เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๖
นักภาวนา ธรรมคอยเตือน...อ.ปัญญา
เราเริ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะทองคำ ดอลลาร์ จะหนุนชาติไทยของเราให้สง่างาม คราวนี้ไม่มีอะไรงามยิ่งกว่าการช่วยชาติของเรา ด้วยความรักชาติ ด้วยความเสียสละ โดยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ให้ชาติภายนอกเขาได้เห็นว่า ชาติไทยเราเป็นยังไง รักชาติรักยังไง เสียสละยังไง มีความพร้อมเพรียงกันอย่างไรหรือไม่ ตาเขาจ้องมาสู่เมืองไทยเรานี้ทุกตาแหละ เขาจะดูความเคลื่อนไหวของเมืองไทยเราที่ช่วยชาติบ้านเมืองของตนเอง เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะมากที่สุด ไม่มีกาลสมัยใดที่จะเหมาะมากยิ่งกว่าสมัยนี้ ที่จะช่วยชาติของเราด้วยความเหมาะสมกับเหตุการณ์ คือคราวนี้เหมาะสมทุกอย่างในการช่วยชาติไทยของเราให้ขึ้นจากความเอนเอียง หรือจากหล่มลึกไปได้ ด้วยความรักชาติของพวกเราทุกคน ให้แสดงน้ำใจออกมาให้โลกทั้งหลายเขาได้เห็น
โลกเขารักชาติเขาเป็นยังไง เมืองไทยเรารักชาติเรารักยังไง เวลานี้กำลังจะประกาศความรักชาติของตนด้วยกิริยาอาการทุกอย่าง ซึ่งเป็นการอุ้มชูชาติไทยของเราขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันของเมืองไทยเรา นี่ละความรักชาติจะออกมากับกิริยาอาการที่จะอุ้มชูชาติไทยของเราด้วยวิธีการใด จะออกในคราวนี้แหละ เวลานี้ก็เริ่มออกมาแล้วให้เห็นอย่างชัดเจน ทองคำก็ได้น้ำหนัก ๕ ตัน กับ ๕๐๐ กิโลกว่าหรือ ๖๐๐ ก็ลืมแล้วแหละ ดอลลาร์ก็ได้ ๗ ล้าน สองสามแสนกว่าแล้ว ส่วนเงินสดนั้นได้เข้าสู่คลังหลวง โดยซื้อทองคำเป็นจำนวนเงิน ๙๔๑ ล้านบาท ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเรา นอกจากนั้นก็หมุนทั่วประเทศเขตแดนแห่งชาติไทยของเราด้วยเงินสด ๆ ทั้งนั้น โดยการช่วยเหลือคนทุกข์คนจน เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีเงินรักษา
สร้างสถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการ อันใหญ่มากก็คือโรงพยาบาล เรียกว่าทั่วประเทศไทยของเราไปทุกแห่งทุกหน นี่ล้วนแล้วตั้งแต่ออกจากเงินสด เกิดขึ้นจากความรักชาติของพี่น้องทั้งหลายได้ช่วยเหลือกันทั่วประเทศไทยเรา คราวนี้ความมุ่งหมายของหลวงตาที่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย ก็ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วจากน้ำใจของเราที่มีความรักชาติและเมตตาบรรดาพี่น้องชาวไทยเรา พร้อมทั้งศาสนาซึ่งเป็นที่ทูนเกล้าทูนกระหม่อมของชาติไทยชาวพุทธเราทั้งประเทศ เราก็ได้ประกาศออกมาแล้ว คราวนี้เรายังไงให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน นี้เป็นความประกาศออกมาจาก บอกว่าหัวใจหลวงตาบัวเลยทีเดียว นี่ละเป็นหลักใหญ่ ที่ออกมาเป็นทองคำได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน นี้ประกาศชัดเจนทั่วโลกดินแดน แล้วจะสง่างามครอบประเทศไทยของเรา
เมืองไหนมองเข้ามาเห็นมีแต่ความสง่างาม ด้วยความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีแห่งพี่น้องชาวไทยเรา ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นในคลังหลวง โดยทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ดอลลาร์ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้าน ประกาศก้องออกไปนี้ โลกทั้งหลายเขามองมา ทั้งใจคอยแต่จะชี้หน้าด่าทอนั่นแหละส่วนมากคนเรา ที่จะหวังดีต่อคนอื่นนี้มีน้อย นอกจากจิตผู้มีธรรมแล้วมีเมตตาไปตาม ๆ กัน ถ้าจิตธรรมดาเราทั้งหลายนี้ มักจะมีความเห็นแก่ตัวมาก เด่น ๆ แล้วเวลามองคนอื่นก็มองเพื่อความเห็นแก่ตัว แล้วก็ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นไปในตัวด้วย
ทีนี้เมื่อเขามองมาเมืองไทยเรา เขามาเห็นทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และดอลลาร์อย่างน้อย ๑๐ ล้านนี้แล้วเขาจะเป็นยังไง หากว่าเขาจะมาชี้หน้าด่าทอบรรดาพี่น้องชาวไทยเรา เราจะปกป้องพี่น้องชาวไทยเราแต่คนเดียวเท่านั้นพอ ให้พี่น้องชาวไทยเรา ๖๒-๖๓ ล้านคนนี้อยู่สะดวกสบายเย็นใจ หลวงตาจะออกรับข้าศึกเหล่านี้ โดยผลักพี่น้องทั้งหลายไว้ทางด้านหลังทั้งหมด เราจะออกหน้าสู้สงครามลมปากของคนที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เงินทองที่จะเข้ามาเมืองไทยเรา ๑ กิโลก็ไม่เห็นมี แล้วมาชี้หน้าด่าทอเราได้เพราะเหตุผลกลไกอะไร หลวงตาก็มีนิ้วมือเหมือนกัน จะชี้หน้าของเขาด่าเขาได้เหมือนกัน ด่าว่าพวกนี้เห็นแก่ตัว เขาหาแทบเป็นแทบตาย แทนที่จะอนุโมทนาสาธุการกับเขาด้วยความรักชาติ ความเสียสละของเขา กลับมาชี้หน้าด่าทอ ไม่มีใครเลวยิ่งกว่าพวกนี้ เราปากเดียวเท่านี้พอแล้ว
พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องพูด หลวงตาพูดคนเดียวพอ หลวงตาจะเป็นผู้ออกสงครามเอง ถ้าว่าออก ออกจริง หลวงตาองค์นี้ไม่เหมือนใครง่าย ๆ แหละ ว่ายังไงเป็นอย่างนั้น เมื่อได้พิจารณาตามเหตุตามผลทุกอย่างแล้ว ออกช่องนี้แล้วพุ่งเลย ๆ ที่จะหด ๆ หยุด ๆ หย่อน ๆ ไม่เอา นี้ยิ่งเป็นการช่วยชาติบ้านเมืองของเราแล้ว เราต้องเอาจริงเอาจังทุกอย่าง ไม่ว่าด้านไหนที่จะมาขัดขวางต่อชาติไทยของเรา เราเป็นเจ้าของสมบัติเราจะต้องฟัดต้องเหวี่ยงกันอย่างเต็มเหนี่ยว พี่น้องทั้งหลายให้เรียนข้อนี้เอาไว้นะ
ท่านทั้งหลายรักลูกของท่านเป็นยังไง รักพ่อรักแม่คือชาติไทยของเรา มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอันใหญ่หลวงเข้ามาแล้ว นี้ยิ่งมีน้ำหนักมากทีเดียว เราจึงต้องต่างคนต่างช่วยกันเพื่อรักษาชาติไทยของเราให้มีความสง่างามไปโดยลำดับลำดา หลวงตาเป็นอย่างนั้น ถ้าลงได้ออกแล้วออกจริง ๆ เวลานี้ช่วยพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตาสุดส่วน จะเป็นจะตายหลวงตาไม่ได้ห่วงใยในตัวเองเลย ฟังแต่ว่าไม่ได้ห่วงใยตัวเองเลย ปัดออกหมด เป็นเลยไปเลย ไม่มีอะไรเหลือ คำว่าห่วงใยของเราไม่มี เรามีแต่ห่วงใยพี่น้องชาวไทยของเราเท่านั้น จึงได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย ทุกสิ่งทุกอย่างออกได้ทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าสิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชาติบ้านเมืองของเราแล้ว เราออกได้ทุกด้านทุกทาง สิ่งใดไม่ดีปัดออก ๆ ก็เด็ด หามาเข้าก็เด็ด อย่างนั้นละที่ไม่ดีเราจะทำอ่อนข้อไม่ได้ ต้องปัดอย่างหนัก สิ่งที่ดีก็กว้านเข้ามาอย่างสุดเหวี่ยงกำลังของเรามีเท่าไรทุ่มลงไปเลย
นี่เรากำลังช่วยพี่น้องชาวไทยของเรา ถึงได้ประกาศให้พี่น้องหลายทราบทั่วหน้ากันว่า ยังไงทองคำเราคราวนี้ต้องให้ได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ถ้าหากว่าหลวงตาไม่ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน นี้ เราเคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่า ให้ระวังตัวให้ดีว่างั้นเลยนะ ถ้าลงหลวงตาได้ตายไปทั้ง ๆ ที่ทองคำไม่ได้ ๑๐ ตันแล้ว ต้องไปเป็นเปรตตัวร้ายกาจที่สุดเลย ใครอยู่ที่ไหน ๆ อยู่ในบ้านในเรือน ในป่าในเขา แม้ที่สุดอยู่ในห้องน้ำก็จะไปไล่ฟาดมันทะลักออกในห้องน้ำแตกกระจัดกระจาย หาที่อยู่ที่พักไม่ได้ เพราะเปรตตัวนี้เปรตเคียดแค้นมากทีเดียว
ทองคำเพียงน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้ เอาไม่ได้มีอย่างเหรอ ไล่ตีละซิ นี่ละถ้าท่านทั้งหลายไม่อยากให้หลวงตานี้เป็นเปรตตัวร้ายกาจ ให้พากันอุตส่าห์พยายามทุกคน ตั้งหน้าตั้งตาตั้งแต่เวลานี้ ซึ่งหลวงตาก็ยังไม่ตายยังไม่เป็นเปรต รอฟังข่าวคราวนี้เสียก่อน คราวนี้สำเร็จประโยชน์แล้ว ตายไปอย่างหายห่วง ไม่มีอะไรสงสัยในโลก สามแดนโลกธาตุนี้หลวงตาหายห่วงหมดแล้ว มีห่วงแต่พี่น้องชาวไทยทั้งชาติเรานี้เท่านั้น จึงได้ทำเต็มกำลังความสามารถของตน ทุกสิ่งทุกอย่างออกเต็มลวดลายแห่งความเมตตาเพื่อชาติไทยของเรา
ขอให้ทุก ๆ ท่าน ได้ฟังอย่างถึงใจในนามของชาติไทยด้วยกันทุกคน ๆ เราเท่านั้นที่จะกู้ขึ้นมาชาติไทยของเรา เพราะการที่จะทำให้เมืองไทยล่มจมไปด้วย เพราะเหตุผลกลไกอะไร ก็ไม่พ้นจากคนไทยของเราเหมือนกันที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ทีนี้เมื่อรู้เนื้อรู้ตัวแล้วกู้ฟื้นขึ้นมา ก็ต้องเอาให้เต็มเหนี่ยวเช่นเดียวกัน เราจะทำอ่อนข้อไม่ได้นะ ต้องให้หนักหน่วง ให้เป็นประวัติศาสตร์ ทั้งเมืองไทยที่จะล่มจม ทั้งเมืองไทยฟื้นฟูขึ้นมาด้วยเหตุผลกลไกอะไรก็ขอให้ได้ฟังทั้ง ๒ เงื่อนนั้นแหละ ออกจากเมืองไทยของเราทั้งชาตินี้จะประกาศตน ขึ้นมาสู่คุณงามความดี ความเป็นสิริมงคลเพราะความรักชาติ ความเอาจริงเอาจังแห่งชาติไทยของเรา
วันนี้เห็นไหมนี่ ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงท่านเสด็จมานี่ ท่านบอกใครเมื่อไรท่านอยากมาท่านก็มาของท่าน ท่านมาตั้งแต่เช้า ไม่ทราบว่าหลวงตาบัวนอนตื่นหรือไม่ตื่น พอโผล่หน้าออกมาก็พอดีท่านเสด็จมาถึง เหอ ท่านมาเหรอ ปุ๊บปั๊บ เลยมาเจอกันตรงนี้เลย นี่เวลาท่านจะเสด็จมาท่านไม่เห็นยากลำบากอะไรนะ ท่านมาถึงเลย ๆ ท่านเป็นนักภาวนา นี่ละผู้ใหญ่ยิ่งมีอรรถมีธรรมภายในใจ ยิ่งเป็นที่สง่างามเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอันหนาแน่นมั่นคง ไปที่ไหนชุ่มเย็นเป็นสุขไปหมดด้วยกัน ทั่วหน้ากัน นั่น ท่านมีอรรถมีธรรมท่านภาวนา พวกเราอย่ามาอวดตัวเลยว่า ลูกศิษย์หลวงตาบัว อยู่ในครัวนี้เป็นร้อยกว่าหรือไง ถามใคร มาอะไร มาภาวนา ๆ มันไม่มีคนสอดถามเข้าไปว่า มาภาวนาหรือมาหาที่นอนนะ ว่ายังไง ถ้าไปอย่างนั้นมันก็ตอบยากนะ จะว่ายังไง
นี่ท่านเอาจริงเอาจัง ท่านภาวนาของท่าน เราให้ถือเป็นคติตัวอย่าง วันนี้เป็นมหามงคลแก่พี่น้องชาวไทย เฉพาะอย่างยิ่งชาวอุดร และวัดป่าบ้านตาด บรรดาพี่น้องทั้งหลายมา ก็ได้มาชมพระบารมีของท่าน ในเช้าวันนี้ท่านมาอย่างปุบปับเลย ถ้าเป็นนักมวยก็ไม่ต้องยกครู ต่อยเลย ๆ นี่ท่านไม่ยกครูจนกระทั่งหลวงตาบัวหลบไม่ทันวันนี้ มาเจอกันตรงนี้เลยละ เหอ มาเหรอ เท่านั้นละ ก็มันไม่มีทางตอบหลบไม่ทัน เหอ มาเหรอเท่านั้นเอง ท่านมาถึงก่อนเราแล้วนะ พอดีท่านมาถึงนี้เราก็เข้ามาพอดี ก็มาทราบเอาตรงนี้
นี่ละเวลาท่านจะเสด็จมาท่านก็เสด็จมา เวลานี้อยู่ทางปราจีนก็มี ที่ประทับบำเพ็ญภาวนาของท่าน เรียกว่า วัดอะไร เกษียรใหญ่หรืออะไรทางโน้น ท่านเคยไปภาวนาบ่อย ๆ จากโน้นท่านก็มาที่นี่ จากที่นี่ท่านก็ไปวัดนั้น ท่านไปทางโน้นท่านไปอยู่นาน ๆ ภาวนาจริง ๆ จัง ๆ นี้ ไปประทับภาวนาอยู่นั้น เป็นหลาย ๆ วัน ท่านถึงได้เสด็จกลับ มาทางนี้ท่านมาไม่ได้นานนักละ ท่านมาเป็นรายการก็ยังเป็นมหามงคลแก่พี่น้องทั้งหลายเราอยู่ไม่น้อยนะ ท่านมาภาวนา ท่านมาหาครูบาอาจารย์ มาหาศีลหาธรรม กราบไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ในสถานที่นี่ พี่น้องทั้งหลายก็พลอยได้รับความเป็นมหามงคลจากท่านทั่วหน้ากันด้วยนะวันนี้
เรามีวาสนา ท่านได้เสด็จมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ ท่านเสด็จมาตามพระอัธยาศัยของท่านแหละ ท่านอยากมาเมื่อไรท่านก็มา เพราะท่านถือว่าหลวงตานี้เป็นพ่อบุญธรรมของท่าน หลวงตาก็ถือท่านก่อนที่ท่านจะถวายตัวเป็นลูกแล้วว่าลูกบุญธรรม มาแล้วเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นจึงเข้ากันได้อย่างนั้นเหมาะสม พ่อกับลูกมาหากันเมื่อไรก็มาได้เป็นไรไป เหมือนอย่างพ่อแม่กับลูกของพี่น้องทั้งหลายก็เป็นแบบเดียวกันนั้นแหละ
วันนี้จึงเป็นมหามงคลของพวกเราทั้งหลาย แล้วก็ให้พากันตั้งใจภาวนานะ นี่ได้เทศน์เรื่องภาวนาได้มากหนักเข้า ๆ เราเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเป็นชาวพุทธแต่เนื้อหนังแห่งชาวพุทธอันแท้จริงไม่ค่อยจะปรากฏในจิตใจ คือการภาวนา มองดูใจตัวเองซึ่งเป็นตัวดีดตัวดิ้นนั้นน่ะ มันดีดมันดิ้นที่สุดคือหัวใจ ก่อเรื่องก่อราวมีแต่กิเลสออก เพราะธรรมก็อยู่ด้วยกัน แต่ธรรมตามไม่ทัน กิเลสมีกำลังมากและรวดเร็วกว่า จึงมักจะมีแต่กิริยาของกิเลสออกล้อมหน้าล้อมหลัง มองดูคนทั้งคนแทบไม่เห็นคน เห็นแต่กิเลสเต็มเนื้อเต็มตัว ข้างนอกข้างในเห็นไปหมด มีตั้งแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้น ธรรมไม่ค่อยมี ทั้ง ๆ ที่กิเลสก็ดี ธรรมก็ดีเกิดขึ้นที่หัวใจดวงเดียวกันนั้นแหละ อยู่ที่หัวใจ แต่เวลาแสดงออกนี้ลวดลายของกิเลสเร็ว รวดเร็วมากกว่า เราจึงไม่ทัน
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ได้มาจากการขวนขวายของกิเลสที่รวดเร็วกว่าเรานี้ จึงมักมีแต่เรื่องความทุกข์ ความลำบากลำบน ไปแห่งหนตำบลใดมีแต่ความทุกข์ร้อนของโลกทั้งนั้น เพราะเสียกลมายาของกิเลส กิเลสหลอกลวงให้มีความดื่มด่ำซึมซาบไปตามมันเรื่อยไปเลย ไม่มีความเบื่อหน่ายอิ่มพอกับกลมายาหลอกลวงของกิเลส จึงติดร่างแหมันไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น จึงต้องได้เอาธรรมกางเป็นแห เป็นตาข่าย ครอบไว้อีกทีหนึ่ง ไม่ให้มันเหนือธรรม กิเลสจะมากขนาดไหน มีกำลังขนาดไหนไม่เหนือธรรมนั้นละ เหมือนปลาไม่เหนือแห ปลาตัวใหญ่ขนาดไหนแหก็ครอบมันอยู่นั้นแหละ อันนี้ก็เหมือนกัน ธรรมท่านครอบเอาไว้ ให้พากันตั้งใจภาวนา
การภาวนานี้เป็นของสำคัญมากทีเดียว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยการภาวนา ฟังซิ พระสงฆ์สาวกที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรานี้ สำเร็จขึ้นมาเป็นผู้เลิศเลอด้วยการภาวนานี้เป็นหลักใหญ่ที่สุด เราที่เป็นลูกเต้าเหล่ากอของท่านก็ควรจะสนใจทางด้านภาวนา เพื่อส่งเสริมกิจหน้าที่การงานของเรา นับตั้งแต่จิตใจ การทำบุญให้ทาน รักษาศีล ไปโดยลำดับ สร้างคุณงามความดีต่าง ๆ เมื่อมีภาวนาเป็นเครื่องหนุนอยู่ภายในใจแล้ว สิ่งเหล่านี้จะมีความแน่นหนามั่นคง เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น กิริยาอาการ การขวนขวายของเราทุกด้านทุกทาง แม้ที่สุดการทำมาหาเลี้ยงชีพก็จะมีความชอบธรรม ๆ เป็นลำดับลำดา ภัยเวรไม่ค่อยติดมามากนัก เพราะมีธรรมเป็นเครื่องปัดเครื่องเป่าอยู่เสมอ
ธรรมอยู่ที่ใจ คนมีภาวนาและมีจิตใจเป็นอรรถเป็นธรรม มีความสงบร่มเย็นแล้วจะแสดงอาการใดออกมา ทางด้านจิตใจนี้พระธรรมท่านจะเตือนภายใน ท่านจะมีเตือน หากรู้เองสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม และมีธรรมสัมผัสใจ มีธรรมหล่อเลี้ยงน้ำใจแล้ว ความเคลื่อนไหวจะไปทางผิด ถูก ชั่ว ดีประการใดบ้าง พระธรรมที่อยู่กับใจท่านจะสะกิดออกมา อย่างน้อยสะกิดออกมา เตือน เล็ก ๆ น้อย ๆ ออกมา บางทีขู่เข็ญก็มี
ธรรมมีหลายประเภท เราจะว่าตั้งแต่ครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวหรือ ธรรมดุด่าเราก็มีในใจ ท่านทั้งหลายอยากทราบธรรมดุด่าเรา ให้ภาวนาเข้าไปซิ ธรรมดุด่าอย่างเผ็ดร้อนก็มีนะ อย่างนิ่มนวลอ่อนหวานก็มี ธรรมดาก็มี แบบกระซิบกระซาบก็มี นี้จะเกิดขึ้นจากนักภาวนา ที่มีธรรมภายใจเป็นอื่นไปไม่ได้ว่างั้นเลย นั่นละเรียกว่าธรรมเกิด ถ้าทำไม่ดีอะไรธรรมจะเตือน ๆ เตือนเรื่อย ๆ ถ้าควรจะหนักธรรมก็หนักแบบขู่เข็ญเลยทีเดียวก็มี นี่เห็นไหมถ้าหากว่าการดุด่าว่ากล่าวของเราที่นำมาใช้ต่อโลกทุกวันนี้ เป็นความเสียหายไปแล้ว พระธรรมท่านก็แสดงออกมาก่อนแล้วภายในจิตใจ ควรขู่เข็ญท่านขู่เข็ญ ควรดุท่านดุภายในใจ ก็ดุให้ดี ดีเท่าไรก็ยิ่งทำให้เลิศให้เลอขึ้นไป ไม่ได้ดุให้เลวทรามให้เสียหาย จะเป็นอะไรไป ดุภายในก็ดี ดุออกมาภายนอกก็ดี ดีทั้งนั้นละ ถ้าเป็นของดี ถ้าเป็นของไม่ดีอยู่ภายในก็ไม่ดี ออกมาข้างนอกก็ไม่ดี ไม่มีอะไรดีเลยก็คือของไม่ดี นี่ละพระธรรมท่านแสดงไว้อย่างนี้ แสดงได้อย่างนี้ในใจของเรานะ
นักภาวนาท่านรู้นะ แต่สิ่งเหล่านี้ท่านไม่ค่อยพูด ท่านจะพูดในวงปฏิบัติด้วยกัน เช่น พระกรรมฐานท่านอยู่ในป่าในเขา ออกมาสู่สังคมแห่งพระกรรมฐานด้วยกันบ้าง หรือสนทนากันเป็นกลุ่มเป็นก้อนบ้างอย่างนี้ จะมีแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมแปลก ๆ ต่าง ๆ ออกจากใจของท่านที่ขวนขวายหามาได้ มาเล่าสู่กันฟัง ต่างคนต่างเป็นกำลังใจ รื่นเริงบันเทิงในธรรมของกันและกัน อย่างธรรมที่ว่า นี้ละมีธรรมกระซิบอย่างนั้น กระซิบอย่างนี้ บอกอย่างนั้นบอกอย่างนี้ จะรู้ด้วยกันบรรดาพระกรรมฐาน แต่ไม่ใช่ฐานะที่จะนำมาพูดประกาศป้าง ๆ มาในตลาดอะไรก็ไม่รู้แหละ เราอยากพูดให้ไปแปลเองนะ ออกมาตลาดอะไร ท่านก็เลยอยู่ลึก ๆ ลับ ๆ ไม่ค่อยอยากออกตลาด มีอยู่ทั่วไป
ท่านทั้งหลายทราบไหมว่าธรรมพระพุทธเจ้าเปิดเผยอยู่ที่หัวใจนะ ไม่ได้อยู่ที่อื่น เปิดหัวใจให้ดี แล้วธรรมจะเกิดที่นั่น จะปรากฏที่นั่น จะเปิดเผยขึ้นที่นั่น การแสดงความดีชั่วประการต่าง ๆ เพื่อเป็นคติเครื่องเตือนใจแก่เราผู้ปฏิบัติธรรมจะเตือนขึ้นมาเรื่อย ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ นั้นแหละ นี่สำคัญที่ตรงนี้ นี่ละธรรมเกิด ธรรมเกิดเป็นบทเป็นบาทนี่ ธรรมเกิดธรรมอยู่ในใจมี ธรรมเกิดธรรมอยู่ในใจได้แก่ นับแต่ความสงบร่มเย็น ความสว่างไสว ถอดถอนกิเลสเป็นลำดับไป เรียกว่าธรรมเกิดธรรมอยู่ ธรรมเกิดยิบ ๆ แย็บ ๆ เป็นกาลเป็นเวลา นั่น หมายถึงธรรมเตือน เกิดขึ้นมาหรือเตือนขึ้นมา ๆ นี้อำนาจแห่งการภาวนาเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร
เมื่อใครไม่ทำใครก็ไม่เห็นใครก็ไม่รู้ เหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี ถ้าลงเราขวนขวายแล้ว ไม่ว่าธรรมไม่ว่ากิเลสมีด้วยกันทั้งนั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยสูญหายไปจากโลก มีอยู่ในโลกมาเป็นประจำทั้งธรรมทั้งกิเลส สถานที่อยู่ของกิเลสและธรรมอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของสัตว์โลก เอาตรงนี้นะ ไม่อยู่ที่ดิน ฟ้า อากาศ ต้นไม้ ภูเขา จะกว้างแคบขนาดไหนไม่ใช่สถานที่อยู่ของกิเลสและธรรม สถานที่อยู่ของกิเลสและธรรมอย่างแท้จริงนั้นอยู่ที่ใจ เกิดที่ใจอยู่ที่ใจทั้ง ๒ อย่าง เป็นแต่เพียงว่าส่วนไหนที่มีกำลังมากทางนั้นจะแสดงตัวออกได้มากกว่ากัน ถ้าธรรมมีกำลังมากก็แสดงได้มาก ธรรมมีกำลังน้อยสู้กิเลสไม่ได้ กิเลสก็ฉุดลากไป คนจึงทำความชั่วกันได้มาก ๆ ทำความดีได้น้อย เพราะกำลังของธรรมที่จะชักนำให้ไปในทางที่ดี หรือลากเข็ญไปในทางที่ดีมีน้อย เมื่อเราพยายามทำขึ้นไปอยู่โดยเสม่ำเสมอ กำลังน้อยนี้ก็มากขึ้นมา ๆ เอง ต่อไปก็ฉุดลากกิเลสให้ตกเหวตกบ่อไปได้ นั่น นี่เพราะอำนาจแห่งธรรม เมื่อธรรมมีกำลังมากแล้ว กิเลสโผล่ออกมาไม่ได้เลย นี่ละผู้ปฏิบัติธรรม
ธรรมมีไหมทุกวันนี้ หรือจะให้แต่กิเลสเหยียบอยู่ตลอดเวลา ใครปฏิบัติศีลธรรมอันดีงามเมื่อไร พูดเยาะพูดเย้ยเหยียดหยามกัน เป็นอย่างนั้นนะ เพราะพวกนี้มันเป็นพวกข้าศึกคือกิเลสต้องเป็นข้าศึกกับธรรมเสมอไป ผู้ใดทำความดี ผู้ที่มันทำตั้งแต่ความชั่วช้าลามกนั้นแหละ มันมาดูถูกเหยียดหยามหรือลบล้างความดีทั้งหลาย ไม่ให้มีแก่ผู้ทำดีนี่ แล้วความจริงแล้วใครทำดีใครทำชั่ว ไปแยกสันปันส่วนแบ่งกันได้ยังไง คนทำดีได้ดี คนทำชั่วได้ชั่ว ใครทำดีที่ไหนได้ทั้งนั้นไม่ว่าที่แจ้งที่ลับ มันอยู่กับคนผู้ทำ ทำที่แจ้งก็ได้ที่แจ้ง ทำที่ลับก็ได้ที่ลับ ทำที่ไหนได้ที่นั่น คือการทำดีทำชั่วอยู่กับคน แล้วจะมาลบล้างความดีความชั่วที่เขาทำแล้ว ซึ่งเป็นผลของเขา ไปเป็นผลเป็นประโยชน์ของตนได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้นอกจากลมปาก หาเห่าทางนั้นฟ่อ เห่าทางนี้ฟ่อไป ตัวเองไม่ทำตายแล้วก็จม
หรือบอกว่านรกไม่มี นั้นก็คือลมปากของกิเลสหลอกสัตว์โลก และหลอกตัวเองไปด้วยแล้วก็จม เขาไม่จมถ้าเขาไม่เชื่อเรานะ ว่านรกไม่มีเขาไม่เชื่อเขาทำแต่ความดี เขาเชื่อว่านรกมี สวรรค์มี เขาก็ทำตั้งแต่ความดีตามทางของศาสดาที่สอนไว้อย่างแม่นยำ เขาไม่ทำตามความชั่วช้าลามก ความหลอกลวงของกิเลสที่มีตั้งแต่ความต้มตุ๋นหลอกลวงสัตว์โลก เรียกว่า โคตรของกิเลสเป็นโคตรที่ต้มตุ๋นหลอกลวงสัตว์โลกทั้งนั้น ถ้าเขาไม่เชื่อนี่แล้วเขาก็ไม่ไปตกนรก พวกที่หากล่อมเขานั้นแหละตัวที่จะตกจมลงในนรก พากันฟังให้ดีนะ
เราอย่าไปเชื่อใครยิ่งกว่าศาสดาองค์เอก ศาสดาองค์เอกของเรานี้เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยความบริสุทธิ์สุดส่วนเลิศเลอไม่มีใครเสมอเหมือน นี่ละเป็นธรรมที่นำมาสอนโลกตายใจได้ทุกอนุกระเบียดไปเลย เม็ดหินเม็ดทรายไม่มีเหลือละ แน่ไปหมดเลยเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้เชื่อคำนี้ เราอย่าเชื่อกิเลสกระซิบกระซาบ อันนั้นมันมีแต่กระซิบกระซาบลงเสื่อลงหมอนไปอย่างนั้นละนะ ตั้งแต่เดินจงกรมก็โอ๊ย.ทุกสิ่งทุกอย่างปวดไปหมด แข้ง ขา ตีน มืออวัยวะต่าง ๆ ปวด ถ้าว่าหน้าหนาวก็หนาวพิลึกพิลั่นเกินบ้านเกินเมืองเขา ถ้าว่าหน้าร้อนก็ร้อนเกินบ้านเกินเมืองเขา คือนักภาวนา เฉพาะอย่างยิ่งลูกศิษย์หลวงตาบัวอยู่ในครัวนี้ มันมากกว่าเขาก็มีแต่สิ่งเหล่านี้แหละ ถ้าสิ่งที่ดีกว่าเขาไม่ค่อยเห็นมีกัน หามีมาอวดหลวงตาบ้างซิ หลวงตาผู้เป็นอาจารย์สอนแทบเป็นแทบตายอยู่นี่ ให้พากันจำทุกคน ๆ นะ
ให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ถ้าอยากเห็นของแปลกประหลาด ดังที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นเป็นลำดับลำดามา อย่างน้อยก็เป็นกัลยาณปุถุชน ตายแล้วไปสุคติ ไม่ต้องมีใครมา กุสลา ธมฺมา ธรรมท่าน กุสลา ธมฺมา เอง นี่ละถ้าเราปฏิบัติดีต่อเราแล้วนะ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้แหละ ขอความสุขความเจริญให้มีแก่ทุกคน ๆ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อ่านและฟังธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
|