เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
วันที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
ถึงเวลาเด็ดก็เด็ดไปตาม
เมื่อวานนี้ก็เทศน์ อย่างนั้นแล้วเทศน์ทุกวัน ๆ แล้วจะเอาคำเทศน์มาจากไหน เฉพาะที่ออกสนามนี้ก็ถึง ๕ ปีแล้วนะ ๕ ปีเต็ม เพราะเราเริ่มก่อนวันที่ ๑๒ เมษา ต้นเดือนกุมภา ละมั้ง มกรา กุมภา เริ่ม ดูเหมือนปี ๔๑ แหละ จากนั้นมาแล้วจนกระทั่งถึงป่านนี้ เรียกว่า ๕ ปีเต็ม เทศน์ไม่หยุดไม่ถอย ทั่วประเทศไทย แล้วจะเอาอะไรมาเทศน์ ผู้เทศน์ไม่เบื่อ ผู้ฟังก็น่าจะเบื่อบ้าง พิลึกจริง ๆ นะเทศน์ ๕ ปีเต็มแล้ว วันนี้ก็จะไปเทศน์อีกแล้ว เทศน์บ้านปูลูแปแลอะไร นี่ก็เกี่ยวกับมีผ้าป่าด้วย ไปก็อยู่ในย่าน ๕๐ นาที ยังไม่ถึงโรงน้ำตาลเขา กิโลที่ ๕๒ โรงน้ำตาลกิโลที่ ๕๒ อันนี้ดูเหมือนใกล้กว่านั้น บ้านนี้เราก็ยังไม่เคยไป
สรุปทองคำและดอลลาร์ที่วัดป่ารังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ วันที่ ๑๔ และ ๑๕ ต่อกัน ทองคำได้ ๔ กิโล ๒๑ บาท ๓๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๐,๒๘๕ ดอลล์ ดอลลาร์ที่ได้หลังจากมอบคลังหลวงแล้ว ๑๔๕,๑๗๒ ดอลล์ ยังขาดอยู่อีก ๑๕๔,๘๒๘ ดอลล์ จะครบจำนวน ๓ แสนดอลล์ ที่เหลือยังมากกว่าที่ได้อีก ๓ แสนดอลล์นี้ต้องได้แหละ ปักด้วยกันแล้วกับ ๕๐๐ กิโล ทองคำให้ได้ ๕๐๐ กิโล ดอลลาร์ให้ได้ ๓ แสนดอลล์ ในเวลามอบวันที่ ๑๒ เมษานี้ อันนี้ตายตัวแล้ว ปักไว้เลยแล้ว ถ้าหากว่ามันไม่ครบจริง ๆ เราก็ไปถอนเอาเงินที่เราพักเอาไว้ ๒๑ ล้าน ถ้ามันพอที่จะได้ เราก็พักนี้ไว้เพื่อทองคำข้างหน้า ดังที่เคยปฏิบัติมา
รวมทองคำที่ได้แล้ว ที่มอบแล้วและยังไม่มอบ เวลานี้เป็นทองคำ ๖,๐๖๓ กิโลครึ่งนะ รวมดอลลาร์ที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเวลานี้ได้ ๗,๓๔๕,๑๗๒ ดอลล์ นี่ละขาดเท่าไรเราก็จะต้องได้เพิ่มตรงนี้ ที่ว่าขาดสามแสน ขาดเท่าไรก็ต้องเพิ่มตรงนั้น เวลานี้ดอลลาร์เราได้ ๗ ล้าน ๓ แสน ถ้าได้คราวนี้อีกก็เป็น ๗ ล้าน ๖ แสน ไปละนะ ถ้ามีเศษเหลืออะไรอาจมอบได้นะ ถ้ายังไม่สมควรจะมอบเราก็หักเอาไว้ข้างหน้า พร้อมกับทองคำงวดหน้านั้นอีกต่อไปอย่างนี้เรื่อย ๆ
พี่น้องทั้งหลายกรุณาทราบตามที่ได้เรียนให้ทราบนะ เรามุ่งหมายต่อชาติไทยของเราเต็มหัวใจเรา ถึงขนาดเสียสละทุกอย่างเลย ท่านทั้งหลายจะเห็นเวลาขึ้นเวทีออกสนาม มีอ่อนข้อย่อหย่อนย่อแย่ ๆ ไหม ไม่มี เพราะหัวใจไม่พามี หัวใจเด็ดตลอดเลย ขาด ๆ อะไรขาด-ขาดไปเลย ฆ่ากิเลสเราก็ฆ่าแบบเดียวกัน ฟังซิว่า ว่าเขาแตกบ้านไปดูเราเขาว่าเราตายแล้ว ฟังซิน่ะ เจ้าของยังไม่รู้ว่าเจ้าของจะเป็นจะตาย เขาตีเกราะประชุม แตกบ้านไปดู ประชุมลูกบ้าน ไปดูเราว่าเราตายแล้ว เพราะเราไม่ฉันจังหัน มันจะตายจริง ๆ เอาสักทีหนึ่ง
คือถ้าฉันจังหันแล้ว อาการของจิตนี่จะรู้สึกแปลก เรียกว่ามันไม่ก้าว อย่างน้อยมันทรงอยู่ ถ้าเลยจากนั้นไปอาจลดก็ได้ มันดูกันอยู่ตลอดเวลา ทีนี้เวลาอดข้าวนานไปเท่าไร ธาตุขันธ์อ่อนลงเท่าไร จิตมันยิ่งดีดขึ้น ๆ ๆ นี่ละที่ระหว่างจิตกับธาตุมันจึงทะเลาะกัน ทางธาตุขันธ์ชวนทะเลาะ นี่จะอดให้ตายเหรอ ว่างั้นนะ นี่ท่านเห็นไหม ท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่เวลานี้กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายรู้ไหม นั่น ขึ้นแล้วนะ เราลืมเมื่อไรก็มันขึ้นภายในจิต กิเลสเกิดขึ้นธรรมเกิดขึ้น ระยะนี้เป็นระยะกิเลสเกิดจะหักเราไม่ให้แข็งแรง ให้อ่อนเปียกไปตามกิเลส
เพราะฉะนั้นมันถึงหักว่า นี่เห็นไหมท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่เวลานี้กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายรู้ไหม ขึ้นที่จิต นี่เรียกว่ากิเลสเกิด พอทางกิเลสเกิดขึ้นมาเสร็จแล้วธรรมก็ขึ้นรับกันเลย ปึ๋ง การกินนี้ก็กินมาแต่วันเกิดไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร อดเพียงเท่านี้จะตายเหรอ เอ้า ตายก็ตายนี่ มันพุ่งรับกันเห็นไหมล่ะ มันก็พุ่งตามเดิมมัน นี่เรียกว่ากิเลสเกิด ธรรมเกิด เกิดภายในใจของผู้ปฏิบัติ เกิดอยู่โดยสม่ำเสมอนะ เราไม่เคยพูดอะไรมากมายนักแต่ก่อน นี้มันจวนจะตายเราก็เปิดให้ฟัง ธรรม กิเลสจะเกิดขึ้นภายใจถกเถียงกันภายในใจเป็นคำ ๆ ก็มี เป็นอุบายวิธีการแสดงออกมาตอบรับกันโดยไม่มีซุ่มมีเสียงบอกอะไรก็มี ธรรมก็แก้กันตามนั้น ๆ อย่างนั้นก็มีเป็นลำดับลำดา
นี่เวลาเราช่วยตัวเองเราก็ช่วยถึงขนาดนั้น เด็ดหรืออ่อนฟังเอาซิ จนเขาตีเกราะประชุมแตกบ้านมาดู ไปที่อื่นก็มีอย่างเดียวกันนั้นแหละ แต่เมื่อเขาไม่ตีเกราะประชุมเราก็บอกไม่ประชุมใช่ไหมล่ะ เขาพึ่งตีเกราะในหมู่บ้านนั้น ทั้ง ๆ ที่เราทำอย่างนี้ตลอด ไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้นตลอด ก็เมื่อไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้เราก็ไม่พูดธรรมดา ๆ แต่นี้ก็มีเหตุการณ์ถึงขนาดเขาตีเกราะประชุมไปดูเรา เขาว่าเราตายแล้ว นี่เราก็ได้เอามาพูดเป็นยังไงฟังซิ ไปที่อื่นก็แบบเดียวกัน แต่ไม่มีการประชุมลูกบ้านเขา ก็ปล่อยให้เราตายคนเดียว ถ้าเราจะตาย เราก็ไม่เห็นตายวะ
นี่ละเวลาเด็ด เด็ดถึงขนาดนั้นนะ เราได้พิจารณาย้อนหลังถึงเรื่องความเพียรของเรา ยังไม่ปรากฏเลยว่าเราอ่อนข้อย่อหย่อน ท้อแท้เหลวไหลตรงไหน ๆ ตั้งแต่เริ่มแรกมาล้มลุกคลุกคลานก็ซัดกันอยู่ตลอด เรื่องกำลังใจไม่มีถอย เพราะมุ่งจะให้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ พูดให้มันตรง ๆ นี่ละจุดใหญ่ที่ดึงตลอด ๆ เมื่อจุดใหญ่มีแล้วกำลังใจมันก็มีมุ่งใส่จุดนั้น อะไรจะทุกข์ยากลำบาก มันไม่ค่อยสนใจแหละ เอากันอย่างหนัก นี่เราฆ่ากิเลสในหัวใจเราเราก็ฆ่าอย่างนี้
ทีนี้จากนั้นแล้วก็ไม่คาดไม่ฝันว่าจะได้ช่วยชาติบ้านเมือง เหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นในท่ามกลางหัวอกเรานี้แหละ ถึงได้ขนาดร้องโก้ก เราก็ไม่ลืม ถ้าลงได้ร้องโก้กถึงใจที่สุดเลย คอขาด ๆ ไปเลยถ้าลงได้ขนาดนั้นแล้ว นี่ก็ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทุกสิ่งทุกอย่างเราเพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยของเราทั้งนั้นนะ เราไม่ได้เพื่อเราเลย ฟังซินะ เราไม่ได้เพื่อเราเลย แม้นิดหนึ่งเราก็ไม่มี ตะเกียกตะกายพี่น้องทั้งหลายเห็นไหมล่ะ เป็นอยู่อย่างนี้ ไปที่ไหนเราก็ตะเกียกตะกายไปอยู่ตลอดเวลา เพราะเห็นแก่บรรดาพี่น้องชาวไทยเราจึงบึกบึน แต่เราก็ชมเชยสำหรับพี่น้องทั้งหลายที่ บึกบึนไปตามเรานี้ เราก็ไม่เห็นที่ไหนที่จะให้เกิดความอ่อนใจว่าพี่น้องทั้งหลายไม่เอาใจใส่ หรืออ่อนแอท้อแท้ หรือแบบที่ว่าหัวหดอยู่ในกระดองนี้ เราก็ไม่เห็นมี
นี่เป็นกำลังใจอย่างหนึ่งที่หนุนเราให้พุ่ง ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะบรรดาพี่น้องทั้งหลายนี้เวลาเด็ดก็เด็ดไปตาม ๆ กันเลย เอาละ เอานะว่างั้น เอาจริง ๆ ได้จริง ๆ ทุกทีไม่เคยพลาดนะ เท่าที่เราปักลงจุดไหนนี้ เอาให้ได้นะตรงนี้ ปั๊บ ได้เลย แต่ก่อนก็ธรรมดาก็เฉยไปกินไป กัดหญ้าไป ขี้ไปเยี่ยวไปเรื่อย พอถึงเวลาแล้ว เอานะ ก็คึกคักเลยซัดเลย อย่างนี้เรื่อยมา ตลอดปัจจุบันนี้ นี่ก็เป็นกำลังใจอันหนึ่งที่ให้เราพาพี่น้องทั้งหลายหนุนตลอดมาอย่างนี้นะ นี่เราก็เพื่อชาติ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ เราไม่ได้เพื่ออะไร ๆ แล้ว พูดทุกสิ่งทุกอย่างเปิดหัวอกให้พี่น้องทั้งหลายฟัง คำว่าโอ้อวดอย่าเอามาใช้นะ นั่นเป็นมหาภัยที่จะทำลายตัวเองนะ นี่พูดเป็นมหาคุณออกมาให้ท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วถึงกัน แล้วเป็นคติเครื่องเตือนใจแก่ตน เพื่อเป็นมหามงคลแก่ตนในกาลต่อไปต่างหากนะ
เราไม่ได้มีคำว่าจะโอ้อวด อวดไปหาอะไร เท่านั้นก็พอแล้ว ผลประโยชน์อะไรไม่ได้เกิดขึ้นจากการโอ้การอวด เกิดขึ้นจากการกระทำหนักเบามากน้อยต่างหาก เราก็ทำอย่างนั้นตลอดมา ถึงคราวจะเป็น เอ้า เป็น ถึงคราวจะตาย เอ้า ตาย ว่างั้นเลยไม่มีเสียดาย ซัดกันอย่างเต็มเหนี่ยว ๆ จนกระทั่งถึงสมมักสมหมายทุกสิ่งหาที่ต้องติไม่ได้ พิจารณาย้อนหลังถึงเหตุที่เราดำเนินมา เราก็ไม่มีที่ต้องติ มีแต่ขยะ ๆ คือ ตอนนั้นกำลังวังชาก็ยังหนุ่มยังน้อยอยู่ จิตใจและความมุ่งมั่นก็เข้มแข็ง มันก็เอาเต็มเหนี่ยว ๆ ทีนี้เวลาแก่เข้ามานี้เราพิจารณาย้อนหลัง เรียกว่า ขยะ ๆ ถึงขนาดที่ว่า โอ้โห อย่างนั้นมันก็ทำได้ ๆ คือทุกวันนี้ทำไม่ได้ตายเลย นั่น มันต่างกันอย่างนี้นะ ถ้าพูดถึงกำลังวังชา เอามาจากไหน ประคับประคองอยู่มันก็คอยแต่จะตาย ถ้าว่ากำลังใจก็จะมุ่งหาอะไร เราไม่มุ่งเราก็บอกว่าไม่มุ่ง เวลามันมุ่งมุ่งจนกระทั่งถึงเจ้าของจะตาย เอ้า ตายก็มุ่ง อย่างนี้ก็มุ่ง ทีนี้เวลามันไม่มุ่งก็บอกมันไม่มุ่ง อย่างทุกวันไม่มุ่งนะ อยู่ไปอย่างนั้นนะ มีแต่มุ่งที่จะอุ้มชาติไทยของเราให้พอมีลมหายใจโล่งปอดบ้าง จึงได้ตะเกียกตะกายเวลานี้ เราไม่ได้มุ่งเพื่ออะไร มุ่งเพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยนะ
สำหรับเราเองเราพอทุกอย่างแล้วเราไม่มุ่งอะไรเลย พอจุดหมายปลายทางถึงแล้ว เช่น ทองคำได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้านแล้วเราก็เลิกเลย ไม่กวนพี่น้องทั้งหลายอีกต่อไป ดังที่เคยกวนมาแล้วนี้ แต่ผู้ที่จะบริจาคตามอัธยาศัยของตนในนามความเป็นผู้รักชาติด้วยกันแล้ว บริจาคมามากน้อยเพียงไร ไม่ว่าสมบัติประเภทใดเรารับไว้ ๆ เรารับตลอดนะ แต่ที่จะให้เราไปรบกวนอย่างนั้นเราไม่ทำ พูดอะไรต้องให้มีคำสัตย์คำจริง มีบทมีบาทมีขื่อมีแปซิ จะพูดอย่างเหลาะ ๆ แหละ ๆ อย่างนี้ไม่ได้เราไม่เคยปฏิบัติมา เราพูดจริง ๆ เฉพาะที่มาบวชเป็นพระนี่ ความจริงนี้เด็ดขึ้น ๆ พอก้าวขึ้นสู่เวทีฟัดกับกิเลสอันนั้นเด็ดขาดไปเลย ไม่มีคำว่าอ่อน จนกระทั่งเป็นที่พอใจ เหตุที่เราดำเนินมาก็เรียกว่าเอาตายเข้าว่าเลย ผลได้ก็เป็นที่พึงพอใจหายสงสัยทุกอย่าง เวลานี้เราหายสงสัยหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแล้วในหัวใจนี้ หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าสมมุติในสามแดนโลกธาตุนี้เปิดออกหมดเลย เหลือตั้งแต่ พูดให้มันเต็มสัดเต็มส่วน เหลือแต่ธรรมธาตุเท่านั้นเอง
ธรรมธาตุ พระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายเป็นอันเดียวกันหมด เท่ากับน้ำมหาสมุทรจ่อลงตรงไหนเป็นมหาสมุทรอันเดียวกัน ธรรมธาตุจ่อลงตรงไหนก็เป็นธรรมธาตุอันเดียวกันหมด เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาพระพุทธเจ้า หาที่ไหนจ่อปั๊บไปเจอแล้ว อันเดียวกันแล้ว ๆ แล้วจะไปหาพระพุทธเจ้าที่ไหนอีก ถ้าว่ามีคน ๆ เดียวก็ ๒ กับเงา อันนี้ไม่มีเงา อันเดียวเท่านั้นจึงเรียกว่าไม่มี ๒ เป็นคู่แข่งกัน มีอันเดียวเหมือนกันเลยทีเดียว นี่ละผลแห่งการปฏิบัติที่ได้รับจากการปฏิบัติทางฝ่ายเหตุ เด็ดขาดขนาดไหนผลก็ได้มาเป็นลำดับลำดา
ทีนี้ทางชั่วก็เหมือนกัน เด็ดขาดขนาดไหนมันก็เอาให้จมได้ไม่สงสัย เพราะผลนี้เกิดจากเหตุ ๆ มาตลอด นี่ละให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสียว่า เรามุ่งอย่างนี้ มุ่งต่อพี่น้องชาวไทยเรา มุ่งอย่างเด็ดอย่างขาด อะไรมาผ่านไม่ได้เวลาขึ้นเวทีแล้ว ขึ้นสนามเอาอย่างเด็ดอย่างขาดไปเลย ไม่มีคำว่าเสียดายอะไรแล้วในโลกอันนี้ นอกจากเสียดายที่เรามุ่งหวังที่เราจะอุ้มจะชูคือชาติไทยของเราแล้ว เอาชีวิตแลกเข้าไปเลย เราถึงได้อุตส่าห์พยายามดังที่เห็นอยู่นี้แหละ
เวลานี้ทองคำเราก็ได้ ๖ พันกว่าแล้ว ได้ ๖,๐๖๓ กิโลครึ่ง เวลานี้ทองคำ คือ ๕๐๐ กิโลนี้แน่แล้ว เป็นอื่นไปไม่ได้ว่างั้น ๕๐๐ กิโล ก็เลยมาบวกกับนี้เข้า คือ ๕๐๐ กิโล รอวันที่ ๑๒ เมษา นั่นละเป็นวันมอบ แล้วก็เต็มเม็ดเต็มหน่วยดังที่ว่า ๖ ตัน กับ ๖๓ กิโลครึ่ง ส่วนดอลลาร์ก็ ๗,๓๐๐,๐๐๐ แสน ก็เป็น ๗,๖๐๐,๐๐๐ ละ ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ให้ได้ตามจุดนั้นแล้วเราก็หยุด เราเลิกละ การที่จะไปเที่ยวรบกวนพี่น้องทั้งหลายเพื่อชาติของเรานั้นเราไม่ไปรบกวนอย่างนั้น แต่เมื่อท่านผู้ใดมีศรัทธาบริจาคด้วยความรักชาติของตน ถวายมาตามอัธยาศัย เราก็รับตามนั้น ๆ เรื่อยไป มีมากมีน้อยเรารับตามนั้น เป็นแต่เพียงว่าเราไม่รบกวน ต้องถือสัตย์ถือจริง ว่าอะไรเป็นคำสัตย์คำจริงทุกอย่างมันถึงเชื่อถือได้คนเรา พูดแบบเหลาะ ๆ แหละ ๆ เชื่อถือไม่ได้นะ ต้องว่าเจ้าของเชื่อตัวเองด้วย ลงจุดไหนเชื่อตัวเองเลย คนอื่นเขาก็เชื่อได้เมื่อเราไม่เหลาะแหละ
นี่ก็ทราบว่าจะเสร็จ ๑๐ ตัน ภายในปี ๒๕๔๖ นี้ละ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็ได้พูดออกมามากแล้ว ค่อนข้างแน่แล้ว คือจะให้ได้ ๑๐ ตันภายในปี ๔๖ นี้ ดอลลาร์นั้นยังไงก็ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านแหละ ให้ได้ ๑๐ ล้าน ไม่ได้เราก็จะออดเอาตามนี้แหละ เอาตามลูกศิษย์ลูกหา ออดให้ได้ ๑๐ ล้าน ว่างั้น จากนั้นเราก็หายใจโล่งละ เราสบายเราดูทองคำในคลังหลวงกับทองคำที่เข้าไปแล้วเรียกว่า สมดุลกัน ตามที่เรากำหนดเอาไว้ ที่เราเคยเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบก็ มันมีแง่อยู่นิด ๆ ที่เราถือเป็นกรณีพิเศษ เราไม่ถือเป็นจริงเป็นจังมากเหมือนทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน อันนี้ถือจริงจังมากทีเดียว ส่วนที่เศษเหลือไปนั้นเราไม่จริงจัง
คำว่าเศษเหลือคืออะไร ทองคำที่เรามีอยู่ในคลังหลวงนั้นมันเป็นทองคำคี่ มันไม่ได้คู่ มันไม่ได้เต็ม เช่น ๕ มันไม่ใช่ ๖ เสีย มัน ๕ เอามาเพิ่มอีกก็ ห้า ๆ เอ้า สมมุติว่า เก้านี้ก็ ๑๐ ตันมานี้มันก็เป็น ๑๙ ตันเสีย เอา ๑๐ ตันเข้าไปอีกก็ ๒๙ ไปเสีย ๓๐ เลยไม่มี นี่ที่เรียกว่ามันยังแหว่งอยู่ตรงนี้ ถ้าเมื่อได้มาเราก็จะมาซ่อมจุดแหว่งนี้ แต่ไม่รบกวนเท่านั้นละ
ถ้าได้นี้ก็ยิ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แต่ไม่ได้เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะเราไม่ได้ปักใจกับมันอะไรนักหนา เป็นของเศษของคู่ ของคี่ก็ให้มันคี่ไปเสีย มันควรจะได้แค่ไหนเราก็เอาแค่นั้น ๆ แต่เรื่องให้เรารบกวนเราไม่รบกวนแหละ จะพูดอยู่เสมอนะเมื่อมีโอกาส ตามจุดที่บกพร่อง แล้วมันทำจิตใจของเราให้มีแหว่ง ๆ อยู่ เราก็พูดอย่างนี้ละ เรียกว่า มันขาดไป เช่นอย่าง ๙ ตันนี้ขาดไป ๑ ตันจะครบเป็นคู่ว่างั้นเถอะ ช่างมัน อันนี้เราไม่ว่าอะไรละ
ถ้าออกจากนี้แล้วเราจะไม่มีหวังนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบ พอหยุดนี้แล้วเราจะไม่อะไรอีก ดอลลาร์ ทองคำที่จะได้หลั่งไหลเขามาสู่คลังดังที่เป็นอยู่เวลานี้จะไม่ได้นะ นี่เวลานี้เป็นเวลากาลอันควรเหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว ที่เราจะรวมกำลังวังชาของเราจากความรักชาติ ให้ได้มาเข้าจุดตามที่เราต้องการเป็นอย่างน้อยแหละ อันนี้เราพอใจ ขอให้ได้ตามนี้ก็แล้วกัน เพราะหยุดจากนี้แล้วจะไม่มีนะ ใครจะเอาทองคำมาจากไหนดอลลาร์มาจากไหนไม่มี จะได้เวลานี้เท่านั้นซึ่งเป็นกาลอันควรอย่างยิ่ง โลกภายนอกเขาก็รู้ว่าเวลานี้เมืองไทยเรากำลังช่วยตัวเองกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่ใคร ๆ เขาก็ทราบ ได้มามากน้อยก็ไม่เสียอะไรทั้งนั้น เหมาะสมไปตลอด ถ้าเลยจากนี้แล้วไม่มีใครให้นะ แล้วถ้าบกพร่องไปเท่าไรมันก็จะบกพร่องไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น จะว่าไง บกพร่องก็เป็นบกพร่องของเมืองไทยทั้งชาติเป็นของดีแล้วเหรอ เพราะฉะนั้นเวลาที่ควรจะให้สะดวกหรือหายใจโล่งของคนไทยทั้งประเทศก็ควรให้ได้ในเวลานี้
ทองคำแบ่งไปหลายประเทศ ประเทศไหนก็เป็นประเทศที่ทำมาค้าขาย ประสับประสานกันอยู่ มันก็เกี่ยวโยงไปทางติดหนี้ติดสิน ก็เอาไว้สำหรับประกันชาติไทยของเรา ในประเทศนั้น ๆ แต่สำหรับที่เอาไว้เพื่อชาติไทยของเรา ประกันชาติไทยของเราโดยตรงนั้นมีเท่านี้ แล้วมีไม่มากเลย นี่ซิเราถึงใจหายไป จึงต้องได้ดีดได้ดิ้นเพื่อหนุนสมบัติอันนี้ให้ประกันชาติของตนได้เท่าที่ควร อย่าให้บกพร่องจนจิตใจนี้ร้อนวูบ ๆ เหมือนอย่างแต่ก่อนก็แล้วกัน วันนี้ไปไม่ได้ค้างละ ไปเทศน์ที่อะไร
โยม บ้านปูลู
หลวงตา ไปเทศน์เสร็จแล้วก็กลับมา ไม่ค้างละ อีกสัก ๓ วัน หรือ ๔ วัน คราวนี้ไปอุบลฯ หลายวันนะ นี่ก็อย่างนี้ละจะว่ายังไง เหมือนฟุตบอลนะเรา กลิ้งไป ไปที่ไหนก็มีแต่เราเป็นคนเทศน์ทั้งนั้นว่าไง การเทศน์มันเป็นของเล็กน้อยเหรอ แทบเป็นแทบตาย อย่างทุกวันนี้เทศน์ลงมาแล้วเหนื่อยเราก็ทนเอา ดังที่ไปที่ไหนก็เทศน์ทุกแห่ง ๆ นั้นแหละ ไปเรื่อย อย่างไปนี้เขาก็บอกว่ามีเทศน์เฉพาะในงานศพ วันนี้ไปอยู่สบายตามอัธยาศัย อัธยาศัยบ้ามันยังไง ไปจับเราไสขึ้นธรรมาสน์ นั่นหรือตามอัธยาศัยมันโมโหนะเรา เทศน์ตั้ง ๒ กัณฑ์ เป็นอย่างนั้น ที่เทศน์ขึ้นบนธรรมาสน์ถึง ๒ กัณฑ์ วันนี้ก็ยังจะไปเทศน์อีกอยู่อย่างนั้นแหละ จากนั้นก็พัก พอวันที่ ๒๐ ก็เดินทางไปอุบล ไปที่นั่นที่นี่ตามโครงการ ไปหมดทุกแห่งตามโครงการ อุบลจะพักกี่คืนไม่ทราบ มันมีที่ไหนเขื่อนอะไรบ้าง
โยม เขื่อนสิรินธร ครับผม
หลวงตา เออ เขื่อนสิรินธร ไปนั้นอีก จากอุบลแล้วก็มาอำนาจเจริญ แล้วก็ไปมุกดาหาร ไปนครพนม อันนั้นมีแต่เผาศพทั้งนั้นละ
โยม ที่นครพนมก็มีเทศน์ด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา ก็นั่นแล้ว นครพนมก็มีเทศน์นั่นแล้ว ถึงได้บ่น ว้อ ๆ อยู่นี่ จะว่าไง ถ้าไม่มีเทศน์มีตั้งแต่เอาไปกินเฉย ๆ ก็ไม่ว่า นี่ก่อนจะได้กิน เทศน์เกือบเป็นเกือบตายซิ มันน่าโมโห นั่นละวันสุดท้ายนครพนม วันที่ ๒๘ เผาศพแล้วเทศน์ วันที่ ๒๙ เราก็ออกเดินทางมา พอวันที่ ๕ ก็ทางกรุงเทพเขาก็จะมาใช่ไหม
โยม ครับ
หลวงตา วันที่ ๘-๙ มันก็เป็นวันลงกรุงเทพอีกแล้ว ลงคราวนี้ก็ไปมอบทองคำในคลังหลวงแหละ ๕๐๐ กิโล กับดอลลาร์ ๓๐๐,๐๐๐ จากนั้นก็มีงานติดต่อเรื่อย จนกว่าจะได้กลับมาก็หลายวัน ไปเดือนเมษาหลายวันกว่าจะได้กลับมา โอ๊ย.หนักมากนะเรา ที่หนักมากจริง ๆ ก็เกี่ยวกับเทศน์ มันเหน็ดมันเหนื่อยเทศน์นะ เทศน์แต่ละครั้งดูมันไม่ต่ำกว่าชั่วโมงนะ ชั่วโมงกว่า ๆ พูดไม่หยุดไม่ถอยตั้งชั่วโมงกว่า อย่างเมื่อวานนี้ก็ชั่วโมง ๘ นาที หรือยังไง ตอนกลางคืนไปตามอัธยาศัย ก็ชั่วโมงกับ ๑ นาที นั่นละตามอัธยาศัย มันเป็นอย่างนั้นนะทุกวันนี้ โอ๋ มันจะตายจริง ๆ เอาละพูดเท่านั้นนะ
ชมถ่ายทอดสด ธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
|