เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๕๔๖
อยากให้โลกสนใจในธรรมพระพุทธเจ้า
เมื่อวานทองคำได้ ๒ บาท ดอลลาร์ได้ ๑,๐๕๓ ดอลล์ ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้ว ๑๓๒ กิโล ๓๒ บาท ดอลลาร์ได้ ๑๒๘,๑๙๗ ดอลล์ ทองคำที่ได้ทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเวลานี้ได้ ๕,๖๙๑ กิโลครึ่ง รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบได้ ๗,๓๒๘,๑๙๗ ดอลล์ ก็ได้มาอยู่เรื่อย ๆ อย่างนี้แหละ
เมื่อวานนี้ทีแรกเราว่าจะไปไกลนะ เลยชัยภูมิไปโน้น เห็นแล้วน่าสงสาร มันจะต่อเพชรบูรณ์โน้นละมัง ไกล ๓๓๐ กว่ากิโล โรงพยาบาลเทพสถิต กับภักดีชุมพล นี้ไล่เลี่ยกัน อยู่ทางด้าน อู๊ย ไกล อยู่ติดเพชรบูรณ์ละมัง เราเคยไปแล้ว ทีนี้เมื่อวานนี้ทีแรกคึกคักตั้งท่าว่าจะไป ให้พระเตรียมของไป สงสารว่าจะไป พอไปถึงครึ่งทางรู้สึกเหนื่อยแล้ว เอ๊ ยังไงกัน เราถามพระดูกิโล จากนี้ไปโน้น จากโน้นย้อนหลังมานี้เท่าไร มันพึ่งเริ่มครึ่ง เรารู้สึกเหนื่อยแล้ว อู๊ย ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเลยแวะเข้าโรงพยาบาลคอนสวรรค์ ไม่ไปเลย จากนั้นไปอีก โถ ไกล เลยไม่ไปเมื่อวานนี้ พอไปพวกนั้นก็ขอตึกขออะไร ไม่ให้เราก็บอก เมื่อวานซืนนี้เราก็ไปให้ทางบุ่งคล้าแล้ว นั่นก็คันหนึ่งเหมือนกัน ที่ว่าจะตีปากเขานั่น ครั้นกลับมาแล้ว ปากมันจะตีเขา แต่ใจมันไม่ตีละซี ก็มาคิดเป็นห่วงเป็นใย เขาอยู่ที่อัตคัดขัดสนเราก็ทราบอยู่แล้ว แล้วได้ช่วยมาโดยตลอด
ทีนี้ไปเขาก็ขอ ทีแรกเราบอกไม่ให้ ครั้นมาแล้วก็มาพิจารณา ถึงได้มาตัดสินใจเมื่อเช้าวานนี้ โทรไปบอกทางนู้นว่าให้แล้ว อย่างนั้นนะ ห่างไปอีกอาทิตย์หรือว่าไง ก็ได้ให้พรเจริญ นั่นก็คันหนึ่ง แต่ที่นั่นให้ ๒ ชนิด อุลตราซาวด์เครื่องหนึ่ง กับรถยนต์คันหนึ่ง ที่บุ่งคล้าให้รถยนต์คันหนึ่งติด ๆ กัน เราจะไปเอามาจากไหนเงิน ฟังซิ อย่างเขาโอนมานี่ก็ ๑ แสน แต่เราฟาดรถยนต์คันเดียว ๙๗๕,๐๐๐ นู่นน่ะเห็นไหมล่ะ ของเล่นเมื่อไร
เราไม่ได้สบายใจนะที่รถนำเขาให้ความสะดวกแก่เรา จิตมันเป็นอันหนึ่ง เรื่องรถน่ะสะดวก แต่ใจเรามันไม่ได้สะดวกนะ มันหากเป็นอยู่ในนั้น เหมือนเอารัดเอาเปรียบพวกสัตว์โลกด้วยกัน เป็นอยู่ในจิตไม่เคยจืดจางนะ ไปไหนเหมือนกัน เขาให้ความสะดวก มีรถหวอไปนำหน้าเรา เราตามหลัง มันขัดตลอด แต่เราก็พิจารณาถึงเหตุผลกลไกอะไรแล้วเราก็บืนไปอย่างนั้นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่สะดวกนะ มันหากเป็นอยู่ในจิต เขาก็ทราบเรื่องราวของเรา ตามกฎหมายบ้านเมืองมันก็มีอย่างนั้น กฎจราจรมี
แต่นี้ธรรมไม่ได้ขึ้นกับกฎใด ขึ้นอยู่กับธรรมล้วน ๆ เขาไม่สะดวกแต่เราสะดวก เขาแทนที่จะได้ไปแต่เราตัดหน้าเขาไปเสียเลยให้เขาหยุดชะงัก มันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอยู่ในจิตตลอด ไม่จำเป็นจึงไม่อยากจะเอาไป แต่นี้ก็เป็นเรื่องจำเป็นจึงต้องอนุโลมตาม ทั้ง ๆ ที่ใจเราไม่ได้เป็นไปตามนะ มันเป็นอยู่ตลอดไม่เคยชินนะ ไปทีไรก็ทีนั้นอยู่อย่างนั้น แต่ก็พิจารณาเทียบเคียงเหตุผลมาประกอบกัน ก็ฝืนไปตามว่านั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่สะดวก อันหนึ่งสะดวก ทางด้านกฎหมายสะดวก แต่ทางด้านธรรมะไม่สะดวก เรื่องของเราเป็นเรื่องธรรม พิจารณาทั่วถึงหมด เสมอภาคไปหมดเลย แต่นี้เวลาเราสะดวกเขาไม่สะดวก แน่ะ เป็นอย่างนั้นนะ ไฟเขียวอื๋อออกมาแทนที่เขาจะไปได้ รถหวอผ่านหน้าเขาต้องหยุดเสียก่อน รถต้องผ่านไปเรียบร้อย ดีไม่ดีไฟเขียวกลายเป็นไฟแดงขึ้นมา เสียเวลาไปอีกเขาน่ะ คิดไปหมดนั่นแหละ
รถเราไปเขาหลบอย่างนี้เรายิ่งคิดมากนะ เขาไม่ทราบ พอรถหวอผ่านไปปั๊บ เขาหลบปุ๊บ หลบอย่างกิริยารวดเร็วหรือตกใจอะไรอย่างนี้ เราไม่ได้สบายใจนะ นี่อาการของเขาเป็นอย่างนี้เพราะเรา แน่ะ ไปกระตุกเขาให้มีความตกอกตกใจบ้างอะไรบ้าง นี่ละเรื่องธรรมกับโลกมันเป็นคู่เคียงกัน กฎหมายนี้ก็เอาออกจากธรรม เอาไปเป็นกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมเสมอภาค แต่ธรรมนี้ละเอียดกว่ากฎหมายเข้าไปอีกทีหนึ่ง ต่างกันอย่างนั้น เช่นอย่างไฟแดง กฎหมายเขาบังคับไว้เป็นส่วนรวม เมื่อเห็นไฟแดงต้องจอดรถทั้งนั้น ๆ นี่เรียกว่ากฎหมาย ฝ่าไฟแดงไปก็ปรับ เรียกว่าเป็นโทษ ถ้าธรรมะไม่เป็น ไฟแดงนี้เขาเพื่อส่วนรวมไป ว่าไปกลาง ๆ แต่ส่วนธรรมะนี้ทั้งกลางทั้งซอกแซกละเอียดต่างกัน ไปนี้ไฟแดง ไม่มีใครเลยเปิดไว้เฉย ๆ ไม่เห็นมีอะไร รถก็ผ่านไปเลยไม่ผิด เราก็เคยพูดเหมือนกัน
เราผ่านไฟแดงไปนั่นละ ทั้ง ๆ ที่ทางกฎหมายผิด แต่ธรรมไม่ผิด ธรรมก็ไปได้ เข้าใจไหม มันละเอียดต่างกัน ถ้าหากว่ารถยังขวักไขว่อยู่นี้ถึงจะไฟเขียวก็ไปไม่ได้ ทางธรรมะนะ ถึงไฟเขียวก็ไปไม่ได้ถ้ารถยังขวักไขว่ ไม่ปลอดภัย ไปก็ขัดธรรม ถึงจะถูกกฎหมายก็ไม่ถูกธรรม แน่ะ ถ้าไฟแดงแต่ไม่มีใครเลย เปิดโก้ ๆ เอาไว้ โก้อะไรไปเลย ต่างกันอย่างนี้นะ เราทำได้สบายเราไม่มีอะไรสะทกสะท้านเพราะเล็งเป็นธรรมโล่งไปหมดแล้ว เอาธรรมเข้ากางนี้โล่งไปหมด เรื่องธรรมแล้วจะโล่งไปตลอด ถ้าเรื่องโลกเรื่องกิเลสแล้วจะขวาง มากน้อยจะบอกในตัว ขวางในตัว ต่างกันนะ
ธรรมนี้เป็นของสำคัญ ผู้ที่จะเอาธรรมมาประกาศสอนโลกด้วยการรับรองของผู้แสดงเอง คือศาสดาองค์เอกนี้ เป็นศาสดาองค์เอกมาแล้ว ธรรมชั้นเอกได้สมบูรณ์แล้ว สอนอะไรจึงไม่ผิดพลาด เป็นอย่างนั้นนะ ต่างกัน เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นแบบฉบับได้ เราจึงอยากให้พี่น้องชาวโลกเราได้หันหน้าเข้าสู่ธรรม อย่ายึดอย่าถือพรรคพวก ภาคอะไรต่ออะไร ตลอดถึงประเทศนั้นประเทศนี้ ทวีปนั้นทวีปนี้อะไรเลย นั้นเป็นวรรคเป็นตอน ให้ถือเป็นส่วนรวมว่า สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น ต่างคนให้ต่างเล็งจิตใจของกันและกันให้สม่ำเสมอ นี่เรียกว่าธรรม
ถ้าโลกได้หมุนเข้าสู่ธรรม เช่นธรรมของพระพุทธเจ้านี้เป็นธรรมที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว เราจะพูดถึงเรื่องเทียบเคียงหรือเป็นคู่แข่งไม่มี ในโลกเรานี้บอกไม่มี เพราะไม่มีศาสดาองค์ใดที่เป็นเจ้าของศาสนาเป็นผู้สิ้นกิเลส รู้แจ้งแทงทะลุโล่งไปหมดเหมือนพระพุทธเจ้าที่เป็นเจ้าของศาสนาแต่ละครั้งละคราวมาตลอดปัจจุบันนี้ และยังจะเป็นไปอีกอย่างนี้เป็นแถวแนวเดียวกัน ตายตัวด้วยความถูกต้องแม่นยำ ไม่ได้เสกสรรปั้นยออะไรเลย แต่ศาสนาของคนมีกิเลสย่อมมีเป็นวรรคเป็นตอน มีสูง ๆ ต่ำ ๆ ดีไม่ดียังมีที่แจ้งที่ลับ ส่วนพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมชั้นเอกขึ้นมานี้ไม่มี ที่แจ้งก็ไม่มี ที่ลับก็ไม่มี ท่านจึงแสดงไว้ว่า นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่า ที่ลับย่อมไม่มีในโลก
นี่ธรรมท่านแสดงไว้ ที่ลับไม่มีในโลก ผู้ทำก็เป็นที่แจ้งที่เปิดเผยอยู่กับตัวเองผู้ทำ ไม่ได้ไปเปิดเผยอยู่กับความมืดความสว่าง มันเปิดเผยอยู่กับผู้ทำ ทำดีเป็นดี ทำชั่วเป็นชั่ว อยู่กับผู้ทำเอง ไม่ขึ้นอยู่ความมืดแจ้งสว่าง เพราะพวกนี้ไม่เป็นผู้ผิดผู้ถูก มีมืดแจ้งมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ผู้ผิดผู้ถูกเป็นเรื่องของสัตว์โลกต่างหาก ถ้าสัตว์โลกทำจะมาหลบหลีกว่า ทำคนไม่เห็นไม่รู้แล้วเราจะไม่ผิดไม่ได้ ผิดแล้วตั้งแต่เริ่มลงมือทำ จะมีพระอาทิตย์ร้อยดวง ถ้าทำผิดก็ผิด หรือทำถูกก็ถูก ร้อยดวงพระอาทิตย์ไม่มีความหมาย มันผิดมันถูกอยู่กับการกระทำของบุคคล ทำที่มืด มืดขนาดไหนก็ตามถ้าทำผิด มีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านคนผิดหมด เพราะมันผิดอยู่กับการกระทำ ถ้าไม่กระทำไม่ผิด
นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านเปิดเผยไว้อย่างนี้ คือมันอยู่กับตัวเองท่านบอก ท่านจึงบอกด้วยว่า กรรม ๆ อยู่กับสัตว์ผู้ทำ ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นกรรม คำว่ากรรมแปลว่าการกระทำ ทำดีทำชั่วเป็นผลขึ้นมา ติดตามขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เป็นความคิดเห็นของเราเอง แต่เราไม่ได้คิดถึงเรื่องว่าจะเย่อหยิ่งจองหอง หรือจะดูถูกเหยียดหยามผู้หนึ่งผู้ใด เราคิดด้วยความเป็นธรรม เรียกให้เต็มยศเต็มกำลังก็ เราจะตัวเท่าหนูก็ตาม ธรรมที่เราปรากฏอยู่ในหัวใจนี้ก็เต็มหัวใจแล้ว จึงไม่มีสงสัยพระพุทธเจ้า แม้พระองค์เดียวเราไม่เคยมี พอจ้าขึ้นนี้มันกระเทือนถึงกันหมดพระพุทธเจ้า จึงเคยเทียบไว้แล้วว่า เหมือนน้ำมหาสมุทรกว้างขนาดไหนก็ตาม บรรดาแม่น้ำจะไหลมาจากสายใด ๆ ก็ตาม เมื่อเข้ามาถึงมหาสมุทรแล้วเป็นแม่น้ำมหาสมุทรเหมือนกันหมดไม่มีอะไรแปลกปลอม เป็นแม่น้ำมหาสมุทรเหมือนกันหมด
นี้บรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายพอตรัสรู้ปึ๋งขึ้นมาเท่านั้น ถึงขั้นบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเพียงพระพุทธเจ้า แม้พระอรหันต์ไม่ว่าเพศหญิงเพศชาย เพราะจิตไม่มีเพศ ถึงขั้นบริสุทธิ์แล้วถึงนิพพานด้วยกัน ถึงมหาสมุทรทะเลหลวงด้วยกัน ไม่มีสูงมีต่ำ ตามที่ท่านแสดงไว้ว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาท่านผู้บริสุทธิ์ นับแต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายลงมาถึงสาวกองค์สุดท้าย เป็นความเสมอภาคกันหมด ไม่มียิ่งหย่อนกว่ากัน จึงเทียบเป็นเหมือนกับน้ำจะไหลมาจากคลองใดก็ตาม เมื่อเข้าถึงมหาสมุทรแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกันหมด เราจ่อมือลงตรงไหนจะถูกน้ำคลองใด ๆ ถูกแม่น้ำมหาสมุทรอย่างเดียวกันเท่านั้น ไม่ถูกคลองนั้นคลองนี้ที่เคยไหลเข้ามา พอถึงน้ำมหาสมุทรแล้วเป็นน้ำมหาสมุทร
นี้จิตที่บริสุทธิ์แล้วก็จ้าขึ้นก็เป็นแบบเดียวกันหมดเลย มองดูนี้กับพระพุทธเจ้าก็เป็นอันเดียวกันแล้ว เหมือนเราจ่อมือลงไปนี้เป็นมหาสมุทรอันเดียวกันแล้ว ไม่มีจะสงสัยว่าเกาะใดดอนใดเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากคลองนั้นคลองนี้ไม่มี เป็นมหาสมุทรอย่างเดียวกันหมด นี้พอบริสุทธิ์ผึงเท่านั้น ไม่ต้องไปหาพระพุทธเจ้าที่พระองค์ใดที่ไหนเลย จ้านี้บอกในตัวเสร็จ นั่น ท่านแสดงไว้ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต เห็นอย่างนี้เอง นี่เรียกว่าเห็นสุดยอด แต่การเห็นธรรมเห็นเป็นขั้น ๆ ตอน ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเห็นพระพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจของเราไม่มีกิเลสแฝงเลย นั่นเรียกว่าเห็นพระพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต คือเห็นพระพุทธเจ้า
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเราจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ใครจะว่าเราโอ้อวดหรือท้าทาย หรือกล้าหาญหรือเย่อหยิ่งจองหอง ใครจะว่าก็ว่าได้แต่เราไม่ว่า เราจะว่าตามความจริงที่รู้ที่เห็นของเราอย่างนี้ว่า เราอยากให้โลกทั้งหลายน้อมเข้ามาสู่ธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ไม่มีที่ตำหนิแล้วนี้ ต่างคนต่างเคารพนับถือรักความจริงที่ทรงแสดงไว้แล้วเรียบร้อยแล้วนี้ แยกจากความเป็นพรรคเป็นพวก เป็นทวีปนั้นทวีปนี้ โลกนั้นโลกนี้ออกเสียหมด ให้เหลือตั้งแต่ยอมรับความจริง ทีนี้เอาศาสนาของพระพุทธเจ้าผางเข้าไปในจุดกลางนี้คือความจริง เอ้า วินิจฉัยเอา ผิดถูกประการใดให้พิจารณาตามนี้ ปฏิบัติตามนี้ โลกนี้จะได้รับความร่มเย็นลงมากทีเดียวนะ แม้จะไม่สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นก็ตาม ก็เป็นผลที่ให้ได้รับความสงบสุขทั่วหน้ากัน ลดความเดือดร้อนวุ่นวายจากกิเลสรบกวนหรือบีบบี้สีไฟลงเป็นอันมากทีเดียว
เวลานี้โลกที่เดือดร้อนวุ่นวาย เราจะว่าอะไรก่อความเดือดร้อน ธรรมท่านไม่มี ก็เห็นแต่กิเลสร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ ที่พัดผันหัวใจสัตว์โลกตั้งแต่ผู้น้อยถึงผู้ใหญ่ ถึงผู้ใหญ่สูงสุดในวงสมมุติที่ยอมรับกัน มีแต่กิเลสเป็นตัวบงการ หมุนไปหมุนมาอยู่นั้น ถ้ากิเลสเป็นตัวบงการอยู่กับหัวใจผู้ยิ่งใหญ่ด้วยแล้ว นั้นแหละจะแสดงฤทธิ์เดชเอามาก เช่น อย่างประเทศนี้มีกำลังมาก แล้วก็เสริมกันด้วยกิเลส ทิฐิมานะก็สูง เรามีอำนาจวาสนามาก ความเฉลียวฉลาดเรามากกว่าใคร นี่จะทำลายคนอื่นได้ เย่อหยิ่งจองหอง บีบบี้สีไฟคนอื่นก็ได้ นั่นเป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นธรรมแล้วมีธรรมมากเท่าไรยิ่งอ่อนนิ่มไปหมด นี่มันต่างกันนะ เข้าได้หมด แม้สัตว์จะเล็กขนาดไหนถ้ารู้แล้วทำไม่ลง บรรดาพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ จะตั้งเจตนาทำลายสัตว์นี้เรียกว่าไม่ลง แม้พระองค์เดียวไม่เคยมี พระอรหันต์เหมือนกันองค์เดียวก็ไม่มี หากเป็นหลักธรรมชาติที่จะทำ ไม่ลงอยู่ในหัวใจนี้ เป็นอย่างนั้นนะ ต่างกันอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่คำนึงถึงว่าที่ลับที่แจ้ง
นี่อยากให้โลกทั้งหลายได้สนใจในธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ แต่แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับกรรมเหมือนกันนั้นแหละ แยกมาหากรรมแล้วมันก็กลืนไม่ได้คายไม่ออกเหมือนกัน แต่ความอยาก ๆ อยากให้โลกทั้งหลายได้สนใจในธรรม แล้วเราจะได้มีความสงบร่มเย็น แม้ที่สุดย่นเข้ามาหาเมืองไทยเรา ถ้าต่างคนต่างนับถือพุทธศาสนาตามเพศวัยของตนพอสมควรแล้ว โลกนี้จะมีความสุขความเย็นใจมากกว่านี้อีกนะ มากกว่าที่เป็นอยู่ในเมืองไทยเวลานี้ ความสงบร่มเย็นจะเพิ่มมากกว่านี้ แล้วโลกกว้างแสนกว้างที่คอยแต่จะย่ำยีตีแหลก เผากันให้เป็นเถ้าเป็นถ่านนี้ก็จะสงบลง เพราะอำนาจแห่งธรรมเป็นน้ำดับไฟ ๆ เห็นใจเขาใจเรา ผู้ใหญ่เห็นใจเด็ก ตามธรรมดาผู้ใหญ่ย่อมเห็นใจเด็ก ไม่ถือสีถือสาเด็ก เหมือนประหนึ่งว่าพ่อแม่กับลูกไม่ถือสีถือสากัน
ทีนี้ธรรมก็เหมือนพ่อเหมือนแม่ ไอ้เรื่องสัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลสก็เหมือนลูกเล็กเด็กแดง ไม่ถือสีถือสาเขาและพยายามปรับปรุงแก้ไข สั่งสอนเขาให้ดีขึ้นไป เขาก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จากอำนาจแห่งความดีของผู้ใหญ่ที่มีความเมตตาสงสาร แนะนำสั่งสอน
โลกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าได้นำธรรมของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติแล้ว ไม่ว่าบ้านใดเมืองใดจะชุ่มเย็นเป็นสุขไปด้วยกันหมด เฉพาะเมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธมานานแสนนอน ควรที่จะนำธรรมะของพระพุทธเจ้าไปพิสูจน์กับกิเลสดูเป็นยังไง ตื่นนอนขึ้นมากิเลสทำงานแล้ว ธรรมไม่เคยได้ทำงาน นอนยังไม่ตื่น ทีนี้ปลุกธรรมขึ้นมาให้ตื่นนอน ให้ดูเหตุดูผล ดูความเคลื่อนไหวของใจที่กิเลสฉุดลากไปนั้นบ้างว่า มันฉุดลากไปทางใดบ้าง ส่วนมากต่อมากมีแต่ฉุดลากไปทางผิดทางต่ำทั้งนั้น เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนี้โดยถ่ายเดียว ที่จะฉุดลากสัตว์โลกให้ไปในทางดีไม่มี นี่ให้ดูกิริยาอันนี้ของกิเลสด้วยธรรมของเรา แล้วเราจะยับยั้งชั่งตัวของเราได้ ควรหนักก็จะเป็นเบาลงมา ๆ ละได้ ๆ เป็นลำดับ ๆ
ถ้ามีธรรมเป็นเบรกห้ามล้อก็จะดีขึ้นไปอย่างนี้ ถ้าไม่มีธรรมแล้วทะลุไปหมดเลย เป็นเถ้าเป็นถ่านไปได้หมด ไม่มีอะไรยับยั้งกันได้เลยแหละ เพราะไม่มีธรรมยับยั้ง ให้กิเลสยับยั้งกันไม่มี มีแต่พุ่งหน้า ๆ เรื่อยไป ทีนี้ย่นเข้ามาหาตัวของเราแต่ละคน ๆ เข้ามาอีก เราเวลาไม่ได้ปฏิบัติศีลธรรม ไม่เคยสนใจกับศีลกับธรรมจิตใจเป็นยังไง ก็เป็นไฟทั้งกองนั้นแหละ ใครจะเอาสมบัติเงินทองข้าวของ ยศถาบรรดาศักดิ์มาโอ้มาอวดว่าจะไม่มีความทุกข์ เพราะเรามีสมบัติมากอย่างนี้เป็นไปไม่ได้เลย ทุกข์ต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา คนมีกับคนจนจึงมีความทุกข์เช่นเดียวกันในทางจิตใจ ในทางร่างกายหากมีเบาบางกว่ากันบ้างก็ตาม แต่ทางจิตใจผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งมีความทุกข์มาก อันนี้เขาก็จะต้องอ้างว่าเพราะความรับผิดชอบมาก เพราะอารมณ์มันมาก ความปรารถนาลามก หรือความปรารถนาใหญ่โตเกินโลกเกินสงสารมันมีมากมันก็ต้องคิดมาก
นี่เขาไม่ค่อยคิดละอย่างนี้นะ ถ้าคิดเป็นธรรมแล้ว คนมียศถาบรรดาศักดิ์สูงเท่าไร ถ้าไม่มีธรรมในใจจะเป็นผู้ได้รับความทุกข์ มีความทุกข์ สั่งสมความทุกข์มากยิ่งกว่าคนทั้งหลาย เช่น ตาสีตาสาอยู่ตามท้องนาเขาไม่ได้คิดมากนะพวกนี้ เป็นทุกข์ก็ทุกข์ตามประสีประสาของเขา แต่เรามันเป็นทุกข์เป็นทุกข์จริง ๆ ดีไม่ดีกว้านเอาคนทั้งประเทศมาเป็นทุกข์ด้วยกันก็ได้ เพราะเป็นหัวหน้าเขา พาเขาผิดก็ผิดกันทั้งประเทศ พาถูกยกกันได้ทั้งประเทศ
มันสำคัญอยู่ที่กิเลสกับธรรม ถ้าปล่อยให้กิเลสออกหน้าแล้วจมได้ ใหญ่เท่าไรยิ่งพากันจมได้อย่างง่ายดาย ถ้าธรรมเป็นผู้นำแล้วก็ชุ่มเย็นไปเรื่อย ๆ สงบเย็นไปหมด จึงขอให้ย่นเข้ามาอย่างนี้ ตั้งแต่โลกทั้งโลกพอจะมีศาสนาบ้างจะเป็นความร่มเย็น ย่นเข้ามาสู่เมืองไทยของเราซึ่งเป็นชาวพุทธ ให้ต่างคนต่างมีศีลมีธรรมยับยั้งชั่งตัวในเหตุที่ไม่ดีทั้งหลาย แล้วหมุนตัวไปทางที่ถูกที่ดีเป็นผลเป็นประโยชน์ทั่วหน้ากันแล้ว โลกเรานี้จะมีความสุขความเจริญยิ่งกว่าที่เป็นอยู่นี้ เอ้า ย่นเข้ามาผู้ไม่เคยปฏิบัติศีลธรรมเลย แล้วทีนี้มาปฏิบัติศีลธรรมจะเริ่มมีเบรกห้ามล้อ รู้ตัวเอง รู้การยับยั้งตัวเอง ทางไหนถูกทางไหนผิดเพราะได้ยินความผิดความถูกมาแล้วจากอรรถจากธรรมท่าน เราก็ไปปฏิบัติ
ยิ่งเข้ามาปฏิบัติตัวเข้าเอง เช่น เป็นนักพรต นักปฏิบัติ นักภาวนา นักบวช ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติแล้วยิ่งจ่อดูตั้งแต่เรื่องกิเลสกับธรรมจะแสดงกันยังไงบ้าง ส่วนมากต่อมากก็คือกิเลสมันแสดงก่อนอยู่แล้ว แล้วธรรมเป็นผู้คอยจับคอยจ้อง คอยปัด คอยลบคอยล้าง ต่อไปอันนั้นก็ค่อยอ่อนลง ๆ ทางนี้ดีขึ้น ทีนี้เมื่อธรรมค่อยเจริญขึ้น ๆ ความทุกข์ภายในใจที่กิเลสส่งเสริมขึ้นมานั้นก็ดับลงไป เบาลงไป ๆ ธรรมะก็เจริญขึ้นเรื่อย สุดท้ายกิเลสพังไปหมดธรรมะจ้าขึ้นภายในใจ หาทุกข์ไม่มีตั้งแต่บัดนั้น จึงเรียกว่า นิพพานเที่ยงไปเลย
นั่นละอำนาจของธรรมถึงขั้นพ้นทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง ไม่ได้เหมือนกิเลสที่ล่อลวงสัตว์โลกให้จมกันอยู่นี้ มีแต่ว่าอันนั้นก็จะดีแล้วไม่เคยขึ้น อยากดีอยากเด่นอย่างนี้ แต่มันไม่เคยดีไม่เคยเด่น หากอยาก ได้อยากก็เอา หิว ๆ ไม่อิ่มก็คือพวกอยากได้ดิบได้ดี อยากมั่งอยากมี อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ อยากมีสมบัติเงินทองข้าวของมาก ๆ มันอยากด้วยกันทุกคน แต่มันผิดหวังด้วยกัน นี่คืออยาก หิวแต่ไม่เคยอิ่มได้แก่พวกนี้ พวกหิวไม่มีวันอิ่มพอ คือพวกอยากหาเหตุหาผลไม่ได้ อยากหาเหตุหาผลได้คืออยากทางด้านธรรมะ เอ้า ถ้าอยากได้มั่งมีศรีสุขขนาดไหนก็ให้ขวนขวายทำ นั่น ถ้าอยากอย่างความเพียร อยากได้บุญได้กุศล อยากให้จิตใจมีความสว่างกระจ่างแจ้งขึ้นมามาก ก็ชำระกิเลสให้หนักมือ ๆ นี่ธรรมะท่านเป็นอย่างนั้น ไม่มีว่าอยากเฉย ๆ แล้วไม่ทำ แล้วอยากไปสวรรค์ก็ไม่มีใครเกินเรา เราเป็นผู้หนึ่ง อยากไปนิพพานก็เราเป็นผู้หนึ่ง แต่ความขี้เกียจขี้คร้านเราก็เป็นเบอร์หนึ่ง นี้มันใช้ไม่ได้เข้าใจไหมล่ะ อยากไปสวรรค์อยากไปนิพพาน แต่ความขี้เกียจขี้คร้านจะพาเราไปสวรรค์นิพพานมีที่ไหน มันก็เป็นเบอร์หนึ่ง
นี่ละมันถึงจมอยู่ตามเสื่อตามหมอน พวกเราไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ควรจะปฏิบัติตัว ธรรมะก็ประกาศป้าง ๆ อยู่นี้แล้วที่จะให้ได้รับความสุข เมื่อเราปฏิบัติตามท่านได้นะ กิเลสเขาก็ประกาศป้าง ๆ ตามหลักธรรมชาติของเขา เอ้า ใครเชื่อก็ตามเขาไปจมด้วยกันทั้งนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น ใครเชื่อธรรมไปตามธรรมก็ดีไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นอย่างอื่นเหมือนกัน
เราควรจะตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ โลกก็จะมีความหมายนะ อันนี้โลกไม่มีความหมาย เพราะกิเลสตัวหาความหมายไม่ได้นั้นแหละ แล้วปล่อยให้มันสร้างโลก โลกจึงไม่มีความหมายเวลานี้ ไปที่ไหนมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย คนมีความหมายมันเดือดร้อนหาอะไร คนเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเองตลอดเวลามีความหมายอะไร ถ้าเราสร้างความหมายขึ้นในตัวของเรา อยู่ไหนก็มีความหมาย ไม่ได้ต้องไปออกประกาศตนว่าข้ามีความหมายอย่างนั้นอย่างนี้ อยู่ที่ไหนก็มีความหมาย ขอให้ใจกับธรรมเข้าเป็นอันเดียว อยู่ในภูเขาก็มีความหมายเต็มตัว เทวบุตรเทวดามากราบไหว้บูชาเต็มท้องฟ้า เห็นไหมล่ะ
นี่ละพระท่านผู้ที่มีฤทธาศักดานุภาพ นิสัยวาสนาต่างกัน ผู้ที่มีอย่างนั้นก็มี ไปที่ไหนคนไม่เคารพนับถือเขาไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เทวดารู้ เทวดากราบไหว้บูชาตลอดเวลา นี่ละความเลิศเลออยู่กับใจ ไม่ได้อยู่กับการประกาศนะ พากันจำเอา วันนี้ก็เทศน์เพียงเท่านี้ละ เอานิดหน่อย เดี๋ยวเครื่องอันนี้(เครื่องส่งอินเตอร์เน็ต) ก็จะเสียแหละ ถ้าเทศน์มากกว่านี้เดี๋ยวก็จะไปทำลายเครื่องนี้ให้พัง เราเทศน์เพียงเท่านี้ละเพื่อสงวนเครื่องอันนี้เอาไว้ แล้วตอนค่ำวันนี้ให้มาเปิดไฟอีกนะ มาซ่อมอีก
โยม อันนี้เป็นจดหมายจากพ่อของพระนะครับ กราบเรียนนมัสการหลวงตาที่เคารพบูชาอย่างยิ่ง ลูกชายชื่อพระรัชตะ มีอาการทางจิตคือ เหมือนมีภาพเทวดามาอยู่ในห้วงกระแสจิต ออก ๆ เข้า ๆ บางครั้งก็ไปบางครั้งก็มา เป็นมา ๖ ปีแล้ว แล้วได้รักษาตัวมาตลอด อาการดังกล่าวนี้ ก็มารบกวนเสมอ ๆ ไม่หายขาดไป พระอยากมากราบหลวงตานานแล้ว จึงหาโอกาสให้โยมพ่อพามาถึงได้มาครั้งนี้ จึงกราบนมัสการหลวงตา เพื่อแผ่เมตตาและหวังจะแก้ไขให้หายจากอาการจิตดังกล่าวด้วยครับ กราบนมัสการมาครับผม
หลวงตา เอ่อ พระองค์นี้ท่านมีวาสนา ท่านอยู่ ๆ ท่านก็มีเทวดามาเข้า ๆ ออก ๆ พวกเราไม่มีเทวดาเลย พระองค์นี้ท่านดีของท่าน ให้นึก พุทโธ ติดแนบไว้เลยนะ เอาละจะได้เสริมเทวดามากขึ้นกว่านี้ เอาละพอ เอาเท่านั้น นึกพุทโธไว้ในใจซิ
อ่านและฟังธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
|