|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
หาพระกราบยากแล้วเดี๋ยวนี้ |
|
วันที่ 24 พฤษภาคม 2545 เวลา 7:30 น. ความยาว 23.45 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
หาพระกราบยากแล้วเดี๋ยวนี้
ก่อนจังหัน
พระที่มาอยู่วัดนี้ออกไปนอกวัด หัวหน้าไม่ทราบและรองหัวหน้าไม่ทราบ ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าให้ระวังให้ดี เราเคยขับพระตลอด ๆ นะ พอมองเห็นเรื่องราวชัดเจนแล้วว่าออกไปแบบที่ว่าดูไม่ได้ว่างั้นเถอะ ไล่เลย ๆ เราขี้เกียจวินิจฉัย เราดูด้วยตาของเราเองแล้วไล่ออกเลย หัวหน้ามี รองมี หลักธรรมวินัยมี ทำไมไม่ดู แล้วระวังให้ดีนะพระวัดนี้ ไล่ออกเรื่อย ๆ นี่ เมื่อวานนี้พระองค์หนึ่งไล่ออกไปแล้วกลับมานี้ เอาแม่มาฝาก เราไล่ทั้งแม่ทั้งลูกเลยเมื่อวานนี้ นี่เราไล่ออกไปแล้วเราจำได้นี่นะ ออกไปทั้งแม่ทั้งลูกบอกอย่างนี้เลย แล้วออกไปหรือยัง ให้ออกไปนะ ให้ออกต้องออก อยู่ไม่ได้นะ ถ้าลงพูดอะไรลงเด็ด-เด็ดขาดจริง ๆ การปกครองไม่อย่างนี้ไม่ได้ มันยั้วเยี้ย ๆ ดูไม่ได้นะ เลอะ ๆ เทอะ ๆ เข้าไปหมด
วัดนี้กำลังถูกเหยียบย่ำด้วยความเพ่นพ่านของพระ เข้ามาไม่มีหลักธรรมหลักวินัยนี่ซิมันสำคัญมาก ดูไม่ได้นะ เราก็มองไม่ทันเพราะงานเรามันมากต่อมาก คอยมองเอาจุดสำคัญ ๆ ถ้าลงเราไปเห็นต่อหน้าเราแล้ว มาสืบพระดูเรื่องราวแล้วไล่ออกเลยไม่ยาก เลอะเทอะนี่พระ แล้วประชาชนญาติโยมก็เหมือนกัน มันเลอะเทอะแบบเดียวกันหมด วัดนี้กลายเป็นวัดสำเพ็งไปแล้วนะนี่ เลอะขนาดนั้นละ มองไม่ทันนะ โอ๋ย มันกำลังเวลานี้ศาสนา พระเณรเรานี้เหยียบย่ำทำลายศาสนา วัดป่าบ้านตาดตัวสำคัญ ได้เคยไล่พระออกจากวัดป่าบ้านตาดอยู่เสมอ ดีไม่ดีถ้าหากว่าหลวงตาผิด หลวงตานี้จะต้องถูกไล่ออก หลวงตาไล่ตัวเองออกอย่าว่าแต่ใครเลย ธรรมะและวินัยไม่มีเอียง ตรงเป๋ง ๆ ใครผิดเอาตามนั้น ๆ เลยนะ
ให้ระวังนะพระเหล่านี้ เราสอนไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เราไล่พระออกจากวัดนี้ไม่รู้กี่รายแล้วนะ เมื่อวานนี้ก็มาเจอกันอีกจำหน้าได้ นี่ขับแล้ว ให้ตามนะ ถ้ายังไม่ออกให้แห่กันออกไปเลย นี่พระเนรเทศให้บอกอย่างนั้น มันเลวเข้าไปทุกวัน ๆ ดูไม่ได้นะ ทำไมพระเราถึงหน้าด้านขึ้นทุกวัน ๆ อย่างนี้นะ บวชเข้ามาในศาสนามากเท่าไร แทนที่จะทำศาสนาให้เจริญ ยิ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ศาสนาแหลกไปตาม ๆ กันหมด มีพระมากเท่าไร วัดมากเท่าไร ศาสนายิ่งจมไป ๆ ด้วยความเหลวแหลกแหวกแนวของพระ เราพูดทั่วไปหมดนี่ มันดีมันชั่วมีด้วยกันอยู่ทุกแห่งทุกหน พูดตามความดีความชั่วซึ่งมีอยู่ในพวกสัตว์ทั้งหลายนี้แหละ
ระวังให้ดีนะ เราเรียกว่าหย่อนยานสุดขีดแล้ว เลยจากนี้ไม่ได้แล้วนะ เราหย่อนยานสุดขีดทุกอย่าง ๆ หย่อนลงไปหมดเลยนะ แล้วยิ่งเหยียบหัวพระพุทธเจ้าขึ้นไปโดยลำดับ ๆ ไม่สนใจธรรมวินัยเลยนี้ ยังไงจะต้องเอากันแน่ ๆ วัดนี้ถ้าเวลาเด็ด-เด็ดจริง ๆ คอขาด-ขาดเลย เอาธรรมวินัยเทิดทูน หัวเราไม่มีความหมายอะไร ธรรมวินัยนั้นแหละศาสดาองค์เอก จำเอานะ นี่เข้ามาเรื่อย ๆ วันนี้เท่าไรแล้ว หือ มีกี่องค์ (๓๙ องค์ครับผม) นั่นน่ะ ๓๙ เห็นไหม มันลดหย่อนเมื่อไร มีแต่เลอะ ๆ เทอะ ๆ เข้ามานะ ไม่ได้มาสำเหนียกศึกษา ผู้หนัก-หนักจะตายในวัดนี้นะ ผู้หนัก-หนักมาก เราเคยเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อยมาแล้ว ผู้หนัก-หนักมาก ผู้เป็นขอนซุงทั้งท่อนรายไหนมีเยอะ นี่ละพวกให้แบกให้หาม
แบกคนทั้งขี้ หามคนทั้งขี้ มันเหม็นจะตายนะ นี้แบกพระทั้งขี้อย่าให้เห็นเลยนะ มันดูไม่ได้ เลอะเทอะเข้าไปทุกวัน ๆ ยังไงกันนี่ พวกมาวัดมาวานี้ก็เหมือนกัน ให้ระวังให้ดีพวกนั้นน่ะ มันมาหาอยู่หากินเฉย ๆ มันไม่ได้มาหวังศีลหวังธรรมนะ สุรุ่ยสุร่ายหน้าด้าน มันอยู่กับพวกนี้ ว่าไม่เห็นหรือ ดูอยู่ตลอดเวลาไม่พูดเฉย ๆ นี่น่ะ นี่ถึงกาลเวลาพูดเตือนให้รู้นะ อย่ามาเพ่น ๆ พ่าน ๆ มาหาอยู่หากิน ไม่สนใจกับคุณธรรมความดี สมกับเข้ามาในวัดในวาเลย ดูไม่ได้นะ อย่าเข้ามาดีกว่า เราอยู่คนเดียวเราดีไม่ต้องยุ่งกับใคร เราอยู่คนเดียวสบาย ๆ ไอ้ที่มันทุกข์ก็เพราะความยุ่มย่าม ๆ นี่ จำให้ดีทุกคนนะ ให้พร
หลังจังหัน
วัดนี้ก็สร้างมาดูเหมือนปี ๙๘ ปลายปี เดือน พฤศจิกา ๙๘ สร้างวัดที่นี่ ๙๙ ก็ได้พรรษาเรื่อยมา ดูเหมือน ๔๖ ปีนะ ที่สร้างวัดนี้มาได้ ๔๖ ปี นี่ก็นานเหมือนกัน เราก็อยู่ประจำที่นี่ ๔๖ ปีติด ๆ กันเลย ดูไม่ได้ไปจำพรรษาที่ไหน จำที่นี่ติด ๆ กันเลยเรื่อยมาถึง ๔๖ ปีนี้ นานถึง ๔๖ ปี
วงราชการเรานี้เรียกว่าเป็นพ่อเป็นแม่ของชาติ วงราชการแต่สูงสุดลงมา ประหนึ่งว่าเป็นพ่อเป็นแม่ของชาติของเรา ให้เหมาะสมกับเราเป็นชาวพุทธแล้ว ไปที่ไหนเราไม่ควรที่จะผ่านไปเปล่า ๆ ทั้ง ๆ ที่มีวัด มีครูบาอาจารย์ พระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบขวางหน้าเราอยู่ เราไม่ควรที่จะผ่านไปแบบเฉย ๆ เมย ๆ นี้เป็นความจืดจางในวงชาติของเราเกี่ยวกับหัวหน้า หัวหน้าเป็นสำคัญมาก เช่นอย่างในวัดนี้ก็อยู่ที่หัวหน้าเหมือนกัน เลอะ ๆ เทอะ ๆ ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้า ดีก็อยู่กับหัวหน้า ทีนี้วงราชการเราเป็นวงรับผิดชอบทั้งชาติทั้งศาสนา สำหรับวงราชการต่าง ๆ นับแต่ผู้ใหญ่ลงมา เป็นผู้รักใคร่ใกล้ชิดกับศีลกับธรรม
เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพุทธศาสนาของเรา เป็นศาสนาชั้นเอกแล้ว ไม่มีศาสนาใดจะเสมอ เราเอามาเทียบกันตามหลักความจริงก็คือว่า พระพุทธศาสนาของเรานี้เป็นศาสนาของผู้สิ้นกิเลส พระพุทธเจ้าสิ้นกิเลส ความผิดพลาดอยู่กับกิเลส มีมากมีน้อยความผิดพลาดจะมีอยู่นั้น กิเลสสิ้นไปจากพระทัยโดยสิ้นเชิง ความผิดพลาดจึงไม่มี มีแต่ความถูกต้องดีงามล้วน ๆ นี่เรียกว่าพุทธศาสนาของเรา แล้วผู้สืบทอดมรดกของพุทธศาสนามาก็คือพระสงฆ์ พระสงฆ์ที่ตั้งใจปฏิบัติดีตามหลักธรรมหลักวินัยซึ่งเป็นองค์แทนศาสดาแล้ว อยู่ที่ไหนเย็นไปหมด นี่ศาสนาแท้มีฤทธิ์มีเดชทางความดีมากทีเดียว เช่นเดียวกับทางชั่ว มันก็มีฤทธิ์มีเดชทางความเดือดร้อนเสียหาย จนกระทั่งฉิบหายได้จากความชั่ว ทางความดีมีศาสนาเป็นรากฐานสำคัญ ก็ทำโลกทำบุคคลผู้ปฏิบัติตามให้ดี จนกระทั่งถึงขั้นดีเยี่ยมได้เลย
ชาวพุทธเราในวงราชการเราวิตกวิจารณ์ถึงกับพูดออกมาก็มี พูดแล้วต้องออกทางวิทยุ เพราะการสอนนี้สอนทั่วโลก ธรรมครอบโลกธาตุจึงสอนได้ทั่วโลก ไม่ว่าโลกมนุษย์ เทวดา อินทร์ พรหม เปรต ผี สอนได้ทั้งนั้น ถ้าผู้มีความสามารถที่จะสอนสิ่งเหล่านี้ท่านเหล่านี้ได้ สอนได้ทั้งนั้น เพราะธรรมเหนือทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้เองพวกเราทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธและเป็นวงราชการงานเมือง จึงไม่ควรจะห่างเหินศีลธรรมประจำตัวเอง อยู่ในบ้านก็ให้มีประจำตัวเอง ผู้มีศีลมีธรรมอยู่ในครอบครัว พูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามสมมุติดั้งเดิมของเราที่ใช้มา เอาของจริงออกมาใช้ ไม่ได้เหมือนทุกวันนี้มักจะเอาของปลอมออกใช้ พูดอย่างธรรมดา ครอบครัวผัวเมียอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างมีศีลมีธรรม จะร่มเย็นทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายให้ความร่มเย็นแก่ลูกเต้าหลานเหลนครอบครัว ตลอดวงศ์สกุลจะชุ่มเย็นไปตาม ๆ กัน
นี่ละธรรมแทรกเข้าตรงไหน จะมีความสงบเย็นใจตายใจ อบอุ่นต่อกันได้โดยไม่ต้องสงสัย ถ้าตรงข้าม กิเลสแทรกตรงไหน ผัวเมียรักกันขนาดไหนแตกกันด้วยความรัก ผัวเมียรักกันมาก เกิดมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดแหวกแนวออกนอกลู่นอกทางเท่านั้น ฟันผ่าหัวอกกัน เข้าใจไหม เมียไปมีชู้หรือแอบแฝง ผัวไปมีชู้แอบแฝงนี้ คือเอาดาบอันคมกล้ามาฟันหัวอกกัน ไม่มีอะไรจะร้อนยิ่งกว่าผัวเมียที่เกิดขึ้นมาจากความรักกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีธรรมเข้าประสานไว้ตลอด ไปที่ไหนถ้าลงมีศีลมีธรรมตายใจทั้งนั้น ไม่ว่าผัวว่าเมียไปไหนลูกเต้าอบอุ่นไปหมด พ่อกับแม่ให้ความอบอุ่นแก่ลูกเพราะศีลธรรมมีอยู่กับหัวใจของพ่อของแม่ ศีลธรรมจึงเป็นความจำเป็นมากทีเดียว
เวลานี้ชาวพุทธเรารู้สึกว่าเหินห่างจากศีลจากธรรมมากลงไปโดยลำดับ เราอย่าว่าแต่ประชาชนฆราวาส แม้แต่พระก็ไม่พ้นที่จะเป็นหัวหน้าความเลวทั้งหลาย ความเสื่อมทรามทั้งหลายเหล่านี้ ไม่พ้นจากพระเป็นอันดับหนึ่งไปได้ นี่เรียกว่าธรรม พูดอย่างตรงไปตรงมาจึงเรียกว่าธรรม ไม่เอนไม่เอียง ไม่เห็นแก่หน้าโมกโขโลกนะ อย่างนั้นไม่ใช่ธรรม เรื่องของกิเลสประจบประแจงเลียแข้งเลียขากัน เรื่องกิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้าธรรมแล้วตรงไปตรงมา เรื่องธรรมอยู่ที่ไหนจึงเย็นไปหมด
ในวงราชการผู้ใหญ่ก็เป็นธรรม ผู้น้อยถึงจะผิดพลาดไปบ้างก็ต้องระวังผู้เป็นธรรม ๆ แล้วต่างคนต่างเป็นธรรมด้วยแล้วเย็นไปหมด นั่น ธรรมแทรกตรงไหนเย็นไปหมด ถ้าเรื่องของกิเลสแทรก โอ๋ย ไม่ได้นะ นี่รู้สึกว่าเหินห่างจากศีลจากธรรมมากไปโดยลำดับ ตั้งแต่พระลงไปในวงพุทธศาสนาของเรา เราอย่าเอาฆราวาสมาพูดอย่างเดียวว่าเขามีแต่ความผิด ตัวพระสร้างความผิดไว้อย่างลึกลับและเปิดเผย มีมากต่อมากทีเดียว นี่ละทำลายตัวเองทำลายสังคม ทำลายศาสนาไปในตัว
แล้วทีนี้ญาติโยมที่เขามองเห็นเข้า มันไม่น่าเลื่อมใสเขาจะเลื่อมใสหาอะไร ก็หาของที่เป็นมงคล ตาดูก็ดูสิ่งที่เป็นมงคล หูฟังก็ฟังสิ่งที่เป็นมงคล แล้วกลับกลายมีแต่พิษแต่ภัยทิ่มแทงสายหูสายตาจิตใจตลอดเวลา แล้วจะก้มหัวลงสนิทใจกันได้ยังไง นี่ละที่ประชาชนผู้ดีเขาไม่อยากไหว้อยากกราบพระ เพราะพระเลว ไอ้ส่วนคนเลวอยู่แล้วกับพระเลวมันก็เข้ากันได้ กราบไม่กราบก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พระที่ดีอยู่นี้กับคนดีเข้ากันได้สนิท ถ้าประชาชนเขาดีแต่พระเลว เขาก็ไม่อยากกราบไม่อยากไหว้ ไม่อยากเข้าไปเหยียบจนกระทั่งวัด
พูดด้วยความเป็นอรรถเป็นธรรมก็คือว่า เราเป็นลูกชาวพุทธ ไปที่ไหนเมื่อสถานที่มีอยู่ที่ควรจะกราบไหว้บูชา เป็นขวัญตาขวัญใจ เป็นสิริมงคลแก่เราแล้ว ผ่านไปวัดไหนที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ควรจะได้เข้าไปกราบไหว้ท่าน มีข้อศึกษาปรารภอะไรที่จะเป็นอรรถเป็นธรรมก็จะได้ยินได้ฟังจากท่าน นอกจากเป็นสิริมงคลแก่จิตใจของเราแล้ว ยังจะนำความเป็นสิริมงคลที่ได้ยินได้ฟังจากท่านนี้กระจายออกไป ก็ชุ่มเย็นกันไปหมด เพราะฉะนั้นจึงวิตกวิจารณ์ถึงเรื่องชาวพุทธเรานี้ห่างเหินศาสนามาก ในขณะเดียวกันใกล้ชิดติดพันกับความชั่วช้าลามกมากเป็นลำดับ ถ้าห่างอันหนึ่งมันก็ติดพันอันหนึ่งใกล้ชิดอันหนึ่ง ถ้าใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรม ห่างเหินอบายมุข เราพูดย่อ ๆ ว่าอบายมุขนี้ตัวภัยสำคัญ ประจำอยู่ทุกผู้ทุกคนครอบครัวเหย้าเรือน
อบายมุขนี้เราอย่าเข้าใจว่าอยู่ที่โน่นที่นี่หนา มันอยู่ที่ตัวของเราเป็นต้นเหตุ แม้แต่เรือนจำมันก็ไม่พ้นจะเกี่ยวโยงกับเรา ใครเป็นคนชั่วพวกนี้จะเข้าเรือนจำเข้าคุกเข้าตะราง คนดีไม่เข้า บ้านเขาติดเรือนจำอยู่เขาก็เป็นคนดีอยู่งั้นข้าง ๆ เรือนจำ แต่คนชั่วมันอยู่ที่ไหนเขาก็ลากเข้าไปหาเรือนจำ นี่ละความใกล้ชิดติดพันกับทางหนึ่งแล้วห่างเหินทางหนึ่ง มันก็เป็นอย่างที่ว่านี่
ต้องขออภัยนะเวลาพูดทุกวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน พูดหลงหน้าหลงหลังแล้วเดี๋ยวนี้ ต่อไปจะเทศน์ไม่ได้นะ แต่ก่อนไม่เป็น เพราะพูดเป็นแถวเป็นแนวไปเลยไม่หลงไม่ลืม เดี๋ยวนี้เทศน์ไปสัญญาอารมณ์มันลืมตัดปั๊บหายเงียบเลย ไม่ทราบว่าพูดเรื่องอะไร นี่ก็พูดถึงเรื่องเราที่เข้าใกล้ชิดกับวัดกับวา ครูบาอาจารย์ที่มีศีลมีธรรม แต่เวลานี้ไม่ว่าท่านว่าเราพูดเสมอกันหมด เพราะธรรมต้องเสมอกัน พระที่จะหากราบนี่หากราบยากแล้วนะเดี๋ยวนี้ มีแต่เปรตแต่ผีนั่นละมาก หัวโล้น ๆ ศีรษะโล้น ๆ แล้วเอาผ้าจีวรมาครอง หาอยู่หากินด้วยความทุจริต โดยอาศัยผ้าเหลืองเป็นโล่บังหน้า มีเยอะในประเทศไทยเรานี้ไม่ต้องหาที่อื่น ถ้าอย่างนั้นใครจะไปกราบได้ลงคอ มองเห็นก็อยากเผ่นแล้ว อยากได้สักสิบขานู่น สองขาวิ่งมันไม่ทันใจ อยากได้สักสิบขาวิ่งหนีจากภัย คือพระเป็นภัยต่อโลก มีได้
นี่ละธรรม ท่านทั้งหลายให้ฟังเอา ถ้าเป็นธรรมแล้วอยู่ไหนเย็นหมด ถ้าเราได้มีพระมีครูบาอาจารย์เป็นที่ตายใจ ๆ อยู่ทั่ว ๆ ไปแล้ว บรรดาประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งคือวงราชการ จะเข้าใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรม นำเหตุผลอรรถธรรมนี้ออกไปปฏิบัติหน้าที่การงานแล้วจะชุ่มเย็นไปหมด
วันนี้ท่านทั้งหลายมาเยี่ยมหลวงตาก็นับว่าเป็นมงคล ถึงหลวงตาจะไม่สามารถให้ความเป็นมงคลแก่ท่านทั้งหลายแล้ว พระพุทธเจ้าหลวงอยู่ข้างบนคือศาสดาแทน พระพุทธรูปนั้น แล้วครูบาอาจารย์เช่น หลวงปู่มั่นนี้ยกนิ้วให้เลย อยู่ข้างบน ระลึกน้อมไปโน้นก็เป็นมงคล ถ้าระลึกน้อมหลวงตาบัวไม่สามารถที่จะให้ความเป็นมงคลแก่ท่านทั้งหลาย ให้นึกน้อมขึ้นไปข้างบนนะ ไม่พลาดละมาที่นี่ เรียกว่าไม่พลาด เอ้า มีอะไรก็ว่ากันไป มาก็มีแต่หลวงตาองค์เดียวมีปาก พูดวับ ๆ อยู่คนเดียว คนอื่นมีปากเหมือนกันไม่ได้พูดมีแต่ฟัง นี้ก็เปิดให้ มีข้อข้องใจอะไรก็พูดกันได้
หลวงตาก็รู้สึกว่าหนักมากนะ ถ้าพูดตามหลักธรรมชาติรู้สึกว่าหนักมากทีเดียว แต่หนักแบบพระ เราไม่มีอะไร ๆ กับใครในโลกมีแต่ทำประโยชน์อย่างเดียว ๆ ตลอด ตื่นนอนขึ้นมาคิดเรื่องโลกเรื่องสงสารที่จะทำประโยชน์ในแง่ใดมุมใด เราคิดแล้ว สำหรับเรื่องของเราเอง เราพูดอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์แบบธรรมเหมือนกัน เราไม่มีอะไรที่จะมาคิดว่าเรานี้ได้บกพร่องอะไร ความเสียหายไม่ดีไม่งามเราตำหนิเราได้ที่ตรงไหน เราปรับปรุงเราตั้งแต่วันเราบวช จนกระทั่งบัดนี้ได้ ๖๘ ปีเต็ม เราไม่เคยได้ทำความทุจริตด้วยเจตนาของเรา โดยข้ามเกินทำลายศีลธรรมข้อใดข้อหนึ่งเราไม่มี รักษามาขนาดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แล้วผลที่ได้มาจากความระมัดระวังรักษาตัวเองด้วยอรรถด้วยธรรม เต็มเม็ดเต็มหน่วยมา เราจึงได้ความภาคภูมิใจ ไปที่ไหนเราเย็นตลอดเราพูดอย่างนี้นะ
โลกจะร้อนอะไรจะร้อน ดินฟ้าอากาศจะร้อน หัวใจเราไม่ร้อน ถึงร่างกายเราจะร้อนเพราะฟืนเพราะไฟ เพราะแดดแผดเผาเรา แต่หัวใจเราไม่ร้อน เราจึงเทศน์สอนโลกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามอรรถตามธรรม คนทั้งหลายที่เขาไม่เคยได้ยินภาษาของธรรม เขาก็ต้องพูดว่าหลวงตาบัวนี้พูดกระแทกแดกดัน พูดดุพูดด่าพูดหยาบโลนอะไร ตัวเขาหยาบโลนเต็มตัว ๆ เอาธรรมะที่เขาว่ากระแทกแดกดันดุด่าว่ากล่าวซึ่งเป็นน้ำธรรมที่สะอาด ชะล้างลงไปหาส้วมหาถาน ส้วมถานมันไม่ยอมรับน้ำที่สะอาด มันจึงต้องตำหนิว่าเทศน์อย่างนั้นเทศน์อย่างนี้ ตัวของมันเลวยิ่งกว่าส้วมมันไม่ว่าเข้าใจไหม นี่กิเลสต้องเข้าตัวอย่างนี้เสมอ
ให้เราระวังนะ เวลาอยู่ในบ้านในเรือนก็หาแต่ยกโทษแฟนไม่ได้นะ ผู้หญิงมันปากเปราะ เอะอะมันจะยกโทษแฟน คือหาที่ปลงไม่ได้ปลงที่อื่นเขาจะเอาไม้ไล่ตีเอา ถ้าปลงที่แฟนแล้วก็อย่างมากก็แวะ เท่านั้นแหละ เข้าใจไหม มันตีกันไม่ลง ทำอะไรกันไม่ลง ผัวกับเมีย พ่อกับแม่ เป็นอย่างนี้ละ เราได้ทำจริง ๆ เรื่องทำประโยชน์ให้โลกนี้ทำเม็ดเต็มหน่วยเต็มกำลังความสามารถด้วยธรรมล้วน ๆ เลย ไม่มีโลกเข้ามาแฝง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมา เพื่อให้ธรรมะนี้เป็นสาระประจำใจโลกต่อไป เราจึงไม่มีคำที่โกหกหลอกลวงโลกเอามาพูดไม่มี มีแต่จริงล้วน ๆ ผิดบอกผิดทันที ถูกบอกถูกทันที ไม่มีคำว่าเอนว่าเอียงอะไรเลย เราทำให้โลกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เวลานี้ก็พยายามช่วยโลกทางด้านวัตถุเราก็ได้ถึง ๕ ตัน กับ ๑๑๘ กิโลแล้ว ทองคำของเรานะ ได้ ๕,๑๑๘ กิโลแล้ว ส่วนดอลลาร์ยังไม่ถึงสิบล้าน เกือบเจ็ดล้านแล้ว ส่วนเงินสดนี้เราได้แยกออกไปซื้อทองคำ ๙๓๑ ล้าน เงินสดที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้ เราแยกออกจากช่วยพี่น้องประชาชน ๙๓๑ ล้านไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงของเรา ส่วนนอกจากนั้นเราก็ช่วยโลกดังที่ท่านทั้งหลายเห็นนี่แหละ แต่บางแห่งเขาก็เขียนไว้ว่า ญาณสัมปันโน เช่นตึกนะ ญาณสัมปันโน เราบอกไม่จำเป็นต้องเขียน เราไม่มาหาเอาตัวหนังสือนะ เราหาประโยชน์ให้โลกต่างหาก เขาก็ด้อมเขียนอยู่จนได้นั่นแหละ เราลบคือเราไม่ต้องการ ทำประโยชน์ให้โลกเราเป็นที่พอใจ ถึงอย่างนั้นตึกต่าง ๆ ญาณสัมปันโน ๆ อยู่นั้นจนได้ เวลาเขาเขียนเราไม่เห็นละซิ เราบอกเขาก็ฟังแต่เขาไม่ทำตามจะว่ายังไง เรื่องฟังเขาฟังแหละ เขาไม่ทำตาม ไปที่ไหนก็อย่างนั้นแหละ บางทียังเห็นรูปเราไปติดไว้ก็มี เขาก็ติดเอง
นี่ที่ทำประโยชน์ให้โลกเราทำอย่างนี้ สุดขีดสุดความสามารถของหลวงตา คราวนี้เรียกว่าสุดจริงๆ ช่วยชาติบ้านเมืองทุกด้านทุกทาง ทั้งทางโลกทางศาสนา เราช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกด้านทุกทาง อย่างที่ว่าเงินที่แยกออกไปนี้ จากซื้อทองคำแล้วก็แยกออกช่วยทางโรงพยาบาล เป็นต้นนะ เริ่มตั้งแต่คนทุกข์คนจนที่จำเป็นจริง ๆ หาทางออกไม่ได้เราก็ช่วย ช่วยด้วยเหตุผลนะ จากนั้นก็สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ทั่วไปหมด แล้วก็โรงร่ำโรงเรียน ไม่ทราบว่ากี่หลัง แล้วก็ก้าวเข้าสู่วงราชการสถานที่ต่าง ๆ วงราชการที่ไหนจำเป็น ๆ เราเข้าช่วย เช่นสร้างตึกสร้างอะไรให้ต่าง ๆ นี้ให้หมด แม้ที่สุดเรือนจำก็ยังได้ให้ เช่น เรือนจำลาดยาวนั้นก็ตั้งเจ็ดล้านกว่า สร้างตึกให้หลังหนึ่ง หกล้าน มอบให้เป็นมูลนิธิหนึ่งล้าน เป็นเจ็ดล้าน แล้วให้เงินก้อนประมาณสักสามสี่หมื่น อย่างนี้แหละตามเรือนจำ อย่างอุดรนี้ก็หลายล้านนะ หนองบัวลำภู อุดรฯ นี่เรียกว่าเรือนจำ
จากนั้นก็เข้าสู่โรงพยาบาล โรงพยาบาลมีมากที่สุดนะ มากจริง ๆ ร้อยกว่าโรงที่เราช่วยนะ ทั้งให้เครื่องมือแพทย์ ทั้งให้รถให้รา สร้างตึกอะไร ๆ ให้ ทั้งซื้อที่ให้ ซื้อที่เพิ่มก็มี ซื้อที่ให้หมดโรงพยาบาลก็มี อย่างนี้แหละช่วย จึงว่าโรงพยาบาลนี้มากที่สุดเลย นี่ละเงินเราไม่ทราบว่าจะหามาจากที่ไหนมันไม่มี สำหรับโลกมองหลวงตาเขาจะไม่มองต่ำ ๆ ละ เขามองฟากจรวดดาวเทียมว่า หลวงตานี้คือเศรษฐี เศรษฐีเงิน แล้วตรงกันข้ามไม่มีใครจนยิ่งกว่าหลวงตา แน่ะมันเป็นอย่างนั้นนะ ก็อย่างนี้แหละมันจะมีได้ยังไงก็อย่างที่ว่า บางครั้งติดหนี้เขานะ อย่าเข้าใจว่ามหาเศรษฐีอย่างนี้จะติดหนี้ไม่เป็น ตัวสำคัญตัวนี้ติดหนี้บ่อยนะ
คือโรงพยาบาล เช่น เครื่องไม้เครื่องมือมีจำเป็นอะไร ๆ เครื่องมือเครื่องนี้ความจำเป็นสำหรับคนไข้มากน้อยมีมากน้อยเพียงไร นี่ละสำคัญนะ เมื่อไม่มีเครื่องมือนี้คนไข้มามากน้อยหมดหวัง ๆ เอ้า ทำยังไง เรื่องราวมันที่จะติดหนี้นะ พอได้เครื่องมือนี้มาคนไข้สมหวัง ๆ เอ้า ติด เราไม่มีเงินจะทำยังไง มันจำเป็น ความจำเป็นของคนไข้มากกว่าการติดหนี้ เอ้า.ติดเลย ติดเรื่อยนะติดหนี้ แต่พอจะเข้าคุกลูกศิษย์เขาไปลากออกมา ไม่ได้เข้าสักทีละเข้าคุก คนติดหนี้ต้องเป็นโทษใช่ไหม ต้องจับเข้าคุกละซิ นี่ยังไม่ได้ก้าวว่าจะเข้าละนะ แต่ลูกศิษย์ไปลากมา มาแล้วติดอีกอยู่อย่างนั้น นี่ละความจนของหลวงตานะ
ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสียว่า หลวงตานี้ไม่มีจริง ๆ ไม่มีอะไร เงินที่เหลือไว้ในธนาคาร เราจัดไว้แล้ว สมมุติว่าหลวงตาตายนี้มีเงินตกค้างอยู่ในสมุดธนาคาร อย่าเข้าใจว่าหลวงตาสั่งสมเงินนะ ไม่มี เงินเหล่านี้เราเผื่อนั้น ๆ ไว้นั้นหมดแล้ว เราตายแล้วบัญชีนี้พระท่านก็จับเอาไปเลย เราสั่งไว้หมดแล้ว บัญชีสมุดฝากอยู่กับเรา เงินอยู่กับธนาคาร เวลาเราตายให้พระมาเอาบัญชีนี้ออกกางเลย เรื่องของเรานี้พระทั้งวัดไม่มีแหละที่จะสงสัยเรานะ เรื่องการเงินการทอง นอกจากคนภายนอกเขาจะต้องคิดเรื่องอกุศลมันมาทันทีแหละ มันมาโจมตี นี่หลวงตาบัวมีเงินเท่านั้นเท่านี้มันจะหาเรื่องโจมตีให้พี่น้องทั้งหลายชอกช้ำจิตใจได้ไม่สงสัย
ทั้ง ๆ ที่หลวงตาบัวไม่มีอย่างนั้นเลย เขาไม่รู้ความมุ่งหมาย เงินที่เหลืออยู่นี้เหลือเพื่ออะไร ๆ บ้างเราคิดไว้หมดแล้ว เวลาเราตายแล้วเงินที่เหลือนี้เพื่อนั้น ๆ พระท่านก็จัดการ ๆ ตามนั้นเลย ที่จะให้มีเงินโก้ ๆ ฟรี ๆ สำหรับหลวงตาบัวแล้วบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกไม่มี เราไม่เคยเก็บเงินแต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่สร้างวัดมาเราไม่เคยมีเงินติดตัว ได้มาเท่าไรออกหมด ๆ ตั้งแต่ก่อนช่วยชาติบ้านเมือง ตั้งแต่สร้างวัดจนกระทั่งบัดนี้เราทำอย่างนั้นตลอดมากับโลกทั้งหลาย ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบตามนี้ เราจึงไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว มีเท่านั้นละนะ
อ่านธรรมะหลวงตา วันต่อวัน ทางอินเตอร์เน็ต www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|