ดูคนที่มางานศพ
วันที่ 17 มีนาคม 2546 เวลา 9:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

ดูคนที่มางานศพ

 

วันที่ ๑๖ เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๓๘ บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓,๖๑๗ ดอลล์ ดอลลาร์เรากำลังเร่ง ๆ เวลานี้ เมื่อวานนี้ขาดมากกว่าที่ได้แล้ว ที่ได้แล้วน้อยกว่าที่ยังขาดเวลานี้ แต่วันนี้อาจจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว อาจจะมากกว่าเมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้ที่ได้แล้วยังน้อยกว่าที่ยังขาดนะ ตอนบ่ายมานี้ดอลลาร์ก็ผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างเมื่อวานนี้ดอลลาร์ได้ตั้ง ๓,๖๑๗ ดอลล์ เพิ่มขึ้นอีกเยอะนะ สำหรับทองคำได้ ๓๘ บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ที่เราได้แล้วเวลานี้ ๑๔๕,๗๘๙ ดอลล์ ขาดดอลลาร์อยู่อีก นี่ ๆ มันยังขาดมากกว่า ยังขาดอยู่ ๑ แสน ๕ หมื่น ที่ได้แล้ว ๑ แสน ๔ หมื่น ที่ขาดยังมากกว่าอยู่นะ ถ้าได้รวมทั้งหมดนี้จะได้ครบจำนวน ๓ แสน คือยังไงต้องให้ได้ ๓ แสนคราวนี้ ส่วนทองคำเรา ๕๐๐ กิโล ไม่ขาด ดอลลาร์จึงให้แนบกันไปเหมือนคราวที่แล้วนี้ ๓ แสน คราวนี้ก็ให้ดอลลาร์เข้าไปอีก ๓ แสนเหมือนกัน เรากะไว้ว่าทองคำให้ได้ ๕๐๐ กิโล ดอลลาร์ได้ ๓ แสนดอลล์ ไม่ให้ขาดคราวนี้ ดอลลาร์ที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเวลานี้ ๗,๓๔๘,๗๘๙ ดอลล์ ทองคำที่ได้แล้วเวลานี้ตั้ง ๖ ตัน กับ ๖๔ กิโล

เมื่อวานนี้เทศน์ตั้งชั่วโมง ๗ นาที เทศน์บ้านโพนตอนค่ำ ชั่วโมง ๘ นาที เทศน์ที่บ้านโพนที่เขาให้เราไปตามอัธยาศัย พอไปเขาจับไสขึ้นธรรมาสน์ ได้ชั่วโมงกับ ๑ นาที เป็นอย่างนั้นแหละ มันหนักมากอยู่นะ เทศน์ไม่ได้หยุดได้ถอยตลอดเลย ถ้าทองคำเราได้ครบ ๑๐ ตันแล้ว เราจะคอยเก็บเศษเก็บเดนต่อไป เข้าช่องที่มันยังแหว่งอยู่ อันนี้ ๑๐ ตันมันยังไม่ได้ มันยังคิดว่าจะอุดช่องแหว่งแล้ว ดูซิน่ะ มันมีอยู่ในจิตตลอดมา แต่ไม่ถือเป็นอารมณ์มากยิ่งกว่าทองที่เราต้องการให้ได้ตามกำหนดนั้น ๑๐ ตัน จิตมันอยู่จุดนั้น ๆ จึงไม่พูดอะไรเลย อันนี้มันแหว่งเรื่อยมา นิดหน่อย ๆ คือมันคี่ ๆ ช่างมัน ขอให้ได้อันนี้เราก็พอใจแล้ว

จึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ทองคำถ้าได้น้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว เราไม่รบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายอีก ที่จะรบกวนแบบนี้ ประกาศอะไรดังที่เคยปฏิบัติมานี้ไม่ทำ แต่การพูดเราจะพูดธรรมดา ดังที่เราได้เคยพูดอยู่เสมอว่า ช่องแหว่งของมันยังมีอยู่บ้าง หากว่าท่านผู้ใดมีศรัทธาจะถวายเข้ามาเพื่อช่องที่มันยังแหว่งอยู่นั้น เราก็พอใจ ๆ แต่จะให้เราประกาศหรือรบกวนพี่น้องทั้งหลายอีกนั้นเราไม่รบกวน เพราะอันนั้นเป็นส่วนเศษไป ไม่ใช่เป็นส่วนที่เราต้องการและประกาศอย่างเต็มที่เรื่อยมาคือ ๑๐ ตัน อันนี้ประกาศเรื่อยมา เอาให้ได้ว่างั้นเลย จากนั้นเศษเหลือเท่าไรแล้วแต่มันจะเกิดจะมีไป ถ้าหากว่าเกิดไม่เหลือ สมมุติว่าเงินในธนาคารยังมี เราก็จะออกซื้ออันนี้เพิ่มเข้าไปเลย

เฉพาะอย่างเผาศพหลวงตาบัวนี้ พินัยกรรมมีไว้เรียบร้อยแล้ว ตายตัวเลย เวลาเราตายแล้วให้เขานำพินัยกรรมเราออกมาอ่านมาประกาศเลย บรรดาพี่น้องทั้งหลายที่มาเผาศพเรา เงินมีจำนวนมากน้อยเพียงไร ตั้งคณะกรรมการขึ้น เก็บรักษาอย่างเข้มงวดกวดขัน พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยกเงินจำนวนนี้เข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง อันนี้บอกไว้ตายตัวแล้วในพินัยกรรม จะไม่เป็นอย่างอื่น ตอนได้เพิ่มเข้าไปอีกก็จะได้อย่างนี้ มีเท่าไรจะเข้าทองคำให้หมด เราไม่มีข้อแม้ว่าจะแยกไปตรงไหน บอกให้เข้าซื้อทองคำทั้งหมดเลย เราค่อนข้างจะแน่ใจอยู่นะเวลาเราได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว เราค่อนข้างจะแน่ใจ จุดที่มันแหว่งนั้นให้หนุนขึ้น ๆ แม้จะไม่เต็มมันก็หนุนขึ้น เราก็มีช่วงนี้ช่วงที่เราช่วยชาติอยู่เวลานี้ ขาดอะไร ๆ เราก็พอที่จะเฉลี่ย ๆ เข้ามา หนุนกันขึ้น ๆ

เมื่อวานเทศน์จบลงแล้ว คนมืดแปดทิศแปดด้าน จะให้เราจุดไฟเป็นคนแรก แล้วผู้ที่กะโครงการอะไร ๆ นั้นคงไม่กะอะไรเลย คือเราคิดเอาเฉย ๆ ว่าจะให้เราเป็นผู้วางเพลิงเป็นคนแรก ทีนี้พวกญาติพวกโยมทั้งแผ่นดินเขาหลั่งไหลทำหน้าที่ของเขาไป กว่าจะมาถึงเราแล้วเป็นยังไง เขาไม่คิดบ้าง เรามันคิดทุกอย่าง คนแน่นหมดเลย ไหลกันเข้า ทั้งชักบังสุกุลอะไรต่ออะไรไม่หยุดไม่ถอย ดูลักษณะอะไร ๆ ไม่เห็นมีสาระอะไร เราไปดูชัดเจนเราก็ถามพระที่เป็นหัวหน้างาน ว่าสำหรับผมมีเกี่ยวข้องอะไรล่ะ ไม่เกี่ยวข้อง สำหรับหลวงตาก็นิมนต์มาสำหรับวางเพลิงเป็นองค์แรก วางเพลิงจริง เผาจริง แล้วคนทั้งหลายก็วางตาม ว่างั้น แต่เวลานี้งานอันนี้มันยุ่งกว่าจะมาถึงเรานี้ มืดก็ยังไม่เสร็จ เรามาพิจารณา เหตุกับผลเข้ากันไม่ได้ ไม่อยากว่าเข้ากันไม่สนิทนะ คือเข้ากันไม่ได้

ถ้าเข้าไปแล้วไม่สนิทก็เป็นอีกอย่าง นี้มันเข้ากันไม่ได้ เราก็เลยบอกกับหัวหน้าเขาเลย พิจารณาเรียบร้อยแล้วบอก นี่ผมจะรอคนทั่วแผ่นดินในวงวัดนี้ ให้เขาวางเพลิงหลอก กว่าจะเข้ามาวางกันนี้ คนเต็มแผ่นดิน ก็จนค่ำ จากนั้นเราถึงจะได้วางไฟจริง เผาจริง นอกนั้นมีแต่หลอกกันทั่ววัดทั่ววา มันยังไงกัน เราก็เลยบอกกับหัวหน้าเลย เอ้า จะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ตามอัธยาศัยของท่านทั้งหลาย เราไม่ห้าม เราบอกอย่างนี้ แต่เรื่องของเรานั้น เราจะรออยู่จนกระทั่งวางเพลิงหลอกเสร็จนี้ผมรอไม่ได้ ดูคนซีเป็นยังไง เขากำลังหลั่งไหลกันมาวางไฟสำรอง กว่าจะหมดนี้ค่ำมืดยังไม่เสร็จ ให้ผมรอนี้ผมรอไม่ได้ ผมจะไม่วางละ เอา วางกันเองนะ บอก เราเป็นพระด้วย เราเป็นกรรมฐานด้วย เอาความจริงเข้าว่ากันเลย

ใครจะวางก็วางเถอะ ผมจะไม่วางละ ผมจะออกเดินทางกลับเดี๋ยวนี้นะ ให้ผมรอคนทั้งแผ่นดินผมรอไม่ได้ เราบอกตรง ๆ พระท่านก็ไม่ขัดข้องอะไรเลย ท่านเห็นด้วยทันที เราถึงออกเดินทางหนีมาก่อน ตอนนี้เขาวางไฟพรางนั้นมันเสร็จแล้วยังก็ไม่รู้ อย่างนั้นซีเหตุกับผลมันเข้ากันไม่ได้ คนทั้งแผ่นดิน ให้เรานั่งจ้องรออยู่คนเดียว กว่าจะเสร็จเราถึงจะได้วางไฟ มีเหตุมีผลอะไร เราจึงบอกเราไม่เอา เราจะเอาตามหลักความจริง นี่เราก็มาให้แล้วถ้าควรจะเป็นสิริมงคล ก็น่าจะเป็นผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ยังจะหวังเอาสิริมงคลอะไรกับเราอีก นอกจากมันจะสลบไสลไปเท่านั้น เราบอก ออกจากนั้นก็มาเลยมาก่อน

อย่างนั้นนะเราเวลาจะเอา ชี้แจงเหตุผลให้ทราบแล้วไปเลย คือเหตุผลไม่มีพอ ไม่คุ้มค่ากันเลยกับเราที่จะไปแลกคนทั้งแผ่นดิน เราคนเดียวแลก รับเรากับคนทั้งแผ่นดิน เพียงเอาไฟจ่อเท่านั้นไม่เห็นมีความหมายอะไร เราจึงมอบให้เขาเลย ก็ถึงเวลาจะเผาแล้ว เผาก็เผาไปซี ว่างั้นแหละเรา เราก็มาเลย มาถึงนี้ยังอีก ๖ นาทีจะ ๖ โมงเย็น มาก็มาเป็นพิธีกันเฉย ๆ ไม่ค่อยได้สารประโยชน์อะไร เราดูไปหมดนั่นแหละ ไม่คุ้มค่ากัน มิหนำซ้ำเราจะเอาตัวของเราประกันความไม่คุ้มค่าเขาอีก โอ๋ย ไม่เอา เพราะฉะนั้นเราถึงหนีมาเลย

อีกสักสองสามวันก็จะไปอุบลโน้น โอ๊ย นานกว่าจะได้กลับมา ตั้งแต่วันที่ ๒๐ วันที่ ๒๙ ก็ ๑๐ วัน พอดีเลย วันที่ ๒๐ ออก วันที่ ๒๑ ไปถึงวันที่ ๒๙ มันก็เป็น ๑๐ วันพอดีเลย คราวนี้ก็หนักเหมือนกันนะเรา นี่ละเราหนักเพื่อชาติบ้านเมืองดังที่เราเคยพูดเสมอ เราทนเอานะ หนักเท่าไรก็ทนเพราะเห็นแก่พี่น้องชาวไทยเรา ถ้าไม่พาบึกบึนมันก็จะจมได้จริง   พิจารณาหมดแล้วนี่ มันถึงร้องโก้ก ขึ้นละซิ จึงได้ตัดสินใจทั้ง ที่ไม่เคยได้คิดไว้ก่อนอะไร ๆ พอเหตุเกิดขึ้นปัจจุบันนั้นก็เอามาประมวลทันที พิจารณาทันทีแล้วออกเลยทันที

นี่ละจึงได้บึกบึนมาตามที่ว่าเอามือเขียนแล้วก็เอามือลบ จึงอุตส่าห์พยายามจนกระทั่งกำลังจะไม่สามารถแล้ว มันก็ค่อยรู้กันเอง เวลาพอเป็นไปได้อยู่เราก็ช่วยเต็มกำลังอย่างนี้แหละ เอ้า คราวนี้เอาให้ได้นะ ทองคำเราน้ำหนัก ๑๐ ตัน ถ้าไม่ได้น้ำหนัก ๑๐ ตันขายหน้าทั้งประเทศ ยิ่งกว่าที่เราช่วยชาติเสียอีก เราช่วยชาติจะไม่มีความหมาย จุดที่เราต้องการนั้นไม่ได้เลยขายหน้ามากทีเดียว อย่างนี้ขายหน้ามาก เอาให้ได้

เห็นคนมามาก เราก็ดู ดูเรื่องอรรถเรื่องธรรมในหัวใจคน กับดูกิเลสในหัวใจคน มันเป็นยังไงอะไรมากน้อยกว่ากันยังไง หัวใจคนทั้ง ที่ไปในงาน งานนี้ก็ว่าเป็นงานที่จะพินิจพิจารณาเพื่อเป็นอรรถเป็นธรรมขึ้นไป ครั้นมาพิจารณาเข้าหาหลักความจริงแล้ว งานที่เป็นมงคลแก่พี่น้องชาวพุทธเรานี้ มันจะเพียงแค่ ๑๐% เป็นอย่างมาก ๙๐% เป็นงานของกิเลสมันอยู่ในนั้น กินอยู่ในนั้นหมดเลย นี่เราสลดสังเวชเหมือนกันนะ

เราไปเราไม่ได้ไปเฉย นี่ ไปดูทุกอย่างพิจารณา นอกจากพูดหรือไม่พูดเท่านั้น แล้วบวก ลบ คูณ หาร ดูคนที่มาในงานมาก นั้นผลที่เกิดขึ้นจากว่า มาเผาศพเพื่อเป็นอรรถเป็นธรรม เป็นคติเครื่องเตือนใจตนนี้มันได้ไปมากน้อยเพียงไร ที่กิเลสกลืนไป โดยไม่มีใครคาดคิดนั้นมีมากน้อยเพียงไร ฟาดไปถึง ๙๐% พวกเราก็ได้แค่ ๑๐% เท่านั้นละ ทั้ง ที่ไปงาน ถ้าอยู่ธรรมดาด้วยกันไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรม นี้มันจะเป็นยังไงวันหนึ่ง คนล้นโลก เรื่องของกิเลสกลืนมากเท่าไรๆ วันหนึ่ง กับอรรถธรรมที่ได้หยิบมากินบ้าง จิบบ้างนั้น มันจะมีมากขนาดไหน มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรนะ

นี่ละมันอดคิดไม่ได้นะ ทั้ง ที่ไปในงานนี้ คิดไปในงานกุศลที่จะเกิดขึ้นแก่คนที่ไปร่วมงานนั้นก็เพียงแค่ ๑๐% แล้วงานกิเลสกลืนอย่างไม่รู้ตัว เลยนั้น ๙๐% ถ้าปล่อยให้อยู่ธรรมดามันจะเป็นเท่าไร ดีไม่ดีจะไม่เหลือสักเปอร์เซ็นต์ นั่น ฟังซิ โห กิเลสมันลึกซึ้งมากนะ ละเอียดลออมากที่สุดเลย เราจึงได้อัศจรรย์พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาได้อย่างไร นู่นน่ะ คือ พระพุทธเจ้าหมายถึงว่า เป็นพระองค์แรกที่จะบุกเบิกทางให้สัตว์ทั้งหลายก้าวเดินตาม ก็มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น และเป็นพระองค์แรก และไม่มีใครสั่งใครสอนพระองค์พยายามบึกบึนมา เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรานี้เป็นเวลา ปี บึกบึนมา สลบไสลถึง หนจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เบิกทางขึ้นมา เป็นศาสดาแล้วเปิดทางให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายไปตาม

ก่อนที่จะให้สัตว์ทั้งหลายไปตามนั้น พิจารณาดูสัตว์นี้ก็ท้อพระทัยอีก นั่น ฟังซิ โอ้ จะสั่งสอนได้ยังไงนี่ ทั้ง ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามา อสงไขย แสนมหากัปจึงได้เป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดมเรา เป็นแล้วว่าจะสั่งสอนสัตว์เล็งดูสัตวโลกนี้ท้อพระทัย จะสอนไปได้ยังไง นั่นฟังซิ ทั้ง ที่พร้อมที่จะเป็นศาสดาสอนโลก ปรารถนามา อสงไขย ครั้นเวลาเป็นศาสดาเต็มภูมิแล้วมองดูสิ่งที่จะเยียวยารักษา ส่วนมากมันอยู่ห้อง ไอ ซี ยู เสีย มันไม่ได้โดดไปหาหมอหายานะ มันโดดเข้าห้อง ไอ ซี ยู เสียมากต่อมาก สุดท้ายโรงพยาบาลเลยกลายเป็นห้อง ไอ ซี ยู เสียแทบทั้งหมดเลย นั่น เป็นยังไง

นี่สัตว์โลกที่จะไปสู่ความดิบความดีทั้งหลาย เหมือนว่าไล่คนเพื่อความปลอดภัยได้เข้าไปหาหมอและฉีดยาแล้ว แทนที่จะเป็นอย่างนั้นมันโดดเข้าไปห้อง ไอ ซี ยู ห้อง ไอ ซี ยู กลับแน่นไปหมด นี่สัตว์ที่จะกองอยู่ในนรก เป็นห้อง ไอ ซี ยู มันมากขนาดนั้นนะ พระองค์จึงได้ท้อพระทัยละซิ ได้ทรงเล็งญาณดูสัตวโลก เอ้า ไม่มีมากมีน้อยก็เอา ได้เท่านี้ก็เอาละ พอหยิบเอา อุคฺฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู มีจำนวนน้อยมาก เนยยะ มีพอประมาณ แต่ ปทปรมะ กลับเหยียบย่ำเข้าหาขั้นเนยยะที่จะดึงลงมา ปทปรมะ นี้มากแสนมากทีเดียว พระองค์ก็ทรงท้อพระทัย ไม่ท้อได้ยังไง เราก็เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว พูดมาเพื่อเหยียบทำลายท่านทั้งหลายเหรอ เราก็พูดตามหลักความจริง ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็ไม่เคยเป็น ไม่เคยรู้ในธรรมประเภทถึงออกอุทาน ออกอุทานทั้งประเภทที่เลิศเลอ มาออกอุทานทั้งในการที่จะนำธรรมเหล่านั้นมาสั่งสอนโลก มันก็ลงในจุดเดียวกัน ใครบอก มันเป็นของมันเอง มันเจอจัง เห็นเป็นสักขีพยานอย่างนั้นนะ

โหย.ก็เมื่อเป็นถึงขนาดนี้แล้วจะสั่งสอนใครได้ สั่งสอนไปที่ไหนเขาจะหาว่าบ้า ไปทั้งโลก เพราะโลกนี้มันโลกบ้ากิเลสตัณหา กลืนกินตลอดเวลา แล้วจะฟื้นขึ้นมาสู่ความเป็นคนเป็นสัตว์ที่ดีงามบ้าง มันจะได้ยังไง นี่มันท้อใจ พระพุทธเจ้าท้อพระทัย นี้กลับยังเป็นท้อใจได้ ได้ถามใครที่ไหนพยานมันบอกอยู่ชัด ในหัวใจที่มันจ้าต่อกันอย่างนี้ นั่น แล้วจะสอนได้ยังไง สอนไปที่ไหนพูดไปที่ไหนเขาก็จะหาว่าบ้าว่าบอ ฟังซิ ก็อย่างที่เร็ว นี้ก็เห็นได้ชัดไม่ใช่เหรอ พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ในประเทศไทยของเรา หลวงตาบัวก็ตะเกียกตะกายมา ปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ ผลประโยชน์ได้มากน้อยเพียงไรในการสร้างคุณงามความดี

เหมือนอย่างเขาทำงานทั้งหลายเขาก็พูดกันได้สะดวกสบาย อ้าปากพูด ไม่มีใครมาเย็บปากเขาแหละ ไปหาปูหาปลาได้เท่าไรวันนี้ ได้เท่านั้นเท่านี้ ไปหาอะไรเขาก็ถามกันได้เต็มบ้านเต็มเมืองใช่ไหม แม้ที่สุดไปเล่นการพนัน วันนี้ได้เท่าไรเสียไปเท่าไร เขาก็พูดกันได้สบาย อันนี้เราหาอรรถหาธรรมแทบเป็นแทบตาย บางครั้งถึงจะเป็นจะตายจริง นี่เราหาอรรถหาธรรมหาความดี ครั้นเวลามาพูดให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายฟังมันก็เข้ากันได้ เขาจะหาว่าบ้าทั้งโลกมันก็เข้ากันแล้ว เพียงมาพูดให้ฟังเท่านี้ มันก็ออกประกาศแล้วไม่ใช่เหรอ หลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ที่เมืองอุดร ฟังซิน่ะ นั่น เห็นไหม ผิดไหมล่ะ

เราหาแทบเป็นแทบตายเป็นผลประโยชน์ของเรา ได้เป็นของเรา อะไรมากน้อยเป็นของเรา เราไม่ได้ไปรบกวนให้ใครกระทบกระเทือนจิตใจ พอที่จะมาพูดคำนี้ขัดขวางหัวใจเราหรือผลประโยชน์ของเราที่ได้มาด้วยความชอบธรรม แต่ทำไมมันก็พูดได้เข้าใจไหมล่ะ นี่เห็นไหมมันหนาไหมมนุษย์เรา มันหนากว่ายิ่งหนานะ ฟังเอาซิ คำพูดเหล่านี้เราหาเรื่องหลอกลวงมาเหรอ ประกาศลั่นเมื่อเร็ว นี้ หลวงตาบัวนี้เป็นพระอรหันต์จังหวัดอุดรธานี คือเราหามาแทบล้มแทบตาย จะมาเหยียบย่ำของเรา เหยียบได้ยังไง ก็ใครทำของใครของเรา หาชั่วได้ชั่วหาดีได้ดี ต่างคนต่างหาต่างได้เป็นสมบัติของใครของเรา อันนี้เราก็หาเต็มกำลังความสามารถของเรา เราไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ใด เวลาเราเสาะแสวงหาอรรถหาธรรม จะเป็นจะตายก็เรายอมรับคนเดียว เวลาเราได้มาแล้ว มาถีบมายันมาเตะ มาทำให้พินาศฉิบหาย ไปเพื่อประโยชน์อะไร

มันน่าถามไหมคำนี้ มันน่าคิดไหมคำนี้ มันหยาบขนาดไหนมนุษย์เรา เลวขนาดนั้น ถ้าเป็นพระหัวโล้น เลวกว่าหัวโล้นไปอีก จะขนาดไหนพิจารณาซิ มันเลวกว่าคนธรรมดาไปอีกขนาดไหน นี่พิจารณาซิท่านทั้งหลาย มันเห็นชัด อยู่อย่างนี้ละ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าจึงท้อพระทัย เป็นขึ้นมาทั้ง ที่จะสั่งสอนโลก เวลาพิจารณาดูสักขีพยานแล้วจนแทบว่าจะเข้ากันไม่ได้ ถึงได้ท้อพระทัย ขนาดที่ท้าวมหาพรหมลงมาอาราธนา พฺรหฺมา โลกาธิปตี สหมฺปติ มาขออาราธนาพระพุทธเจ้าให้โปรดปรานสัตว์โลกต่อไป อย่าได้ท้อพระทัย อย่าได้อิดหนาระอาใจ ความหมายของเรา แล้วปล่อยสัตว์โลกทั้งหลายผู้มีนิสัยอยู่ก็ให้จมไปด


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก