กู้ชาติของเราไว้
วันที่ 7 ตุลาคม 2545 เวลา 8:00 น. ความยาว 21.15 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(Real)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

กู้ชาติของเราไว้

หมูเสียแล้วเมื่อคืนนี้ ๒ ทุ่ม ๑๕ นาที หมูภรรยาชายปั๋มน่ะ พอปลดสายยางออกแล้วก็ไปเลย ไม่ให้ยุ่ง มันหมดสภาพทุกอย่างแล้ว อะไร ๆ ก็ไม่รับทราบกันแล้วถอนออก เอาไว้ทำไม น่าจะเป็นท่านทุยแหละ เพราะท่านทุยทราบเรื่องราวจากเราเรื่องสายยงสายยาง ทราบว่าท่านทุยไป ศพเราก็เปิดโอกาสให้เลย ให้เอามาไว้ที่สวนแสงธรรม ความมุ่งหมายก็คือว่าจะรอเผาตอนที่เราลงไปกรุงเทพ จะเอาไว้ที่ไหนก็ไม่สะดวก เราก็ให้มาไว้ที่สวนแสงธรรม ในสวนแสงธรรมจะไว้ที่ตรงไหน ๆ ได้หมด เราบอกงั้นเลย ตอนที่เราลงไปกรุงเทพจะได้จัดการเผากัน ถ้าจะไปในระยะนี้เหตุผลอะไรยังไม่เหมาะสม ทางโน้นก็ไม่กล้านิมนต์ ทางนี้ก็ไม่ไป ที่เหมาะก็คือว่าเอาศพมาไว้นั้นแหละที่สวนแสงธรรม เอาไว้ข้างบนข้างล่างศาลา หรือจะเอาไว้ที่ไหนเราเปิดโอกาสให้หมดแล้ว ให้เลือกหาที่เหมาะสมเอาเอง เราว่าอย่างนั้น

หมูกับชายปั๋มนี้ทำงานเพื่อชาติด้วยความบริสุทธิ์สุดส่วนเลยนะ เกี่ยวข้องกับเรามาตั้งแต่วันเริ่มแรก ไม่มีอะไรที่จะได้ต้องติกัน เฉพาะอย่างยิ่งคือความบริสุทธิ์ สำหรับชายปั๋ม บริสุทธิ์สุดส่วนเลยเทียว นี่ก็พอดีเสียไปแล้วคนหนึ่ง ก็คงจะเป็นเดือนธันวานี้แหละตอนเราลงไปกรุงเทพ จึงจะได้จัดการเผาอะไร ๆ กันตอนนั้น

เร่งนะทองคำ พี่น้องทั้งหลายให้ทราบ หัวใจของชาติไทยเราอยู่ที่ทองคำไม่ได้อยู่ที่ไหน หลักนี้เป็นหลักใหญ่โตมาก หัวใจของพี่น้องชาวไทยอยู่ในทองคำในคลังหลวง นี้หลวงตาก็ได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วตั้งแต่ขณะไปดูออกมาแล้วนะ ประกาศป้างตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ถ้าเป็นของไม่สำคัญประกาศหาอะไร พิจารณาซิ แล้วก็กรุณาทราบนะ ที่จะได้แสดงออกอะไรนี้พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออก ๆ ไม่ได้พรวดพราดนะพูดจริง ๆ ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาตามนี้ก็แล้วกัน จุดสำคัญของการช่วยชาติเราคราวนี้ก็คือ ทองคำเป็นอันดับแรก อันดับเอกเลยนะ ถ้าอันนี้ไม่สำคัญไม่มีอะไรสำคัญ สำคัญอยู่ที่จุดนี้ เราจึงประกาศอยู่จุดนี้ ๆ ให้ถือจุดสำคัญนี้ไว้ นี่ก็กำลังเร่งทองคำเรา

ที่เราห่วงเราใยมากก็คือ ทองคำเป็นอันดับหนึ่งตลอดในหัวใจนี้นะ ทองคำเป็นอันดับหนึ่งก็เกี่ยวระโยงระยางไปทั่วพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ เรามาห่วงจุดนี้จุดสำคัญ จึงได้ประกาศอยู่เสมอ ขอให้พิจารณาด้วยดีนะ ชาติไทยเราเป็นชาติแห่งชาวพุทธ อย่าทำอะไรตามอารมณ์ของใจ ให้ทำตามธรรม คอยฟังคำแนะนำ แล้วผู้แนะนำนี้เป็นที่เชื่อถือได้หรือไม่ก็พิจารณาอีกทีหนึ่งนะ ถ้าเชื่อถือได้แล้ว เรื่องอารมณ์ขัดข้องยุ่งเหยิงอะไร ๆ อย่าเอาเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมเลิศสุดยอดอยู่ตรงนี้นะ ให้จับจุดนี้ เรื่องความขัดข้องในหัวใจ ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วจะไม่เปิดทางให้ทำความดี เปิดทางที่มันขัดทางนั้นแล้วขัดทางนี้ ล้วนแล้วตั้งแต่เรื่องโจรเรื่องมารที่จะมาขัดข้องกีดขวางในชาติไทยของเรานั่นแหละ ให้ดูหัวใจเจ้าของ แล้วถือจุดชาติไทยนี้เป็นสำคัญมากทีเดียว ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง อย่าให้อะไรเข้ามาแตะต้อง อุปสรรคใดก็ตามตีออกให้หมด เรื่องส่วนใดของใครก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมาก ไม่ควรจะให้อะไรเข้ามาเป็นเครื่องกีดขวาง

ที่นำพี่น้องทั้งหลายนี้ก็ฟังซิว่าชาติไทยทั้งชาติ แล้วมารวมอยู่ที่ทองคำ จะเอาอะไรมาสำคัญ เรื่องความเห็นส่วนตัวไม่ได้สำคัญอะไรนะ ต้องเข้าสู่จุดรวม ลงกันที่จุดรวม เป็นอย่างนั้นนะ ให้คิดให้ดีอย่าทำพรวดพราด เราเป็นลูกชาวพุทธ ทำอะไรตามอารมณ์ของใจใช้ไม่ได้นะ อารมณ์ของใจมันพาเราล่มจมมามากต่อมากแล้ว ถ้าอารมณ์ของธรรมไม่จม เป็นไปได้ ๆ เล็ดลอดไปได้ถ้าเป็นเรื่องของธรรม นี่ก็ได้นำพี่น้องทั้งหลายด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา เราพูดเปิดอกเลยว่าเราบริสุทธิ์เต็มส่วน เราไม่มีอะไรเลย ฟังซิน่ะ ลงในจุดเพื่อชาติไทย ๆ ทั้งนั้น ตะเกียกตะกายอยู่ทุกวันเห็นไหม เป็นยังไงอายุสังขารขนาดใดแล้ว การเทศน์การจาพูดไปหลงลืมไปยังอุตส่าห์บืนขึ้นอยู่ ก็เพราะเห็นแก่ชาติไทย สำหรับเจ้าของเองแล้วปล่อยไปนานแล้วนะ เราไม่อยู่ ห่วงมันอะไรประสากองกระดูก ก็เฝ้ากันมาตั้งแต่โน้น มันมีแต่เรื่องความทุกข์ความลำบากลำบนนั่นแหละ

ขอให้พิจารณาให้ดีนะเรื่องชาติไทยเรา เรานำนี้เรานำชาติไทยเรานะ ให้พิจารณานี้ให้ดี จิตดวงใดก็ตามให้ลงจุดใหญ่ ถือจุดใหญ่เป็นสำคัญ อย่าให้อะไรเข้ามากีดขวางจุดใหญ่นี้ได้ จุดใหญ่นี่สำคัญมากทีเดียว ความคิดความปรุงของเราส่วนมากก็มันความคิดของกิเลส มันจะต้องกีดขวางตลอดไม่มากก็น้อย มันต้องกีดขวางตลอด ให้ตีออกเรื่อย ๆ ถ้าเป็นกิจใหญ่นี้ไม่มีที่สงสัยแล้ว เอา ทุ่มลงไปเลย มีเท่าไรทุ่มลงหมด นี่ถ้าหลวงตาบัวมีทองคำกองเท่าภูเขาสักสามกองแล้ว จะไม่รบกวนพี่น้องทั้งหลายนะ จะเอารถแทรกเตอร์มาเกรดดินให้เรียบหมดเลย เป็นที่ลุ่มตรงไหน ๆ เกรดลง ๆ เสร็จแล้วดีดผึงไปเลยเท่านั้นแหละ ไม่ได้กวนพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เห็นใจอย่างนี้นะ

การกวนนี้ก็กวนเพื่อพี่น้องทั้งหลายไม่ได้กวนเพื่อเรา ให้คิดตรงนี้ให้ดี เราดีดเราดิ้นทุกวันนี้เพื่ออะไร ดีดไปนู้นดีดไปนี้ดีดเพื่ออะไร เราหวังเอาอะไรวะ ก็บอกแล้วว่าพอทุกอย่างแล้ว คำว่าพอนี้แหละมันกระจายออกไปเป็นความเมตตาครอบไปหมด จึงได้ดีดได้ดิ้นเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ให้จำให้ดีนะ ให้ฟังเสียงธรรม ถ้าไม่ฟังเสียงธรรมชาติไทยก็จม ตัวของเราจมได้อีก เพราะกิเลสมันจะดึงทั้งใหญ่ทั้งน้อยส่วนใดเอาให้จมได้ทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่ากิเลสไม่มีอะไรเหนือวิสัยของมัน มันจะเอาให้ได้ นอกจากธรรมเท่านั้นสุดวิสัยของมัน ถ้าธรรมเข้าตรงไหนแล้วมันหมอบ ๆ ให้เอาธรรมเข้ามาตีนะ อย่าเอากิเลสเป็นอารมณ์ไม่ได้นะ

โถ เราดีดเราดิ้นขนาดนี้ ตื่นขึ้นมาปั๊บพิจารณาแล้วนะ แม้แต่นั่งภาวนาอยู่ก็ยังกำหนดพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ของเล่นเมื่อไร เปิดเสียวันนี้น่ะเรื่องโลกสงสาร เรื่องของเราไม่ได้พิจารณา กิเลสมันสิ้นซากไปได้ ๕๐ กว่าปีแล้วพิจารณาอะไร ไม่มีเรื่อง บอกงี้เลย โดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือเลย ก็มีแต่อารมณ์แห่งความเมตตาของโลก จึงได้ดีดได้ดิ้น พอออกปั๊บก็พิจารณาแล้ว เป็นยังไง ๆ แง่หนักแง่เบาตรงไหน ๆ จะพิจารณาเต็มสัดเต็มส่วน พอลงตัวแล้วก็ทีนี้สั่งเลย ๆ ไม่ได้มาสั่งแบบพรวดพราดนะ พูดแบบพรวดพราด นำพี่น้องทั้งหลายแบบพรวดพราด อะไรก็ตามจะเป็นหนักเป็นเบา เป็นคำพูดสุภาพอ่อนโยน ดุด่าว่ากล่าวขนาดไหน ล้วนแต่ธรรมออก น้ำหนักน้ำเบาของธรรมเป็นขนาด ๆ ออกมา ท่านทั้งหลายอย่าเอามาคิดให้กิเลสมันเอาไฟไปเผาหัวอกนะว่า หลวงตาบัวนี้ดุด่าอย่างนั้นอย่างนี้ อย่ามาคิด พูดตรง ๆ อย่างนี้เลย

เราไม่มีเรื่องที่กิเลสจะแฝงออกมา จากกิริยามารยาทของเราที่แสดงออกต่อพี่น้องทั้งหลาย นอกจากธรรมล้วน ๆ เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรในหัวใจ จะให้พูดว่ายังไงอีก มันสิ้นขนาดนั้นจะให้ว่ายังไง พระพุทธเจ้าไปถามใคร พระองค์แรกตรัสรู้ขึ้นมาแล้วถามใคร ว่าเราตถาคตสิ้นกิเลสหรือยัง ถามใคร แล้ว สนฺทิฏฺฐิโก ประกาศป้างมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ แล้วถามใคร ธรรมอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน แล้วถามกันหาอะไร ถ้าถามกันอยู่ ธรรมะพระพุทธเจ้าที่ว่า สนฺทิฏฺฐิโก ก็ไม่มีความหมาย ยังไปขึ้นอยู่กับคนตาบอดหูหนวกเอามาเป็นพยาน ใช้ไม่ได้นะ สนฺทิฏฺฐิโก เป็นเรื่องพระญาณหยั่งทราบทุกอย่างแล้วรู้ แล้วตัวเองก็รู้ตัวเองประจักษ์แล้ว พิจารณาซิ

โห เราพยายามเต็มกำลังความสามารถนะพี่น้องทั้งหลาย อย่าให้เสียหวังนะ แล้วยิ่งทองคำไม่ได้สิบตัน หลวงตาท้อถอยอ่อนกำลังไปแล้วนี้ ท่านทั้งหลายจะได้ร่ำลือกันทั่วประเทศนะ เข้าใจเหรอ เอา กู้ชาติของเราไว้ แล้วฟังเสียงผู้นำ นำนี้เอาธรรมมานำทั้งนั้นนะ ไม่ได้เอาอะไรมานำ เอาธรรมนำ สุดขีดสุดแดนในหัวใจของเรา บอกแล้วชัดเจนว่านี้เป็นครั้งที่สอง บอกแล้วเด็ดขาดทุกอย่างนะเรา ไม่ได้เหลาะ ๆ แหละ ๆ นะ ทำอะไรว่าตัดสินใจแล้วผึงเลยทีเดียวเหมือนหินหักนี่ เอามาต่อกันก็เป็นรอยต่อ หินธรรมชาติของมันนั้นแหละ นี่ถ้าลงได้หักขาดจากกันแล้วจะเอามาต่อกันอีกให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว เจ้าของเองตกลงยังไงแล้วเจ้าของแก้ไม่ได้นะ ฟังซิ เหตุผลเหนือกว่าเจ้าของ ถ้าหากว่าเหตุผลอย่างนี้เราตกลงอย่างนี้แล้ว เหตุผลนี้เหนือกว่า เอาลบได้ นั่นฟังซิ ถ้าไม่เหนือกว่าลบไม่ได้ เจ้าของเองก็ลบเจ้าของไม่ได้ ขนาดนั้นละเคารพในอรรถในธรรม ก็ค่อยเป็นมาอย่างนี้ เรียกว่ารอดตัวมา ๆ จึงได้มานำพี่น้องทั้งหลายด้วยเหตุผลกลไกที่เป็นสัตย์เป็นจริงต่ออรรถต่อธรรม และเป็นอรรถเป็นธรรมนั้นแลที่มานำ

นี่จะนำพี่น้องทั้งหลายให้จมเหรอ พิจารณาซิ ตื่นตามาเช้าวันไหนได้อยู่เมื่อไร วิ่งโน่นวิ่งนี่ พวกเปรตพวกผีมันก็ว่าหากวนบ้านกวนเมือง อย่าไปสนใจกับมันนะ ชาติเป็นของเรา ความจมเป็นของเรา พวกนี้มีแต่คอยจะเหยียบย่ำทำลาย เราอย่าเอามาสนใจนะ เรื่องอุปสรรคมันจะมารอบด้านในหัวใจของเรานี้ ตีออก ๆ ถ้าเราต้องการความสุขความเจริญเย็นใจตามสายธรรมพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่เจริญทั้งนั้นแหละถ้าฟังเสียงธรรม ถ้าไม่ฟังเสียงธรรมจมได้ทั้งนั้น

นี่ทองคำก็ได้ห้าพันกว่าแล้ว วันธนาคารชาติก็จะได้อีกอย่างน้อย ๕๐๐ กิโล ก็เป็น ๕,๕๐๐ หรือจวน ๖๐๐ ก็ไม่ทราบแหละ เราค่อนข้างจะแน่ใจไปทางโน้น เราจะรวมกฐินทั้งหมด กฐินก็เป็นน้ำใจของพี่น้องชาวไทยทั้งชาติที่จะมารวมกัน ให้เป็นหัวใจอันใหญ่หลวง และตั้งหลักฐานมั่นคงขึ้นที่จุดคลังหลวงคือทองคำของเรา ให้พากันอุตส่าห์พยายามทุกคน เวลาเด็ดต้องเด็ดบ้างซิ อย่าเอื่อยอ่ายเฉื่อยชาไม่ได้นะ ถึงเวลาเด็ดต้องเด็ดซิไม่งั้นไม่ได้นะ เวลาไหนก็มีแต่เฉื่อยชา ๆ เป็นหัวเต่าอยู่ในกระดองไม่ได้นะ ผิด เวลาเข้มแข็งแข็งซิจะว่าไง พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ เราไปกับท่านปัญญาหรือใคร ตอนเย็น เข้าไปหาโยมแม่ เราจะมาเทียบให้ฟัง

งูสามเหลี่ยมนี้เป็นงูลักษณะใบ้ เชื่องที่สุด ไม่มีลักษณะวอกแวกนะงูสามเหลี่ยม เขาไปที่ไหนเขาจะไปอย่างเชื่องช้าเอื่อย ๆ จนไม่ทราบเลยว่ากิริยาของเขาที่แปลกจากนี้มีอะไรบ้าง คนจะลงใจว่าเป็นกิริยาอย่างนี้ล้วน ๆ แต่เวลามาเจอเอานี่มันถึงได้ชัดเจน โห เดินออกมาเขาอยู่ข้างทาง กลางคืนเรามาเราก็มีไฟมา อยู่ ๆ ดีดออกมาจากข้างทางตกป๋างลงหน้าเราที่เราเดินนี่ งูสามเหลี่ยมนะ มันอยู่นอกทางเดินลึก ๆ มันโดดมาได้ยังไง ตกเป๊ะลงนี้เลย กองอยู่นี้ อู๊ย สามเหลี่ยมทำไมมึงแสดงกิริยาอย่างนี้ กูพึ่งเห็นมึงวันนี้นะ จึงได้ติดใจตั้งแต่บัดนั้นมา สามเหลี่ยมนี้ใบ้ก็จริง เวลาเด็ดมันเด็ดของมันอย่างนี้ เข้าใจไหม

อันนี้เวลาธรรมดาก็ให้เป็นธรรมดาไป เวลาเด็ดก็ให้เป็นเหมือนสามเหลี่ยมแสดงลวดลายของมันอย่างนี้นะ ให้เห็นอย่างนี้เอามาเป็นคติ เราเห็นชัดเจนด้วยตาของเราเองจึงได้ฝังใจลึก โถ งูนี้มันลักษณะใบ้ ๆ มันไม่ใบ้หนาเวลานี้ นี่ละมันจะกินสัตว์ก็คงแบบเดียวกันนี้ ปึ๋งทีเดียวเลย อยู่ลึก ๆ นู่น โดดออกมาจากนู้น ฟังเสียงแครกครากเท่านั้น เป๊ะลงนี้เลย มันโดดมาได้ยังไง ลงตรงกลางหน้าคน สามเหลี่ยมนะ มันใหญ่อยู่ นั่นละเวลาเด็ดอย่างนั้นก็ให้มี สามเหลี่ยมเวลามันจะกินสัตว์มันก็ทำอย่างนั้น เวลาเราจะกลืนความจน มันจะเอาเราให้จมทะเลหลวง ก็ให้กลืนแบบเดียวกันนี่นะ ฟาดให้มันตกทะเลนู่นน่ะ ขอให้พิจารณาให้ดี

เวลานี้เป็นเวลาสำคัญของชาติไทยเราบอกแล้ว มันจะล่มจะจมมากี่ปีมานี้เห็นด้วยกันทุกคน จนหน้าเศร้าไปหมด คนทั้งประเทศไม่มีหน้ายิ้มแย้มต่อกันเลย ไปที่ไหนเหงาหงอยไปหมดเลย เวลานี้ก็ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมา ด้วยความฟิตเนื้อฟิตตัวของพี่น้องชาวไทยเรา ทางฝ่ายสมบัติเงินทองข้าวของที่จะหนุนนี้ก็ต่างคนต่างฟิตเนื้อฟิตตัว ทางรัฐบาลก็ดำเนินทางโน้น ต่างคนต่างดำเนินเพื่อจะกวาดสมบัติเข้ามาหนุนที่มันจนตรอกจนมุมนั่นแหละ ให้ต่างคนต่างเอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ

เรานี้สุดกำลังแล้ว ที่ประกาศนี้ก็เพราะเชื่อพี่น้องทั้งหลายแหละ ทองคำสิบตันให้ได้ พอได้แล้วก็ประกาศก้องขึ้นเลย สะเทือนไปหมดอำนาจแห่งความดีงามของเรา ศักดิ์ศรีดีงามจะขึ้นพร้อมกับทองคำน้ำหนักสิบตัน ถ้าอันนี้ยังไม่ขึ้นไม่ขึ้นนะ จะรอขึ้นอยู่กับทองคำน้ำหนักสิบตัน ศักดิ์ศรีดีงาม คุณค่าราคา ชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณของพี่น้องชาวไทยเรา รอจังหวะที่จะขึ้นกับทองคำน้ำหนักสิบตัน อันนี้ขึ้นเมื่อไรขึ้นทันทีพร้อมกันเลย จึงได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เอาให้ได้นะ ไม่มีอะไรใหญ่ในหัวใจของพี่น้องชาวไทยเรายิ่งกว่าทองคำที่กำลังขวนขวายอยู่เวลานี้ ได้พิจารณาเต็มหัวใจแล้ว จุดสำคัญแห่งชาติไทยของเราอยู่จุดนี้ จึงลงจุดนี้ ๆ อันอื่นไม่เห็นสำคัญอะไร เป็นกิ่งก้านสาขาดอกใบ อันนี้เป็นรากแก้วรากฝอยเป็นแก่น อยู่ที่นี่หมดเลย ถ้าอันนี้ไม่สำคัญแล้วก็หมดความสำคัญ เอา ครอบไปหมดทั้งชาติไม่มีอะไรสำคัญ คนไม่มีลมหายใจอยู่ได้เหรอ นี่ละลมหายใจของชาติไทยเราอยู่ตรงนี้นะ

วันนี้ก็จะไปธุระ ได้เตรียมสั่งเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ไปวัดภูสังโฆนานแล้ว ไปตั้งแต่เดือนมิถุนา ไปคราวนั้นก็เอารถไปสองคัน พอดีท่านวันชัยก็ไม่อยู่ ลงไปกรุงเทพ จากนั้นมาตั้งแต่มิถุนาจนกระทั่งป่านนี้ วันนี้จึงจะไปเพราะไม่ได้ไปเยี่ยมนาน สั่งให้เขาไปเอาของในตลาด เอารถไปสี่คัน แต่ไม่ใช่รถใหญ่นะ รถตู้สองคันเอาให้เต็มเอี๊ยด แล้วรถปิกอัพสองคันบรรทุกบองขึ้น เป็นรถสี่คัน เอาของจากตลาดมาแล้วบกพร่องตรงไหนให้เข้าไปในโกดังเรา ขนจากโกดังมาใส่ให้เต็มเอี๊ยดแล้วไป คือเอาทางโน้นมาดูเสียก่อนว่ามันยังบกพร่องตรงไหน ๆ เอาทางนี้เพิ่มเข้า ๆ แล้วไปเลย วันนี้ฉันเสร็จแล้วก็จะไป

ทางภูสังโฆก็ช่วยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะเรื่องทองคำ ดอลลาร์ นี้ เอาเต็มที่ จากนั้นก็รองลงมา เป็นลำดับลำดาละ จากภูสังโฆมาเป็นคู่เคียงกันกับธรรมลี ผาแดง ช่วยเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน แล้วก็วัดนั้นวัดนี้มาช่วยทองคำ ๆ นี่ละจิตใจของพระที่มีเมตตาก็ต้องแสดงต่อโลกอย่างนี้ พระพุทธเจ้ามีพระเมตตาขนาดไหนต่อโลก ช่วยทุกวิถีทางพระพุทธเจ้า ทีนี้สงฆ์สาวกที่จะช่วยวิธีไหนได้ก็ช่วยทุกวิถีทาง ถูกต้อง นั่น ก็หัวใจโลกอยู่กับธรรม อย่างชาวพุทธเราที่ไหนไม่มีวัดมีเหรอ ตั้งบ้านตั้งเรือนที่ไหนต้องสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นหลักของใจ เป็นที่อบอุ่นของใจ มีครูบาอาจารย์แล้วอบอุ่น นั่นเห็นไหมล่ะ เอาอะไรมาอบอุ่น ไม่มีเมตตาธรรมอบอุ่นได้เหรอคนเราพระเรา ใจดำน้ำขุ่นไม่มีใครอาศัยได้แหละ ถ้าจิตมีเมตตาแล้วก็ได้ทั้งนั้นแหละ

นี่บรรดาพระทั้งหลายท่านก็ออกมาจากที่ต่าง ๆ จะรวมกันมาช่วยเป็นระยะ ๆ ฟังว่ากฐินนี้ก็ได้เตือนกันแล้วในที่ต่าง ๆ ของวัดกรรมฐานเราก็จะช่วยกัน แล้วแต่ใครจะได้มากได้น้อยเป็นกองสองกฐินทองคำนี้ก็แล้วแต่ แล้วก็เอามา ๆ นี่เราก็เตือน ท่านก็ออกทั่วกันทันทีเลย เราเป็นหัวหน้าต้องได้เตือนทุกอย่าง อย่างนี้ก็เตือน ให้พิจารณานะพวกเรา ชาติหลักใหญ่ที่เป็นที่อบอุ่นจริง ๆ อยู่กับศาสนานะ เราว่าอย่างนี้ ถ้าศาสนาไม่มีแล้วชาติไทยของเราซึ่งเป็นชาวพุทธว้าเหว่มากนะ กำลังใจที่จะวิ่งเต้นขวนขวายอะไรก็ไม่มี เพราะไม่มีที่เกาะที่ยึด ใจเหือดแห้งจะเอากำลังมาจากไหน เมื่อมีธรรมเข้าหนุนแล้วใจก็มีกำลัง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีดดิ้นได้ นี่พระท่านก็จะช่วยกันเต็มกำลังเหมือนกัน ทุกแห่งทุกหนนั่นแหละในบรรดาสายกรรมฐาน ช่วยกันเต็มกำลัง

มาทุกด้านนั่นแหละ แต่เราขึ้นต้นนี้เฉย ๆ ว่าภูสังโฆ ผาแดง นอกนั้นเคียงข้างกันมาด้วยกันทั้งนั้นแหละ วัดนั้นวัดนี้ ใครที่ไหนได้มา เช่น หนองกอง นาคำน้อย วัดศรีชมภู ระลึกได้ก็มีไม่ได้ก็มี เคียงข้างกันมาทั้งนั้น เดี๋ยววัดนั้นเอามาเดี๋ยววัดนี้เอามาอยู่เรื่อย ๆ อย่างนั้นนะ แต่ท่านมาแบบเงียบ ๆ เราก็รับเรื่อยไปอย่างนั้น นี่ละพระช่วยโลก ช่วยอย่างนี้แหละ พระไม่ช่วยโลก พระใจดำน้ำขุ่น ศาสดาองค์เอกช่วยโลกทั้งสามจะว่าอะไร เราช่วยเพียงประเทศไทยของเรา พระพุทธเจ้าช่วยโลกทั้งสาม ไม่ว่าจะวิธีการใดที่ควรจะสงเคราะห์สงหาช่วยได้ พระพุทธเจ้าจะทรงพระเมตตาช่วยทุกแห่งทุกหน เป็นอย่างนั้นนะ

นี่รถยังไม่มา หรือมาแล้ว มาหรือยัง เดี๋ยวเขาก็มา เรากะไว้ไม่เลย ๓ โมงก็มาถึงแล้ว ให้เขาไปเอาของตลาด เอาของก็แบบไม่อัดไม่อั้น เอามาเอารถเป็นประมาณ ถ้าบกพร่องตรงไหน ๆ ไล่เข้าไปโกดัง ไปใส่เต็มเอี๊ยดแล้ว ทีนี้ไปเลย เพราะทางโน้น พระก็มาก การโคจรบิณฑบาต ก็บิณฑบาตอยู่ แต่เมื่อมีโอกาสที่พอจะเสริมกันได้ เราก็เสริมไป เวลามีโอกาสไป เช่นวันนี้เราก็จะไปแหละ

สรุปทองคำ ดอลลาร์ และกฐิน วันที่ ๖ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑ บาท นี่เป็นพื้นตลอดเลย ดอลลาร์ได้ ๒๐๒ ดอลล์ กฐินทองคำได้ ๒๓ กอง คำว่ากฐินทองคำ หมายถึงกฐินที่สำเร็จเป็นทองคำมาล้วน ๆ เรียกว่า กฐินทองคำ กฐินเงินสดหมายถึง เอาเงินสดมาเข้าบัญชีแล้วก็ซื้อ นี่มีสองอย่างจำเอานะ กฐินทองคำได้ ๒๓ กองเมื่อวานนี้ กฐินเงินสดได้ ๔๗๑ กอง รวมเป็น ๔๙๔ กอง จำเอาไว้ตามนี้ ได้ไปเรื่อยๆ แหละ

รวมทองคำทั้งหมด เวลานี้ได้ ๕,๒๘๐ กิโลครึ่ง กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้นกฐินทองคำได้ ๓,๐๔๗ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๑๑ กิโล ๓๘ บาท ๒ สลึง กฐินเงินสดและเช็ค ได้ ๑๐,๗๐๗ กอง เท่ากับเงินสด ๑๗,๑๓๑,๒๐๐ บาท นี่หมายถึงกฐินเงินสด พร้อมทั้งเช็ค บวกกันแล้วเป็นเท่านี้

รวมกฐินทองคำทั้งหมด ได้ ๑๓,๗๕๔ กอง ยังขาดอยู่อีก ๗๐,๒๔๖ กอง เอ้า ฟัดตรงนี้นะ หางมันยั้วเยี้ยอยู่ ๗๐,๒๔๖ หาง ฟาดมันเลยนะ คนมาเอามีดติดตัวมาทุกคนๆ ตัดให้มันหางขาดสะบั้นเป็นไร นี่แหละเข้าใจตามนี้นะ จะเร่งใหญ่ ๆ ละ ขอให้พี่น้องทั้งหลายเอาให้จริงให้จังนะเวลานี้ หลวงตาพาจริง

นี่ เอกซเรย์ก็จวนจะมาถึงแล้วแหละ เอกซเรย์โรงพยาบาลศูนย์ เราให้เครื่องหนึ่งแล้ว อันนั้นก็หลายล้าน เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ให้แล้วก็เอามาไว้ห้องนี้ ทีนี้ความจำเป็นอยู่ห้องนี้ก็มีน้ำหนักเท่ากัน แล้วโยกย้ายจากห้องนี้มาหาห้องนี้ที่จำเป็น แต่ละครั้ง ๆ หมดไปเป็นแสน เขาก็มาเล่าให้เราฟัง ทางนี้จำเป็นยังไง ๆ ก็ให้เขาเล่าให้ฟังชัดเจน ทางโน้นเป็นยังไง สุดท้ายก็น้ำหนักเท่ากัน เราก็เลยตัดสินให้เลย เอาล่ะ แต่นี้ต่อไปไม่ต้องโยกย้ายแหละนะ เราจะให้ใหม่ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์อย่างเดียวราคาเท่าไร ๓ ล้านกว่าว่างั้น รวมกับอันหนึ่งอยู่นั้นก็ประมาณ ๔ ล้าน จวนจะมาถึงแล้ว นี้โรงพยาบาลศูนย์

โรงพยาบาลศูนย์ ที่อบอุ่นมากที่สุดก็คือตา ตานี่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยเราเปิดไว้หมดเลย ไม่ว่าอะไรจะขาดตกบกพร่อง ควรซ่อมให้รีบ ฟังแต่ว่าให้รีบซ่อม ถ้าซ่อมไม่ได้ให้รีบสั่ง ไม่ต้องมาติดต่อขอเราอะไร ไม่มีผู้ที่รู้ฉลาดยิ่งกว่าหมอ เราบอกงั้น หมอตาให้เป็นเรื่องของตา อะไรบกพร่องแล้วให้หามาเลย ๆ เราเปิดให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าควรซ่อมให้รีบซ่อม ซ่อมไม่ได้ให้รีบสั่ง

เพราะฉะนั้น ทางโรงพยาบาลศูนย์ สำหรับเครื่องมือตานี้จึงสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ คือ ๒๕๓๐ เราไปผ่าตาที่โรงพยาบาลรัตนิน กรุงเทพฯ พอผ่ามาแล้ว มันจ้ามันสว่าง แต่ก่อนก็เห็นอยู่ แต่ไม่เหมือนนั่น พอกลับมานี้อยู่ได้ ๓ วัน เข้าโรงพยาบาลเลย เชิญหมอมาทั้งพยาบาล ประชุมกันเลยเชียว เอากันจับมือมัดเลย ทั้งมัดมือเขาทั้งมัดมือเรา ถามถึงหมอ หมอก็รับรองว่าจะให้ครบหมอ เท่าที่ไม่ครบเพราะเครื่องมือไม่พอ ถ้าเครื่องมือพอแล้ว หมอก็พอ เอ้า ถ้างั้นทางนี้จะเอาเครื่องมือให้พอ เอ้ารีบ ให้สั่งหมอมาเลย เครื่องไม้เครื่องมือที่ขาดตกบกพร่องเท่าไร ให้สั่งให้หมด โน่นน่ะฟังซิ ฟาดให้หมดเลย ไม่นานนะ เพราะเอากันอย่างโดยด่วน มาเรียบวุธ จนกระทั่งบัดนี้

นี่ละแถวนี้มานี้หมดนะ พวกตา ไปวันไหนก็ไปเถอะ ถ้าลงไปห้องตาแล้ว ไม่มีบกพร่องนะ เต็มหมด จนเราเกิดความสงสัย ทำไมห้องอื่นๆ ที่มาตรวจโรคเหมือนกัน ทำไมไม่มีมากคนไข้ แล้วคนไข้ทำไมมามีมากในห้องนี้ โอ คนไข้ในห้องนี้มันไม่มีในบริเวณนี้เท่านั้นนะ มาทุกแห่งทุกหนมานี้หมด ตา เพราะไม่มีที่รักษา ก็มีแต่ศรีนครินทร์กับที่นี่สองแห่งเท่านั้น

มิหนำซ้ำทางศรีนครินทร์ก็สู้นี่ไม่ได้ เอาอีกแหละ เวลาจำเป็นนะ ศรีนครินทร์ก็ต้องยกคนไข้มาทิ้งให้เรา คือว่าเครื่องมือทางโน้น สู้ทางนี้ไม่ได้ พูดถึงว่าครบทางนี้ครบหมด แล้วคำว่าใหม่ ใหม่เอี่ยมด้วยทางนี้ เพราะงั้นเขาจึงต้องมาอาศัยเรา ฟังว่าเขายอมแพ้ โอ๋ย แพ้แบบนี้เราไม่เอา แพ้แล้วแบกคนไข้เราไม่เอา เขาก็ขนมาเรื่อยอยู่งั้น เพราะมันจำเป็นเราก็เห็นใจเขาใจเรา เมื่อทางไหนที่พออาศัยได้ เขาก็ต้องมา เพราะฉะนั้น เรื่องตานี้ ศรีนครินทร์จึงมาเรื่อยนะ เข้ามาอุดร เราไม่ว่า เราขู่เฉย ๆ เราขู่ไปยังงั้นแหละนะ

นี่แหละที่ว่าตานี้เต็มไปหมดนะห้อง วันหนึ่งๆ นะ มาจากที่ไหนบ้าง อู๊ย แถวนี้มาหมดเลย ว่างั้น ตั้งแต่ศรีนครินทร์ก็ยังมา นี่แหละที่คนไข้มากเพราะเหตุนี้เอง แล้วเครื่องตรวจล่ะพอไหม พอเขาว่า ถ้าไม่พอให้เอาใหม่เอามาเพิ่มอีก เขาว่าพอ ก็เขามาเพิ่มพอแล้วนี่ เครื่องมือนี้เราก็ให้เพิ่มทั้งนั้น ให้พอกับความต้องการทุกอย่างเลย เราสั่งต้องสั่งเด็ดทั้งนั้น เวลานี้สบายมากนะ โรงพยาบาลแผนกตานะ เรายังรู้สึกคิดเสียใจย้อนหลังไม่ได้ ตั้งแต่ก่อนที่เราไปผ่าตานี่ คนจะตาบอดเยอะอยู่นะ ทีนี้พอได้มาแล้วใส่ปั๊วะลงไปนี่จึงเห็นคนมามากมาย พวกตาบอดมาตาดีกลับคืนไปก็เยอะนะ ตากำลังจะบอดเอาให้ใสสว่างจ้าไปก็เยอะๆ เราจึงว่าพอใจที่ช่วยคราวนี้

เวลานี้ก็กำลังสั่งเอกซเรย์ใหญ่อยู่ ในโรงพยาบาลศูนย์นี่ โถ มีแต่เครื่องมือสำคัญ ๆ ทั้งนั้น เราให้ทั้งหมดเลยนะ เครื่องมือผ่าสมงสมองนี้ อันสำคัญ ๆ เราให้หมดเลย นอกจากปลีกย่อยธรรมดา ส่วนสำคัญเราให้ทั้งนั้น ๆ เพราะฉะนั้นโรงพยาบาลศูนย์จึงเป็นที่สะดวกสบาย แก่คนไข้จำนวนมากตลอดมา

คำพูดอย่างหลวงตานี้ พูดจริง ๆ นะไม่ค่อยมีใครพูด เราพูดจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครพูดอย่างเรา แล้วแต่ก่อนเราก็ไม่เคยพูด เราก็เหมือนกับโลกทั่ว ๆ ไป เรียนปริยัติเรียนมาเท่าไร ๆ เวลาเทศน์ก็เทศน์แบบปริยัติเหมือนโลกเทศน์ทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรผิดแปลกต่างกัน ทีนี้เวลามาปฏิบัติ ๆ นั่นซี เปิดให้เห็นเสียนะ เวลามาปฏิบัตินี้เวลามันเป็นขึ้นเห็นขึ้นเป็นขึ้นมานี้ มันตรงกันข้าม ๆ กับสิ่งที่เราเคยรู้เคยเห็นเคยพูดเคยจามาแต่ก่อน มันเข้ากันไม่ได้นะ คือโลกเขาเข้าไปนี้ ควรหลบนี้เขาหลีกไปนี้หลีกไปนั้นเสีย มีสูงมีต่ำหลีกโน้นหลีกนี้ นี่ภาษาของโลก เรียกว่านิ่มนวลอ่อนหวาน หลอกกันต้มกัน มีแต่สำนวนอ่อน ๆ หวาน ๆ นะ เอากันให้จม มีแต่หลอกกันหวาน ๆ เข้าใจไหม นี่แหละสำนวนกิเลส

ทีนี้เวลามาเรียนธรรมปฏิบัติธรรม เวลาปฏิบัติเข้า มันเข้ากันไม่ได้ ๆ ภาษาธรรมเป็นอย่างนี้นี่ ภาษากิเลสต้องหลีก ธรรมหลีกไม่ได้ ถ้าหลีกไม่เรียกธรรม หาความจริงไม่ได้ แน่ะ ต้องให้ตรงแน่วตามความสัตย์ความจริง ที่นี่คำพูดคำจา กิริยามารยาทที่แสดงออก มันก็เป็นธรรมล้วน ๆๆ ตามความรู้ความเห็นความเป็นขึ้นที่ใจ ๆ ถอดออกมา มันก็เป็นแบบนี้ ๆ

ทีนี้เรื่องของโลกที่เขาเคยชินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มาได้ยินได้เห็นกิริยาอย่างนี้ เขาก็ขัดกันทั่วโลก เพราะเขาไม่เคยเห็นอย่างนี้ ทั้ง ๆ แต่ก่อนเราก็เป็นอย่างเขามา เราไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ แต่เวลามันมารู้มาเห็น มันก็เป็นไปตามความรู้ความเห็น การแสดงออกมันก็เลยเป็นแบบเดียวกัน นี่แหละที่ว่าโลกกับธรรมมันขัดกันอย่างนี้ เข้าใจไหม เช่นอย่างดุด่าว่ากล่าว ธรรมดาโลก ถ้าลงได้ดุเข้าแล้วเป็นไฟนะ กัดกันฉีกกันยิ่งกว่าหมา แต่ธรรมนี้ดุเท่าไรๆ เด็ดเท่าไรๆ เป็นน้ำดับไฟๆ นี่มันตรงกันข้ามอย่างนั้นนะ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอา

คำพูดกิริยาอย่างนี้ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยมี โลกเขาเป็นยังไง เราเรียนมายังไง เราเทศน์สอนโลกก็เทศน์แบบเดียวกัน เพราะไม่มีความรู้ความแปลกประหลาด เกิดขึ้นภายในใจพอจะให้สะดุดใจ มันก็พูดไปแบบโลก แต่เวลาปฏิบัติ มันรู้ขึ้นมาเห็นขึ้นมา รู้ตรงไหนแน่วแน่ ๆ หลีกจากนี้ไม่ได้ แน่ะ หลีกจากนี้ไม่ใช่ธรรม มันก็ต้องไปตามธรรม ๆ นี่แหละแถวแนวของธรรมเป็นอย่างนั้น ให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ เอาละเลิกกัน

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก