เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
บทสัมภาษณ์ร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ทางยูบีซี 8
ก่อนจังหัน
พระที่มาใหม่ให้สังเกต ให้ดูให้ดีนะ อย่ามาเด้น ๆ ด้าน ๆ นะ มาสักแต่ว่ามา ดีไม่ดีเอาชื่อของวัดนี้ไปขายกินอีกด้วยนะ เอาวัดนี้ขายอีกด้วย ไปก็อวดว่าวัดนี้อย่างนั้นอย่างนี้ เจ้าของไปทำอะไรอีกขึ้นมานี้ มาวัดนี้ทำไมเป็นอย่างนี้ จะเลอะมาหมดนะ เวลานี้พระเราเลอะเทอะมากทีเดียว ขอให้ท่านทั้งหลายรู้ตัวว่าเป็นพระนะ อย่ามีแต่หัวโล้น ๆ ผ้าเหลืองเฉย ๆ นะ เวลานี้กำลังเลอะเทอะ หัวโล้น ๆ ผ้าเหลืองนี่อาละวาดแหลกไปหมดนะเมืองไทยเราไม่เคยเห็นมี มาคราวนี้เห็นชัดเจนมากทีเดียว พวกเรานี้แหละ นั่งเฝ้ากันอยู่นี้แหละ หัวโล้น ๆ นี่ มันมาสั่งสมนรกอเวจี สั่งสมฟืนไฟมูตรคูถเต็มวัดเต็มวาเต็มพระเต็มเณร มันไม่ได้มาสั่งสมธรรมนะ ถ้าสั่งสมธรรม หลักธรรมวินัยมีอยู่ทำไมจึงต้องไปทำเลอะเทอะ ๆ อย่างที่เห็นอยู่นี่ นอกจากมันหน้าด้าน ไม่มีหิริโอตตัปปะประจำใจ เดี๋ยวนี้สมัยนี้พระเราหน้าด้านมากทีเดียวนะ เอา นับไปหมดนะอย่าเว้นคนนั้นคนนี้
เราเป็นลูกตถาคต ผิดตรงไหนต้องว่ากันได้ซิ เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ ให้รู้เนื้อรู้ตัวนะทุกท่านนะ มาศึกษาอบรมให้ดูให้ดี อย่ามาแบบเลอะ ๆ เทอะ ๆ การขบการฉันอย่ามูม ๆ มาม ๆ ให้เห็นนะ ไล่ออกจากวัดทันทีเลยนะ อย่ามามูม ๆ มาม ๆ ให้เห็น เห็นแก่ปากแก่ท้องตะกละตะกลามไม่ได้นะ อะไรก็เถอะ ธรรมขอให้ติดแนบอยู่กับใจ สติธรรม ปัญญาธรรม นี่หลักธรรมที่ประกันตัวของเรา สำคัญมากตรงนี้ ฆ่ากิเลสก็อันนี้ละสำคัญ สติธรรม ปัญญาธรรม ฆ่ากิเลส ให้พากันตั้งอกตั้งใจ ผมสงสาร นี่สอนอย่างเป็นกันเอง เราเป็นลูกตถาคตด้วยกัน ผิดถูกประการใดให้นำไปพินิจพิจารณาให้ดี อย่าดื้ออย่าด้าน อย่าต่อสู้ธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมของพระพุทธเจ้านำไปสอนเวลานี้มันไม่ยินดี มันคัดค้านต้านทาน มันต่อสู้ธรรมพระพุทธเจ้า คือพวกเทวทัตเรานี้แหละนะ เวลานี้กำลังต่อสู้พระพุทธเจ้า เหยียบหัวพระพุทธเจ้าลงไป มันเป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ จำให้ดี เอาละให้พร
หลังจังหัน
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๓๐ ทองคำได้ ๒ บาท ๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๐๓ ดอลล์ ทองคำที่ได้หลังจากมอบเข้าคลังหลวงแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวา นี้ ได้ทองคำเพิ่มขึ้นอีก ๑๐๒ กิโล ๒๙ บาท ๓ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๐๘,๙๘๔ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดที่มอบแล้วและยังไม่มอบเป็นทองคำ ๕,๖๖๑ กิโลครึ่ง รวมดอลลาร์ที่ได้แล้วทั้งหมด ทั้งที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบ เป็นจำนวนดอลลาร์ ๗,๓๐๘,๙๘๔ ดอลล์ ต่อไปนี้ก็จะเร่งทองคำ มีจุดหมายปลายทางแล้วว่าต้องน้ำหนัก ๑๐ ตันทองคำเราคราวนี้ ใคร ๆ ก็ทราบทั่วกันหมดทั้งประเทศแล้วเวลานี้ ให้ได้ตามนี้
พอได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้วก็จะไม่กวนพี่น้องทั้งหลายแหละ ใครจะเอามาให้ธรรมดานี้เอา ให้มากกว่าที่ได้แล้ว ๑๐ ตันก็เอา แต่ให้รบกวนอย่างนี้ไม่กวน ว่าอะไรต้องมีบทมีบาทมียุติ มีความสัตย์ความจริง ที่รบกวนพี่น้องทั้งหลายอยู่เวลานี้ก็น้ำหนักทองคำ ๑๐ ตัน ส่วนดอลลาร์ไม่กำหนด ให้เคียงข้างกันไปแล้วแต่จะได้มากน้อยเพียงไร แต่ทองคำนี้ลงจุดที่ต้องการอย่างยิ่งก็คือให้ได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ถ้าเราได้น้ำหนัก ๑๐ ตันนี้เมืองไทยเราสง่างามมากนะ ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยามได้เลยถ้าลงได้น้ำหนัก ๑๐ ตัน ในการช่วยชาติคราวนี้เป็นคราวสำคัญมาก เพราะฉะนั้นจึงขอให้ได้ที่ระลึกที่เป็นสิริมงคลในการช่วยชาติของพี่น้องชาวไทยเรา คราวนี้ขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เรามุ่งในจุดนี้ ถ้าเลยจากนี้แล้วจะไม่ได้นะ กาลนี้เป็นกาลสมควรเหมาะสมทุกอย่างแล้ว จะได้อะไรมากน้อยในเวลาช่วยชาตินี้เหมาะหมด พอผ่านอันนี้ไปแล้วจะไม่ได้เรื่องได้ราวนะ ทองคำของเรากำลังบกบางอยู่ในคลังหลวง จึงพยายามหามาให้เข้าในจุดนี้ ได้ ๑๐ ตันแล้วเราพอใจ
นี่มันก็ค่อนไปแล้วนี่ ใกล้ ๖ ตันแล้ว เราคิดว่าจะได้เร็วกว่าแต่ก่อน เพราะใครก็เป็นที่เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว มุ่งต่อจุดนี้จุดเดียว ๆ เลย จุดใหญ่จุด ๑๐ ตัน เราไปดูทองคำในคลังหลวงเองเพราะฉะนั้นถึงได้ดิ้นตลอดมา ตั้งแต่ออกจากคลังหลวงมาแล้วในเย็นวันนั้น ขึ้นวันนั้นเลยเทียว ไม่ลดละจนกระทั่งบัดนี้ ขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน พอใจ ขาดอยู่เท่านั้น ได้มาอีกเท่านั้น เป็นจำนวนเท่านั้น เราพอใจในจุดนี้ หายใจโล่งปอด แม้จะไม่หายใจเต็มปอดก็เรียกว่าหายใจโล่งปอดละ ไม่เต็มปอดก็โล่ง หายใจได้ ไม่อัตคัดขัดสนจนจะไม่มีลมหายใจ คน ๖๒ ล้านคนต่างคนต่างหายใจอด ๆ อยาก ๆ วิ่งวุ่นอยู่ทั่วประเทศไทย ครั้นวิ่งไปแล้วไปไหน มันไปขอยืมลมหายใจเขา ไปบ้านนั้นยืมลมหายใจ ไปบ้านนี้ยืมลมหายใจ ๖๒ ล้านคนมีแต่พวกยืมลมหายใจมาหายใจ เพราะลมหายใจไม่พอ
ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย มันน่าฟังไหมนี่ คน ๖๒-๖๓ ล้านคนวิ่งวุ่นกันทั่วประเทศไทย ไปยืมลมหายใจกัน เพราะลมหายใจไม่พอ มันจะตายกันทั้งประเทศนี่ นี่ละเราจึงได้รีบสูบทองคำเข้าไป นี่ลมหายใจของพี่น้องชาวไทยเราคือทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว โล่งปอดเลยแหละ ไม่เต็มปอดก็โล่ง ถ้าหากยังไม่พออีกให้มาหาหลวงตาบัว ให้มายืมลมหลวงตาบัวไปหายใจนะ ถ้าได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันยังไม่พอหายใจอยู่แล้ว ให้มายืมลมหายใจกับหลวงตาบัว หลวงตาบัวไม่อัดไม่อั้น จะไปยืมหมดแหละที่นี่ พอใจยืมนะ หลวงตาบัวพอใจให้พี่น้องทั้งหลายืม เราให้ลมหายใจหมดแล้ว เราจะไปยืมไอ้ปุ๊กกี้ ไอ้หยอง เข้ามาอีก ยืมมาเพื่อพี่น้องชาวไทยเราเข้าใจไหม ให้ได้สูดลมหายใจ เราให้พี่น้องชาวไทยแล้วลมหายใจเรา เราหมดเราจะไปหายืมเอาจากไอ้ปุ๊กกี้ ไอ้หมี ไอ้หยองอะไรเหล่านี้เข้ามาสูดลมหายใจ สุดท้ายลมหายใจหลวงตาบัวกลายเป็นลมหายใจหมาไปเลย ลมหายใจคนเอาให้พี่น้องทั้งหลายไม่พอ เพราะทองคำขาดมาก เข้าใจไหมล่ะ ให้คิดให้ดีนะอันนี้
ทุกอย่างก่อนที่เราจะออกมาประกาศนี้ เราพิจารณาเต็มหัวอกทุกอย่าง ไม่ได้มาสุ่มสี่สุ่มห้า อันนี้ทองคำเป็นเครื่องประดับและเป็นความอบอุ่นแน่นหนามั่นคงของชาติไทยเราอยู่จุดนี้ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง จึงได้รบกวนพี่น้องทั้งหลาย ยังไงขอให้ได้นะ ถ้าได้นี้แล้วเราจะหายใจโล่งปอดสบาย ๆ เลยนี้แล้วจะไม่ได้นะ เป็นกาลเวลาที่เหมาะสมคือกาลนี้เวลานี้ ไม่ว่าส่วนใดบรรดาสมบัติที่จะเข้าสู่ส่วนรวมของเรานี้ เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ที่กำลังช่วยชาติอยู่ด้วยกันทั้งประเทศนี่ ขอให้พิจารณาจุดนี้ให้ดีนะ
ทุกอย่างก็ดีขึ้นเป็นลำดับแล้วเวลานี้ เมืองไทยเราดีขึ้น ๆ นี่ทองคำก็ได้ ๕ ตันกว่าแล้ว จะเริ่ม ๖ ตันแล้ว ทองคำก็ดีขึ้นดอลลาร์ก็ดีขึ้น ส่วนเงินสดก็ดีขึ้นไปทางโน้น กระจายทั่วประเทศไทย เข้าคลังหลวงไม่มากนะเงินสด เข้าซื้อดอลลาร์ ๑๐ ล้าน เพราะดอลลาร์ไม่พอกับจุดที่เราต้องการ เมื่อมันจวนเข้ามาแล้วเราไปเอาเงินจากบัญชีโครงการช่วยชาติมา ๑๐ ล้าน มาซื้อดอลลาร์ พอดีกับความต้องการ ๙๓๑ นั้นเรียกว่าซื้อทองคำล้วน ๆ เข้าแล้ว
รวมทั้งดอลลาร์และทองคำเป็นเงินสดที่ได้เข้าคลังหลวงของเราเพียง ๙๔๑ ล้านเท่านั้น นอกนั้นกระจายทั่วประเทศไทย ท่านทั้งหลายไป จะไม่รู้กับเขาละ เขาไม่มีเบอร์ติดไว้ คือเราบอกเราไม่ยุ่งกับชื่อกับเสียงเราว่าอย่างนี้ แต่เขาขโมยเขียนไว้เหมือนกัน คือเราประกาศแล้ว เราไม่ต้องการอะไรในโลกอันนี้เราบอก เราขอให้บ้านเมืองของเรา ที่เราต้องการหนุนเต็มที่นี้ให้ได้รับความอบอุ่นทั่วหน้ากันเราเป็นที่พอใจเราบอก ชื่อของเรามีแล้วเราไม่จำเป็นเราว่าอย่างนั้น เราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น รถเขาเขียนติดข้างรถไว้ก็มี นี่ห้ามไว้หมดเลยนะ เราไม่ต้องการชื่อเสียงอะไร ๆ ไม่ต้องการ ต้องการแต่ความจำเป็นตามเหตุผล ๆ ที่เราต้องการเท่านั้น ถ้าเราได้นี้แล้วหลับเมื่อไรเราหลับไปสบายเลย ถ้ายังไม่ได้อันนี้จะตั้งชื่อของเราขึ้นสู่จรวดดาวเทียม เราไม่พ้นความเดือนร้อนเพื่อพี่น้องชาวไทยอยู่นั้นแหละ นี่ละจุดใหญ่ของเราที่ต้องการ เราต้องการอย่างนี้
เราก็บอกแล้วเราไม่เคยที่จะมาคิดช่วยชาติบ้านเมืองอย่างนี้ เราไม่เคยยังบอกแล้ว มีแต่หมุนอยู่กับศีลกับธรรม เรื่องราวของบ้านเมืองนี้เป็นมาตั้งแต่เมื่อไร เราก็รู้มาโดยลำดับ ๆ เพราะลูกศิษย์ของเรามีอยู่ทุกกระทรวง เราก็ไม่ได้สนใจนะ ดำเนินไปเรื่องของเราเรื่อย ๆ ฟังไปอย่างนั้นละ ก็เป็นเรื่องของบ้านเมืองเขาไปอย่างนั้นเสีย เรื่องศาสนาเป็นเรื่องของเรา เราก็หมุนไปทางศาสนาทางอรรถทางธรรมไปเรื่อย ๆ จนกว่าว่ามันกระเทือนเข้ามาเสียจริงจัง จนร้องโก้กเลยเทียว นี่ละเหตุที่ได้ออกเป็นต้นเหตุอันนี้เอง ร้องโก้ก ก็ติดหนี้เขาจนกระทั่งหัวชาติไทยของเรามันเป็นหัวหนูนี่ หัวหนูมันจะพอกลืนเขาเหรอ ติดหนี้เขาไม่ทราบว่ากี่แสนล้าน ๆ เอามา ค้นเอาบัญชีออกมาดูแล้วฟังไม่ได้เลย นี่ละเหตุที่เราได้ดิ้น ไม่ใช่เหตุใดนะ
ทีนี้เมื่อต่างคนต่างดิ้นก็พอดีสมประกอบทางรัฐบาลก็ขึ้นใหม่ขึ้นมา ทางนี้ก็ช่วยกันมาก็หนุนกัน เวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยทางบ้านเมืองเราชม เราพูดเป็นธรรม เราไม่ได้ตำหนิติชมใคร ๆ ก็ตาม ด้วยหาเหตุผลไม่ได้ เราไม่มีอย่างนั้น ต้องเหตุผลพาให้ดำเนิน ผิดบอกว่าผิดเลย ถูกบอกว่าถูก ดีบอกว่าดี เวลานี้ปัจจุบันนี้ นับว่าดีขึ้นโดยลำดับลำดา เท่าที่เราได้ทราบเรื่องทางรัฐบาลมาโดยลำดับลำดาก็มารัฐบาลปัจจุบันนี้ รู้สึกว่าพอใจ เราพอใจเราก็บอกพอใจ ดำเนินไปทางไหนไม่ขัดต่ออรรถต่อธรรม ราบรื่นดีงาม ๆ ตลอดไป ดีงามเพื่อความเจริญเรื่อย ๆ นะ เรื่อยไปอย่างนั้นละเราดู ฟังไปที่ไหนมันก็น่าฟัง ๆ เอ้อ ๆ เรื่อยไปอย่างนี้ละ
นี่ละดีมันก็รู้ด้วยกันทุกคน ให้พากันจดจำเอาทุกคนนะ เราเป็นคนชาติไทยทุกคน รักนวลสงวนตัวด้วยกัน ทีนี้เวลาอะไรดีก็ต้องว่าดี อะไรควรเสริมให้เสริม เรื่อย ๆ อะไรควรตำหนิ ๆ ต้องอย่างนั้นซิ อย่างที่เขาคัดเลือกผู้นำ ๆ มาเป็นยุคเป็นสมัย นั่น หาคนดี ๆ ว่างั้นใช่ไหม ถ้าเราเป็นคนเลวก็ไปหาคนเลวมา มันก็เลวด้วยกัน ๒ คนแล้ว เข้าใจไหม หาแบบชุ่ย ๆ สุกเอาเผากิน ครั้นได้มาก็ได้มาแต่ของเลว ๆ ก็มาเหยียบบ้านเหยียบเมืองเหลวไปหมด เห็นไหมล่ะ เท่าที่ผ่านมานี้จนเมืองไทยจะจมเห็นไหม เลวหรือดี จะให้ชมว่ายังไง จะให้ตำหนิว่ายังไง เห็นอยู่ด้วยกันทุกคน จนเมืองไทยจะจมเมื่อ ๓-๔ ปีผ่านมานี้
เริ่มค่อยฟื้นขึ้นมาเวลานี้ ฟื้นเราก็บอกว่าฟื้นเห็นด้วยกันรู้ด้วยกัน เวลานี้ทางบ้านทางเมืองถนนหนทาง รถบรรทุกรถอะไรเกี่ยวกับเรื่องการก่อการสร้าง เดี๋ยวนี้มีอยู่ทุกแห่งทุกหน ตอนหนึ่งเงียบหมด จนรถบรรทุกจะวิ่งถนนไม่มี คือมันหมดไม้หมดมือหมดเนื้อหมดตัว จนจะจมไปทั้งชาติ อะไร ๆ ก็จะไม่มีเหลือเลย การก่อการสร้างก็หมด ธนาคารก็ปิดกึ๊ก ๆ มันจะจมด้วยกันไปหมดนี่ จะว่ายังไง
เวลานี้ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมา ๆ การก่อการสร้างก็หนาแน่นขึ้นมาแล้วเวลานี้ ก็พอมีเงินหมุนบ้างอะไรหมุนบ้างมันก็ไปได้ ถ้าไม่มีเงินเสียอย่างเดียวตายเลยละ จะว่ายังไง เงินขาดคลังจะว่าไง ไม่มีเงินอยู่ในคลังซึ่งเป็นจุดส่วนรวมแล้วจะหมุนไปได้ยังไง กระดุกกระดิกไม่ได้ตายทั้งนั้นแหละ นี่เราก็พอเป็นไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยได้มา ๆ แล้วก็ค่อยพากันหมุนไปได้อย่างนี้แหละ ทางที่ไหน ๆ ไปที่ไหนก็เห็นก่อสร้าง เราไปที่ไหนเราไปเฉย ๆ เหรอ ตาดูทุกอย่าง หัวใจเอามาคิด ๆ ๆ ซิ คิดอยู่อย่างนี้
เวลานี้ก็ค่อยรู้สึกว่าหนาหน้าหนาตาขึ้น การก่อการสร้างอะไร ๆ ก็ดีมีเรื่อย ๆ ไม่ว่าเมืองใหญ่เมืองเล็กมีทั่ว ๆ ไปเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้าไปนี้ดังที่เห็นนั้นละ เงียบเลยไม่มี ที่ไหนไม่มี แม้ปลูกสร้างแล้วก็ร้าง ทิ้งเป็นซากอสภอยู่อย่างนั้นละ จะเผาก็ไม่เผาจะฝังก็ไม่ฝัง ทิ้งเป็นซากศพบ้านเรือนนั้นละ ที่ทำไม่เสร็จเงินหมด หาใหม่มาไม่มีแล้วมันก็เลยเป็นซากอสภของบ้านของเรือน สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เต็มบ้านเต็มเมือง เวลานี้ก็ค่อยรื้อฟื้นกันขึ้นแล้ว
ยังไงก็ขอให้ได้ตามจุดหมายนี้เถอะ พี่น้องทั้งหลายอดทนเอานะ ทนด้วยการเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ทนอันนี้เพื่อความอบอุ่นข้างหน้าไม่มีที่สิ้นสุดง่าย ๆ นะยืดยาวมาก เมื่อเราได้สมบัติเข้าสู่คลังหลวงของเราแล้ว เมืองไทยนี้จะเป็นเมืองอบอุ่นทั่วประเทศไทยเราเป็นเวลานานนะ การเสียสละนี้ถึงจะทุกข์บ้างก็ไม่นานนัก แต่ที่เราจะได้ผลจากการเสียสละมาเป็นความอบอุ่นแก่ชาติไทยของเรานี้ ได้มากและนานนะ ให้พิจารณาคำนวณซิ คำนวณผลได้ผลเสีย สั้นยาวขนาดไหนให้คำนวณ เวลานี้เป็นเวลาที่เราขวนขวายก็ทุกข์ยากลำบากบ้างเป็นธรรมดา แต่เพื่อความสุขในกาลต่อไป เพื่อลูกเพื่อหลานเพื่อเราทุกคนนั่นแหละ ให้พากันอุตส่าห์พยายาม มีมากมีน้อยค่อยเสียสละไปวันละเล็กละน้อย ได้เท่าไรก็เอา แยกเอาไป ๆ มันก็หนุนขึ้นเอง ๆ ดังที่หนุนนี่
เวลานี้ก็ได้ตั้ง ๕ ตันกว่าแล้ว แต่ก่อนมีเมื่อไร นี่ก็เพราะความอุดหนุน ความดีดดิ้นของพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศนั้นแหละ ที่หนุนอยู่เวลานี้ มันถึงค่อยได้ลืมหูลืมตาขึ้นบ้าง ทุกอย่างก็รู้สึกว่ายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นทั่วหน้ากัน เมืองไทยเราจะพอมองดูหน้ากันยิ้มแย้มแจ่มใสได้บ้างนะ แต่ก่อนดูไม่ได้เลย
นี่ก็ได้อ่านหมดเรียบร้อยแล้วนะ ได้ ๕,๖๖๑ กิโลครึ่ง ทั้งหมดเลย เราได้แล้ว ๑๐๒ กิโลแล้ว ถ้าหากว่าได้ถึง ๕๐๐ กิโล ในระยะเดือนเมษายน ซึ่งครบรอบวันที่ ๑๒ นั้นแหละ ที่เป็นวันนำพี่น้องทั้งหลายนั้นได้ถึง ๕๐๐ กิโลแล้วเราจะหลอมในจุดนั้น ซึ่งเป็นจุดสำคัญด้วยนะ วันครบรอบนั้นได้ทองคำเข้าคลังหลวงอีก ๕๐๐ กิโลจะพอใจมากทีเดียว อันนี้เป็นแต่เพียงว่าเล่าเรื่องความบกพร่องให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วกัน เพื่อจะหนุนในวันสำคัญของเราวันหนึ่งซึ่งครบรอบ เรียกว่า ๕ ปี แหละที่ช่วยนี่นะ วันที่ ๑๒ เมษายน วันนั้นถ้าได้ทองคำถึง ๕๐๐ กิโลก็จะหลอมแล้วเข้าละวันนั้น เรื่องดอลลาร์ไม่ต้องพูด ได้เท่าไรเข้าไปพร้อมกันเลย ทองคำเป็นหัวหน้าตลอด ๆ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละนะ ไม่พูดอะไรมากมายนักละ มันมากมาทุกวัน ๆ
เรื่องภาวนาก็มันไม่ได้กว้างขวางอะไร ก็พิจารณามันอยู่จุดนั้นซิ มหาภัยมันเข้าไปอยู่จุดนั้น เข้าใจเหรอ อะไรจะตีไม่ได้นะตรงนั้น มหาภัยมันเข้าไปรวมตัวอยู่นั้นแล้ว ตีเข้าไปตรงนั้นซิ จะไปสงวนอะไรไม่ได้นะ จิตมันจะฉิบหาย เอ้า ให้มันฉิบหายไป จะไม่ให้เหลือเลย ปล่อยไปให้หมด พิจารณาให้หมด มันเป็นพิษทั้งหมด จิตก็เป็นพิษ เวลานี้จิตยังเป็นพิษ กำลังเป็นพิษ อะไร ๆ หมดพิษแล้วมันก็รวมอยู่ที่จิต จิตเป็นพิษฟาดมันลงตรงนั้นซิ เข้าใจไหม มันจะไม่รู้อะไรมันจะฉิบหายหมดเหรอจิตนี่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาว่าจิตไม่เคยตาย จิตไม่เคยฉิบหาย จิตเรานี้มันจะฉิบหายมันจะตายเหรอ มันจะสูญไปเหรอ เอ้า ฟาดลงไปจุดนั้นสงวนมันหาอะไร เข้าใจหรือเปล่า ไม่มีอะไรเหลือเลย มันจะเป็นหัวตอก็ให้เห็นซิ ฟาดมันหมดทุกอย่าง รู้หมดปล่อยหมด เผามันหมดทุกอย่างแล้วมันจะเป็นหัวตอก็ให้มันรู้ซิ พระพุทธเจ้าเป็นหัวตอที่ไหน พระอรหันต์ท่านเป็นหัวตอที่ไหน มีแต่ฟาดมหาภัยอยู่ในจิตนั้นออก มันจ้าขึ้นมาทีหลังหัวตอเหรอ นั่น เข้าใจ เอาละพอ ทีนี้จะให้พร
โยม หลวงตาครับ ขอประทานอนุญาตครับ อันนี้เมื่อคณะสงฆ์ไทยประชุมกันวันที่ ๒๒ มกราคม นั้นนะ เขาเอาไปออกทาง UBC 8
หลวงตา ที่ไหน
โยม ที่กรุงเทพฯครับ
หลวงตา เออ เอ้า ว่าไป
โยม ครับผม บทสัมภาษณ์ตัวแทนพระสงฆ์ที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ ผู้ดำเนินรายการข่าว โดย.คุณกนก อันนี้เป็นผู้ชายนะครับ และคุณรุ่งนภา อันนี้เป็นผู้หญิงครับ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง UBC 8 วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๖ เวลา ๑๙:๓๐ น.เริ่มรายการ
คุณกนก ที่วัดอโศการาม ที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เหลืองไปหมดเลยนะครับ พระสงฆ์นับเป็นหมื่นรูป คุณรุ่งนภาได้ไปร่วมในที่ชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ด้วย แน่นอนครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เราจะไปพูดคุยกันนะครับกับเรื่องนี้ในรายละเอียด
คุณรุ่งนภา กับตัวแทนคณะสงฆ์สายวัดป่าที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ค่ะ
คุณกนก เราจะไปพูดคุยกับท่านครับ เอาเป็นว่าเราเรียกรวม ๆ ว่าพระคุณเจ้าก็แล้วกัน นมัสการครับพระคุณเจ้าตัวแทนสงฆ์
ตัวแทนสงฆ์ เจริญพร
คุณกนก การที่พระสงฆ์นับหมื่นรูปมารวมกันเป็นหมื่นนี้ วันนี้มารวมกันด้วยจุดประสงค์เดียวใช่ไหมครับ คือ คัดค้าน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใช่ไหมครับ
ตัวแทนสงฆ์ ใช่ คือพระสงฆ์ท่านได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้มาพอสมควรแล้ว ก็เป็นเรื่องปีกว่าแล้ว ท่านมาด้วยความไม่สบายใจว่า เดิมที่มีข่าวออกทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า คุณวิษณุ เครืองาม ได้พูดเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมานี้ (ต่อพระสังฆาธิการ) ที่พุทธมณฑลว่า จะนำร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับที่ขัดต่อพระธรรมวินัยอันนี้เข้าสู่การพิจารณาของค.ร.ม.แล้วจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาให้ได้ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ตรงนี้แหละที่ทำให้บรรดาพระสงฆ์ ซึ่งมีทั้ง ๒ นิกายเลย ทั้งมหานิกายและธรรมยุตจากทั่วประเทศ ท่านก็เลยนัดแนะกันว่า จะต้องมาปรึกษาหารือกันในประเด็นตรงนี้ว่า ไม่สามารถที่จะยอมรับในร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับนี้ได้อีกต่อไป ขอให้ถอนออกจากกระบวนการพิจารณาอย่างสิ้นเชิงเลย
คุณกนก เราไม่เอาทั้งฉบับเลยใช่ไหมครับ
ตัวแทนสงฆ์ ไม่เอาทั้งฉบับเลย
คุณกนก เราไม่มีการพบกันครึ่งทางว่าเปลี่ยน ปรับเปลี่ยนบางมาตราเลยหรือครับ
ตัวแทนสงฆ์ เนื่องจากว่าประเด็นตรงนี้คือเรื่องเนื้อหาสาระอย่างที่ทราบกัน ก็คือมีส่วนที่ขัดต่อพระธรรมวินัยอยู่มาก แต่ว่าจริง ๆ แล้วเวลานี้แทบจะไม่พูดกันถึงเรื่องเนื้อหาสาระแล้ว พูดถึงที่มาของร่างเลย
คุณกนก ครับพระคุณเจ้า ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่า วันนี้พระสงฆ์มาคัดค้านนี่ จุดใหญ่ๆ ที่รับไม่ได้ของ พ.ร.บ.สงฆ์คืออะไรครับ
ตัวแทนสงฆ์ ก็คือว่าที่มาของร่างนี้ละ คือ หนังสือของกรมศาสนานี่เขียนไว้ชัดเจนว่า ร่างนี้เป็นร่างที่ได้มาจากกรรมการมหาเถรสมาคมรูปหนึ่ง ทางกรมการศาสนาก็บอกชื่อมาเลยว่า เป็นพระระดับสมเด็จรูปหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ อันนี้เป็นร่างที่ได้มาจากสมเด็จรูปนี้ ส่งร่างมาให้กรมการศาสนา แล้วหลังจากนั้นกรมการศาสนาก็นำร่างนี้มาตั้งคณะทำงานขึ้นมา อะไรต่ออะไร เพราะฉะนั้น ประเด็นตรงนี้จึงเป็นประเด็นที่ขัดต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง เพราะว่าไม่เคยมีมาก่อนเลยตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ที่จะมีพระองค์ใดองค์หนึ่งเสนอร่างกฎหมายอันนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ กิจของสงฆ์มีแต่พูดถึงเรื่องสิกขาบท พูดถึงเรื่องพระธรรมวินัย ถ้าจะเสนอก็เสนอสิกขาบทหรือพระไตรปิฎกอะไรแบบนี้ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่นี่พึ่งจะมีพระในยุคปัจจุบันนี้ที่เสนอกฎหมาย เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่า เออ อันนี้ดีนะ อันนั้นทำอย่างนี้นะ ซึ่งตรงนี้จึงเรียกว่าเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อพระธรรมวินัยตั้งแต่แรกเลย อันนี้ถ้าจะเปรียบเทียบ ในที่ประชุม(คณะสงฆ์ไทย วัดอโศการาม)ก็มีพระรูปหนึ่ง พูดขึ้นมายกเปรียบเปรยมาเหมือนกับว่า ถ้าพระมาหุงอาหาร มาหุงข้าว ทำกับข้าว มาผัดนั้นแกงนี้ แล้วก็เอาอาหารนี้มาให้พระด้วยกันฉันนี่ ในพระธรรมวินัยฉันไม่ได้(ท่านปรับอาบัติ) ต้องเป็นอนุปสัมบัน คือต้องเป็นฆราวาสญาติโยมเท่านั้นที่จะปรุงอาหาร หุงหาอาหาร หุงข้าวแล้วมาใส่บาตรให้พระเหล่านั้นฉันได้ แต่ทีนี้ปรากฏว่าพระกลับมาปรุงกฎหมายซึ่งไม่ได้ทำในสิ่งซึ่งเป็นกิจของสงฆ์ เพราะฉะนั้นพระทั้งประเทศจะยอมรับในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย
คุณรุ่งนภา ผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่อมาก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว
ตัวแทนสงฆ์ ต้องเป็นโมฆะไปหมดเลยเมื่อต้นตอผิด ถึงแม้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนั้นๆจะดีเลิศขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าที่มาเกิดมาจากพระเป็นผู้ปรุงอาหารนั้นเอง พระทั้งหลายทั้งปวงทั่วประเทศไทย ก็จะยอมรับในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้เลย ทางพระท่านถือว่าผิดพระธรรมวินัย ทั้งทางโลกก็เรียกว่าเป็นโมฆะ
คุณรุ่งนภา แล้วทางคณะสงฆ์จะทำอย่างไรต่อไปคะ จะปักหลักอยู่ที่วัดอโศการามต่อไปเรื่อย ๆ หรือคะ
ตัวแทนสงฆ์ เวลานี้ท่านต้องแยกย้าย เพราะพระท่านมีหน้าที่ หน้าที่จะชี้ถูกชี้ผิดตามพระธรรมวินัย ท่านมีกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผนแล้วว่า พระธรรมวินัยถือเป็นเสมือนองค์พระศาสดา แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว ถ้ามีสิ่งที่ขัดต่อพระธรรมวินัยก็เท่ากับขัดต่อพระศาสดาของเรา เพราะฉะนั้น พระทั้งหลายท่านยอมรับไม่ได้ เมื่อท่านมาชี้แล้วว่าสิ่งนี้ผิด แล้วยังมีผู้ที่ดึงดันจะเอาเข้าก็เท่ากับว่าไม่เคารพพระพุทธเจ้าของเรา ไม่เคารพพระศาสดาของเรา ถ้าอย่างนี้ก็จะเห็นได้เลยว่าเรากำลังจะร่างพ.ร.บ.มาเพื่ออุปถัมภ์หรือเพื่อทำลายองค์พระพุทธศาสนาของเรา
หลวงตา เออเหมาะ ตรงนี้เหมาะ ว่าไป
ตัวแทนสงฆ์ มันก็จะบ่งบอกกันได้อย่างชัดเจนเลย เพราะฉะนั้น ท่านไม่จำเป็นจะต้องอยู่ ท่านไม่ต้องกดดัน ท่านไม่ต้องมาก่อม็อบ ท่านต้องกลับไปบำเพ็ญธรรมวินัยของท่านอย่างเดิม แต่ท่านชี้ถูกชี้ผิดไว้เรียบร้อยแล้ว
คุณรุ่งนภา เพียงแต่รวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนเท่านั้นใช่ไหมคะ
ตัวแทนสงฆ์ ใช่เพื่อแสดงพระธรรมวินัยว่าเป็นสิ่งที่มีหลักเกณฑ์ เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า แล้วพระทั้งหลายเหล่านี้เป็นผู้ที่เคารพต่อพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง เมื่อสิ่งนี้ผิดแล้ว รัฐยังจะมายอมรับสิ่งผิดให้ถูก หรือพระสงฆ์องค์ใดในประเทศไทยของเรานี้ จะมายอมรับทำในสิ่งผิด องค์นั้นต้องกลายเป็นผิด
คุณกนก พระคุณเจ้าครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นให้หน่วยงานของรัฐออกกฎหมายนี้รับได้ใช่ไหมครับ
ตัวแทนสงฆ์ ในส่วนนี้ทางพระท่านรับได้ เพราะเป็นเรื่องของทางบ้านเมืองที่จะพิจารณา กระบวนการร่างกฎหมาย การตรากฎหมาย เป็นหน้าที่ของทางบ้านเมืองของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของพระที่จะไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด พระมีหน้าที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะฉะนั้น ถ้าบ้านเมืองจะพิจารณาถึงกฎหมายที่ออกแบบที่ได้ตราขึ้นมา โดยอยู่ในขอบเขตของพระธรรมวินัย อันนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ทางพระท่านก็ยินดี เพราะว่าบ้านเมืองก็เหมือนกับชาวบ้านเขามาใส่บาตร สิ่งไหนที่ท่านฉันได้ท่านก็ฉัน ตอนนี้ช่วงเช้าฉันได้ ตอนบ่ายฉันไม่ได้ อันนี้ท่านจะเป็นผู้พิจารณาเอง กฎหมายก็เหมือนกัน สิ่งใดที่ขัดต่อพระธรรมวินัยท่านก็ไม่รับ สิ่งใดที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ท่านก็น้อมรับ
คุณกนก เราเปิดทางออกเรื่องนี้อย่างไรครับ
ตัวแทนสงฆ์ เปิดทางออกก็คือว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับนี้มันเป็นโมฆะแล้วก็ขอให้ถอนออกเสีย แต่สำหรับส่วนอื่น ๆ ที่จะออกกฎหมายเพื่อทำเป็นการอุปถัมภ์ อุปัฏฐากพุทธศาสนาท่านก็ไม่ว่าอะไร แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของพระที่วิ่งเต้นขวนขวายแสวงหาลาภสักการะ หาเงินหาทองจากร่างอันนี้ ทางคณะสงฆ์ไทยเราที่มาประชุมกันวันนี้ท่านรับไม่ได้ ยอมรับพระประเภทนี้ที่วิ่งเต้นขวนขวายไม่ได้ เพราะเท่ากับทำลายพระธรรมวินัย
คุณรุ่งนภา เพราะฉะนั้น มติของคณะสงฆ์วันนี้จะเสนอต่อรัฐบาลใช่ไหมคะ
ตัวแทนสงฆ์ ได้ทำหนังสือไปถึงคุณวิษณุ เครืองามเรียบร้อยแล้วว่า ขอให้ถอนร่างนี้ออกจากกระบวนการพิจารณาอย่างสิ้นเชิง คือไม่ต้องเอากลับมาอีกเลยร่างนี้ แต่ถ้าหากร่างอื่น ๆ ในอนาคตที่เกิดจากรัฐเป็นผู้พิจารณา อันนี้ก็เป็นเรื่องของรัฐ ทางพระท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร
คุณกนก ครับ เอาละครับ ชัดเจนนะครับ นมัสการพระคุณเจ้าครับ
ตัวแทนสงฆ์ เจริญพร (จบครับผม)
หลวงตา เราก็ฟังไปอย่างนั้นละ ก็จบแล้วนะ ไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อะไรละ
โยม ที่หลวงตาบอกปัดตกทะเลไปเลย อันนี้เขาก็บอกไม่เอาเหมือนกัน
หลวงตา ก็ปัดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถ้ายังไม่ปัด ยังจะซัดกับหลวงตาอีกอยู่เหรอ ก็บอกว่าปัดหมดโดยสิ้นเชิงแล้ว ประชุมนี้ก็ออกแบบเดียวกันเลย ปัดหมดเพราะเป็นมหาภัยทั้งหมด นั่น ก็เรียนมาด้วยกันหลักธรรมหลักวินัย เอาละเข้าใจ
อ่านและฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.Luangta.or.th or www.Luangta.com
|