คิดเสียก่อนจะไม่เป็นอย่างนั้น
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 8:30 น. ความยาว 20.33 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๖

คิดเสียก่อนจะไม่เป็นอย่างนั้น

ตอนค่ำเมื่อวานนี้ท่านเจ้าคุณธรรมบัณฑิต ชื่อเดิมท่าน ท่านมาหาเริ่มมืดตอนค่ำเมื่อวานนี้ มาก็มาขอเงินแล้วจะว่าไง เราก็ปากเปราะ เพราะเป็นพวกเดียวกันด้วย ว่าท่านเจ้าคุณท่านมา มาอะไรถ้าไม่ใช่มาขอเงิน เราว่างี้ พอดีมาจริง ๆ ด้วยขอเงิน มหาปาน เจ้าคณะจังหวัดไปสร้างอะไร ๆ ไว้ที่วัดโพธิฯ มากมาย แล้วตายปัจจุบันตอนกลางคืน ตายอะไรไม่รู้ หนี้สินก็มากองทับท่านเจ้าคุณซี คราวก่อนนั้นมาขอเราก็ให้ไปแล้ว คราวนี้มาอีกติดหนี้เขาอีกดูว่า ๘ ล้าน มาขออีกนะค่ำเมื่อวานนี้ ว่าท่านเจ้าคุณวัดโพธิฯ มา กำลังมืด มาอะไรถ้าไม่ใช่มาขอเงิน ว่างี้แหละเรา มาทีไรมาเอาทุกทีนั่นแหละ ก็คนกันเอง สนิทกันมาแต่เรียนหนังสือ พอมาก็จริง ๆ ด้วย นั่น

เราได้ว่า มหาปานแต่ก่อน เราไม่ทราบว่าเรื่องใหญ่โตที่สร้างอะไรตั้ง ๒๐ ล้านที่วัดโพธิฯ เราทราบแต่ว่าสร้างอะไร ๆ เราได้ว่าอยู่ ทำอะไรไม่มีเหตุมีผล เราว่างี้นะ การก่อการสร้างต้องคำนึงคำนวณถึงรายได้รายเสีย การจับการจ่ายเงิน จำนวนเท่าไรจะก่อสร้างให้พอเหมาะพอดี ทำอะไรมีแต่ความอยากทำ เราว่างี้ เราเคยพูดให้ฟัง พอดีก็มาโดนจริง ๆ เสียด้วย เวลามหาปานตายแล้วก็ติดหนี้เขาพะรุงพะรัง ไม่มีที่พึ่งก็วิ่งมาหาเราซิ นั่นมาเข้าตรงนี้ เมื่อวานนี้เราก็พูดกับท่านเจ้าคุณเหมือนกัน ควรพิจารณาจะทำอะไร เราว่างี้ ทำอะไรไม่พิจารณาไม่เกิดประโยชน์อย่างน้อย มากกว่านั้นเสีย เราว่า จะทำอะไรต้องคำนึงคำนวณรายจับรายจ่ายรายได้รายเสียให้เรียบร้อย สมควรแก่ฐานะใด ออกตามฐานะของตัวเอง ก็เป็นความจริง

นี่แหละธรรมท่านว่าอย่างนั้นนะ ไม่ใช่ทำอะไรทำสุ่มสี่สุ่มห้า ธรรมท่านมีเหตุมีผลทุกอย่าง ๆ  ติดหนี้เขามาพะรุงพะรัง วัดโพธิฯ นี่เราช่วยมาตลอด หลายล้าน ไม่ใช่ธรรมดานะ หลาย ๆ ล้าน ตั้งแต่ท่านเจ้าคุณอุปัชฌาย์อยู่โน้นก็มี แต่ยังไม่มาก พอท่านเสียไปแล้วต่อมาก็เรื่อยละที่นี่ ท่านเจ้าคุณธรรมบัณฑิตนี้ก็เพื่อนกันมา คุ้นกันมาแต่ไหนแต่ไร มันจะแยกกันออกได้ยังไง เพราะฉะนั้นเวลาท่านจำเป็นท่านก็วิ่งมานี้ ทางนี้ก็ขู่ ว่าท่านเจ้าคุณมาถึงแล้ว พระไปบอก ท่านเจ้าคุณไหน เจ้าคุณวัดโพธิฯ โหย จะมาขออะไรละ เราว่า ก็จริง ๆ อย่างนั้นแล้ว มันก็พวกกันเองว่าจะเป็นไร ได้ให้ทุกทีแหละ

สร้างต้องคำนวณถึงเหตุถึงผล นั่นถูก ทำอะไรต้องคิดต้องอ่าน คนไม่คิดไม่อ่านตัดหนามกั้นทางตัวเองไม่มีทางไป จนตรอกจนมุม ติดหนี้ติดสิน เห็นไหมเขาสร้างตึกอะไร ๆ อยู่ตามข้างถนนหนทาง ไปที่ไหนดูตลอดนะนี่ มันก็หยั่งเข้าถึงเหตุถึงผล ถึงความโง่ความฉลาดของคนนั่นแหละ บางแห่งสร้างไปยาวเหยียด ต้นไม้ขึ้นปกคลุมหมดเลย สร้างยังไม่เสร็จ เสร็จแล้วไม่มีใครอยู่ก็มี ยังไม่เสร็จ ร้างทิ้งไว้ก็มี คิดถึงการณ์ไกลซี การณ์ไกลอะไรมันมามัดเจ้าของ ทำอะไรต้องคิดต้องอ่านบ้างนะ ไอ้เรื่องติดหนี้ติดสินไม่ใช่ของเล่นนะ เป็นเรื่องก่อกรรมก่อเวรต่อกันนะ ติดหนี้กัน

ทีแรกก็สนิทกัน เห็นว่าสนิทกันก็ให้แหละ ติดหนี้แล้วจมไปเลย ไม่ให้ ถ้าทวงหนี้ก็เป็นการชวนทะเลาะกัน จากนั้นก็เป็นเรื่องก่อกรรมก่อเวรกันไป การติดหนี้ติดสินไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่าพากันติดนะ ไม่จำเป็น กินข้าวกับน้ำปลาก็ได้นี่นะ มันสุรุ่ยสุร่ายเกินเหตุเกินผลเกินภูมิของเรา คนอื่นเขาก็หัวเราะด้วย คนที่มีสมบัติผู้ดีเขาคิดเขาอ่านเขาหัวเราะเสียด้วย การติดหนี้ติดสินไม่ใช่ของดีเลย ไม่มีก็อยู่ตามสภาพซิจะว่าไง

ไปที่ไหนระโยงระยาง ว่าไม่รู้หรือ ทั่วประเทศเขตแดนทั่วโลกติดหนี้กันเป็นตาข่ายเลยเทียว พัวพัน เมืองใหญ่เมืองเล็กติดต่อประเทศก็ติด ติดกัน ๆ ในบ้านในเมืองติดตลอด ไม่มีละที่ว่าไม่ติดหนี้ มันเป็นนิสัยอย่างนั้นจะว่าไง ไม่คิดไม่อ่าน สุกเอาเผากิน ๆ ฉวยได้ฉวยเอา เวลาเป็นบ้ามันไม่ได้คิดซี ถ้าคิดเสียก่อนก็ไม่เป็นอย่างนั้น ไม่เดือดร้อนแก่เจ้าของและคนอื่นนะ ให้พากันคิดบ้างนะ ไอ้เรานี่เซ่อ ๆ ซ่า ๆ อยู่ในวัดแต่มันคิดนะพูดจริง ๆ มองเห็นอะไรปั๊บมันจะวิ่งคิดของมันเลย ที่เรานำคำพูดมาสอนพี่น้องทั้งหลายนี่ พูดสอนเหล่านี้มันผิดไปแล้วเหรอ พิจารณาซิ มันมีแต่กองทุกข์ทั้งนั้น สอนนี้เพื่อเปลื้องกองทุกข์ต่างหาก มันก็ไม่เสียอะไรนี่

ให้รู้จักประมาณในตัวเองบ้างซี ทำอะไรฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวใช้ไม่ได้นะ เจ้าของเองก็ไม่ดี แล้วยังระบาดสาดกระจายเป็นความกระทบกระเทือนให้คนอื่น ต่างคนต่างมีหัวใจด้วยกัน คนเราต้องคิดซี เมื่อมีอะไรสัมผัสเข้ามาต้องคิด กระทบกระเทือนกันไม่ดี ขอให้คิด มนุษย์นี่ละคิดดีกว่าเพื่อนนะ อย่าให้มันเลวกว่าสัตว์มนุษย์เรา ไม่ดี คนเรานั่นเองแหละมาเสกสรรเราเองว่าสูงกว่าสัตว์ สัตว์เขาจะว่าสูงอะไร เห็นนี้เขาวิ่งเข้าป่า เห็นไหมสัตว์ เขาว่าเป็นยักษ์เป็นผี แม้แต่อยู่ในวัดนี้ก็เหมือนกัน เราก็ไม่เคยฆ่าเขา เพราะนิสัยสัตว์มันเคยกลัวอันตรายมาแล้ว เห็นพระเจ้าพระสงฆ์ ก้อก ๆ อย่างน้อยไก่ เตือนกัน ก้อก ๆ ๆ ไก่ตัวผู้เตือนตัวเมีย

ไปที่ไหนเราสังเกตดู ตัวผู้เป็นตัวเตือน พอเห็นคนไปนี่ก้อก ๆ ๆ เตือนกัน เราก็เดินไปอย่างนั้นแหละ เขาก็อยู่กับเรานั่นแหละแต่เขาก็เตือนกัน ระวังนะ ไม่เว้นแหละ หัวโล้นก็ระวังเถอะ อย่างหนึ่งเอาไม้ฟาดเอาแหละ อ้าว ไปตีกันต่อหน้าเราก็เอาไม้ฟาดเอาละซี เข้าใจไหม เขาไม่ได้ว่าเขาตีกัน เราเอาไม้ฟาดใส่เขา เขาแตกจากกันไป เขาก็ว่าเราเป็นภัยต่อเขา เขาตีกันเขาไม่ได้คิดนะ เขาเลยกลัวเรา เห็นเราไปก้อก ๆ ๆ เดินไปตามนี้ ไม่เห็นมีอะไรก็แต่นกยูง นกยูงมานี้เฉยเลย ไม่สนใจ เดินเฉียดเราไปก็เฉย นอกนั้นกลัวทั้งนั้นแหละ ลักษณะบอกหมด

อย่าพากันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวนะ ไม่ดี เรามีศีลธรรม ควรมีขอบเขตรักษาตัวตนบ้างซิ ทำอะไรทำไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดี ติดนิสัย แก้ไม่ตก แล้วไม่สนใจจะแก้ด้วย เลยเสียไปวันยังค่ำ เสียไปจนตาย คนไม่คิดมาย้อนดูหัวใจตัวเอง ดูแต่สิ่งที่อยากได้อยากมีอยากอะไร ดิ้นไปตามโน้น ไม่ได้คิดดูตัวมันดิ้นอยู่ในหัวใจบ้าง ถ้าคิดนี้บ้างแล้วมันจะสงบลงนะ ไม่คิดไม่สงบ ต้องคิดบ้าง ต้นเหตุมันอยู่ที่หัวใจ มันคิดฟุ้งไปไหนกลับมานี้ซิ ดูนี้ มันก็สงบของมันลง มันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวนะเมืองไทยเรา เราเอาเฉพาะเมืองไทยเรา ไปที่ไหนมันพอ ๆ กัน

นี่เต่าใหญ่ตัวนั้นก็กลับมานอนอีกแล้ว มานอนอยู่ที่เก่านะ มันออกไปหากินนั้นแล้วหลายวันนะ มาอยู่นี่ตั้งนานหลายวัน แล้วตอนเย็นเมื่อวานเห็นมันออกไปหากินอยู่ที่ร้านอาหารให้สัตว์แหละ เพราะร้านอาหารมีอยู่ทั่วไปพวกสัตว์เขาได้มากินกัน ทีนี้เต่าก็ไปกินกับเขา เราเห็นมันเดินงุ่มง่าม ๆ อ้าว มันออกแล้วมันออกจากนี้นะ มันอยู่นี้หลายวันตั้งแต่เรากลับมาจากกรุงเทพฯนะ มันอยู่นั้นเป็นประจำเลยไม่หนีไปไหน เมื่อวานเห็นต้วมเตี้ยม ๆ เข้าไป มันไปร้านนั้นละ ร้านอาหาร มันเคยไปกินที่นั่น เราก็เดินตามไปดูเห็นมีอาหารตกอยู่ตามนั้น เราก็เลยเอาข้าวข้างบนจับโยนลงไปตามนั้นให้มันกิน กล้วยก็วางอยู่นั้นแล้วก็ไม่ให้แหละ มีเต่าเล็กอีกตัวหนึ่งเป็นคู่กันอยู่ มันกินอาหาร เขาไปหากินตามร้านอย่างนั้นแหละ เขาเคยแล้วนี่ เขาไปกินนั้นแล้วเขาก็กลับมา  พอเห็นเขากินอย่างนั้น  ก็เลยเอาข้าวข้างบนนี้โยนลงไปให้เขากิน กล้วยก็มีอยู่วางอยู่ข้างล่างแล้วไม่สนใจละ

พอตกค่ำมาเดินจงกรม มองมาเห็นมันนอนอยู่นั้นแล้ว มาอยู่ที่เก่าละ เต่าใหญ่นะ มันมาอยู่ที่เก่ามัน มันกินอิ่มแล้วมันก็มา มาอยู่ที่นั่น นี่ก็ได้บอกพระเณรอย่าไปยุ่งกับมัน ให้เขาอยู่ของเขาอย่างนั้นแหละ เราสงสารเอาอาหารไปให้เขา เอาข้าวข้างบนร้านไปวางไว้ตามนั้น ให้เขากินกะให้เขาพอ เหลือเขา จากนั้นก็มานอนที่เก่าอีก วันนี้ก็นอนอยู่นั้นละ เขาคงไม่ไปเที่ยวที่ไหน เต่าใหญ่นี้พระท่านเอามานะ อยู่ทางเมืองกาญจน์ พระในวัดนี้เอามา เขาจับมาได้เขาจะเอาไปฆ่า เลยซื้อเขามา ๕๐๐ ว่างั้น เอามาปล่อยไว้ที่นี่ ตัวใหญ่นะ มันก็เลยอยู่ที่นี่ ตัวเล็กไม่อดในวัดนี้ เต่าเยอะเที่ยวได้ทุกเวลา เพราะมันรู้แล้วว่าคนไม่เป็นภัยต่อมัน มันก็มา เวลาไหนก็มา ไม่มีหน้าแล้งหน้าฝน ตามธรรมดาเต่าหน้านี้หยุดนะ หน้าหนาวนี้หยุดพักไม่หากิน โน้นเดือนกุมภา สิ้นเดือนกุมภาไปหาเดือนมีนา เขาออกหากิน ครั้นหน้าฝนหมดแล้วเขาก็เข้าพักเข้ากับ เหมือนแย้แหละ แบบเดียวกันพวกเต่า แต่เต่าในวัดนี้ไม่มีเวล่ำเวลาออกทุกเวลาเลย ไปไหนเจอแต่เต่าเต็มวัดเต็มวา เพราะมันได้กินกับคนอาศัยกับคน มันคุ้นกับคนพอแล้ว

สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๒ กุมภา ทองคำได้ ๑๖ บาท ๖๓ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๔๒๓ ดอลล์ ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้วในวันที่ ๑๐ ธันวาคมนั้น เวลานี้ได้ ๑๑๕ กิโล ๓๙ บาท ๘๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑๐,๗๕๒ ดอลล์ รวมทองคำที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งเข้าคลังหลวงแล้วและยังไม่ได้เข้าเป็นทองคำจำนวน ๕,๖๗๕ กิโล เท่ากับ ๕ ตัน กับ ๖๗๕ กิโล รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมดอีกเหมือนกันได้ ๗,๓๑๐,๗๕๒ ดอลล์

นี่เราก็ได้พิจารณาแล้วว่า วันที่ ๑๒ เมษา ซึ่งเป็นวันครบรอบได้นำพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติบ้านเมืองนั้น วันนั้นเป็นจุดสำคัญควรที่จะได้อะไรเป็นที่ระลึกสักอย่างหนึ่งนะ ที่ระลึกก็ไม่นอกเหนือไปจากทองคำละ วันนั้นถ้าได้ทองคำ ๕๐๐ กิโลแล้วเราจะหลอมและมอบในวันนั้นพร้อมกันเลย เวลานี้เราก็ได้ ๑๑๕ กิโล ๓๙ บาท ๘๗ สตางค์ ถ้าได้ถึง ๕๐๐ เราก็จะหลอมแล้วมอบเลย เราคิดว่าควรจะได้ละ เพราะเป็นวันที่ระลึกสำคัญวันหนึ่ง

ส่วนเงินของเราที่เข้าธนาคารไว้เรียบร้อย คือเงินกฐินที่ถอนออกไปเพียง ๒๐ ล้านไปซื้อทองคำงวดที่แล้วนี้ เวลานี้ก็ยังเหลืออยู่ ๗๖ ล้าน กฐินของเรา เราไม่ได้เอาออก เอาไว้เผื่อจะซื้อทองคำในคราวหลังต่อไป เพราะคราวกฐินทองคำนี้ได้ครบจำนวน ๕๐๐ แล้ว เราก็ไม่ไปแตะละ เราไว้เผื่อข้างหน้า ทีนี้ข้างหน้าก็อาจจะเป็นครั้งนี้แหละ ๗๖ ล้าน รวมทั้งหมดแล้วก็ประมาณไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านนะ ก็จะได้ทองคำประมาณ ๒๐๐ กิโลเท่านั้นละมั้ง ย่างมากนะ ทองคำจากจำนวนเงินเหล่านี้ที่จะไปซื้อนี่นะ ได้ ๒๐๐ กิโล เรากะไว้อย่างนั้น ยังไง ๒๐๐ กิโล กับ ๑๐๐ กิโลนี้มันก็เป็น ๓๐๐ กว่า มันก็ขาดอยู่เกือบ ๒๐๐ กิโล ถ้าเราเอาเงินนี้ไปซื้อก็ดี ยังขาดอยู่เกือบ ๒๐๐ กิโล

เราให้พยายามนะ ถ้ามันควรจะได้ ๕๐๐ กิโลในระยะนี้เราก็ให้ได้เสีย พอได้ครั้งนี้แล้วก็เป็น ๖ ตันกว่าหรือ ๖ พันกิโลกว่า นี่ก็เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ถึงวันนั้นก็ยังอีก ๒ เดือนเต็ม ๒ เดือนกว่า ถ้าได้นี้แล้วก็หมดปัญหาละ ไม่มีอะไรต่อไป เพราะหลวงตาพูดมีคำสัตย์คำจริง ที่รบกวนพี่น้องทั้งหลายอยู่เวลานี้ ก็จำนวนนี้แหละทองคำให้ได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน พอได้นี้แล้วหยุดเลย ที่จะให้รบกวนพี่น้องทั้งหลายอีกไม่รบกวน ถ้าท่านผู้ใดจะมามอบให้อีกโดยที่เราไม่รบกวนเราก็รับไปตลอด แต่ให้รบกวนเราไม่รบกวน ขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน จะเป็นสง่าราศีต่อชาติไทยของเรามากมาย เรียกว่าถมกันให้เต็มเลย ที่เราจะจมอยู่เมื่อ ๓-๔ ปีผ่านมานี้นั้น คราวนี้ขอให้ได้ขึ้น ถมกันให้เต็มตื้นไปเลยขึ้นมาเลย ไม่ให้เบานะ ถ้าได้ ๑๐ ตันนี้แล้วพอใจ

เราซึ่งเป็นหัวหน้าพี่น้องทั้งหลายก็พอใจ ไม่เดือดร้อน คลังหลวงของเราถ้าได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้แล้วเบาใจได้เลย เพราะเราเป็นคนเข้าไปดูทองคำในคลังหลวงเอง รู้สึกว่าขาดมากทีเดียว ถ้าได้นี้ไปหนุนขึ้นก็พอดี เรากะไว้อย่างนั้น แล้วทีนี้เงินของเราก็ดีทองคำของเราก็ได้ ที่ได้เข้าไปนี้มันไปหนุนหลายด้านหลายทางนะ เงินที่พิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นอีกก็พิมพ์ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวน แล้วนอกจากนั้นยังหนุนไปหลายด้านหลายทาง เป็นเครื่องประกันเข้าไปอีก เครื่องประกันชาติของตัวเอง แน่นหนามั่นคงเข้าไปอีก และยังพิมพ์ธนบัตรออกใช้ได้อีก มันไม่มีอะไรเสียที่เราได้มานี่นะ มีแต่ดีทั้งนั้น ๆ

เพราะฉะนั้น จึงขอให้ดีถึงจุดของเราที่ต้องการ ในทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันนี้เราพอใจ ยังไงก็ต้องได้ละดอลลาร์ ๑๐ ล้าน กว่าทองคำจะถึง ๑๐ ตัน เพราะดอลลาร์เบากว่ากัน ยกขึ้นง่ายกว่ากัน ดีไม่ดีมันอาจเลย ๑๐ ล้านไปก็ได้ กว่าทองคำจะได้น้ำหนัก ๑๐ ตันนะ เราแน่ใจแล้ว สำหรับดอลลาร์ เวลานี้ก็ได้ ๗ ล้าน ๓ แสนกว่าแล้วนี่ มันขึ้นไปเรื่อย ๆ ทองคำก็ค่อยคืบขึ้นไป ทางนี้ก็คลานไปตามกัน นี่ละจุดใหญ่ของเราที่จะอุ้มชาติบ้านเมืองของเราให้เด่นขึ้นมาและแน่นหนามั่นคง อยู่จุดนี้แหละ

ตะกี้นี้สอนถึงเรื่องความไม่ลืมเนื้อลืมตัว ขอให้พากันเอาไปคิดบ้างนะ เสียมากนะเมืองไทยเรา ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว เสียเราด้วย และเสียไปทั่วประเทศเขตแดนด้วย ใคร ๆ ถ้าเป็นนิสัยอย่างเดียวกันนี้จมได้นะเมืองไทย ถ้าต่างคนต่างประหยัดก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้ ให้พากันประหยัดบ้าง อย่ามีตั้งแต่อยากใช้อยากจ่ายอะไรก็จ่ายไปเรื่อย ๆ คว้าไม่ทันก็ไปยืมเขามานี้เสียมากนะ อะไรถ้ามันไม่มีให้อดออมไว้ก่อน อดได้ไม่เป็นไร อดไม่ล่มไม่จมไม่เป็นไร จะปล่อยให้เป็นตามความอยากนี้ล่มจมได้ไม่ใช่ของดีนะ วันนี้เอาเพียงเท่านั้นละ ไม่พูดมาก แล้วจะให้พร

 

อ่านและฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่

www.Luangta.or.th or www.Luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก