เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
เศรษฐีน้ำใจ
สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวานนี้คือวันที่ ๖ ทองคำได้ ๑๙ บาท ๓๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑,๔๖๔ ดอลล์ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบ เป็นทองคำน้ำหนัก ๖,๐๙๒ กิโล หรือ ๖ ตัน ๙๒ กิโล ดอลลาร์รวมทั้งหมดได้ ๗,๕๖๑,๘๕๘ ดอลล์
หนักขึ้นเรื่อยแหละเราในจุดที่ต้องการ จุดที่ต้องการก็คือทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ ๑๐ ล้าน จุดสำคัญจุดตายตัวอยู่ตรงนี้ จะเอาให้ได้ใน ๑๐ ตันและ ๑๐ ล้าน พอได้ตามกำหนดนี้แล้ว เราก็เป็นไปตามคำสัตย์คำจริงที่ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบตลอดมานั้นแหละ ว่าพอได้ปั๊บก็ล้มตูมเลย หยุดกึ๊กทันที ส่วนท่านผู้ใดที่จะนำมาบริจาคไม่ว่าทองคำหรือดอลลาร์นี้เป็นตามอัธยาศัย โดยเราไม่ต้องประกาศรบกวนนั้น ทำได้ตามอัธยาศัย ได้มาแล้วก็เพิ่มเข้า ๆ ส่วนจำนวนที่กล่าวนี้เรียกว่าเป็นจำนวนที่รบกวนพี่น้องทั้งหลายมาตลอด หลวงตาละเป็นผู้รบกวน พอได้ตามจุดนี้แล้วก็หยุดทันที ล้มทั้งหงายเลย เพราะเราเหนื่อยมากแล้วเวลานี้ เราเห็นแก่ชาติบ้านเมืองของเรานั่นเองเราถึงได้อุตส่าห์พยายามบึกบึน ทองคำของเราก็รู้สึกว่ามีน้อย ใจมันไม่ค่อยสบายเลย เพราะฉะนั้นจึงได้ดันใส่ทองคำ ๑๐ ตันเลย เราไปดูทองคำในคลังหลวงมาแล้ว รู้สึกว่าแป้วใจตลอด เพราะฉะนั้นจึงเขยิบทองคำของเรานี้ขึ้นอุดกัน จุดที่มันแหว่ง ๆ อย่างนี้พอดี ดอลลาร์เราก็เหมือนกัน
นี่เราก็พยายามจะให้ทองคำได้ถึงจุดนี้ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็เริ่มประกาศกันมากขึ้นแล้วที่จะให้ถึงจุดที่หมายคือ ๑๐ ตันภายในปี ๔๖ ฟังว่าออกมาแว่ว ๆ ก็มี ขีดเส้นตายที่ธันวา ว่างั้นนะ เส้นตายนั่นมันจะเป็นทองคำตายหรือพวกเราตายก็ไม่รู้ เรายังไม่ได้ถามดู มันยังเป็นปัญหาอยู่นี่น่ะ ทองคำตายหรือเราตายเราอยากถามดู มันยังข้องใจอยู่ จะเอาให้ได้ว่างั้น ก็ ๕ ปีกว่าแล้วนี่ โห หนักอยู่ เราก็ทนต่อพี่น้องทั้งหลาย มากน้อยนี้ให้ได้เสมอหน้ากันไปเหมือนฝนตกมาจากบนฟ้า ตกเม็ดไหนๆ ก็ลงพื้นปฐพีที่เป็นที่รวมของน้ำ
ทีนี้บรรดาพี่น้องทั้งหลาย พวกเราไม่ได้เป็นเศรษฐีในสมบัติเงินทองข้าวของ เราเป็นธรรมดา ๆ มีคนทุกข์คนจนคนมีสับปนกันอยู่เป็นธรรมดา จึงไม่เรียกว่าเป็นเมืองเศรษฐีเมืองไทย ทีนี้ต่างคนต่างมีน้ำใจ มันเป็นเศรษฐีทางน้ำใจล่ะซีสำคัญนะ น้ำใจคนนั้นตกมา คนนี้ตกมา ออกมาจากน้ำใจก็เป็นเงินเป็นทองไหลเข้ามาเห็นไหมล่ะ กองพะเนินกันอยู่ที่นี่ มีแต่น้ำใจทั้งนั้นนะ ถ้าไม่มีน้ำใจ กองเท่าภูเขาก็ไม่มีความหมาย เจ้าของเองก็ไม่เกิดประโยชน์นะ เงินทองข้าวของมีมาก ๆ เจ้าของตายไปแล้วยังไปเป็นเปรตเป็นผีมาเฝ้าก็มี ในตำราท่านบอกไว้ ถ้ามีกรรมหนักกว่านั้นก็ผึงไปเลย ไม่ได้มีอะไรห่วงแหละ ลงเลย ถ้ากรรมไม่หนักกว่านั้นแต่เป็นห่วงเป็นใย ตายแล้วมาเป็นเปรตเป็นผีเป็นสัตว์ต่าง ๆ เฝ้ากองทรัพย์สมบัติอยู่นั้น เป็นอย่างนั้นนะ ไม่เกิดประโยชน์
ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้า ความตระหนี่กับความเสียสละ นั่น ท่านซัดใส่กันตรงนี้เลยนะ ท่านบอกว่าการเสียสละ ไม่ว่ามากว่าน้อยคือการเสียสละต่อกัน ในบุคคลสถานจำเป็นอะไร ๆ นี้คือแบ่งน้ำใจให้กัน พอทางนี้ยื่นน้ำใจ ออกจากน้ำใจนี้เป็นทรัพย์สมบัติวัตถุสิ่งใดก็ตามนะ มอบยื่นให้คนนั้นแม้แต่เด็ก เด็กก็ยิ้มฟังซิ เราอย่าว่าแต่ผู้ใหญ่ที่รู้เดียงสาเลย เด็กเพียงเท่านั้นเขายังยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ที่สุดนี้เราระลึกถึงพะเยา เอาอีกละ วันนั้นเราไปเชียงใหม่ ไปรถเสียอยู่ที่กลางพะเยาพอดีเลย พอดีหมาตัวหนึ่งมันหากินอยู่นี้เราดู หมาตัวนี้มันจะหิวมากนะ เลยบอก ไม่ใช่บอกคนอื่นนะ บอกอาจารย์หมออวยเลย อาจารย์หมอ ไปร้านข้างแกงเขามา เอาห่อใหญ่มานะ หมาตัวนี้มันกำลังหิวนะ อาจารย์หมออวยพอทราบก็ปึ๋งเลย วิ่งปึ๋งเข้าร้าน ห่อเท่านี้เอามาข้าวแกง ผสมเรียบร้อยมาเลย มาวางกึ๊ก นี้มันก็ยังดม ๆ เอ้า วางตรงนั้นแหละ พอวางกึ๊กแทนที่มันจะปุบปับกินทีเดียวไม่กินนะ
นี่ละเราที่เราได้คิดอีกอันหนึ่งนะ พอวางลงไป พอวางลงนี้ก็เปิดออกให้เห็นเลย พอมันเห็นทีนี้มันมองดูคน มันแปลกอยู่นะ มันแทนที่จะปุบปับกินเลยด้วยความหิวไม่นะ มันมองดูพวกเรา มึงกินกูเอามาให้มึงน่ะ มันก็เลยกิน กินเสร็จแล้วทีนี้ก็คอยสังเกตมันจะเป็นยังไง กินเสร็จแล้วมันอิ่มแล้วทีนี้อันนี้มันยังกองพะเนินอยู่ มันก็เดินป้วนเปี้ยนอยู่นั้น ก็มาดม ๆ แล้วก็ไป ป้วนเปี้ยนแล้วกลับมาดมไป นั่นเป็นยังไง มองเห็นเรายิ้มเลยกระดิกหาง ตั้งแต่นั้นมาเลยกระดิกหางเลย ไม่เคยเห็นกันเป็นยัง นี่ละดูซิความเสียสละแม้แต่สัตว์เขายังแสดงน้ำใจให้เราเห็น เป็นกิริยาอย่างชัดเจนมาก มองดูข้าวแล้วแทนที่จะปุบปับรีบกินด้วยความหิวไม่นะ มองดูหน้าคน เราก็บอกว่ากินซิกูเอามาให้มึงกิน เขาก็กิน กินจนอิ่มเราก็ยืน นั่นก็รถมันเสียมันยังไปไม่ได้นี่วะ ก็สนุกดูหมาละซิ
นี่ละน้ำใจน้ำใจที่แสดงออกไป แม้แต่สัตว์เดรัจฉานเขาก็ป้วนเปี้ยนอยู่กับเรา เลยกระดิกหางกับเรา หมดทั้งพวกเรา มันก็เลยกระดิกหางดะไปหมดเลย พวกนี้ละพวกใจบุญมันคงว่าอย่างนั้นนะ นั่นเห็นไหมล่ะ นี่ละความเสียสละไปที่ไหนเราเก็บไว้ในมือเรายังไม่แสดงฤทธิ์แสดงเดชให้เห็นนะ พอออกไปนี้ปั๊บจะแสดงให้เห็น เราให้ด้วยความยินดี ส่วนคุณงามความดีเป็นของเรา ๆ แล้ว ทีนี้พวกนั้นก็ได้ความยิ้มแย้มแจ่มใสยินดีเอาจริง ๆ นี่นะ มีมากมีน้อยด้วยความยินดีทั้งนั้นให้ นี่ละอำนาจแห่งการเสียสละเป็นของเล่นเมื่อไร เราจะเห็นแต่ความตระหนี่ถี่เหนียวเป็นของดีเหรอ โลกแคบโลกจะคบกันไม่ได้ ใครมีความตระหนี่ถี่เหนียวความเห็นแก่ตัว คับแคบตีบตันไปที่ไหนไม่ค่อยมีเพื่อนมีฝูงนะ
อำนาจแห่งความตีบตันอั้นตู้ คือความตระหนี่ถี่เหนียว นอกจากนั้นยังเห็นแก่ตัวเข้าไปอีก เห็นแก่ได้แก่เอา ควรจะได้แง่ไหน ๆ สุดท้ายก็ไปถึงแบบที่ว่า คดโกงรีดไถไปต่าง ๆ มันแก่มันแดงขึ้นไปละ เป็นอย่างนั้นนะความตระหนี่ ไปที่ไหนดีเมื่อไร ความกว้างขวางไปที่ไหนดีหมด คิดดูอย่างสัตว์เดรัจฉานอย่างพระพุทธเจ้าของเราเป็นโพธิสัตว์นี้ โพธิสัตว์ก็แบบโพธิสัตว์คนนั่นแหละ เวลาเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ว่าอะไรเครื่องอยู่ของกินนี้พระโพธิสัตว์สละ แล้วถึงคราวจะเป็นจะตายจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดในตำราว่า พอดีไปเที่ยวหากินนายพรานเขาดักนั่นซิ ไปเป็นฝูงเลยท่านเป็นหัวหน้าไป นี่จนตรอกมากนะคราวนี้
นายพรานเขาดักข้างหน้า ล้อมไปที่ไหนไปไม่ได้แล้วทำยังไง พอมองเห็นก็รีบเตือนหมู่เพื่อน ให้หมู่เพื่อนวิ่งกลับให้หมด เราจะวิ่งเข้าสู่นายพราน นั่นฟังซิ เราจะวิ่งเข้าสู่นายพราน เวลาเราวิ่งเข้าสู่นายพรานให้หมู่เพื่อนรีบวิ่งกลับหลังให้หมดนะ พอว่าอย่างนั้น ก็ใครคิดเมื่อไรนายพราน พระโพธิสัตว์นี้ก็วิ่งปึ๋งเข้าหานายพราน วิ่งใส่นายพรานคนนั้นวิ่งใส่นายพรานคนนี้ซิที่นี่ ทีนี้จะยิงก็ยิงไม่ได้ จะยิงคนนี้ก็จะถูกพวกเดียวกันใช่ไหม แล้ววิ่งทางนี้ก็จ่อปืนจ่อกระบอกปืนอยู่อย่างนั้นจะยิง มันก็วิ่งปุ๊บปั๊บ พวกเพื่อนฝูงแตกหนีหมดเลย ทางนี้ก็รอดพ้นจากนายพรานมาก ๆ ไปได้เลยไม่ตาย คือจะยิงตรงไหนมันก็จะถูกกันใช่ไหมล่ะ ก็เลยเงือดง้าอยู่นั้นละ นี่เห็นไหมสละ แล้วก็พบกันทีหลัง
นี่เห็นไหมพระโพธิสัตว์เสียสละ ความอดความอยากนี้เรารับคนเดียวให้หมู่เพื่อนอิ่มหนำสำราญ ความเป็นความตายรับคนเดียวอีก วิ่งเข้าหานายพราน นั่น ไม่เคยคาดเคยคิดว่าสัตว์ทั้งหลายจะวิ่งเข้าหานายพราน แล้ววิ่งเข้าหานายพราน พวกนั้นก็แตกหนีหมด นี่ในตำราท่านว่า นี่ความเสียสละ ไม่งั้นเป็นศาสดาของโลกรื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ได้ยังไง นี่พลังแห่งความเมตตา ความเสียสละเป็นอย่างนั้นละ เราเป็นลูกศิษย์ตถาคตอย่าเป็นคนคับแคบตีบตันนะ ให้มีความเสียสละ ถ้าควรจะช่วยเหลือกันได้แบบใดเพียงใดอะไรก็ให้ช่วยกัน น้ำใจเป็นของสำคัญ อะไรสมมุติว่าได้ไปแล้ว น้ำใจมีต่อกันนี้ไม่เคยจืดจางนะ เห็นหน้ากันเมื่อไรยิ้ม ๆ เลยนะ นี่น้ำใจที่ให้ต่อกันเป็นความดีใจนี่ไม่จืดไม่ชืดนะ
วัตถุสิ่งของใครเอาไปใช้ไปกินมันก็ต้องหมดเป็นธรรมดา อันนั้นหมดไปก็หมดไปแต่น้ำใจที่เคยมีต่อกันนี้ไม่หมด อันนี้ให้พากันจำเอานะ สมบัติที่มีอยู่ในเราก็เป็นธรรมดา ๆ แต่เวลาออกไปแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง แสดงฤทธิ์ขึ้นมาให้เห็นชัดเจนมาก นี่ละที่ว่าพุทธเจ้าทุกพระองค์นี้ไม่มีพระองค์ใดที่จะผ่านทานไปเลย ไม่มี ทุกพระองค์ทานบารมี ขึ้นต้นเลย เรียกว่า นักให้ท่านนักเสียสละ อยู่กับพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
นี่เราก็เสียสละเพื่อชาติไทยของเรา จากนั้นยังได้เห็นน้ำใจพี่น้องชาวไทยเราที่รักชาติ รักชาติแล้วกล้าเสียสละทุกอย่าง ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน เวลานี้ทองคำเราก็ได้ ๖ ตันกว่าแล้ว ก็ยังเหลืออยู่เพียง ๓ ตันกว่า ไม่นานก็จะพอแหละ แล้วดอลลาร์ก็ได้ ๗ ล้าน ๕ แสน ๖ แสน ๗ แสนเข้าไปแล้วมั้ง มันอาจจะถึง ๖ แสน ๗ แสนเดี๋ยวนี้นะ อย่างวันงานก็ได้ตั้งแสนกว่า ดอลลาร์นะ นี่ก็จะถึงจุดที่ขีดเส้นตายไว้นั้น แล้วทองคำจุด ๕๐๐ นี้ก็แน่แล้ว ต่อไปนี้ก็ขยับขึ้นเรื่อยให้ถึง ๑๐ ตัน เป็นน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายทั้งนั้นละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน
สำหรับหลวงตาเองก็เคยได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว คราวนี้เรียกว่าเป็นคู่กันกับคราวสละฆ่ากิเลสด้วยชีวิตของตัวเอง นั้นเป็นงานเป็นข้าศึกของคน ๆ เดียว พุ่งเลยอันนั้น อันนี้มันเป็นเรือพ่วง ถึงจะพุ่งก็มันก็มีอืดอาดเป็นธรรมดาเพราะมันหนักคนทั้งประเทศ ถึงเจ้าของจะเด็ดเท่าไรของหนักมันก็ต้องช้าอยู่โดยดี แต่ความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเรามีน้ำหนักเท่ากัน กับการช่วยตัวเองในเวลาแรกนะ ช่วยบ้านช่วยเมืองก็เหมือนกัน ถึงคราวจะเป็น เอ้าเป็น ถึงคราวจะตาย ๆ นี้เด็ดขาดทีเดียว ในหัวใจของเราไม่มีคำว่าสะทกสะท้านกับสิ่งใด เดินตามธรรมล้วน ๆ เลย คำว่า กล้าเราก็บอกตรง ๆ ว่า เราไม่มี คำว่ากล้าเราไม่มี กลัวเราไม่มี คำว่าแพ้เราไม่มี ชนะเราไม่มี คำว่าได้เปรียบเสียเปรียบเราไม่มี มีแต่ธรรมล้วน ๆ ที่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เราก้าวเดินตามธรรมนี้เราบอกอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัวกับสิ่งใดผู้ใดทั้งนั้น อันใดที่จะเป็นผลเป็นประโยชน์เป็นอรรถเป็นธรรม แก่ชาติบ้านเมืองหรือแก่บรรดาสัตว์ทั้งหลายเราพร้อมเสมอที่จะเสียสละ เราก็ทำตามนั้นมาโดยลำดับ ถึงคราวจะเด็ดเราก็เด็ด ขาดก็ขาดไปเลยไม่มีถอย นี่เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา แล้วบรรดาพี่น้องทั้งหลายก็แสดงผลให้เห็นมาโดยลำดับลำดา เวลานี้ทองก็จะได้จวนเข้า ๑๐ ตันแล้ว แล้วดอลลาร์ก็จวนเต็มที่เหมือนกัน เราก็จะได้สมมักสมหมายตามอำนาจแห่งความรักชาติและความเสียสละด้วยความสามัคคีกัน จะแสดงผลขึ้นมาในคราวนี้ให้ได้ละ
เมื่อเราได้ผลดังนี้แล้วเราจะมีความยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้ากัน ใครจะมาดูถูกเหยียดหยามเราไม่ได้ ดูถูกมาโดนหลวงตาซิ เพราะหลวงตาเป็นผู้นำหลวงตาเป็นผู้ขีดเส้นไว้ทุกอย่าง ๆ มาตำหนิติเตียน โดนก็มาโดนหลวงตาไม่โดนพี่น้องทั้งหลาย เราปัดพี่น้องทั้งหลายออกข้างหลังเลยเราบอกแล้ว เราจะสู้คนเดียว ใครจะมาตำหนิติเตียนชี้หน้าด่าทออะไร เราจะเปิดหน้าให้เลย ให้ด่า ยกมาเลยหมดทั้งโคตรทั้งแซ่มันให้ยกมาเลย มาด่าเราคนเดียว แต่ด่าลูกศิษย์เราไม่ได้ เราบอกแล้วว่าเราจะออกสนาม มอบให้ลูกศิษย์อยู่ข้างหลัง ให้ด่าคนเดียวด่าเรา ทีนี้เราก็จะสู้คนเดียว สู้มันได้ทั้งโคตรเลยพวกนั้นเข้าใจไหม เราเพียงคนเดียวเราจะสู้มันได้ทั้งโคตร ถ้าหากว่ามันจะไม่พอเหรอ โคตรของเราก็มีเราก็เอามาอีก นั่น เห็นไหมฟาดกันถอยเมื่อไร นี่จึงเรียก นักสู้ เวลาแข็งต้องแข็ง เวลาอ่อน ๆ เป็นธรรมดา มีจังหวะ ๆ ธรรมท่านเป็นอย่างนั้น
อะไรก็มีแต่อ่อนปวกเปียก ๆ ไม่ได้นะจมได้นะชาติไทยเรา อะไร ๆ ก็มีแต่อ่อนปวกเปียก ๆ แบบหดหัวอยู่ในกระดองจมได้ไม่สงสัย เวลาออกก็ออกเต็มนี้แผ่พังพานก็ซัดเต็มเหนี่ยว ฟาดมันขาดสะบั้นไปเลย นั่น จึงเรียกว่าผู้รักษาสมบัติ ผู้รักษาสมบัตินั้นเป็นผู้พลีชีพต่อสมบัติของตน โจรมารจะมาจากแถวไหนที่ไหนมาว่างั้นเลย คอเราไม่ขาดเราไม่ถอย เอาอย่างนั้นซิ
นี่ก็จวนแล้ว วันที่ ๙ เราก็จะได้ลงไปกรุงเทพฯ วันที่ ๑๐ ที่ ๑๑ จะได้พิจารณาไปปรึกษาหารือกันเรื่องอะไรยังขาดตกบกพร่องตรงไหน พิจารณากันใน ๒ วันนั้น พอวันที่ ๑๒ ก็มอบเลย ส่วนนายกฯท่านจะมาหรือไม่มาเราก็บอกแล้ว ท่านว่าท่านจะมา ว่างท่านจะมา เราก็บอกไปแล้วให้เป็นตามอัธยาศัย อันนี้ไม่เป็นเรื่องจำเป็นอะไรยิ่งกว่าการบ้านการเมืองทุกอย่าง ๆ นายกฯ หนักมากนะไม่ใช่ธรรมดา ตั้งหน้าตั้งตาทำประโยชน์แก่ชาติจริง ๆ บรรดาที่ผ่านมานี้เราพูดจริง ๆ นะ นี่ละภาษาธรรม ใครจะว่าผิดว่าถูกอะไรให้พิจารณาตามนั้น ตามที่ผ่านมา ๆ นี้เรายังไม่เห็นนายกฯคนไหนที่จะเป็นผู้กล้าเป็นกล้าตาย เสี่ยงได้เสี่ยงเสีย เสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง เด็ดขาดถึงคราวเด็ดขาด เหมือนนายกฯเราคนนี้ สมใจว่างั้นเลย เราบอกว่าเราสมใจ เท่านั้นเราก็พอ เราบอกเราสมใจว่างั้นเลย
อย่างนั้นละกระดิกพลิกแพลงไปทางไหน เราพิจารณาเป็นอรรถเป็นธรรม พิจารณาตามอยู่เสมอนะ เป็นยังไงจะเป็นการกระทบกระเทือน มีความเสียหายยังไงต่อความคิดเห็นการแสดงออกยังไงบ้าง เราจะติดตามเพราะเอาธรรมจับนี่จะว่าไง เราไม่เคยเห็น ออกช่องไหน ๆ พิจารณา อ๋อ เข้าท่า มีแต่ เอ้อ เข้าท่า ให้ก้าวเดิน ถ้าอันไหนมันไม่ดีควรกระซิบ ๆ ควรเตือนจะเตือน ควรบอกจะบอกเลย เพราะเราต่างคนต่างรักษาชาติด้วยกัน พูดกันได้เตือนกันได้จะเป็นอะไรไป ใครจะมาถือสีถือสากันอะไร ก็เราทำเพื่อชาติด้วยกัน แน่ะ มันก็มีเท่านั้นแหละ แต่นี้รู้สึกว่าไม่มี
นี้ฟังว่าท่านจะมาวันนั้น เราก็เปิดโอกาสไปเลยว่า ให้เป็นตามอัธยาศัย หน้าที่การงานของท่านนายกฯนี้หนักมากทั่วแผ่นดิน อันนี้เป็นอัธยาศัยของคนไทยเรา ที่จะอุดหนุนค้ำชูชาติไทยของเราเป็นกรณีพิเศษต่างหากเราบอก ส่วนนายกฯเป็นเรื่องหนักมาก มีได้มีเสียอยู่ในนั้นเสร็จ ข้าศึกศัตรูมันเต็มบ้านเต็มเมืองว่าไง เอ้า พูดตรง ๆ อย่างนี้ละนะ คนหนึ่งก็จะทำความดี ไอ้คนที่จะทำความชั่วก็ตามจองล้างจองผลาญนั้นมันมีมาตลอดจะให้ว่ายังไง เราพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่จำเป็นสำหรับทางนี้ละ ให้ตามอัธยาศัย พินิจพิจารณาอะไร เห็นสมควรยังไงให้ดำเนินตามนั้น ไม่ให้ถือเรามาเป็นอารมณ์เราบอกอย่างนั้นละ เอาละทีนี้นะ
ชมการถ่ายทอดสด ธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
|