เราไม่ได้ทวงบุญทวงคุณนะ
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 8:50 น. ความยาว 41.49 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๖

เราไม่ได้ทวงบุญทวงคุณนะ

 

         การที่ท่านทั้งหลายเห็นตู้บริจาคตั้งไว้ในที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองของเรานั้น มีความรู้สึกยังไงบ้าง ไม่จืดจางจนเกินไปแล้วหรือเมืองไทยเรา เห็นตู้ที่บริจาคเพื่อชาติไทย ๆ ช่วยชาติไทย เป็นอนาถา เป็นของไม่มีคุณค่าไม่มีราคา หยิ่งในตัวเองว่าเหนือกับอะไร มันเหนืออะไร พิจารณาซิ เราคิดมานานแล้วนะ มันเป็นยังไงเมืองไทยเรานี่ มันถึงได้จืดจางเอานักหนา สถานที่ตู้บริจาคเป็นจุดสำคัญ ๆ ของหัวใจชาติไทยเรา เช่นอย่างตู้ช่วยชาติบ้านเมืองนี่ แล้วใครจะเก่ง อยู่เฉย ๆ แบบหยิ่ง ๆ นี้หรือเก่ง หรือต่างคนต่างช่วยเหลือกันบริจาคเพื่ออุดหนุนชาติไทยของเราซึ่งกำลังจะล่มจมอยู่เมื่อไม่นานมานี้ เห็นไหมล่ะ การล่มจมนั่นหรือเป็นความดิบความดี การช่วยชาติของตัวเองด้วยการบริจาคนั้นเป็นของเลวแล้วหรือ มันน่าคิดนะ พิจารณาซิ อย่าอยู่แบบใจจืด ๆ จาง ๆ นะ คนหนึ่งดีดดิ้นเพื่อพี่น้องทั้งหลายแทบเป็นแทบตาย หลวงตาบัวไม่ได้เอาสักสตางค์นะ ให้ท่านทั้งหลายทราบไว้ด้วยกันทุกคน

เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ บาทหนึ่งหลวงตาบัวไม่เคยแตะ ฟังซิน่ะ ใครจะมาโจมตีแบบไหนก็ตาม ว่าเอาเข้าพุงนั้นพุงนี้อะไร มันเป็นปากเปรตปากผีต่างหาก ปากอรรถปากธรรมการทำของเราเราทำตามความสัตย์ความจริง พูดตามความสัตย์ความจริงนะ ที่ได้ช่วยชาติบ้านเมืองมานี้เราสละชีวิตเต็มกำลังของเราแล้ว ในชาตินี้เราไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะได้ช่วยพี่น้องชาวไทยเราดังที่เห็น ถึงขนาดที่ว่าร้องโก้กเลย เป็นยังไงร้องโก้ก เมืองไทยจะจมจะว่าไง แล้วรีบฉุดรีบลาก ถึงขนาดที่ว่า เอ้า จะเป็นผู้นำ แล้วก็นำมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ดิ้นล้มดิ้นตายทั้งนั้นนะ ธรรมดาของง่ายเมื่อไร

การเทศนาว่าการเห็นไหมเทศน์ทั่วประเทศไทย เราบวชมาตั้งใจว่าจะมาทำอย่างนี้หรือ มันก็ต้องทำจนได้นั้นแหละ การช่วยพี่น้องทั้งหลายทุกแบบทุกฉบับ สมบัติเงินทองข้าวของมีเท่าไร ๆ ทุ่มลง ๆ เพื่อชาติไทยของเรา การเทศนาว่าการก็ทั่วประเทศไทย เพื่อพี่น้องชาวไทยเราเป็นอันดับหนึ่ง ๆ ตลอดมานะ ควรจะได้พินิจพิจารณา อย่าหยิ่งนะ ๆ เห็นมีผู้ไปเรี่ยไรการบริจาคเพื่อชาติด้วยความสุจริตยุติธรรม ไม่ใช่ไปเพื่อต้มตุ๋นนะ ไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ดูท่าทางหยิ่ง ๆ นะ มีแต่พวกหยิ่ง ๆ พวกจะจมนะพวกหยิ่ง ๆ นี่นะ ให้รู้ เมืองไทยมีคุณค่าเท่าไร ตัวหยิ่งของเราแต่ละคน ๆ นี้มีคุณค่าอะไร มีตั้งแต่ความฉิบหายวายปวง ความดูถูกเหยียดหยามในชาติของตน

เช่นอย่างมีผู้มาเรี่ยไรหรือประกาศนั้นประกาศนี้ ตามธรรมดามีมากมีน้อยก็ต้องถือเป็นมหามงคลแก่ชาติของตน หัวใจของชาติไทยเราแต่ละคน ๆ ทั้งนั้นถึงจะถูกนะ นี้มีแต่แบบหยิ่ง ๆ มันดูไม่ได้นะ เราดูมานานแล้ว หยิ่งหาอะไร เกิดประโยชน์อะไรไอ้หยิ่ง ๆ นั่นน่ะ โห หยิ่งแบบจะจม หยิ่งแบบหาคุณค่าไม่ได้ อย่าพากันคิดอย่างนั้นไม่ได้นะ ให้รู้ว่าอะไรเป็นสำคัญ แม้แต่มดเขายังมีความรักความสงวนในชาติของเขา ใครไปแตะได้เมื่อไร เช่นมดแดงลองไปดูซิน่ะ เราได้ทำทดลองดูหมดแล้ว ความรักชาติความเสมอภาค ความต่อสู้เพื่อชาติของตนเองนี้ เอามือแหย่ลงไปรังมดแดงดูซิน่ะ เราจะเห็นความรักชาติของเขา มันดีกว่ามนุษย์เราผู้จืด ๆ ผู้หยิ่ง ๆ นี้เป็นไหน ๆ นะ มนุษย์ในเมืองไทยของเราผู้หยิ่ง ๆ แล้วผู้ที่จะคอยทำลายชาตินี้เป็นพวกที่เลวสุดยอดเลยนะ สู้มดแดงไม่ได้

ตัวหยิ่งว่าตัวเป็นคน สูงกว่าอะไร ๆ แต่จิตใจมันเลวมันจืดมันชืด มันไม่ได้เห็นคุณค่าของชาติของตัวเองเป็นของสำคัญอะไรเลย เอาความหยิ่งนั่นหรือเป็นของดิบของดีในชาติของตน ความหยิ่งนี่ละมันจะพาให้จมเข้าใจไหม ความอุตส่าห์พยายามด้วยความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกันนี้เป็นความชอบธรรม เป็นมหามงคลแก่ชาติไทยของเรา ที่หลวงตานำอยู่เวลานี้หลวงตาเอาอะไรกับพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาไม่ได้เอาอะไรเลยคิดดูซิ ทุ่มลงหมด ๆ เลย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอให้ชาติไทยของเราได้มีความสงบร่มเย็นแน่นหนามั่นคง ด้วยการช่วยชาติของตนโดยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน หลวงตาเป็นที่พอใจ หลวงตาเอาเท่านั้นนะ

อย่าทำใจจืด ๆ ชืด ๆ นะ ใจจืดใจจางใจไม่เอาไหน โหย ดูไม่ได้นะ ต้องให้มีความเข้มข้นซิ ถึงเวลาที่จะพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ต้องพร้อมเพรียงสามัคคี นอกจากว่ามันไม่มีใครก็รู้ด้วยกัน เรื่องไม่มีนี้จำเป็นจริง ๆ รู้ด้วยกัน ไอ้เรื่องหยิ่ง ๆ จืด ๆ ชืด ๆ ทำไมมันจะไม่รู้ มันมีคุณค่าอะไรจืด ๆ ชืด ๆ นี่น่ะ โอ๋ย มันจะทำชาติไทยเราให้จมละนะ เรื่องความจืด ๆ ชืด ๆ ความไม่เอาไหน ความพร้อมเพรียงสามัคคีกันไม่มี มีแต่ความหยิ่ง ๆ ตัวจะจมนั้นน่ะ พวกตัวหยิ่ง ๆ นี่

เราก็อุตส่าห์สุดกำลัง ธาตุขันธ์อ่อนลง ๆ แล้ว ก็ได้เตือนไปตลอด ๆ เตือนพี่น้องชาวไทยกัน เวลายังมีผู้นำอยู่ก็ขอให้ต่างคนต่างพินิจพิจารณา แล้วให้ดูเสียก่อนว่าผู้นำเป็นคนประเภทใด หรืออย่างพระอย่างนี้เป็นพระประเภทใด เช่นหลวงตาบัวเป็นพระที่จะต้มตุ๋นพี่น้องทั้งหลายเหรอ พิจารณาซิ ควรเชื่อถือได้หรือ หรือไม่เชื่อถือได้ก็ให้ดู พอที่เมืองไทยเราจะได้อาศัยได้ไหม เป็นยังไงควรคิดบ้างนะ เราไม่เคยคาดเคยคิดเลยว่า เราจะได้ออกมาแสดงเต็มความสามารถเพื่อชาติไทยของเรา ดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นเวลานี้

บวชเข้ามาก็อยู่ในป่าในเขา ทุกข์จนข้นแค้นขนาดไหนก็ตาม หวังเอามรรคผลนิพพานเป็นมหามงคล เอาความทุกข์ความจนข้นแค้นนี้เป็นเครื่องบูชาเข้าไปเลย เอา เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ฟัดกับกิเลส กิเลสตัวไหน เช่นอย่างตัวหยิ่ง ๆ ก็คือกิเลสตัวสำคัญ ตัวจะให้ชาติไทยจมนะ เดี๋ยวนี้มันมีอยู่หัวใจของทุกคน หลวงตาบัวก็มี เรื่องหยิ่งมีแต่มันไม่แสดง เวลาจะเอาก็ฟัดกับกิเลส ออกปฏิบัติเอาเป็นเอาตายเข้าว่าเลย ไม่ได้คาดได้คิดว่าจะได้ออกมาช่วยชาติบ้านเมือง เอาเต็มเหนี่ยว ไม่ได้แบบจืด ๆ ชืด ๆ นะ เอาจริงเอาจัง บางครั้งถึงจะเป็นจะตายจริง ๆ ก็มีในป่าในเขา ทุกข์แสนสาหัส ก็เคยได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายก็พูด อันนี้มาโกหกพี่น้องทั้งหลายเหรอ จนถึงขนาดหลวงปู่มั่นกระตุก มันจะเลยเถิด

นั่งภาวนาละซิ ฟัดกันเสียจน นั่งหามรุ่งหามค่ำ ฟาดบางวันตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกขึ้นนั่งแล้ว ตะวันโผล่ขึ้นมาวันหลัง ไม่กระดุกกระดิก อยู่อย่างนี้เลย นั่งขัดสมาธิ นี่ฟังซิ ก่อนที่จะได้มาช่วยพี่น้องทั้งหลายเป็นของเล็กน้อยแล้วเหรอ นั่งภาวนา ฟัด เอาตายเข้าว่าเลย วันนี้จะนั่งจากนี้ถึงตลอดรุ่ง ไม่มีข้อยกเว้น มีข้อเดียว คือเว้นว่า เว้นแต่ครูบาอาจารย์หรือพระเณรในวัดเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้นในขณะที่เรานั่งภาวนานั้น เราจะออกไปช่วยเหตุการณ์เหล่านี้ นอกจากนั้นไม่มี เอา ปวดหนักออกเลย ตั้งแต่เป็นเด็กมันขี้ใส่ตักแม่มาเท่าไรแล้ว เอาตักแม่เป็นส้วมเป็นถาน อันนี้เป็นพระขนาดนี้แล้ว เวลามันทนไม่ไหวขี้ทะลักออกมา มันจะไปซักไม่ได้ก็ให้ไปตายเสีย มันหนักศาสนา นี่มันดัดเจ้าของ เป็นความสัตย์ความจริงที่ตั้งไว้แล้วทุกอย่าง เคลื่อนคลาดไม่ได้เลย เห็นไหมความสัตย์ความจริง

วันนี้ต้องสว่างเท่านั้น อะไรจะเป็นก็เป็น ตายก็ตาย นั่งขัดสมาธิแบบนี้ หรือว่าอวดท่านทั้งหลายหรือนี่ ที่ได้มาประกาศนำพี่น้องทั้งหลายอยู่นี้ ด้วยความจริงความจัง สละเป็นสละตาย จึงได้ชมเต็มความสามารถของเราที่ได้นำมาช่วยพี่น้องทั้งหลายนี่ นั่งอย่างนี้เท่านี้เอง ไม่ให้เคลื่อนคลาดไปไหนเลย เอา ปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย เว้นแต่ว่าปวดหนักปวดเบาไม่เอา ปิดประตูตีหมาเลย ให้มันขี้ฟัดออกนี้เลย เข้าใจไหม ขี้แตกออกนี้เลยมันไม่มีทางไป เอาความสัตย์ความจริงปิดประตู เอา อะไรก็เถอะ ว่างั้นเลย วันนี้ทุกข์มีเท่าไรเราจะเรียนให้ตลอดรุ่งวันนี้ให้มันรู้ พระพุทธเจ้าว่าทุกข์เป็นของจริง นำผู้ปฏิบัติรู้เรื่องความทุกข์อย่างเต็มหัวใจแล้วหลุดพ้นไปได้ ถึงนิพพานได้ เอา เป็นอย่างไรก็เป็น เราขอบูชาธรรม นี่ละฟัดกันเลย

เวลานั่งสมาธินี้นั่งตลอดรุ่ง ใครเคยนั่งตลอดรุ่งมีไหม มีแต่นั่งเล่นไพ่ เล่นการพนันขันต่อ กินเหล้าเมาสุราเฮฮากัน ตลอดรุ่งก็ได้ พวกบ้าไม่เลิก เข้าใจไหม นั่งอย่างนั้น ทีนี้เวลาทุกข์โหมขึ้นมานี้ โถ จำได้แน่นอนเลย ทุกข์ขึ้นเป็น ๓ พักทีเดียว พักแรกขึ้นเต็มเหนี่ยว เอา เอาตายเข้าว่าเลย เรื่องทุกข์ไม่มีความหมาย ตายยังเหนือทุกข์อีก เอาตายเท่านั้น ว่างั้นเลย ขึ้นมาเต็มเหนี่ยวแล้วสงบลงเอง ขึ้นครั้งที่สองเต็มที่แล้วก็สงบ นานเข้า ๆ ครั้งที่สามนี่ไม่มีลดเลย ฟาดเอาเสีย ตัวของเราที่นั่งอยู่นี้ ทุกขเวทนาที่มันโหมเข้าไปนี้มันเหมือนไฟ ไฟเผาเราทั้งเป็น นั่งอยู่นี้ เหมือนไฟไหม้ขอนซุงนั้นแหละทุกขเวทนา

ทางนี้ก็หมุนทางด้านสติปัญญา พิจารณาแยกแยะเรื่องทุกข์ เรื่องเวทนา เรื่องเนื้อหนังเอ็นกระดูก อะไรเป็นทุกข์ ๆ ไล่เข้ามาหากัน ตั้งแต่เนื้อ หนัง เอ็น กระดูก ผม ขน เล็บ ฟัน เนื้อ หนัง เอ็น กระดูก ตับไต ไส้พุง นี่เหรอเป็นทุกข์ ถ้ามันเป็นทุกข์ ทุกข์ดับไปแล้วทำไมอันนี้ยังมีอยู่ ถ้าว่ามันเป็นอันเดียวกันมันต้องดับไปด้วยกัน เอ้า ถ้าหากว่าอันนี้เป็นทุกข์ ถ้าว่าทุกข์เป็นอันนี้ อันนี้เกิดให้เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน ต่างอันต่างเป็นไปด้วยกัน จึงจะว่าเป็นอันเดียวกัน แยกกันอยู่อย่างนั้นตลอด สติปัญญาต้องหมุนติ้วเลย ทุกข์หนักเท่าไรสติปัญญานี้จะเป็นธรรมจักรทีเดียว

นั่งทนเฉย ๆ ทนไม่ได้นะ ต้องใช้สติปัญญาแยกแยะดู แยกดูตรงไหนดูตรงนั้น เอา หนังเป็นทุกข์ หรือทุกข์เป็นหนัง ไล่กัน เนื้อเป็นเนื้อ เอ็นเป็นเอ็น กระดูกเป็นกระดูก สัตว์ตายทิ้งเกลื่อนอยู่ตามถนนหนทาง เขาว่าเขาเป็นทุกข์ไหม มันเป็นไปจากอะไร ไล่กันไปไล่กันมา ไล่เข้า ๆ จนตรอกที่นี่ ทุกข์พอมันพิจารณารอบแล้วจิตก็ลงผึงเลย นั่นฟังซิ โกหกท่านทั้งหลายเหรอ ทั้ง ๆ ที่ไฟกำลังไหม้ร่างกายอยู่นี่ เหมือนกับมันจะพังทั้งเป็น แต่หัวใจมันไม่ได้พัง มันผึง ๆ เลย ไม่มีอะไรเหนือกำลังใจนะให้จำให้ดี เอาตายก็ตายซัดกัน พอมันพิจารณารอบหมดแล้วอะไรก็ต่างอันต่างจริง หนัง เนื้อ เอ็น กระดูกเขาก็เป็นของเขา เขาไม่ได้ว่าเขาเป็นทุกข์ อะไรเป็นทุกข์ ตัวทุกข์จริง ๆ มันก็ไม่ว่ามันเป็นทุกข์ แล้วอะไรไปรับทราบมัน ไปหมายมั่นปั้นมือให้มัน เรื่องความทุกข์เกิดอยู่เวลานี้ ไล่ไปไล่มามันก็มาเข้าหาจิต ๆ น่ะซี

จิตเป็นนักโทษก็ซัดเข้าหาจิตอีก พอจิตรู้รอบจิตก็ปล่อย ทีนี้ก็ผึงเลยลง คืนแรกลงสามหน ถ้าทุกข์มากมันก็ลงไม่นาน พอต่อไป ๆ ก็ฟาด บางทีลงหนเดียวผึงลงเลย ถอนออกมาก็พิจารณาอีกพอดีสว่าง นี่ละเรื่องความทุกข์ความทรมานที่เราได้นำออกมาช่วยพี่น้องทั้งหลายอยู่นี้เราเอามาเล่น ๆ เหรอ นั่งตลอดรุ่งพอความอัศจรรย์เกิดขึ้นในคืนวันแรกเลยทีเดียว จิตลงสว่างจ้าขึ้นมาตามฐานะของคนมีกิเลสนั้นแหละ แต่เราไม่เคยเห็นเกิดมา ความสุข ความอัศจรรย์ในหัวใจดังที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้เราไม่เคยเห็น เห็นแล้ววันนี้ อ๋อธรรมพระพุทธเจ้าอัศจรรย์อย่างนี้เหรอ ๆ มันก็เป็นกำลังใจซิ

พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าฉันจังหันเสร็จแล้วก็เข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไปก็เล่าให้ฟังทุกกิทุกกี โอ๋ย ขึงขังตึงตังนะ ตั้งแต่ยังไม่เคยรู้เคยเห็นอะไรเลยนี้ก็เหมือนผ้าพับไว้ ลูกศิษย์ลูกหาขึ้นไปหาครูอาจารย์นิ่มทุกอย่างเลย วันนั้นไม่นิ่มนะ ขึ้นไปคึกคักเลยทีเดียว กำลังใจ ไปก็กราบเรียนท่านถึงเรื่องที่ฟัดกับทุกขเวทนานี้ผึง ๆ ท่านก็นั่งนิ่งฟัง บ้ามันขึ้นแล้ววันนี้ คงว่างั้นแหละ ใส่เปรี้ยง ๆ จิตลงยังไงก็เล่าให้ท่านฟัง พูดด้วยกำลังจิตมันของเล่นเมื่อไร เหมือนเขาจะฆ่าจะฟันกันให้เป็นเถ้าเป็นถ่าน นี่กำลังของธรรม แสดงลวดลาย ของธรรม เหมือนเขาจะฆ่าจะฟันกัน แต่เป็นลวดลายแห่งธรรมความอัศจรรย์ต่างหากนะ นี่ละกิริยาของธรรม ผาดโผนแบบนี้คือธรรม ผาดโผนแบบฆ่าฟันรันแทงเป็นเถ้าเป็นถ่านนั้นคือกิเลส ให้จำเอานะ

พอเล่าให้ท่านฟังเสร็จแล้วนั่งหมอบ คอยฟังท่านจะแนะท่าไหน ท่านจะว่าไง พอตัวเองจบหมดเรียบร้อยแล้วก็นั่งนิ่งฟัง ท่านก็ขึ้นผางเลย “เอาละที่นี่” เราไม่ลืมนะ “เอาละที่นี่ได้หลักแล้ว เอาเลย ร่างกายอันนี้มันไม่ได้ตายถึงห้าหน” ท่านบอกนะ “มันตายเพียงหนเดียวเท่านั้นละ ทีนี้ได้แล้ว เอา อย่าถอยนะ” ทางนี้ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง พอท่านว่าอย่างงั้นก็เหมือนท่านยุ ทั้งจะเห่าทั้งจะกัด เห็นใบไม้แห้งไม้สดก็จะทั้งเห่าทั้งจะกัด มันมีกำลังใจใช่ไหมล่ะ เว้นสองคืนบ้าง สามคืนบ้าง ลงนั่งตลอดรุ่ง ฟัดที่จะให้ลงเป็นอย่างนั้นทุกวัน ๆ ขึ้นไปหาท่านก็ใส่เปรี้ยง ๆ หนักเข้า ๆ กลัวเราจะเลยเถิด เห็นไหมล่ะ

นั่งคืนแรกนี้ออกร้อน ก้นนี้เหมือนไฟลน ไฟเผาก้นมันออกร้อน พอคืนที่สองที่สามนั่งไปแล้ว จากออกร้อนมันก็พอง จากพองมันก็แตก ฟังซิน่ะ จากแตกมันก็เลอะหมดก้น ไม่สนใจ ถ้ากิเลสไม่แตกเป็นไม่ถอย จะเอาให้กิเลสแตกก้นแตกไม่มีปัญหาอะไร ซัดกัน พอหลายคืนเข้าไป เว้นสองคืนสามคืนนั่งตลอดรุ่ง แล้วก็ไปกราบเรียนท่านอย่างขึงขังตึงตัง ๆ นี่ความรู้เห็นในธรรมทั้งหลายเป็นของอัศจรรย์สุดขีดแล้ว กิริยาอาการต่าง ๆ นี้ขึงขังเป็นไปตามกันหมด ไม่มีการเก็บกิริยามารยาท มีแต่แสดงออกตามความเป็นของจิตที่มันแสดงความแปลกประหลาดยังไง เล่าถวายท่าน ท่านก็ใส่เปรี้ยงๆ 

ต่อมาท่านก็อ่อน ๆ ลง ท่านไม่ค่อยจะชมเชยมากนักละ ท่านก็ฟัง เรายังไม่รู้นะ “เออ เข้าท่านะ เอาเลย” หนักเข้า ๆ นั่งถึง ๙ คืน ๑๐ คืน เว้นเพียงคืนสองคืน สามคืนนั่งตลอดรุ่ง เว้นสองคืนสามคืนนั่งตลอดรุ่ง ได้ความอัศจรรย์ทุกวัน ความจะเป็นจะตายนี้ไม่เสมอกัน ถ้าวันไหนพิจารณาจิตมันเกาะติด ๆ ๆ ได้ง่าย ลงได้เ็วผึง วันนั้นลุกขึ้นมาไปเลย ไม่ต้องระวังตัว ทีแรกเราไม่รู้เรื่อง มันตายหมด จากนี้ไปนี้ตายหมดแล้วนะ ร่างกายนี้มันจากนี้ไปนี้ตายหมด ทางนี้ขึ้นมาดี พอถึงเวลาจะลุก ๆ ขึ้นล้มตูมเลย ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ ขาก็ตาย อะไรก็ตาย ตายหมดแล้ว เราไม่รู้ มันตายหมดแล้วมันก็ไม่เจ็บ

พอลุกขึ้นมาก็ล้มตูม ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น โห ทำไมเป็นอย่างงี้ ขาเหยียดก็ไม่ออก ก็จับขาดึงออก ค่อยดูจนกระทั่งมันกระดิกพลิกแพลงขา เหยียดเข้าเหยียดออกก็ได้ คู้เข้ามาก็ได้ทางไหนก็ได้ ทดลองดูแล้วถึงลุกไปได้นะ นี่เป็นบทเรียน วันหลังมาถ้าวันไหนมันหักโหมมาก ๆ วันนี้จะต้องเป็นอย่างนั้น เวลาจะลุกลองกระดุกกระดิกขาเงียบเลย เราต้องจับขานี้ดึงออกวางๆ ฟังซิน่ะ มันตายหมดแล้ว จับขานี้ดึงออกวาง ๆ วางแล้วทิ้งไว้อย่างงั้นแหละ มันเหมือนของตายขานี่นะ จนกระทั่งมันนานแล้วเลือดลมมันก็ค่อยเดิน ๆ มันค่อยกระดุกกระดิกขาได้แล้วค่อยคู้เข้ามา แล้วค่อยเหยียดออกไปได้ จนกระทั่งแน่ใจว่าลุกได้แล้วค่อยลุกไป นี่บทที่สองมาเป็นบทเรียนแล้วนะ

ทีแรกไม่รู้ ล้มตูมลุกไม่ขึ้น ครั้งที่สองมาต้องเอากันอย่างนั้น ถ้าวันไหนมันหักโหมมาก ๆ คือว่าคำว่าหักโหมเวลามันเท่ากันนั่นแหละ ถึงตลอดรุ่งเท่ากัน แต่การพิจารณาปัญญาของเรานี้ ถ้ามันมีความฉลาดแหลมคม รวดเร็วทันกับกิเลสอุบายต่าง ๆ แล้ว วันนั้นมันก็ลงได้ง่าย วันนั้นไม่บอบช้ำ มันขึ้นอยู่กับใจนะ นั่งเวลาเดียวกันก็ตามนะ ถ้าจิตใจของเราวันไหนมันฝืดมันเคือง มันพิจารณามันไม่คล่องแคล่วว่องไว วันนั้นร่างกายจะได้รับความทุกข์มากแสนสาหัสทีเดียว วันนั้นเวลาจะลุกต้องได้จับขาดึงออก ทีนี้สรุปความเป็นอย่างนี้ไปตลอด วันไหนทุกข์มากเป็นอย่างนั้น

ทีนี้พอขึ้นไปวันสุดท้ายนี่นะ พอขึ้นไปกราบท่าน นี่เรื่องที่เอาจริงเอาจังให้ท่านทั้งหลายฟังนะ พอขึ้นไปกราบท่าน พอกราบเสร็จแล้ว “กิเลสมันไม่ได้อยู่ที่กายนะ กิเลสมันอยู่ที่ใจนะ” “กายมันเป็นอันหนึ่ง กิเลสมันเป็นอันหนึ่ง กิเลสมันอยู่ที่ใจ มันไม่อยู่ที่กายนะ” ท่านก็ยกสารถีฝึกม้ามาให้ฟัง เราก็เห็นแล้วในบาลี เขาฝึกม้า ถ้าม้าตัวไหนมันคึกคะนองผาดโผนโจนทะยานมาก เขาจะฝึกอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่ควรกินหญ้าไม่ให้กิน ไม่ควรกินน้ำไม่ให้กิน ฝึกท่าเดียว เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ม้าตัวนั้นต้องถูกฝึกทรมานอย่างหนัก จนกระทั่งม้านี้ค่อยลดพยศลง การฝึกทรมานเขาก็ค่อยลดลง

จนกระทั่งม้านี้ฝึกได้สัดได้ส่วนทุกอย่างแล้ว เขาก็ปฏิบัติต่อม้าธรรมดา เขาไม่ได้ฝึกอย่างนั้น นี่หมายถึงว่าเราอยากให้ท่านพูดย้อนหลังกลับมาอีก เวลาท่านพูดเปรี้ยง ๆ อยากให้พูดว่า เขาฝึกม้าเขาฝึกอย่างนั้น ไอ้หมาตัวนี้มันฝึกยังไงมันถึงไม่รู้เรื่องรู้ราว อยากให้ท่านย้อนกลับมาหาเรามันจะถึงใจ นั่นละตั้งแต่บัดนั้นมาเราจึงไม่นั่งตลอดรุ่ง พิจารณาซิท่านทั้งหาย นั่งถึงขนาดที่ครูบาอาจารย์ได้กระตุกเอาไว้เลย ไม่อย่างงั้นมันจะเอาอีกนะ ไม่ถอยนะ เรื่องก้นแตกไม่สำคัญ ถ้ากิเลสไม่แตกจากใจแล้วยังไงก็ไม่ถอย จนกระทั่งท่านยับยั้งเอาไว้ นี่ท่านกระตุกให้ยับยั้ง อย่าให้เลยเถิด

จิตใจเมื่อมันผาดโผนก็ให้ฝึกมัน ทรมานอย่างหนักนี่สมควรแล้ว ทีนี้เมื่อมันได้หลักได้เกณฑ์ทางด้านจิตใจแล้ว การฝึกทรมานก็ควรลดลงๆ ตามส่วน ความหมายท่านว่างั้น แต่ท่านไม่ได้ว่าให้เราอย่างนี้นะ ท่านบอกแต่ม้าเฉย ๆ ท่านไม่ได้พูดย้อนมาสอนเรา ถ้าสอนเราก็ไม่อยากให้ท่านสอนธรรมดา อยากให้ว่าหมาตัวนี้มันฝึกกันยังไง อยากให้ท่านว่าอย่างงั้น แต่ท่านก็ไม่ว่า ตั้งแต่นั้นเราก็จับได้ แล้วเราก็ไม่เคยทำอย่างนั้น นี่การฝึกทรมานจิตใจ เอาจนกระทั่งก้นแตกก้นเลอะ เป็นยังไงพิจารณาซิ กำลังของใจเป็นของสำคัญนะ

เราเอาจริงเอาจังทุกอย่างทำอะไร การช่วยชาติบ้านเมืองเราก็ช่วยอย่างนั้นเหมือนกันนะ ทำจริงจังทุกอย่างต่อพี่น้องทั้งหลาย เพราะฉะนั้นจึงว่าเงินนี้พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาทั่วประเทศไทย แม้บาทหนึ่งเราไม่เคยไปแตะเลยนะ ว่าเอามาเป็นความมัวหมอง เป็นทุจริต ไม่สว่างกระจ่างแจ้งในจิตใจ ไม่บริสุทธิ์ เราไม่เคยแตะ เราขนาดนั้นเลยนะ เก็บหอมรอมริบ พิถีพิถันในการเงินการทองทุกบาททุกสตางค์ แล้วเงินเข้าสู่ธนาคารนั้นเราเป็นผู้ถือบัญชีเอง บัญชีฝากธนาคาร เราเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายแต่ผู้เดียว ไม่ให้ใครมาทำแทนเราได้เลย กลัวว่าเงินเหล่านี้จะรั่วไหลแตกซึม จะไม่สมเจตนาของเราที่ช่วยโลกด้วยความเมตตา

ด้วยเหตุนี้เองเงินทุกบาททุกสตางค์จึงไม่มีในความทุจริตของเรา มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วน ๆ จ่ายออกไปมากน้อย เราพิจารณาเหตุผลเต็มสัดเต็มส่วนแล้วเอาจ่ายออก ๆ อย่างทั่วประเทศไทย เงินสดที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคได้นำเข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงรวมแล้วเรียกว่า ๙๔๑ ล้านเท่านั้นเอง นอกนั้นก็ออกช่วยพี่น้องชาวไทย เช่น การช่วยคนทุกข์คนจนตามโรงพยาบาล คนเจ็บไข้ได้ป่วย เราเป็นเจ้าของคนไข้ เขามาขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นคนไข้เมื่อไรเรารับทุกราย ตลอดถึงการสร้างสถานสงเคราะห์โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการต่าง ๆ โรงพยาบาลตั้ง ๒๐๐ กว่าโรง เราช่วยมาตลอดอย่างนี้

เงินของพี่น้องทั้งหลายเราไม่เอามาเป็นของตัว เราพอทุกอย่าง เราไม่เคยแตะอะไรเลย เราช่วยโลกเราไม่ได้ช่วยด้วยความหิวโหยนะ จะแอบอยู่แอบกินกันนั้นเราไม่มี เราช่วยอย่างนี้ท่านทั้งหลายได้ทราบไว้เสีย ว่าเราช่วยยังไงเราช่วยโลก ควรที่จะสรุปเรื่องของเราที่ได้ช่วยโลกมานี้ เงินทุกบาททุกสตางค์เราออกทั่วประเทศไทย ตามโรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่าง ๆ ทั่วไปหมด ไปที่ไหนคนทุกข์คนจน แม้ที่สุดหมู หมา เราก็จะช่วยเวลานี้ ช่วยหมาให้อาหารหมา ส่งไปเดือนหนึ่งเท่าไรกี่แห่ง เดือนหนึ่งเท่าไร ๆ ๆ เราส่งไปอย่างงั้นตลอด

            เราช่วยขนาดนั้นนะ เราไม่ช่วยธรรมดานะ เราไม่เอาอะไรเลยฟังซิน่ะ เงินของเราเองที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคก็ลงอันเดียวกันหมด ทุ่มลงเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อคนทุกข์คนจนทั้งหมด เราไม่เคยแตะเลยนะ เงินเขามาถวายเราก็ดี อย่าว่าแต่เงินส่วนรวมที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคผ่านเรานี้เลย เงินของเราเองที่เขามาบริจาคให้ใช้ตามอัธยาศัย เราก็ไม่เคยไปยุ่ง เพราะเรามีอยู่ทุกอย่างแล้วยุ่งหาอะไร ผู้จนจนจะตาย ต้องมองดูหัวใจกันซิ ความทุกข์ความจนต้องหวังพึ่งผู้อื่น แม้แต่เศรษฐียังหวังพึ่งพวกคนงานใช่ไหมล่ะ คนที่เป็นเศรษฐีไม่มีคนงานเป็นเศรษฐีไม่ได้นะ คนงานก็อาศัยเศรษฐี เศรษฐีก็อาศัยคนงาน ลูกน้องผู้ใหญ่อาศัยซึ่งกันและกันตลอดมา อญฺญมญฺญํ.อาศัยกันมนุษย์

เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วต่างคนต่างให้มีแก่จิตแก่ใจต่อกัน อย่าเย่อหยิ่งจองหองต่อกันที่เป็นเพื่อนมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ให้มองดูหน้ากัน ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ ใครเป็นความทุกข์ความจนที่ควรช่วยเหลืออะไรได้บ้างให้ช่วย จิตใจอย่าจืดจางว่างเปล่าอยู่เฉย ๆ ด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว เข้ากับใครไม่ได้ คนๆ นั้นเป็นคนหมดคุณค่าหมดราคา หนักแผ่นดิน อยู่ให้หนักแผ่นดินเปล่า ๆ อยู่กับโลก โลกอาศัยไม่ได้ อยู่ที่ไหนพอที่ได้อาศัยก็ให้เขาได้อาศัยซิเรา

ทีนี้เมื่อเราปฏิบัติตนอย่างนั้น ฟาดจนกระทั่งถึงกิเลสขาดสะบั้นออกจากใจ ด้วยความพากเพียรประเภทนี้แหละ ไม่มีคำว่าหยุดว่าถอย จนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นออกจากใจ จิตใจได้สว่างจ้าขึ้นมา ก็ได้บอกให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว มาโกหกกันเหรอ วันที่เท่าไร เดือน เวลาเท่าไร ๆ บอกหมดแล้ว ตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้น จิตใจสว่างจ้าขึ้นมาในหัวใจดวงนี้ หลังจากนั้นมาก็แนะนำสั่งสอนเงียบ ๆ ไปธรรมดา

พอชาติบ้านเมืองเราเกิดความหวั่นไหวโยกคลอนที่จะล่มจมนี้ มาพิจารณาดูแล้ว จนกระทั่งไปค้นเอาหลักใหญ่มาจากส่วนใหญ่โน้นนะ ติดหนี้ติดสินเขาเท่าไร ๆ ร้องโก้กเลยหลวงตา นี่ละจึงได้ประกาศออกมาว่า เอ้า จะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย จึงได้เป็นผู้นำมาตั้งแต่บัดนั้นด้วยความสัตย์ความจริง เป็นความซื่อสัตย์สุจริตต่อพี่น้องทั้งหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์เรา เรียกว่าเราไม่มีอะไรกับโลกนี้ว่าอย่างนั้นเลย มีแต่ช่วยโดยถ่ายเดียว ๆ เท่านั้น แล้วพวกเรานี้มันเป็นยังไงอยากถามหาพี่น้องชาวไทย ไอ้ผู้ที่เป็นหัวหน้า

เราไม่ได้ทวงบุญทวงคุณนะ เราพูดในฐานะที่ว่าเราเป็นหัวหน้าได้อุตส่าห์พยายาม แล้วพี่น้องทั้งหลายมองหน้ามองหลังอะไรบ้างหรือไม่ หรือเห็นที่เขาวางขันบริจาคที่ไหนเพื่อช่วยชาติบ้านเมืองแล้วหยิ่ง ๆ งั้นเหรอ นี่ตัวจะฉิบหายตัวจะทำให้ชาติไทยจมคือตัวดูถูกเหยียดหยามตัวเองชาติไทยของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ที่เข้าใจว่าตัวนี้ใหญ่ การบริจาคเป็นคนขอทานตัวนี้ใหญ่จึงหยิ่ง นั่น แล้วเวลาชาติไทยจมเราเก่งมาจากที่ไหนมีไหม ให้พิจารณาซิ ต้องต่างคนต่างช่วยเหลือกันซิมนุษย์เรา เวลานี้เป็นเวลาคับขันที่เราจะช่วยบ้านช่วยเมืองของเรา โดยมีความพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นหลักตั้งไว้เลย

ทางบ้านเมืองเขาก็อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังความสามารถของเขา ทางฝ่ายรัฐบาลก็เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกัน เฉพาะนายกฯ แทบจะไม่มีเวลาหลับนอนนะ หัวหมุนติ้ว ๆ เวลานี้ก็ยาเสพย์ติด แล้วใครตั้งแต่เป็นนายกฯ มานี้กี่ปีกี่เดือน เอ้า พูดเป็นอรรถเป็นธรรมซิ กี่ครั้งกี่หนเป็นนายกฯ มานี่ ใครเป็นผู้ที่ได้ทำหน้าที่เพื่อพี่น้องทั้งหลายให้มีคุณค่ามีราคาเป็นในนามของมนุษย์ และมีคุณค่าประจำมนุษย์บ้างมีใคร คือปราบยาเสพย์ติด ยาเสพย์ติดนี้ตัวมหาภัยต่อชาติไทยทั้งชาติเลยทีเดียว แล้วใครเป็นผู้ปราบปราม มีตั้งแต่เงียบ ๆ เหงา ๆ ครั้นจะทำรุนแรงลงไปก็จะไม่ได้สะแตกตับปอดเขาละซิ คนชั่วมันก็จริง ครั้นไปจับมัน มันก็ยื่นให้สัก ๕ บาท ๑๐ บาท ๒ สลึง เข้าใจไหม ทางนี้ก็พอใจ จะทำมันรุนแรงก็กลัวจะไม่ได้สะแตกเงินกับมัน ก็เลยปล่อยให้พวกนี้กินบ้านกินเมือง กินบ้านกินเมืองคืออะไร มันจะกลืนหมดทั้งประเทศนั้นละยาเสพย์ติดเข้าใจไหม มันจะกลืนไปหมดนี่ ระบาดสาดกระจายหมดทั่วประเทศไทย จนมองดูชาติไทยจะมีแต่คนขี้ยา

คนกินยาเสพย์ติดหมดคุณค่าหมดราคา นี่นายกฯเราคนนี้ขึ้นมาเป็นยังไง เอาจริงเอาจังเอาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยเวลานี้ เราเห็นชัดเจนอย่างนี้ละ นี่เป็นยังไงเป็นผลยังไงบ้าง ก็พอจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา นี่จะไม่ให้ชมจะว่ายังไง เรื่องธรรมต้องชม ผิดต้องบอกว่าผิด ถูกต้องบอกว่าถูกเราพูดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีให้พูดเป็นอย่างอื่น ต้องพูดตามความสัตย์ความจริง เป็นยังไงเป็นอย่างนั้น นี่ก็ทราบว่าเอากันอย่างหนักทีเดียว แทบเป็นแทบตายทีเดียวนะ ไอ้พวกยาเสพย์ติดนี่ โอ๋ย.พิลึกพิลั่นเลยนะ เวลานี้ก็ค่อยได้ผลเป็นที่พอใจขึ้นมา แล้วมีนายกฯ คนไหนที่มาตั้งตัว เอาตัวสละชีวิตแบกชาติทั้งชาตินี่เลย มีนายกฯ คนไหนพิจารณาซิ

ไม่ยกยอคนดีจะไปยกยอคนชั่วพวกเปรต พวกผีอย่างนั้นเหรอ ปล่อยให้มันกินบ้านกินเมืองเหรอ แหม คนนี้กินเก่งนะ คนนั้นสู้คนนี้ไม่ได้ ๆ ยอกันไปอย่างนั้นเหรอ สุดท้ายบ้านเมืองของเราจมไปหมดแล้วดีแล้วเหรอ อยากถามว่าอย่างนั้นเข้าใจไหม อันนี้เขารื้อฟื้นบ้านเมืองแบกคนทั้งชาติทุกแบบทุกฉบับ อยู่ในนายกฯ หมด นายกฯ เป็นหัวใจ ไม่มีเวลํ่าเวลาเลย ไม่ทราบว่ากินเวลาไหนนอนเวลาไหน นี่เราไม่เห็นคุณค่าของคนดีที่อุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมือง เราจะเห็นคุณค่าของใคร หรือเห็นคุณค่ากับหมาตัวขี้เรื้อน ตัวหาลักหาขโมยกินเก่ง ๆ นั้นเหรอ คนก็หาตัวคนหากินตับกินปอดเขาเก่ง ๆ ตั้งมาให้เป็นผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งกินตับกินปอดคนทั้งชาติบ้านเมืองจนจมไปอย่างนั้นเหรอ คนที่จะช่วยชาติบ้านเมืองและกำลังช่วยชาติบ้านเมืองอย่างนี้ไม่เป็นคนดีบ้างเหรอ

ถ้าเราต้องการคนดีเพื่อชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคงต้องชม ใครดีต้องชมว่าดี จะได้มีกำลังใจทำการทำงาน กำลังใจเป็นสำคัญนะ คนหนึ่งทำแทบเป็นแทบตาย คนหนึ่งมาตำหนิติเตียน คอยถีบคอยยันมันไม่มีกำลังใจนะคน แล้วบ้านเมืองจมได้นะ ให้ต่างคนต่างชมเชยสรรเสริญและช่วยกันทุกวิถีทางในทางความที่เป็นประโยชน์แล้ว อย่างนั้นเรียกว่าเป็นผู้รักชาติ แล้วรักชาติรักตัวเอง แล้วก็พร้อมเพรียงสามัคคีกัน นี่บ้านเมืองเราจะขึ้นได้ ให้พากันเข้าใจเอานะ นี่ละหลวงตาช่วยพี่น้องทั้งหลายช่วยอย่างนี้ เต็มกำลังความสามารถนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นจึงอยากถามนะ เห็นมีการเรี่ยไรการทำบุญทำกุศลที่จะช่วยชาติตัวเองแล้วหยิ่ง ๆ มันดูไม่ได้นะ เราดูไม่ได้จริง ๆ มันจืดมันชืดเอาเสียเหลือเกิน อันนี้ผู้ที่ช่วยชาติบ้านเมืองก็ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วคอยถีบ คอยยัน คอยเตะ คอยจุด คอยเผาอยู่ตลอดเวลา อันนี้ก็พวกเปรตในชาติไทยของเรา อยู่ให้หนักแผ่นดินไทยทำไม ใครเป็นเปรตนี่เขี่ยมันลงทะเลไปอย่าให้มันเหลือเลย ให้ยังมีตั้งแต่คนดีสร้างความดีให้แก่ชาติบ้านเมืองจะได้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้พากันจำเอานะพี่น้องทั้งหลายนะ นี่ละที่ได้ช่วยชาติบ้านเมือง เราก็ช่วยเต็มความสามารถ ทางรัฐบาลก็เต็มกำลังความสามารถ เรายังหาที่ต้องติไม่ได้เวลานี้ รัฐบาลคนปัจจุบันที่อุตส่าห์พยายามช่วยพี่น้องทั้งหลายอยู่นี้ ไม่ได้หวังประโยชน์อะไรเลย เอะอะ ๆ ก็เข้าถึงก่อน ๆ ๆ เลย แล้วหาผู้ใหญ่ที่ไหนหาอย่างนี้ งานการอะไรเห็นหาตั้งแต่ว่าถ้ามีเขาไปฟ้องร้อง เขาไปขอความช่วยเหลือต้องไปลำดับนั้นสั่งไปทางนั้น สั่งไปทางนี้ สั่งไปทางโน้น ๕ ปีจนไม่มีอะไรเหลือ หมดซากแล้วถึงว่ายังไง จะว่ายังไงก็มีแต่ซากจะว่ายังไงเข้าใจไหม

แล้วนายกฯคนนี้เป็นยังไงพิจารณาซิ พอเอะอะถึงแล้ว ๆ นั่น ถึงแล้ว ๆ เป็นยังไงพิจารณาซิ ควรชมหรือควรติ เอ้า พิจารณาซิ ถ้าหูคนตาคนต้องชม หลวงตานี้เรียนธรรมมาจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพาชม ชม คนดีต้องบอกว่าดี คนชั่วต้องบอกว่าชั่วให้จำเอานะ เอาละพอ โอ๊ย.เหนื่อยมาก

สรุปทองคำและดอลลาร์ เมื่อวันที่ ๗ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๖ ดอลล์   รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมดเวลานี้  ที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบ ได้ทองคำ ๕,๖๗๖ กิโล กรุณาทราบตามนี้ นี่ทั้งรวมที่เข้าคลังหลวงแล้วและยังไม่ได้เข้า ทองคำที่เข้าคลังหลวงแล้วทั้งหมดเวลานี้ได้ ๕,๕๕๙ กิโลครึ่งนะ ดอลลาร์ ๗ ล้าน ๒ แสนดอลล์ ที่เราได้มาเพิ่มเติมอีกหลังจากมอบแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๐ มานี้ได้ ๑๑๖ กิโล ๔๓ บาท ๘๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑๐,๘๓๘ ดอลล์ ทีนี้รวมทองคำทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบ เป็นทองคำ ๕,๖๗๖ กิโล หรือ ๕ ตัน ๖๗๖ กิโล ดอลลาร์ได้ ๗,๓๑๐,๘๓๘ ดอลล์ นี่ก็ผลงานของพี่น้องทั้งหลายที่รวมกันบริจาคด้วยความรักชาติ และเข้าสู่คลังหลวงทั้งนั้นแหละ ความมุ่งหมายของหลวงตาที่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายนั้น ได้ประกาศออกให้ทราบทั่วหน้ากันแล้วว่า ในการช่วยชาติคราวนี้ขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เวลานี้เราได้จวนจะถึง ๖ ตันแล้วนะ แล้วดอลลาร์ก็คงคิดว่าไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้าน เวลานี้ได้ ๗ ล้านกว่าแล้ว

ขอให้พี่น้องทั้งหลายต่างคนต่างอุตส่าห์พยายาม ให้ได้ทองคำตามที่หัวหน้าได้ประกาศ คือทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน แล้วดอลลาร์ก็คงไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้าน ถ้าได้ตามนี้แล้วเมืองไทยของเราจะสง่างามสูงขึ้นเป็นลำดับ ทองคำพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ตามข้อมืออยู่ตามคอนี้ ปลดออกจากนี้แล้วจะสง่างามครอบประเทศไทยนะ เข้าใจเหรอ นี่ละเป็นคุณค่าอันสูงส่งมากที่สุดสมเกียรติของเรา ที่แต่ก่อนมันกำลังจะจมใน ๓-๔ ปีผ่านมานี้นะ แล้วเวลานี้กำลังฟื้นฟูขึ้นทุกอย่าง ๆ จึงขอให้ได้เต็มจำนวนที่นี่แล้วจะมีความสง่างามมากในชาติไทยของเรา กรุณาทราบด้วยกันทุกคนนะ เอาละเอาแค่นั้นละวันนี้

 

อ่านและฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่

www.Luangta.or.th or www.Luangta.com

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก