เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
อะไรบกพร่องอย่าซ้ำเติม
เราก็ไม่เคยคาดเคยคิด พูดนี้มันกระจายออก เลยกลายเป็นเรื่องกระจายออกทั่วโลกเลย นี่ฉันเสร็จแล้วก็จะออกเดินทางไปอุบล โห นานกว่าจะได้กลับมา ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ถึงวันที่ ๒๙ ก็พอดี ๑๐ วัน วันที่ ๒๐ ออกเดินทางก็ต้องนับซิ ถึงวันที่ ๒๙ นั่นก็วันกลับแล้ว ไปคราวนี้มากเสียด้วยนะ ไปเทศน์ที่อุบลดูว่าเป็นครั้งแรกนะ จากนั้นก็ต่อกระจายออกไปเรื่อยถึงเขื่อนสิรินธรหรือไง เข้าไปลึก ๆ ย้อนกลับมาอำนาจเจริญ เทศน์ทั้งนั้นนะ แล้วไปมุกดาหาร ภูจ้อก้อ จากนั้นถึงจะไปจังหวัดนครพนม งานศพท่านเจ้าคุณเทพฯ วันที่ ๒๗-๒๘ วันที่ ๒๙ ถึงจะได้กลับมา วันที่ ๕ เมษาฯ บรรดาลูกศิษย์ก็จะมารวมกันที่นี่ ปรึกษาหารือสมทบทุนเพื่ออุ้มชาติไทยของเราทั้งชาติขึ้นจากหล่มลึก ซึ่งเวลานี้ขึ้นได้มากแล้ว ด้วยความรักชาติ ความพร้อมเพรียงสามัคคีซึ่งกันและกัน มีกำลังหนุนให้ชาติไทยของเราชุ่มเย็นเป็นสุข หนาแน่นมั่นคงเป็นลำดับ
วันที่ ๕ ท่านเหล่านี้ก็จะมา หลังจากนั้นแล้วไม่กี่วันเราก็จะลงกรุงเทพ ลงเพื่อชาติของเรานั้นแหละ ไปสำรวจทองคำ ดอลลาร์ อะไร ๆ เวลาไปถึง ก่อนหน้าที่จะมอบ คือวันที่ ๑๒ เป็นวันมอบ เราจะไปก่อนหน้านั้นบ้าง วันนั้นเป็นวันมอบ ต่อจากนั้นธุระนั้นนี้ก็ยุ่งเกี่ยวโยงกันไปเรื่อย ๆ นานกว่าจะได้กลับมา เรียกว่าหนักมากอยู่สำหรับหลวงตา แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะน้ำใจเป็นสำคัญ น้ำใจนี้มีกำลังตลอดต่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย กำลังใจที่ไปทุกวัน ๆ ไปด้วยกำลังใจ นี่ตั้งความมุ่งหมายไว้อย่างเด็ดขาดให้สมชื่อสมนามของชาติไทยเราว่า เป็นชาติไทยมานมนาน อย่าให้เสียชื่อเสียง
จึงต้องรักษากิตติศัพท์กิตติคุณของเมืองไทยเรา ซึ่งเป็นเกียรติที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษนำมาตลอด ไม่เคยไปล่มจมเสียหายที่ไหนเลย คราวนี้จึงเทิดเกียรติอันนี้เอาไว้ เพื่อชาติไทยของเราและลูกหลานของไทยเราจะได้สืบทอดต่อกันไป โดยถือเอาคติตัวอย่างของปู่ย่าตายายหรือครูอาจารย์ที่พาดำเนินไปด้วยความราบรื่นดีงามเพียงไร ก็ยึดนั้นเป็นหลักเป็นเกณฑ์ไปปฏิบัติต่อตนเองด้วยความรักชาติ หน้าที่การงานเพื่อชาติของเรา ไม่ใช่เพื่อทำลายชาตินะ เพื่อส่งเสริมชาติไทยของเราให้หนาแน่นมั่นคงต่อไป
โดยที่เราได้กำหนดไว้แล้วว่า เวลานี้ปักขาดลงไปเลยแล้ว เอาคอเราเป็นอันดับหนึ่ง คอพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศเป็นอันดับต่อไป ให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ให้ได้ ๑๐ ล้านดอลล์ นี่เป็นจุดมุ่งหมายอย่างยิ่ง แล้วประกาศออกมาแล้วว่า ชาติไทยของเราทุกคนต้องเอาหัวรองทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้านนี้ให้ได้ในคราวนี้ และด้วยอำนาจแห่งความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกันแล้ว ชาติไทยของเรานี้จะสง่างามขึ้นด้วยทองคำ ดอลลาร์ สมบัติต่าง ๆ ก็จะอบอุ่นไปตาม ๆ กัน ไม่เดือดร้อนวุ่นวายไปตามเจ้าของที่เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้จะล่มจมอยู่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เวลานี้กำลังพากันฟื้นฟู ให้จับคติอันดีงามเหล่านี้ไว้ให้ดี
อะไรที่บกพร่องอย่าไปซ้ำเติม บกพร่องให้หนุนขึ้น ๆ ที่หนุนขึ้นแล้วก็ให้หนุนขึ้นไปเรื่อย ๆ นี้เรียกว่าเรารักชาติของเรา ชาติของสัตว์ ของปลวกของมดเขารักชาติของเขาทั้งนั้น ไม่มีสัตว์ตัวใดที่ไม่รักชาติ นี่เรามนุษย์เราด้วย ยิ่งมนุษย์ชาวไทยนี้ เป็นชาวพุทธลูกศิษย์ตถาคตมาอย่างน้อยดูเหมือนจะไม่ต่ำกว่า ๘๐% นี้ด้วยแล้วจะไม่รักชาติ รักศาสนา รักอรรถรักธรรม รักพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ของเราพร้อมกับการรักตนทุกคนได้ยังไง จึงต้องรัก การเสาะแสวงหรือการขวนขวายทุกด้าน ต้องให้เป็นไปด้วยความทะนุถนอมบำรุงรักษา อย่าพากันเป็นไปด้วยความทำลายซึ่งมักจะมีเสมอ ท่านเตือนมาตลอดเรื่องธรรมมีแต่การบำรุงรักษา อุดหนุนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีคำว่าทำลาย นี่ธรรมเป็นอย่างนั้น
ศาสนาเฉพาะพระพุทธศาสนาของเราก็เป็นอย่างนั้นมาเป็นพื้นเพมาดั้งเดิม มีแต่รักสงวนบำรุงรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง เอาตัวเป็นประกันในส่วนรวมตลอดถึงชาติ ด้วยการบำรุงรักษาหน้าที่การงานของตน อย่าให้เสียหายแก่ตนและส่วนรวม นี่เรียกว่าเรารักชาติของเรา ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตน ตื่นขึ้นมาแล้วให้คิดอ่านไตร่ตรอง ให้เอาธรรมเข้ามาเทียบเคียงเสมอ กิเลสมันไม่ล้างหน้าละนะ พอตื่นนี้มันออกก่อนแล้ว มันไม่ได้คำนึงถึงว่าล้างหน้าล้างตาอะไร ๆ แหละ มันออกก่อนแล้ว ทางธรรมยังนอนไม่ตื่นนี้ไม่ทันกันตรงนี้นะ คำว่าธรรม สติธรรม ปัญญาธรรม สติตั้งตัวไว้แล้วปัญญาพินิจพิจารณาในความเคลื่อนไหวของตน ในวันนี้จะเคลื่อนไหวไปในทางใดบ้าง ให้พิจารณาถึงความได้ความเสีย ซึ่งจะเป็นไปกับความเคลื่อนไหวของเรานั้น แล้วพินิจพิจารณาปฏิบัติตามสติธรรม ปัญญาธรรมนี้ไป คนเราจะไม่ค่อยมีทางเสียมากนะ มีทางได้แทรกกันไป ๆ ต่อไปก็มีทางได้มากกว่าทางเสีย
เพราะสติปัญญาของธรรมนี้ไปที่ไหนมีความร่มเย็นเป็นสุข ไม่ค่อยผิดพลาดอย่างง่ายดายเหมือนกิเลสพาไป ถ้ากิเลสพาไปนี้โล่งไปหมด ตั้งแต่ความฉิบหายวายปวง ตั้งแต่ตนไปหาส่วนรวม สุดท้ายชาติจมได้เพราะอำนาจของกิเลสคือความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความลืมเนื้อลืมตัว ความไม่เอาไหนในทางดีงามที่เป็นประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม มีแต่ทางจะฉิบหาย ทำไปด้วยความเพลิดเพลินด้วยความสมัครใจ ถึงจะมีความทุกข์ ความลำบากเพราะสิ่งเลวร้ายทั้งหลายนี้ทำพิษเป็นภัยต่อเรา ก็ไม่มีคำว่าเข็ดหลาบอิ่มพอนะ มันยังบืนของมันไปได้ ให้ระวังอันนี้ให้ดี ให้พากันมีอรรถมีธรรมบ้าง
ดูซิพระพุทธศาสนา สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้ตัวอย่างของโลกทั้งสามได้โดยสมบูรณ์นะ ขึ้นต้นก็ พุทฺธํ สรณํ สรณํ ศาสดาองค์เอกผู้ค้นอรรถธรรมที่เลิศเลอขึ้นมาจนกลายเป็น ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ พวกเราทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา น้อมนึกถึงท่านแล้วปฏิบัติตนตามคำแนะนำที่เป็นกิริยาแห่งธรรม ออกมาแล้วให้เป็นประโยชน์แก่เรา และ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ท่านเหล่านี้แทบล้มแทบตาย การฝึกฝนอบรมตน เพื่อความเป็นคนดีต้องต่อสู้กับความชั่วช้าลามก ฟัดเหวี่ยงกันทั้งวันทั้งคืน ระหว่างความชั่วกับความดีต่อยกันตีกันบนเวที คือหัวใจเรา กาย วาจา ใจ ของเรานี้แหละ มันอยู่ที่นี่ ท่านเอาเสียจนกระทั่งได้เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ สิ่งเลวร้ายทั้งหลายภายในจิตใจที่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้หัวใจ ไปทุกภพทุกชาตินั้นได้ขาดสะบั้นลงจากจิตใจแล้วกลายเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ขอให้ยึดท่านเป็นหลักเกณฑ์
ท่านเหล่านี้เป็นผู้อุตส่าห์พยายามบึกบึน ไม่ใช่แบบสุกเอาเผากินแล้วมา สรณํ คจฺฉามิ อาตมานี้นอนพึ่งตื่นขึ้นมานี้ เดี๋ยวนี้ยังไม่ได้หลับนอน จะต้องกินข้าวเสียก่อน อิ่มหนำสำราญแล้วถึงจะมาล้างหน้าล้างตา แล้วจึงได้พูดให้ท่านทั้งหลายฟัง ให้ท่านทั้งหลายขี้เกียจขี้คร้านเป็นจอมนะ จอมแหลมปี๊ดเข้าใจไหม จอมขี้เกียจขี้คร้านจอมไม่เอาไหน ให้เป็นอย่างอาตมานี่นะ ไม่มีพระสงฆ์องค์ใดที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา มีแต่ตื่นนอนสติปัญญาตื่นพร้อมกันแล้ว ๆ เป็นความบริสุทธิ์ล้วน ๆ นี้คือ สรณะของพวกเรา ไม่มีผิดมีพลาดเสียท่าให้กิเลสเลยคือ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ตลอดไปเลยไม่มีเสีย กิเลสขาดสะบั้นลงไป ตัวไหนที่จะมาเก่งกล้าสามารถ มาต่อกรกับธรรม ซึ่งปราบมันเรียบราบลงไปเรียบร้อยแล้ว นี่ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา
ขอให้พากันยึดไปปฏิบัติตามหน้าที่การงานของตน ให้มีอรรถมีธรรมบ้างนะ ถ้าไม่มีนี้จะเสียได้ไม่สงสัย เรื่องกิเลสรุมล้อมตัวของเรานี้ มันมองหาตัวคนไม่เห็นนะ มีแต่กิเลสเต็มเนื้อเต็มตัวคิดออกทางใจเป็นกิเลสออกมาแล้ว พูดออกมาทางวาจาก็เป็นกิเลสออกมาแล้ว การกระทำทางกาย สกปรกรกรุงรัง เป็นฟืนเป็นไฟก็กิเลสพาเป็นพาไปพาเผาโลกนั้นแหละ นี่เรื่องกิเลสเป็นอย่างนั้น เรื่องธรรมต้องตามชะตามล้าง กิริยาอันใดที่ไม่ดีงามให้ชะล้างด้วยความดีงามของกิริยาซึ่งเปลี่ยนเสียใหม่ ๆ นี่ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ นี่ละ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราทั้งหลายท่านแทบเป็นแทบตาย
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่มาแนะนำสั่งพวกเรา ได้เป็นคติเครื่องเตือนใจอบอุ่นตลอดมาอยู่ในวงปัจจุบันนี้ ก็ล้วนแล้วตั้งแต่ท่านเป็นผู้แทบเป็นแทบตาย รอดเป็นรอดตายมาทั้งนั้น ท่านไม่ได้กินข้าวแล้วค่อยมาล้างหน้านะ ท่านเหล่านี้ท่านเอาจริงเอาจังทุกอย่าง ความจริงจังในทางดีท่านจึงดี ๆ ไปตลอดนะ ถ้าความจริงจังในทางชั่วเลวไปตลอด เหลวไหลไปตลอด ชาตินี้ตลอดชาติหน้าตลอด ไม่มีชาติใดที่จะปลงใจลงได้ด้วยความเบาอกเบาใจกับความตายใจของตนที่วิ่งตามกิเลส มีแต่เป็นฟืนเป็นไฟไปด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าปฏิบัติตามธรรม เอ้า ทุกข์ยากลำบากขนาดไหนก็ให้อุตส่าห์พยายาม แล้วจะเป็นความดีติดต่อสืบเนื่องกันเป็นลำดับ แล้วเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ คนทั้งคนดีทั้งตัว จิตใจกาย วาจา ดีหมด หน้าที่การงานทุกสิ่ง อะไรที่เกี่ยวข้องกับคนผู้ดีดีไปหมดนะ ถ้าลงคนชั่วแล้วชั่วไปหมด เช่น ในเรือนจำฟังซิ เรือนจำพอก้าวเข้าสู่นักโทษแล้ว เครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวก็เครื่องแต่งตัวของนักโทษ รองเท้านักโทษ หมวกของนักโทษ เสื้อของนักโทษ กางเกงของนักโทษ ที่หลับที่นอนของนักโทษ มีแต่ของนักโทษเต็มในเรือนจำ มีอันดีที่ไหน เพียงคนไปเป็นนักโทษ เป็นตัวการอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวสองคน เหล่านั้นจะกลายเป็นของนักโทษไปหมดเลย คำว่าโทษเป็นคุณที่ไหนฟังซิ
นี่ละถ้าตัวการมันเป็นโทษแล้ว สิ่งนอกนั้นก็ชั่วช้าลามกไปหมด ถ้าตัวการเป็นคนดีก็ดีไปหมด อะไร ๆ ก็ดี เช่น พระพุทธเจ้า ฉลองพระบาท ภาษาของเราเรียกว่า รองเท้า ก็ฉลองพระบาทของพระพุทธเจ้า สบง จีวร ผ้าไตรจีวร บริขาร ๘ เป็นพระบริขารของพระพุทธเจ้า เป็นพระ พระแปลว่า ประเสริฐ ประเสริฐไปหมดเลย นั่น เห็นไหม หลักเกณฑ์อันใหญ่โตดี ดีอย่างนี้แหละ ถ้าหลักเกณฑ์อันใหญ่โตเสีย เสีย ถ้าเราเสียเสียหมดนะ ต้องทำเราเป็นตัวประกันในครอบครัวเหย้าเรือนของเรา แล้วกระจายออกไปทุกแห่งทุกหน ให้ต่างคนต่างฟิตตัวให้ดี ๆ ก็จะดีไปตาม ๆ กันหมด
ชาติไทยของเราดี ทุกสิ่งทุกอย่างดี หมู หมา เป็ด ไก่ ก็ดี เพราะเจ้าของไม่โหดร้ายทารุณ ไม่ค่อยไล่ตี ไล่ฆ่าเขา เจ้าของเป็นคนดีเข้าใจเหรอ เอาละเพียงเท่านี้ละพูดวันนี้ ไม่พูดมากละ พูดแล้วหลงหน้าหลงหลังนะเดี๋ยวนี้ ไม่ได้นั้นละ พูดหลงหน้าหลงหลัง ไม่ทราบพูดไปยังไงต่อยังไง พูดวกวนไปมาเหมือนตามรอยวัวในคอก ใครเคยตามรอยวัวในคอกไหม เป็นยังไงตามรอยวัวในคอก รอยวัวมันวกวนผู้ตามรอยก็ต้องวกวนซิ วัวเขาไม่เป็นบ้าแต่ผู้ตามรอยวัวมันเป็นบ้าใช่ไหม เขาเดินของเขาธรรมดา วกวนเขาก็ไม่มีอะไร แต่คนไปตามรอยวัวนี้มีคนมาถาม (ทำอะไรวะ ) ตามรอยวัว (รอยวัวที่ไหน) รอยวัวในคอก (โอ๊ย.บ้า) เขาก็ว่า เข้าใจไหม วัวเขาไปธรรมดาคนเป็นบ้า เข้าใจเหรอ อย่าไปตามรอยวัวนะ เดี๋ยวเป็นบ้ากันทั้งหมด
จากนี้ถึงอุบลอย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า ๕ ชั่วโมง จะครึ่งทางก็ร้อยเอ็ด จากนี้ถึงร้อยเอ็ดก็สองชั่วโมงกว่า ธรรมดาก็ต้อง ๒ ชั่วโมงครึ่งถึงร้อยเอ็ด จากโน้นไปก็จะพอ ๆ กัน แต่รถเราไปนี้ส่วนมากมีรถนำ ถ้ามีรถนำมักจะเร็วเสมอ เช่น ไฟแดงก็ทะลุ ๆ มีรถอยู่สองข้างทางเขาก็เปิดทางให้ ๆ ไปได้เรื่อย ๆ เวลาจึงกระชั้นกว่ากัน นี่ฉันเสร็จแล้วก็จะออกเดินทาง เทศน์ที่นั่นที่นี่สอนผู้สอนคน สอนตนสอนผู้อื่น เหมือนพระพุทธเจ้าสอนพระองค์ อบรมพระองค์มาตั้งแต่วันตั้งสัจอธิษฐานจะขอเป็นศาสดาสอนโลก ตั้งแต่บัดนั้นมาตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอบรมพระองค์ จนกระทั่งภูมิเต็มเม็ดเต็มหน่วย ความนานนั้นได้ ๔ อสงไขยแสนมหากัปกว่าจะเต็ม ถ้าวาโอ่งก็โอ่งใหญ่มาก โอ่งศาสดา ไม่เหมือนโอ่งสาวก โอ่งสาวกโอ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็ได้ โอ่งของศาสดาเป็นถังใหญ่ เป็นเหมือนหนึ่งว่าแม่น้ำมหาสมุทร น้ำกว่าจะไหลลงมาเต็มได้นี้ต้องแทบเป็นแทบตาย ทุกภพทุกชาติมาด้วยการตะเกียกตะกายเพื่อความดีงาม ต่อพระองค์เองและสัตว์โลกทั่ว ๆ ไป จึงได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ท่านก็อุตส่าห์พยายามอย่างนั้น
พูดไปหลงลืมไปแล้วนะ ต้นไม่ทราบพูดเรื่องอะไร อย่างนี้ละเดี๋ยวนี้ เราเอานี้ขึ้นมามีเงื่อน เราลืมเงื่อนแล้ว หลงไปแล้ว หือ พูดเรื่องอะไร อย่างนี้ละ พูดก็วกวน แต่ก่อนไม่หลง เทศน์เรื่อยไปเลย เดี๋ยวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นหลง พูดตะกี้นี้เงื่อนไหนลืมแล้วเงื่อนที่มาต่อกัน เอาละแค่นี้ก็เอาแล้ว มันจำไม่ได้
วันที่ ๑๙ เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๖ บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๕๓๗ ดอลล์ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเป็นทองคำ ๖,๐๖๖ กิโล รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งที่มอบและยังไม่ได้มอบทั้งหมดได้ดอลลาร์ ๗,๓๕๑,๒๒๘ ดอลล์ กรุณาทราบตามนี้ แล้วจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำหนัก ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์ก็ให้ได้ ๑๐ ล้าน นี้เป็นจุดของพี่น้องชาวไทยเราที่รวมกัน ตั้งจุดตายตัวไว้เพื่อประดับชาติไทยของเราต่อไป
กะเวลาก็คงประมาณสัก ๑๐ โมง ๔๕-๕๐ นาทีออก เห็นจะพอดีละมั้ง จัดนั้นจัดนี้ จากนี้ไปก็อีก ๒๐ นาทีถึง ๒๕ นาทีก็จะออก เรากะว่าพอดี ออกเมื่อไรเราก็ออกละ เราไม่เหมือนรถไฟสถานีคำกลิ้ง รถไฟสถานีคำกลิ้งนั้น อีตาคนหนึ่งเราไม่บอกชื่อแหละมันขายหน้าบ้านตาดทั้งหมด อีตาคนนี้แกชื่อว่าอย่างนั้น เราไม่อยากบอกชื่อมันขายหน้าเราด้วย แต่เราจะเอาแกมาพูดให้ฟัง อีตาคนนี้ทีแรกแกลุกลี้ลุกลนกลัวไม่ทันรถไฟ ทั้งเดินทั้งวิ่งไปเลย พอไปสถานีรถไฟนี้ นี่รถไฟออกแล้วยัง รถไฟมาแล้วยัง โหย ยังไม่มา พอว่าอย่างนั้นแกก็ปุ๊บปั๊บเข้าไปบุ๊คตั๋วที่สถานี พอบุ๊คเสร็จแล้ว เออ ไปไหนมึงก็ไปเถอะกูได้ตั๋วแล้ว แกว่านะ มึงไปไหนมึงไปเถอะกูได้ตั๋วแล้ว
แกได้ตั๋วแล้วแกก็ไปหาซื้ออาหารกินสบาย ๆ ทีนี้พอรถไฟมา ถึงเวลาเขาก็ออกไปเลย แกกินข้าว ๆ สบายครั้นกลับมาถาม รถไฟมาแล้วยัง มาอะไร เขาไปจวนจะถึงโคราชแล้ว อ้าว ตั๋วเรายังอยู่ในมือแล้วมันยังไปได้เหรอ ก็ตั๋วก็ตั๋ว รถไฟก็เป็นรถไฟ ไม่ใช่อันเดียวกัน กูตาย หมดท่าเลย ได้ตั๋วเปล่ากลับมา อีตาคนนี้แหละเข้าใจไหม พอ จบแล้ว ก็มันเป็นความจริงอย่างที่ว่านี่ โง่ขนาดนั้นพิจารณาซิ ได้ตั๋วรถไฟแล้วสบายเลย มึงไปไหนมึงไปเถอะน่ะ กูได้ตั๋วแล้ว หูย พิลึก พิลึกจริง ๆ เอาละพอ
ชมการถ่ายทอดสด ธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
|