การรบกันเป็นของดีที่ไหน
วันที่ 4 มีนาคม 2546 เวลา 8:50 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

การรบกันเป็นของดีที่ไหน

 

         ถอนเงินสดจากธนาคาร ๔๗,๐๕๙,๖๐๐ บาท ไปซื้อทองคำได้ ๙๘ กิโลกรัม รวมเป็นทองคำทั้งหมด ๒๔๕ กิโลกรัม ยังคงขาดประมาณ ๒๕๖ กิโล เดี๋ยวนี้เงินสดเราที่อยู่ทางนี้ยังมั่นใจอยู่ว่าจะไม่ต่ำกว่า ๑๓๐ ล้าน ทีนี้จะถอนหมดเลย เพราะว่าเรื่องทองคำเราค่อนข้างจะแน่แล้ว รอวันเวลาเท่านั้นที่จะซื้อทองคำให้ครบจำนวนน้ำหนัก ๑๐ ตัน เราคงจะถอนหมดเลยไม่เอาไว้ ทีแรกคิดว่าจะยังไม่หมด จะยังเหลืออยู่เช่นพวกออมทรัพย์เพียงเล็กน้อย พอเป็นเชื้อสะพานต่อกันกับที่เขาโอนมา ๆ เมื่อเราค่อนข้างแน่แล้วนี้อาจจะถอนหมดเลย คราวนี้ถอนหมดเลย เงินเรา ๑๓๐ ล้านซื้อทองคำตอนนี้จะได้ประมาณสักเท่าไร ( ๒๖๐ กว่าโลเจ้าค่ะ)

เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๕ บาท ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ ๑๓๐ ดอลล์ เราก็เบาใจลงวูบใหญ่หนึ่งนะ ยังไม่ถึงวันนั้นก็ตาม แต่ที่ปรึกษาตกลงกันเรียบร้อยนี้เป็นที่แน่นอนมาแล้ว ที่ว่าทองเรานี้ยังไงก็พอ ๑๐ ตัน เอาตรงนั้นเลย เป็นแต่เพียงว่ารอความเหมาะสมเป็นจังหวะ ๆ เมื่อรวมตัวทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีการกระทบกระเทือนอะไรต่ออะไรแล้วก็เอาแหละ คือเราทำนี้เราทำเพื่อความราบรื่นดีงามต่อชาติไทยของเรา หากว่าเราจะทำแบบแผลง ๆ ไปทางโลกเราก็ทำได้ ป่านนี้ได้เรียบร้อยแล้ว ที่ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้นะ ได้มาแล้ว แต่ที่ได้มาแล้วกับที่พิจารณาให้เหตุผลลงรอยกัน นุ่มนวลไปโดยตลอด ๆ อันนี้มีคุณค่ามากกว่ากัน อันหนึ่งมันมีเสียทางนั้นมีเสียทางนี้ อันหนึ่งช้าไปบ้างก็ตามแต่ไม่เสีย อันนี้มีคุณค่ามีน้ำหนักมาก เราคิดอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รบกวนพี่น้องชาวไทย ซึ่งลูกศิษย์แต่ละคนเป็นเศรษฐี ๆ น้อยเมื่อไร ปวารณาไว้เต็มสัดเต็มส่วน เขาปวารณาเรา ถึงขนาดมาต่อว่าเราก็มี ว่าก็ปวารณาท่านสุดขีดสุดแดนแล้ว ท่านก็ไม่เห็นมารบกวนอะไร ท่านไม่ขาดเขินอะไรบ้างเหรอ เอ้า ผู้ปวารณาก็ปวารณาด้วยความเป็นธรรม นี่เวลาตอบ การรับผู้รับก็ควรจะมีธรรม ธรรมต่อธรรมรับกันนุ่มนวล เราว่าอย่างนี้นะ เวลานี้ก็พอเป็นพอไป บรรดาลูกศิษย์ลูกหาปวารณานั้นก็เพื่อจะให้ นี้ก็เพื่อจะรับ ด้วยเหตุผลที่ควรจะรับมากน้อย ก็เพื่อจะรับทั้งนั้น แต่เวลานี้เหตุผลยังไม่ควรที่จะรบกวน ก็ต้องรอไปตามจังหวะที่พอดิบพอดีอยู่เวลานี้

หากว่ามีความจำเป็นแล้วก็จะไปขอลูกศิษย์นั่นแหละ ขอคนอื่นเขาจะอาไม้ไล่ตีจะไม่มีโลกอยู่ ก็จะไปขอลูกศิษย์เราแหละ เวลานี้ยังไม่ถึงขั้นจนตรอกจนมุมจำเป็นที่ควรจะรบกวนกัน ก็ให้อยู่ด้วยความเย็นใจนะ เราก็บอกอย่างนั้น ธรรมให้เสมอ นำนี้นำโลก ไม่ใช่นำคนหนึ่งคนเดียว หัวใจมีทั่วประเทศไทย ต้องคิดเฉลี่ยเผื่อแผ่ให้ถึงทั่วประเทศไทย เพราะฉะนั้นจึงก้าวเดินไปตามความพิจารณาแล้วโดยลำดับลำดามา ทีนี้เมื่อเรื่องมันค่อย ๆ เข้ามานี้มันก็เป็นเรื่องเป็นเอง ไม่ใช่เราไปเที่ยวแหย่ตรงนั้นบีบตรงนั้นบี้ตรงนี้ ซึ่งเป็นความไม่สบายใจต่อเราเลยอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ทำ เราจึงดำเนินมาอย่างนี้ เรื่องราวก็ค่อยเป็นมาเรียบร้อย ๆ

สมชื่อสมนามว่าชาติไทยของเราทั้งชาติเป็นชาติที่รักชาติของตัวเอง แล้วเป็นผู้มีความพออกพอใจเต็มหัวใจด้วยกันทุกคน ที่จะบำรุงรักษาชาติของตน เมื่อมีความบกพร่องตรงไหน ๆ อย่างพร้อมหน้ากัน เวลานี้ก็กำลังก้าวเดินไปอย่างนี้ ท่านผู้นั้นบริจาคมาเท่านั้นเท่านี้ หัวใจนั้นมาหัวใจนี้มาหัวใจนั้นมารวมเข้า ๆ เป็นความเป็นความอบอุ่นเรื่อยมาอย่างนี้ เราก็ดำเนินมาอย่างนี้ละ ทีนี้เมื่อเวลาเหตุผลควรที่จะเป็นไปยังไง ซึ่งเป็นความนุ่มนวลแล้วเราก็พอใจ ๆ ไปโดยลำดับลำดาอย่างนี้แหละ กรุณาบรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบ หากว่าจะเอาให้ได้ ๑๐ ตันนี้ ตามเรื่องของเราอย่างที่ว่านั้นมันก็ได้ ได้ทันที ได้มาแล้วป่านนี้ อันนี้เราไม่เอาอย่างนั้น เราจะเอาแบบเรียกว่า เราอุ้มคนทั้งชาติ ถึงจะหนักบ้างช้าบ้างก็ทนอุ้มนะ ใช่ไหม ไม่ใช่จะจับคนนี้เหวี่ยงลงทะเล คนนั้นเหวี่ยงลงทะเลนี้อย่างนั้น ทำแบบนั้นเราทำมาทุกวัน แล้วการทำไปอย่างนั้นด้วย แล้วมีธรรมะสอดแทรกไปให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้คิดได้อ่านไปโดยลำดับลำดา เพื่อความทั่วถึงกันด้วย นี่ละวัตถุกับธรรมจึงไปด้วยกัน

เวลานี้ธรรมเราก็กระจายออกไปจนกระทั่งทั่วโลกแล้วนะ ออกทางอินเตอร์เน็ตทั่วโลกแล้วเวลานี้ พูดอย่างนี้ก็ทั่วโลกแล้ว ก็อย่างนั้นแหละ ออกเรื่อย ๆ ไป ทางด้านวัตถุเราก็ไม่เคยลดลง มีแต่ขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่ เช่นอย่างเมื่อวานนี้ก็ ๕ บาทแล้วทองคำ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ดอลลาร์เงินสดก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างนี้ เมื่อถึงกาลเวลาที่มันจะสมบูรณ์พูนผลด้วยความเหมาะสม เราก็พร้อมเสมอในหัวใจของเรา เพราะเราต้องการอย่างนั้น ขีดเส้นตายก็คือว่า สิ้นธันวา ขีดเส้นตายไว้ตรงนั้น แต่จะเอาในจุดนี้ จะยังไม่ถึงโน้นว่างั้นเถอะ ขีดเส้นตายไว้สมบูรณ์เต็มที่

จึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ การแนะนำสั่งสอนก็สั่งสอนไปอย่างนี้ละ ไปด้วยกันกับด้านวัตถุที่จะหนุนชาติของเราขึ้น และด้านนามธรรมคืออรรถธรรมทั้งหลาย ก็เพื่อหนุนจิตใจของคนทั้งชาติ แล้วจะกว้างขวางมากกว่านั้นก็ยิ่งดี นี่ก็เป็นของคู่เคียงกันไป เราก็แนะนำสั่งสอนไปอย่างนี้ เพราะการสอนโลกหรือการช่วยโลกนี้เราช่วยด้วยความบริสุทธิ์สุดส่วนทีเดียวนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่าเราไม่มีอะไรเลยจริง ๆ กับโลกอันนี้ ในหัวใจของเราก็ไม่มีอะไรเลย ที่จะไปหยิบอันนั้นหยิบอันนี้ซึ่งเป็นของพี่น้องทั้งหลายบริจาคผ่านมานี้ แม้บาทเดียวเราระลึกไม่ได้เลย นั่นละคือว่าบริสุทธิ์ขนาดนั้นนะ เราพิถีพิถันเอามากทีเดียว เรื่องการเงินการทอง เพราะฉะนั้นที่ธนาคารต่าง ๆ จึงเป็นเราผู้เดียวเป็นผู้รับผิดชอบในการเงินทั้งหมด เพื่อกันความรั่วไหลแตกซึม ให้เราเป็นผู้พิจารณาเอง ๆ จะเก็บจะจ่ายขนาดไหนให้เป็นเรื่องของเราทำเองๆ ด้วยความสุดหัวใจเราแล้วเราพอใจ ความหมายของเราเป็นอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นการที่ใครจะมาติฉินนินทาโจมตีอย่างนั้นอย่างนี้ มันปากของใครของเรา มันปิดกันไม่ได้ใช่ไหม ตั้งแต่หลวงพ่อยังตีปากเณรได้ เณรก็ตอบหลวงพ่อว่า ถ้าโป้ตีนซั้งบ่มีเล็บ เณรก็ยังตอบได้ใช่ไหม มันมีสิทธิ์พูดได้ด้วยกัน หลวงตาก็ตอบปั๊วะ ไปเต็มปากไม่รู้จักโป้ตีนพ่อแก่มึงเหรอ ทีนี้ก็มีสิทธิ์ใช่ไหม ทางนั้นก็ร้องไห้งิ ๆ ว่าโป้ตีนซั้งบ่มีเล็บ นั่นเห็นไหมมันก็พูดได้ด้วยกันเข้าใจเหรอ แน่ะ อันนี้เราก็พูดได้ทุกคนเพราะมีปาก เขาจะติฉินนินทาก็ช่างเขาปากเขาเข้าใจไหม ปากเราก็ปากเรา เราก็สอนไปด้วยปากของเราที่เป็นธรรมมากน้อยเพียงไร เราก็ออกของเรา

การติฉินนินทามันมีมาแต่โลกดินแดน ท่านว่า เอส ธมฺโม สนนฺตโน การได้การเสียคือได้มาเสียไป นินทาสรรเสริญ ความสุข ความทุกข์เหล่านี้เป็นธรรมชาติที่มีมาดั้งเดิม ท่านเรียกว่า เอส ธมฺโม สนนฺตโน เป็นของลบสูญไปไม่ได้ เมื่อโลกสมมุติยังมีอยู่ เรื่องนินทาสรรเสริญจะเป็นคู่เคียงกันไปอย่างนี้ นี่พระองค์ทรงสอนพระอานนท์ อย่าไปหวั่นกับเรื่องนินทา สรรเสริญ ให้ดูตัวของเรา เราบกพร่องตรงไหนให้ดูตรงนั้น แก้ไขตรงนั้น อย่าไปสนใจกับคนอื่น นั่น ฟังซิท่านพูด ให้ดูตัวนี้ ควรติติตรงนี้ ควรแก้แก้ตรงนี้ อย่าไปติคนอื่นแก้คนอื่นซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นั่น

อันนี้เขาจะติฉินนินทาก็เป็นเรื่องของเขา ก็ไม่เห็นเกิดประโยชน์แก่เรา เขามาติดฉินนินทาเราก็เฉยเสีย อันใดที่จะเป็นประโยชน์แก่โลกเราก็ทำดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นนี้ เราทำมาอย่างนั้นตลอด เรื่องติฉินนินทาโจมตีอะไร เขาจะว่าอะไรก็ให้เขาว่าไป ก็อย่างที่ว่าเณรมันยังพูดได้ นั่น มันมีสิทธิ์พูดเข้าใจไหม เราก็มีสิทธิ์พูดมีสิทธิ์ทำได้เหมือนกัน เราจึงไม่สนใจอะไร เพราะการช่วยพี่น้องทั้งหลายเราช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ ตั้งแต่ขณะร้องโก้กถึงใจกึ๊กเลย พอถึงกึ๊กนี้ก็ออกเลยที่นี่ ออกสนามเลย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความบริสุทธิ์นี้เต็มตัว ๆ ๆ เพราะอำนาจแห่งความเมตตาครอบไว้ ๆ ความเมตตาจะไม่มีมลทินมาแทรกได้เลย คำว่าความเมตตา ทีนี้ความบริสุทธิ์ก็เป็นอยู่ใต้อำนาจของความเมตตา

อันนี้เราช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ เราไม่หวังอะไรเลย เราจึงบริสุทธิ์สุดส่วนตลอดมาทุกอย่าง สอนโลกเราสอนด้วยความเมตตา การพูดการจา ดุด่าว่ากล่าว จะเผ็ดจะร้อนจะหยาบจะโลนตามที่เขาพูดอะไรก็ตาม เราพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจล้วน ๆ จะหนักจะเบาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อความเป็นผลดีของผู้ฟัง เราไม่ได้เพื่อความเสียหายวายปวงแก่ผู้ฟังนะ ไม่ว่าจะแสดงมาแบบไหนเรื่องใดก็ตาม เป็นไปเพื่อความดีสำหรับผู้ที่จะได้ยินได้ฟังนำไปปฏิบัติเท่านั้น เราบริสุทธิ์ถึงขนาดนั้น การพูดการจาจะพูดแบบไหนพูดกับโลกวางไว้กับโลก หัวใจเราไม่มีโลก นั่น พูดอะไรก็พูดไป แต่ธรรมเป็นธรรมสำหรับโลกที่พอเหมาะพอดีกับสมมุติที่ควรจะรับธรรมขั้นนั้น ๆ ไว้บรรจุใจ พอธรรมบรรจุใจเต็มที่แล้วก็ผ่านโลกไปเลย อันนี้เรื่องติฉินนินทาไม่มี ใครจะว่าอะไรก็ตาม

นี่เราก็ช่วยเต็มกำลังความสามารถเต็มที่ไม่มีอะไรสงสัยแล้ว การดำเนินก็ดำเนินดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นนี้แหละ คราวนี้ก็เริ่มเข้ามาจะถึงจุดสุดท้ายของพี่น้องชาวไทยเราซึ่งรักชาติโดยทั่วกันทั้งประเทศ แล้วพร้อมที่จะเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีดีงามต่อชาติไทยของเรา ก็เริ่มเป็นผลขึ้นมา ๆ นี่ก็เป็นผลขึ้นมาแก่ชาติไทยของเราซึ่งรักชาตินั้นแหละ เสียสละก็พวกเราเป็นผู้เสียสละเอง หนุนชาติก็ชาติของเราเอง มีความอบอุ่นเย็นใจก็คือชาติของเราเอง นี่ผลแห่งการประกอบความดีงามมันก็ค่อยเป็นค่อยไปอย่างนี้แหละ เวลานี้ก็เบาลงไปทุกอย่าง ๆ แทบทุกอย่างแหละ ไม่หมดก็เบาลง ๆ ทุกอย่าง ๆ

ศาสนาก็นำด้วยความเป็นธรรม โลกก็นำด้วยความเป็นธรรม ธรรมต่อธรรมบวกกันแล้วเป็นของมีคุณค่ามาก ถ้าเป็นของเลวแล้ว ศาสนาก็อาศัยความเลวร้ายเข้าไปแทรก ศาสนาก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถไป ทำคนให้เดือดร้อนวุ่นวายจากศาสนาได้ เพราะคนที่เอาศาสนามาเป็นโล่บังหน้า คือคนสกปรก ทำศาสนาให้มัวหมองได้สกปรกได้เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นทองทั้งแท่ง เมื่อเอามูตรเอาคูถไปโปะมันแล้วมองดูทองไม่เห็น เราก็จะว่าทองทั้งแท่งได้ยังไง มูตรคูถมันติดอยู่ข้างนอกใช่ไหมล่ะ มันต้องล้างอันนี้ออกเสียก่อนเราจึงเห็นทองทั้งแท่งได้

ถ้าผู้ปฏิบัติดีเป็นธรรมล้วน ๆ แล้ว ทองทั้งแท่ง ๆ ไปเลย ไม่ต้องมีอะไรมาแปดเปื้อน นี่คือท่านผู้ปฏิบัติดีนำธรรมมาสั่งสอนโลก ท่านนำมาด้วยวิธีการอย่างนี้ ถ้าปฏิบัติดีเป็นอย่างนี้ ถ้าปฏิบัติดีแล้วก็เป็นทองทั้งแท่งตลอดไป ทีนี้โลกแม้จะมีกิเลสก็เทิดทูนธรรมเสมอ การประพฤติตัวก็ประพฤติเพื่อความเป็นคนดี เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลก นี้ก็เรียกว่าโลกเป็นธรรม เมื่อโลกเป็นธรรมก็หนุนธรรมได้ หนุนชาติหนุนศาสนาทุกอย่างได้ด้วยกัน เป็นอย่างนั้น พากันเข้าใจเอานะ

ชาติไทยของเรานี่เป็นชาติแห่งชาวพุทธต้องได้คำนึงถึงธรรมเสมอ ไม่คำนึงถึงธรรมนี้ยังไงก็พินาศแน่ ใครจะอวดเก่งกว่าธรรมไม่ได้ ธรรมนี้เหนือโลกทีเดียว นอกจากคนพิสดารแหวกแนวว่าธรรมอยู่ใต้โลก ธรรมอยู่ใต้โลกก็คือ คนที่หมดคุณค่าหมดราคาแล้ว อย่านำมาพิจารณา คิดให้เสียเวล่ำเวลานะ พระพุทธเจ้าคิดหมดแล้ว เวล่ำเวลาสร้างบารมีมาด้วยความคิดความอ่าน กี่กัปกี่กัลป์มาแล้วจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นของง่ายเมื่อไร ธรรมที่จะปรากฏขึ้นในโลก เราอย่าเอาแบบสุกเอาเผากินมาโจมตีธรรมให้ฉิบหายเลยนะ อย่านำมาใช้อย่านำมาคิด ให้เอาคนผู้ดีเป็นคติเครื่องเตือนใจมาสอนเรา เราจะได้ดิบได้ดีวันละเล็กละน้อยเพิ่มขึ้นโดยลำดับลำดา ไม่อย่างนั้นจะฉิบหายได้

ก็คิดดูซิ อย่างโลกเขาเวลานี้กำลังกระหึ่มใส่กัน ๆ เราจนอดไม่ได้ก็เลยพูดถึงเรื่องขอบิณฑบาต อย่ารบกัน เพราะการรบกันนี้ไม่มีชิ้นดีเลย เป็นเถ้าเป็นถ่านด้วยกันหมด ใครจะเก่งขนาดไหนก็ตาม เราก็ได้ยกข้อเปรียบเทียบขึ้นมาว่า เหมือนอึ่งอ่างกับวัว ในนิทานอีสปเราก็เคยพูดแล้ว อึ่งอ่างมันจะพองตัวขนาดไหนก็อึ่งอ่างเถอะ ให้มันเท่าวัวไม่เท่าแหละ วัวทั้งตัวมันโตกว่าอึ่งอ่างขนาดไหน แล้วอึ่งอ่างจะพองขนาดไหนท้องแตกก็เป็นท้องอึ่งเอง อันนี้เราจะอวดเก่งกล้าสามารถว่ามีความรู้ความฉลาด มีอำนาจบาตรหลวงอย่างใหญ่โต ที่จะกดขี่บังคับคนให้อยู่ในเงื้อมของตนแต่คนเดียวทั้งโลกนี้ มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราว่าเราเก่งเขาก็เก่งอยู่เหมือนกัน คนนั้นเก่งทางนี้ ๆ เพื่อจะเป็นไฟเผากันแหลกเป็นเถ้าเป็นถ่านเลย ใครเก่งที่นี่

ความตายนั้นแลท่านเรียกว่าวัว ความตายนี่จะทำยังไงไม่พ้นความตาย หรือเหมือนกันเราขับรถเข้าชนภูเขา รถใครจะเก่งมาจากไหนก็ตาม เอ้า ขับชนภูเขาทั้งลูกเป็นยังไง ภูเขากับรถหรือเอามีดไปฟันหิน เอามีดมาจากไหนเอาไปฟันหินลองดูซิ มีดเล่มไหนจะเก่งขนาดไหน พังทั้งนั้นแหละ รถจะมาสักกี่โลกกี่สงสารนี้เอาไปชนภูเขาแหลกทั้งนั้นแหละ รถบริษัทใดก็เอามาเถอะน่ะ จะเก่งขนาดไหนชนภูเขาแหลกด้วยกันทั้งนั้น นี่ความแกล้วกล้าสามารถของโลกที่ว่า ตั้งตนอยู่เหนือธรรมแล้วเหมือนกับขับรถชนภูเขานั่นแหละ พัง

เพราะฉะนั้นการรบกันจึงไม่ใช่เป็นของดิบของดีเลย ใครจะรู้จะฉลาดขนาดไหน รู้ฉลาดตั้งแต่เวลายังไม่เจอ ยังไม่เจอสิ่งที่เหนือกว่านั้น สิ่งที่เหนือกว่านั้นคืออะไร เอารถชนภูเขาเข้าไปซิ ป้างเข้าไป รถพัง นั่นละเห็นกันตรงนั้น รถพังหรือภูเขาพัง นี่เรื่องความฉิบหายความล้มละลายนี้มันเป็นของน้อยเมื่อไร มันอยู่เหนือเหตุที่ทำลงไป เหตุที่ทำลงไปก็ว่าตัวเรานี้จะใหญ่โตครอบโลกธาตุได้ ครั้นเวลาตายแล้วตายด้วยกันนั่นแหละ ความตายเหนืออยู่ทุกอย่าง ไม่ว่าคนโง่คนฉลาดตายด้วยกัน ถ้าฝืนไม่เป็นท่าตายแล้วตายแบบล่มจม

ถ้ายอมรับความตายเป็นหลักธรรมดาแล้ว พระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายพิจารณาความตายทั้งนั้นเป็นหินลับปัญญา เกิดปัญญาขึ้นภายในใจ เช่น อย่างเราจะรบราฆ่าฟันกันอยู่อย่างนี้ ไม่พ้นความตายนะอย่าอวดดีนะ เท่านั้นถอยกันเลย ฟังเหตุฟังผลเป็นยังไง ฟังเสียงกันและกันแล้วสงบ บ้านเมืองทั้งโลกนี้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกันหมด เพราะฟังเสียงธรรมเสียงเดียวเท่านั้นละ ยอมรับกันนี่ ถ้าไม่ฟังเสียงธรรมเสียอย่างเดียว ใครว่าเก่ง ๆ พินาศก็คือพวกเก่ง ๆ นี้แหละ ไม่มีอะไรดีเลย

การรบกันเป็นของดีที่ไหนฟังซิ เป็นเรื่องฉิบหายวางปวงหมดไม่มีอะไรเหลือเลย เพราะฉะนั้นการอะลุ่มอล่วย การพิจารณาเหตุผลซึ่งกันและกันสมมนุษย์ที่อยู่ร่วมกัน มีพ่อรักพ่อมีแม่รักแม่ มีลูกมีหลานรักลูกรักหลาน มีเป็ดมีไก่สัตว์สาราสิงเต็มบ้านเต็มเมืองรักเขาทั้งหมด นี้เราก็รักมนุษย์ด้วยกันอย่างนี้แล้ว จะมีเหตุผลปฏิบัติต่อกันด้วยความดีงาม แล้วจะสงบร่มเย็นไป ไฟเผาโลกก็จะไม่มีจากคนที่อวดตนว่าฉลาดแล้วจะจมไปกว่าเพื่อนนะ นี่เราก็เคยได้พูดแล้วขอบิณฑบาตแล้ว

การรบกันนี้ไม่มีชิ้นดีเลยแม้นิดหนึ่งมองดูไม่เห็น แต่เรื่องความพินาศเต็มโลกไปเลย ไม่มีอะไร แล้วเราจะกล้าเสี่ยงอยู่เหรอ พิจารณาซิ เข็มเล่มหนึ่งจะไปกล้าแลกภูเขาทั้งลูกแลกได้ไหม นั่นฟังซิ เข็มเล่มหนึ่งจะเอาได้กำไรให้เท่าภูเขาทั้งลูกมันไม่ได้ มีแต่พังทั้งนั้นแหละ นี่ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของยั่งยืนถาวร เป็นของแน่นหนามั่นคงของเลิศเลอสั่งสอนโลกให้ยอมจำนนมาตามนี้ ร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน ถ้าใครฝืนธรรมฝืนมากฝืนน้อยฉิบหายวายปวงไปด้วยกันทั้งนั้นแหละ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้แหละนะ พากันจำเอา เอาละต่อไปนี้จะให้พร

 

อ่านและฟังธรรมะหลวงตา วันต่อวัน  ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก