ปราบให้หมดสิ่งที่แตกร้าว (ฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จ)
วันที่ 15 เมษายน 2546 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

วันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ [เช้า]

ปราบให้หมดสิ่งที่แตกร้าว

 

         เรามักจะมาอยู่ที่นี่แทบทุกปี เรียกว่าเป็นประจำก็ได้ มาคราวนี้ก็มามอบทองคำ  วันที่ ๑๒  ปีนี้อาจจะได้สัตตาหะมากรุงเทพฯอีก เมื่อถึงกำหนดที่ได้ประกาศไว้แล้วว่าวันที่ ๑๒ สิงหานั้นเป็นระยะที่กลางพรรษาพอดี เราอาจจะได้สัตตาหะมามอบทองคำ คือพยายามเอาทองคำให้ได้อย่างน้อย ๕๐๐ กิโล ดอลลาร์ให้ได้ ๓๐๐,๐๐๐ เป็นอย่างน้อย แต่มันก็ควรจะได้มากกว่านั้น เพราะคราวนี้วันที่ ๑๒ สิงหาคม มันเป็นวันเกิดของหลวงตาบัวรู้ไหม มันต้องให้ได้พิเศษซิ ทองจึงควรจะเกินกว่า ๕๐๐ บ้าง ดอลลาร์ก็ควรจะเกินกว่าเหมือนกัน มันจึงจะสมเกียรติวันเกิดของหลวงตาวะ นี่จุดหนึ่งละ

         เรากะไว้แล้ว คือเราวางเป็นระยะๆ ตั้งแต่วันมอบวันที่ ๑๒ ผ่านมานี้ จนกระทั่งถึงวันที่ ๑๒ เมษา ก็เป็นเวลา ๔ เดือนพอดี แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวามาถึงวันที่ ๑๒ เมษานี้ก็ ๔ เดือน เป็นระยะๆ ๔ เดือน น่าจะได้ทองคำ ๕๐๐ กิโล แล้วคราวนี้รู้สึกจะเข้มข้นกว่าทุกคราว วันที่ ๑๒ สิงหา เพราะหลวงตาได้พยายามช่วยชาติเต็มกำลัง พอดีวันเกิดหลวงตาเข้าช่วยอีก จึงต้องยกขึ้นเลยคราวนี้นะ ทั้งหลวงตาทั้งวันเกิดไปด้วยกันเลย อย่างน้อยให้ได้ ๕๐๐ กิโล ทองคำที่ได้เพิ่มหลังจากมอบแล้ว เวลานี้ได้ ๓๔ กิโล ๑๖ บาท ๙๘ สตางค์นะ กว่าจะถึงวันมอบยังอีกนาน เรียกว่า ๔ เดือน ยังไงก็ขอให้ได้ทุกคน ๆ นะ

         เวลานี้ทองคำเราทั้งหมด ๖,๐๘๔ กิโลครึ่ง หรือ ๖ ตันกับ ๘๔ กิโล เวลานี้ที่เราได้แล้วนะ จากนั้นก็เพิ่มๆ ให้ถึงจำนวน ๑๐ ตัน พอถึง ๑๐ ตันแล้วหลวงตาพอใจ ตายเมื่อไรหลวงตาตายสบาย หลวงตาตายเวลานี้ด้วยความเป็นความห่วงมาก ถึงขนาดที่จะเป็นเปรตตัวใหญ่ มาไล่ตีหมด บ้านใดเรือนใดอยู่ไม่ได้ แม้ที่สุดเข้าในห้องน้ำห้องส้วมนี้ไล่ตีขี้ทะลักออกในห้องส้วม ไม่งั้นจะเรียกว่าเปรตร้ายเหรอ ยังไว้หน้าอยู่ใช่ไหม เปรตที่ไว้หน้าคนอยู่นี้ไม่เรียกเปรตร้าย เปรตตัวนี้เรียกว่าเปรตเคียดแค้น ทองคำยังไม่ได้มาตายเสียก่อน ไล่ขนาบเลย ใครอยู่ในห้องน้ำห้องส้วมให้ระวังให้ดีนะ เดี๋ยวขี้ทะลักออกไปหมดแถวนั้น เปรตตัวนี้สำคัญมาก

         ถ้าได้นี้แล้วผึงเลย ไม่มีห่วงอะไรทั้งนั้นแหละ ดังที่เทศน์สอนพี่น้องทั้งหลายแล้ว ไม่มีสองเลย เทศน์อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ ออกมาจากหัวใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างเทศน์อะไรแล้วแน่ๆ ตลอดไปเลย เพราะฉะนั้นเวลาตายด้วยความเพียงพอแล้วกับทองคำและดอลลาร์ซึ่งเราต้องการนั้น พอครบแล้วเท่านั้นแหละดีดผึงเลย ไม่มีห่วงอะไรทั้งนั้น ไปอย่างหายห่วง แสนสบายล้านสบายไปเลยเชียว แต่เวลานี้สบายไม่ได้ ต้องได้พยายาม กลัวเป็นเปรตก่อนเที่ยวหาฆ่าคนละซิ จึงให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันเสียก่อน

         โอ้ ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันเป็นของเล่นเมื่อไรวะ มีค่าขนาดไหนทองคำและน้ำหนักตั้ง ๑๐ ตัน นี่เราก็ได้ ๖ ตันกับ ๘๔ กิโลครึ่งแล้ว ยังเหลืออยู่อีก ๓ ตันกว่า ให้พี่น้องทั้งหลายพยายามด้วยกันทุกคน เวลานี้เป็นเวลาที่เราเร่ง ยังไงก็อ่อนไม่ได้ เวลานี้เร่งใส่จุดหมายของเราให้ได้ทองคำอย่างน้อยน้ำหนัก  ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์ ๑๐ ล้าน นี้เป็นจุดมุ่งหมายอย่างยิ่ง ซึ่งได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากันแล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นเลย เอาจริงเอาจังทุกอย่าง ถ้าได้นี้แล้วก็หายห่วง ชมแต่วาสนาบารมีของพี่น้องชาวไทยด้วยความอบอุ่นใจทั่วหน้ากันอีก ถ้าได้นี่แล้วเราพอใจ

         สมบัติที่เราเข้าสู่คลังหลวงก็จะหนุนเพื่อประโยชน์ของชาติเรา กระจายออกไปทุกแห่งทุกหน สมบัติที่เข้าสู่คลังหลวงแล้วยังหนุนผลประโยชน์ออกข้างนอกอีก เมื่อเวลามันพอแล้วก็หยุด ไอ้เรื่องที่เราจะไปรบกวนพี่น้องทั้งหลายดังที่ปฏิบัติมานี้เรียกว่าเรางดทันทีเลย ส่วนท่านผู้มีศรัทธาจะบริจาคมากน้อยนี้ตามแต่อัธยาศัย บริจาคมาเราก็รับไว้เข้าสู่จุดรวม ๆ ตามเดิม เป็นแต่เพียงว่าเราไม่รบกวน ถ้าได้ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ดังที่ว่าที่มันคี่ให้มันคู่ โอ๊ยยิ่งเต็มใจ แต่นี่เราพูดให้ฟังเฉย ๆ ไม่มีการประกาศ ไม่มีการรบกวน คือทองคำเราที่อยู่ในคลังหลวงเวลานี้นั้นมันเป็นทองคำคี่ ไม่ได้คู่นะ

         ที่เราแปลกใจอยู่นิด ๆ แต่มันไม่หนักยิ่งกว่าทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ที่เราจะเอาให้ได้ อันนี้จึงมีน้ำหนักมาก พอมันก้าวเข้ามาถึงขั้นที่จวนจะถึงแล้ว ก็ทำให้ระลึกถึงทองคำที่มันคี่อยู่  ถ้าหากว่ามันได้คู่แล้วยิ่งเหมาะสมมากทีเดียว อันนี้เราไม่รบกวน  เป็นแต่เพียงว่าเรียนพี่น้องทั้งหลายทราบ พอออดก็จะออด พออ้อนก็จะอ้อนแหละนะ นี่ยังคี่อยู่นะ เอามาอีกเท่านั้นเท่านี้จะดีนะ ไม่ใช่ว่าเอามานะ อย่างนี้เข้าใจไหม จะค่อยออดค่อยอ้อนไป เราจะพยายามให้ได้  คือคู่นั้นเท่ากับ  ๑ ตัน เช่นเวลานี้ทองคำเราสมมุติว่าเรามีอยู่ ๙ ตัน มันคี่แล้วนะ ๙ ตัน มันก็คี่แล้ว ถ้าได้มาอีก อย่างเราได้มานี้ ๑๐ ตัน มันก็เป็น ๑๙ ตัน มันก็คี่อยู่อย่างงั้น เพราะฉะนั้นหามาปิดปากมันตรงคี่นั้น ๑ ตัน

         เพราะฉะนั้นจึงว่าจะคอยพอออดอ้อนบรรดาพี่น้องทั้งหลายทีละเล็กละน้อย แต่ไม่ขู่ไม่เข็ญ ใครให้เท่าไรเราก็เอาเท่านั้น แล้วป้อนเข้าไป ๆ จุดที่มันคี่ แล้วต่อไปค่อยคู่เข้าเอง แล้วพอใจ มันคี่อยู่เวลานี้ แต่ก่อนเราไม่เคยพูด ทั้ง ๆ ที่รู้เป็นคู่เคียงกันกับทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เป็นคู่กันมา อันนี้น้ำหนัก ๑๐ ตันมีน้ำหนักมากกว่า จึงเอานี้ออกแสดง อันนี้เมื่อไรก็ได้ ค่อยพิจารณาว่างั้น เริ่มใกล้เข้ามาที่จะได้พิจารณามันต่อไป ทองคำให้มันคู่ ถ้าคู่แล้วเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยังไงก็ตามเถอะขอให้คู่ของเราอันนี้ ๑๐ ตันนี้ได้เสียก่อน ไอ้คี่นั้นมันค่อยจะตามมา ตั้งแต่มากกว่านั้นมันยังได้ เพียงอันเดียวทำไมจะไม่ได้ จะเอาตรงนี้แหละนะ 

         เรื่องราวก็ดูเหมือนไม่มีอะไร เรื่องที่เขาจะนิมนต์พระมาฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับเรานะ เราเป็นหัวหน้าไม่ได้นะ เราไม่เป็นข้าศึกศัตรูต่อผู้ใด เราช่วยโลกด้วยความเมตตาสงสารล้วน ๆ แล้วโลกเข้ามาแทรก เข้ามากับเราแล้วมักจะเอาเราไปเป็นเครื่องมือ แล้วทำความเสียหายได้ เราไม่เป็นเครื่องมือของใคร เพราะธรรมสูงกว่าโลกมาตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่านิ่มนวลอ่อนหวาน เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด เราจะไปด้วยธรรมทั้งนั้น เราไม่เอากิเลสเข้ามาแฝง

ได้ทราบว่าเขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลซึ่งผู้ล้มผู้ตาย อันนี้ก็เคยทำมาแล้วตั้งนานแสนนานในประเพณีของชาวพุทธเรา มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ด้วยความเห็นเป็นอันเดียวกันแล้วก็ทำได้ จึงไม่จำเป็นจะมาเกี่ยวข้องกับเรา เพราะเราก็เป็นธรรมดา ประชาชนก็ธรรมดาที่จะทำตามอัธยาศัยของตน เช่นการใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลซึ่งผู้ล้มผู้ตายก็ทำได้ทั่วไป จำเป็นอะไรจะต้องมาเอาเราเป็นหัวหน้าวะ เราขู่ไว้เฉย ๆ พวกนั้นก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะมาเอาเราเป็นหัวหน้า แต่เมื่อเราอยู่ในวงที่จะถูกมัดมันก็ต้องต่อยรับไว้ก่อน เข้าใจไหม จึงต้องขู่ไว้ก่อน พากันทำตามอัธยาศัย

         การเกี่ยวข้องกับโลกทั้งหลายที่เป็นเรื่องของธรรมนี้ เราพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่สะทกสะท้าน เฉพาะอย่างยิ่งธรรมของพระพุทธเจ้า ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า สอนโลกให้มีความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน ให้ความเสมอภาคเสมอกันหมด นี่ละศาสนาพุทธของเรา แต่ศาสนาอื่นเราไม่ทราบ เป็นแต่เพียงว่าค่อนข้างแน่ใจ ว่าจะต้องสอนแบบเดียวกัน ไม่อย่างงั้นเป็นศาสนาไม่ได้ คือศาสนาสอนคนให้ดี ไม่ได้ทำลายคน สอนส่งเสริมประสานให้ดี ไม่ใช่เป็นการทำลายกัน

         ถ้าเป็นการทำลายไม่เรียกว่าศาสนา เรียกว่าข้าศึก นี่เราค่อนข้างแน่ใจในศาสนาทั่วโลกว่าต้องเป็นผู้ไม่ยินดี ไม่ส่งเสริมกับการรบรบฆ่าฟัน การก่อความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ตลอดถึงโลกสงสารเราให้พินาศฉิบหายไปด้วยศาสนาต่าง ๆ เราแน่ใจว่าไม่มี ถึงจะไม่ได้ดูตามศาสนาต่าง ๆ เราก็แน่ใจโดยหลักธรรมว่าศาสนา คือสอนคนให้ดี ประสับประสาน ไม่ได้สอนคนให้แตกให้แยก ศาสนาไม่มี สำหรับพุทธศาสนาเรานี้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องความสมานสามัคคีด้วยความเมตตาเป็นพื้นฐาน เรียกว่าพุทธศาสนาเรานี้ออกหน้าออกตาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

         สอนโลกด้วยความเมตตาสงสาร ไม่ประสงค์ที่จะให้มีความร้าวรานแตกกัน หรือทำลายกัน ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า คิดดูตั้งแต่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าโดยแท้ทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าขนาบเอาเสียอย่างใหญ่หลวง นั่นพระองค์ยินดีเหรอ ถ้ายินดีแล้วจะขนาบทำไม ขนาบพวกที่ทะเลาะกัน บรรดาพระสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีกิเลสในใจ มันก็ต้องทะเลาะกัน แม้แต่ลูกในบ้านเรามันยังทะเลาะกัน ย่นเข้ามาผัวเมียทะเลาะกันได้ แล้วทำไมพระสงฆ์ทั้งหลายซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าก็ตาม แต่ท่านก็ยังมีกิเลส ทำไมจะไม่ทะเลาะกันได้

         นี่ละเหตุการณ์จึงเกิดขึ้น เกิดขึ้นถึงขนาดพระพุทธเจ้าได้ปราบอย่างหนักทีเดียว คือไม่เห็นด้วยเลยกับการร้าวราน การแตกกัน ไม่เห็นด้วยเลย พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน เวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงนั้น บรรดาประชาชนจิตใจของเขาก็เป็นโลก ต้องมีฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะฝ่ายอะไรเป็นธรรมดา มาก็รุมมาชี้หน้า ไหนพวกนั้นไหนพวกนี้ ยกตัวอย่างก็คือ คณะพระธรรมกถึกกับคณะวินัยธร ทะเลาะกัน ซึ่งทั้งสองนี้เป็นลูกศิษย์ของตถาคตกำลังทะเลาะกัน พระองค์เข้ามาปราบ ความทะเลาะเป็นความเลวร้าย ปราบความเลวร้ายเพื่อพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านให้เป็นพระสงฆ์ที่ดีขึ้นมานั้นเอง พอท่านเสด็จเข้ามา ไหนคณะวินัยธร ไหนคณะธรรมกถึก ยุ่งเข้ามา ฟังซิเป็นคติดีไหม

         นี่ก็เป็นคติ นี่ละคำพูดของศาสดาหาที่แย้งไม่ได้นะ พอรุมเข้ามาจะมาชี้หน้าคณะนั้นคณะนี้ ตถาคตบอกว่าหยุด นั่นเห็นไหม อย่ามายุ่งกับลูกศิษย์ตถาคต นี่ลูกตถาคตนะ ลูกของท่านทั้งหลายยังมีการทะเลาะเบาะแว้งกันทั่วโลกดินแดน ทำไมลูกเราตถาคตก็เป็นคนมีกิเลสจะมีบ้างไม่ได้ เราจะชำระเองลูกของเรา อย่ามายุ่ง ฟังซิค้านได้ที่ไหน ใครมายุ่งได้เมื่อไร ลูกของเธอทั้งหลายเราไม่ยุ่ง นี่ลูกของเรา เราจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นพ่อกับลูกกันเอง อย่ามายุ่ง ฟังซิเป็นคติได้ขนาดไหน พระองค์ก็ปราบด้วยอรรถด้วยธรรมนี้สงบเรียบลงเลย บรรดาพระสงฆ์บรรลุธรรม สำเร็จพระอรหันต์ จำนวนไม่น้อย

         นี่ก็ยังมีการร้าวรานกัน แตกกัน แต่พระองค์ไม่ชมเชยในการร้าวราน และแตกสามัคคี ปราบให้หมดสิ่งที่แตกร้าว ประสานเข้าให้เป็นความดี และแตกสามัคคี ปราบ ประสานเข้าให้เป็นความดี จนเป็นมรรคเป็นผล เป็นที่พอใจ บรรดาพระทั้งหลายได้บรรลุธรรมจำนวนมากมาย นี่ละศาสนาพุทธ ไม่มีคำว่ายุแหย่ก่อกวนให้แตกร้าวอย่างงั้นไม่มี ถ้ามีก็มีพวกเทวทัตเท่านั้นเอง มันมีขึ้นมา สำหรับคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ไม่มี มีแต่ความพร้อมเพรียงสามัคคีเท่านั้นเอง แล้วสอนโลกด้วยความเมตตาสงสารทั่วไปหมด

         จึงไม่ทรงชมเชย และไม่ทรงยินดีเลยว่า การทำลายฆ่าฟันรันแทง เผาผลาญกันให้เป็นเถ้าเป็นถ่านนี้เป็นของดีเลิศเลอ แข่งธรรม แข่งพระพุทธเจ้า ไม่เคยมี มีแต่ความเลวร้าย ศาสนาพุทธเราจึงไม่มีเรื่องความโหดร้ายต่อกัน ความทำลายกัน นี่ละความเมตตาสงสาร ประสานความสามัคคีเข้าหากัน ปรับปรุงความเข้าใจใส่กัน ใครไม่ดีตรงไหนให้ยอมรับตนเองว่าไม่ดีแล้วแก้ไข เพื่อความเป็นคนดี และเพื่อเข้าส่วนรวมได้ ก็เข้ากันได้สนิทคนเรา ถ้ายอมแก้ไขตนเอง ถ้าไม่ยอมแก้ไขน้อยก็แตก มากแตกไปได้เลยนะ

         นี่เราก็พูดถึงเรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะอยู่ด้วยกันในโลกแผ่นเดียวกัน มันกระเทือนถึงกัน จะไม่พูดได้ยังไง นี้ก็เป็นภาษาธรรมด้วย ธรรมพูดไม่ได้โลกนี้ก็ไม่มีศาสนา ที่มีศาสนาก็เพราะธรรมประกาศตามความจริงได้นั่นเอง นี่เราก็บอกการรบราฆ่าฟันกันไม่ใช่ของดี ไม่มีใครดีใครเด่น มีแต่เรื่องที่จะแหลกเหลวไปตาม ๆ กันหมด สิ่งที่ดีที่เด่น มีความรู้ความเห็น ความฉลาดแหลมคมมากน้อยเท่าไรเพียงไร ให้เอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเข้าสู่กันทั้งส่วนใหญ่ ส่วนย่อย ทั้งคนโง่คนฉลาด ปรับปรุงเข้าให้เป็นประหนึ่งว่าเป็นอวัยะเดียวกัน เห็นอกเห็นใจ ปรับความเข้าใจ แก้ไขดัดแปลงซึ่งกันเพื่อความเป็นคนดีด้วยกัน นี้คือธรรมพระพุทธเจ้า จะอยู่ด้วยกันเป็นผาสุก นอกนั้นไม่มีทาง

         ธรรมะจึงไม่ชมเชย เราพูดก็พูดตามหลักธรรมว่าไม่ชมเชย การรบราฆ่าฟัน การอวดดิบอวดดี อวดเด่นในความเลวทรามของตัวเอง ยิ่งเป็นการขายความเลวร้ายลงไปมากมาย โลกเขาไม่ยินดี โลกอยู่ด้วยกันย่อมมีกฎมีเกณฑ์ มีเหตุมีผล แล้วจะอยู่กันไปตลอด ไม่ทราบว่านานเท่าไรด้วยความมีหลักมีเกณฑ์ปกครองกันไป ไม่ใช่จะทำลายหลักเกณฑ์ในการปกครองด้วยความเป็นธรรมแล้วให้พินาศไป ยังเหลือแต่สิ่งเลวร้ายทั้งหลายครองบ้านครองเมือง มันก็มีแต่กระดูก มีแต่เถ้าถ่านนั้นแหละที่จะให้โลกเห็น พูดเท่านี้ละวันนี้พอ

 

ชมถ่ายทอดสดพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน

ได้ที่ www.Luangta.com

 

        


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก