วเลยกลายเป็นเลอะเทอะไป อันนี้พระเณรถ้ามากเข้าไปมันก็เลอะเทอะไปได้ อย่างการแนะนำสั่งสอนทุกวันนี้เราก็ไม่ได้สั่งสอนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ลดละลงเยอะ ไม่ตั้งใจจะลดละแต่ก็เป็นด้วยหน้าที่การงานที่จำเป็นมาเกี่ยวข้องๆ ให้ต้องจัดต้องทำสิ่งนั้นอยู่เสมอไป จึงได้ห่างเหินทางอรรถทางธรรม เตือนพระก็เตือนเป็นบางกาลเป็นเวลา ที่จะให้ประชุมแนะนำสั่งสอนเหมือนแต่ก่อนไม่ค่อยมีเวลาแล้ว ไปไหนมาเหนื่อยแล้วๆ วันหนึ่ง ๆ ถ้าสอนก็สอนแต่กิริยามารยาท สายหูสายตา สอนแบบนี้ทั้งนั้น มองไปที่ไหนนี่มองเห็นเป็นเหตุเป็นผลเป็นอรรถเป็นธรรม ไม่ได้มองเป็นไฟนรกอเวจี มองดูพระดูเณรก็เหมือนเรามองดูลูกเต้าของเรา คนไหนเลอะยังไงไม่ดียังไง พอมองจ้อนี้พระเณรจะรู้ทันที นี่ก็คือสอนแล้ว ๆ
ที่จะเป็นคนดีต้องฝึก เห็นไหมพระท่านมาอยู่นี่ท่านไม่ค่อยฉันจังหัน องค์ที่ไม่ฉันอยู่ในนู้นเยอะ องค์ที่ฉันบ้างอดบ้างท่านก็มาอยู่นี้ ผสมผเสกันก็ดูเอาซิ ทำไมจะไม่ทุกข์ เคยกินไม่ได้กิน ฟังซิ วันหนึ่งกินกี่มื้อพวกเรา แล้วพระท่านฝึกทรมานท่านวันหนึ่งทั้งวันไม่กิน แล้ววันนี้ไม่กินวันหน้าไม่กิน หิวโหยขนาดไหน ท่านจะไม่เป็นทุกข์เหรอ ท่านก็เป็นทุกข์เหมือนกันกับเรา แต่เพราะเหตุไรท่านถึงอด เพราะท่านอยากเป็นพระดีคนดีได้ธรรมที่เลิศเลอมาครองใจ ด้วยการฝึกทรมานแบบนี้ ท่านถึงอุตส่าห์พยายาม อย่างนี้เราก็ให้ถือเป็นคติ
เราไม่ได้แบบท่านก็ตาม ก็ขอให้รู้จักความประหยัดมัธยัสถ์ การอยู่การกินอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินไป กินเป็นเวล่ำเวลาอย่าจุ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ อะไรคว้ามับ ๆ จนเกินไปนี้มันเลยเถิดนะ เอาแบบพระไปใช้นี้ไม่ต้องเอามากแหละเราเป็นฆราวาส ให้รู้จักเวลาการอยู่การกิน และการใช้สอยทุกอย่างให้รู้จักประมาณความพอดี อย่าเห็นแก่ซื้อแก่หาสุรุ่ยสุร่าย อันนี้มันฝังนิสัยลึก ลูกเล็กเด็กแดงจะเสียไปตาม ๆ กันหมด เสีย ให้พากันฝึกหัดดัดแปลงจริตนิสัยของเราบ้าง ไม่ฝึกไม่ดีนะ เราอย่าเข้าใจว่าจะดีด้วยการปล่อยตัว ไม่มีทางดี ถ้าดีด้วยการปล่อยตัวแล้วพระพุทธเจ้าก็ไม่มี ธรรมหรือศาสนาก็ไม่มี ก็ปล่อยเป็นสัตว์ไปตาม ๆ กันหมด แล้วก็เป็นสัตว์ดีไปตาม ๆ กันหมด สัตว์ดีอยากเห็นไหม ไปดูซิไอ้ปุ๊กกี้ ไปหาดู ได้ยินว่าหลวงตาชมเชยแกนะว่าเป็นสัตว์ดี เลยจะไปขออบรมกับไอ้ปุ๊กกี้ เดี๋ยวมันงับเอาหลงทิศไปนะ เป็นอย่างนั้นนะเรื่องดีเรื่องชั่ว ให้พากันจำเอา
รู้สึกว่าเลอะเทอะนะ การจับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ เลอะเทอะมากเมืองไทยเรา ไม่รู้จักประมาณ พระท่านรู้นี่นะ นี้หมายถึงพระท่านอยู่ในธรรมในวินัย ท่านปฏิบัติเพื่อมุ่งมรรคผลนิพพาน ท่านจะประหยัดมัธยัสถ์ที่สุด ไม่มีใครเกินพระว่างี้เลย เพราะฉะนั้นพระจึงเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของโลกได้ การอยู่การกินการใช้การสอยพระจะไม่มีความฟุ่มเฟือยเลย สำหรับพระมุ่งอรรถมุ่งธรรมมุ่งต่อมรรคผลนิพพาน ไปที่ไหนเหมือนกันหมด อยู่ง่ายกินง่ายนอนง่าย ใช้อะไร ๆ เท่านั้นพอผ่านไป ๆ นอนก็พอหลับครอก ๆ ใต้ร่มไม้ชายคา กุฏิจะเป็นกระต๊อบกระแต๊บอะไรท่านไม่สนใจ หอปราสาทราชมณเฑียรอย่าเอามาให้ท่านดูเลย ท่านไม่สนใจเลยแหละ ที่ไหนสะดวกสบายสงบสงัดท่านจะมุ่งเข้าที่นั่น ๆ นอนที่ไหนร่มไม้ชายคาที่ไหนก็มี
พอพูดอย่างนี้เราก็ลืมอันนั้นไป มันไปโดนเอากลางคืน ไปกลางคืนได้ยินเสียงไก่เสียงหมาเห่าอยู่ทางโน้น เอ้า.แวะนอนที่นี่แหละ วันพรุ่งนี้เช้าค่อยบิณฑบาต ไปนอนในป่าช้าเขา ฟาดเข้าไปกลางป่าช้าไม่รู้ ไปนอนในป่าช้า พอตื่นขึ้นมามันอะไรนี่ มองดูมีแต่ป่าช้า แต่นิสัยเราไม่เคยกลัวผี แต่ไหนแต่ไรมาไม่กลัว มันจึงไม่ตื่นเต้น ว่านี่ โอ๊ นอนในป่าช้าผีตาย ไอ้เราป่าช้าผีเป็น มานอนด้วยกันคืนนี้ก็ไม่เห็นมีแปลกอะไร เพราะจิตใจเราไม่เป็นบ้าซิ ถ้าว่านี่ป่าช้าแล้วจะตื่นเป็นบ้าไปนะ แต่เราก็ไม่เคยกลัวผีด้วย ก็ธรรมดา กลางคืนแวะเข้าไปในป่า มันเป็นป่าช้าเขา อย่างนั้นก็มี อยู่ไหนอยู่ได้อย่างนั้นละ นอนได้
บิณฑบาตหรือได้อะไรมาไม่ได้ฟุ่มเฟือยอย่างที่เป็นอยู่วัดป่าบ้านตาดนี่นะ นี่พิลึกนะ ท่วมท้นจนพระองค์ไหนไม่มีสติสตังมันตายด้วยท้องมันระเบิดเข้าใจไหม กล้วยหอมก็ดี กล้วยไข่ก็ดี ทุเรียนก็ดี มังคุดก็ดี เงาะก็ดี จำปาดะก็ดี อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ท้องระเบิดเลย พระองค์ไหนไม่มีสติ ถ้ามีสติอะไรจะมีมากน้อยเพียงไรดูประมาณของตัวเอง ธรรมอยู่ที่หัวใจ ดูที่หัวใจตัวเอง พอเหมาะขนาดไหนกับใจผู้กำลังประกอบความเพียรบุกเบิกกองทุกข์ทั้งหลายออก เอาพอดี มีมากมีน้อยจึงพอดี เพราะฉะนั้น พระท่านจึงอยู่ง่าย กินง่าย มีอะไรมากินได้ทั้งนั้น เพราะไม่ได้มุ่งกับสิ่งเหล่านี้ยิ่งกว่าอรรถธรรม อรรถธรรมนี้จดจ่ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ท่านถึงอยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย ไปง่าย มาง่ายทุกอย่าง จิตใจพัวพันอยู่กับธรรมตลอดเวลา นี่ท่านผู้ฝึกท่านให้ดี
จิตใจเมื่อได้รับการฝึกฝนอบรมอยู่เสมอแล้ว ก็จะค่อยเจริญรุ่งเรืองเหมือนต้นไม้ที่เราปลูกไว้ บำรุงรักษาด้วยน้ำด้วยปุ๋ย มันก็เจริญงอกงาม แสดงดอกผลออกมาให้เจ้าของได้รับ อันนี้ก็เหมือนกัน ดอกผลของธรรมก็คือความสุขความเจริญ จนกระทั่งความเลิศเลอภายในจิตใจ จะออกจากการระมัดระวังรักษา ไม่ได้ออกจากการปล่อยตัวนะ ให้พากันระมัดระวังการปล่อยตัว พูดแล้วพูดเล่าย้ำแล้วย้ำเล่า เรื่องเมืองไทยของเรามันหลักลอยมาก ให้จำข้อนี้ไว้นะพี่น้องทั้งหลาย ไม่ค่อยมีหลักมีเกณฑ์หลวงตาเที่ยวทั่วประเทศไทย ดูลักษณะจะพอ ๆ กันไป
อันนี้เราก็เคยพูดแล้วว่าเมืองไทยเราเคยเป็นเมืองสมบูรณ์พูนผลมาแต่ต้น ไม่ค่อยอดอยากขาดแคลน เมื่อมาอยู่แล้วก็อยู่สบายกินสบาย ทีนี้ไม่ได้คิดซิว่าสิ่งแวดล้อมที่ประสานเข้ามาทุกวันนี้มันมีแต่มหาภัยนะ เอามาหลอกลวงคนไทยที่เคยอยู่สบายกินสบาย ไม่ได้คิดได้อ่าน ตูมเข้ามานี้หลบไม่ทัน มีแต่คว้ามับ ๆ เป็นการหลบ หลบมาก็หลบมาเอาเงินเจ้าของในกระเป๋านี้ไปคว้ามับ เอามาอีกหลบมาอีก คว้าอีก สุดท้ายเงินในกระเป๋าไม่มี ถ้าหลบมันหลบแบบนี้นะ ให้พากันระวังให้มากนะ มันมีอยู่ทุกแห่งเวลานี้ สิ่งที่ไม่เคยมีก็มี ล้วนแล้วตั้งแต่สิ่งที่จะกวนสมบัติเงินทอง และกวนจิตใจของเราให้เสียคนทั้งนั้น ไม่ควรซื้ออย่าไปซื้อ
สมบัติต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองไทยของเรา ในฐานะว่าจะซื้อ เราต้องการจะซื้อจำเป็น ซื้อของคนไทยเรา จะว่ายังไง เขาขายอยู่ตามตลาดตเลอยู่ตามข้างถนนหนทาง เขามาวางดาดาษไว้สำหรับขาย เราไปเราต้องการอะไรเราก็ซื้อ ซื้อมาแล้วเข้าท้องเป็นอาหารเลี้ยงอัตภาพร่างกายเรา เหมือนกันกับของเมืองนอกเมืองนานั่นแหละ นี่เป็นการบำรุงชาติไทยของเราในตัว บำรุงเนื้อหนังของตน คนเมื่อได้รับการบำรุงด้วยมีคนมาซื้อมาอุดหนุน ผู้ผลิตก็มีแก่ใจผลิตดีขึ้น ๆ แล้วต่อไปความดีขึ้น ๆ ดีจริง ๆ จนกระทั่งชนะเขาได้ นี่เพราะการอุดหนุนกัน อย่าปล่อยปละละเลยกันนะ ไปเห็นของเมืองนอกเมืองนาดี ดีไม่ดีเอามาอวดเมืองไทย โอ๊ย เราฟังไม่ได้นะ เอาของเมืองนอกมาอวดเมืองเรา หรือเช่นยกตัวอย่างอย่างนี้นะ เอาลูกของเขามาอวดลูกของเรา แล้วเอาผัวเขาเอาเมียเขามาอวดผัวของตัวเมียของตัว มันดูได้ไหม เอ้า กันจริง ๆ อย่างนี้ มันดูไม่ได้ใช่ไหม แตกกระจัดกระจายเลย
อันนี้เมืองไทยเรามันกำลังร้าวนะเวลานี้ มันไม่แตกก็กำลังร้าวเพราะการเห็นแก่สิ่งภายนอกมากกว่าสิ่งภายใน ไม่สนใจเหลียวแลไม่บำรุงรักษาสิ่งภายใน อันนี้เสียนะ จำให้ดีทุกคน ไปไหนเมืองไทยเรา มันมีอยู่ตลาดร้านค้าแม้แต่ข้างถนนหนทางก็มี เขาดาดาษไว้สำหรับขาย เอ้า ซื้อบำรุงกัน เงินเป็นเงินไทย คนเป็นคนไทยด้วยกันหนุนกัน มีแก่ใจที่จะผลิตสิ่งเหล่านั้นให้มากขึ้น ๆ แล้วเมืองไทยของเราต่อไปก็เป็นนิสัยขึ้นมา บำรุงกันรักษากัน แล้วทีนี้ก็ดี เห็นแก่เนื้อแก่หนังของตัวคือคนไทยด้วยกัน บำรุงกันนี้ดี ให้พากันจับเอาไว้ตรงนี้นะ อย่าไปเห็นแก่สิ่งภายนอก
การซื้อการขายเป็นธรรมดา ๆ เราไม่ได้ตำหนินะ ที่มันเลยเถิดต่างหากนะที่ว่านี่ การซื้อการขายทั้งเขาทั้งเราเมื่อใครมีความจำเป็น เราไม่มีจริง ๆ เอ้า ไม่มีจริง ๆ ก็ยอมรับก็ซื้อมา ถ้าเรามีอยู่แล้วอย่าดื้ออย่าด้าน อย่าเหยียบหัวกันไปคนไทยด้วยกัน ก้าวไปหาซื้อของเมืองอื่นมา ทั้ง ๆ ที่ของเมืองไทยเรามีอยู่ แล้วเหยียบหัวคนไทยไปนี้ดูไม่ได้นะ อย่าให้เห็นนะอย่างนี้ มันเสียคนไทยทั้งชาติ นี่อันหนึ่ง แล้วทีนี้เราก็ได้ยินมาตามภาษีภาษาของพระป่านั่นแหละ เรื่องเครดิตนะ พี่น้องทั้งหลายให้ระวังให้ดีนะ เครดิต พวกนี้หัวแหลมมากทีเดียว เอาเครดิตไปหย่อนปั๊บให้ เราก็ไม่ทราบเครดิตเครแดดอะไรละ เพราะเกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวก็ไม่เคยมีเครดิต เครแดดอะไร เอาเงินที่ซื้อ เอาใบเครดิตนี้ไปให้ เอาไปเลย เขากินแล้วนะนั่น เวลาซื้อแล้วไปจ่ายเงินให้เขาด้วยเครดิต บัตรเครดิตนั่นน่ะ ซื้อแล้วก็ติดหนี้เขามาด้วยใช่ไหม
โยม : ไม่ต้องจ่ายเงินสด รูดจากบัตรออกไปแล้วไปใช้หนี้ทีหลัง
หลวงตา : เออ ไม่ต้องจ่ายเงินสด เครดิตพาไปจ่ายเอง คิดดอกในนั้นเสร็จ เข้าใจไหม นี่ละอันนี้ให้ระวังนะ พวกนี้หัวแหลมกินคนหัวทื่อ ๆ อย่างพวกเราหมดนะ ให้ระวัง อย่าไปยุ่งเครดิตเครแดดที่ไหน เราหามาเท่าไรได้เท่าไร ใช้เท่านั้น อย่าไปหามา หามามันเป็นเครื่องล่อเรา ถ้าจ่ายเงินในกระเป๋าก็ว่าเสียดาย จะเอาเครดิตไปยื่นให้เขาแล้วยังมาจ่ายทีหลังเพิ่มเข้าอีกเท่าตัวไม่เสียดาย มันเสียตรงนี้นะ ให้พากันระมัดระวัง มันออกทุกช่องทุกทางนะ ไม่ฉลาดไม่ทันมัน แล้วเสียคน
วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ ท่านทั้งหลายจำเอานะ การปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดี ชาติไทยที่ดี มีหลักมีเกณฑ์มีเนื้อมีหนัง ในการบำรุงรักษาสมบัติของกันและกัน ซื้อขายซึ่งกันและกัน นี้เป็นความถูกต้องดีงามสำหรับคนรักชาติ เข้าใจไหม อย่าปล่อยตัว นี่เป็นของสำคัญมาก แล้วอะไร ๆ ก็ตามไม่ว่าเมืองในเมืองนอก ไม่จำเป็นซื้อก็อย่าไปซื้อสุรุ่ยสุร่ายจนเกินไป นี้อันหนึ่งก็ทำให้เสียได้นะ เอาละ วันนี้พูดเพียงเท่านี้
อ่านธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ทางอินเตอร์เน็ต ได้ที่ www.Luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|