เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
ทำอะไรให้มีคำสัตย์คำจริง
วัดป่าภูสังโฆ ทองคำน้ำหนัก ๑ กิโล ๒๐ บาท ๘๘ สตางค์ ดอลลาร์ ๓๐๐ ดอลล์ เงินไทย ๓๐,๐๐๐ บาท อนุโมทนาทุกคนนะ (สาธุ) นี่ละภูสังโฆ ผาแดง เหล่านี้หนุนมาตลอด จากนั้นก็กระจายออกวงกรรมฐานทั่วกันไปหมด เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๑๔ บาท ๒๘ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒๓๐ ดอลล์ ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ นั้น ได้เพิ่มเข้ามาอีก ๓๗ กิโล ๑๔ บาท ๓๘ สตางค์ นี่ละอันนี้จะตั้งต้นขึ้นไปอีกนะ ตั้งต้นใหม่อีก พอถึง ๕๐๐ ก็เข้าเลย กำหนดไว้ ๕๐๐ ตายตัว แต่ก่อนลดกว่านั้นเราก็เอาเข้า อย่างไรเราก็เข้าเรื่อยของเรา ทีนี้มาพิจารณาเพื่อความจำได้ง่ายด้วย เป็นวรรคเป็นตอนใหญ่ ๆ สักหน่อย เลยต้องเอา ๕๐๐ กิโลมอบหนึ่งครั้ง ๆ พอสองครั้งก็เป็นหนึ่งตัน ๆ เวลาก็ ๕,๕๐๐ กว่ากิโลแล้ว ๕๐๐ ทีหลังอีกก็เป็นตัน เอาอย่างนั้นแหละ
วันที่ ๑๐ เดือนนี้ก็จะไปจันท์อีกแล้ว พอฉันเสร็จแล้วออกเดินทางถึงนู่นค่ำพอดี พอมืดก็เอาละได้เทศน์ มาเต็มอยู่นั้น วันที่ ๑๐ พอไปถึงตอนค่ำก็เทศน์ นี่สภาหนู วันหลังก็สภาแมว ทีนี้หนูกับแมวก็ซัดกันไปเรื่อย สภาหนู สภาแมว เทศน์ตลอด พี่น้องชาวไทยขอให้ทราบอย่างถึงใจทั่วกันว่า เราเริ่มเร่งเครื่องตั้งแต่บัดนี้ต่อไปทองคำเรา แต่ก่อนก็เร่งมาโดยลำดับ มันหลายภาระยุ่งยากมันยังไม่รวมตัว ทีนี้เข้ามารวมแล้ว ทองคำกับดอลลาร์ลงจุดนั้น ๆ แล้วก็จะเร่งละ เป็นที่แน่นอนแล้วลง ๑๐ ตัน ได้ออกประกาศเรียบร้อยแล้ว พยายามเอาให้ได้ตามนั้น จุดหัวใจของพี่น้องชาวไทยอยู่ตรงนั้น จุดจะเด่นของพี่น้องชาวไทยก็อยู่จุดนั้น เมื่อได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้วเด่นดวงเลย สง่างามครอบประเทศไทย ไม่มีใครมาต้องติได้เลย
เราได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว จุดนี้เป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยชาติคราวนี้ ไม่มีอะไรจะเหมาะยิ่งกว่าจุดนี้ เราเอาจุดนี้ออกประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ทองคำเราให้ได้ ๑๐ ตันกับที่มีอยู่ในคลังหลวงก็จะพอหายใจโล่งละที่นี่นะ ไม่เต็มปอดก็โล่ง อย่างดอลลาร์นี้เราค่อนข้างแน่ใจไว้แล้ว ๑๐ ล้านยังไงก็ได้ เพราะเวลานี้ ๗ ล้านกว่าแล้ว ทองคำยังอีกไกลอยู่ เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงจะตามกันทัน แล้วแซงหน้ากันไป เราคิดว่าดอลลาร์จะแซงทองคำไปอีก
ไปแต่ละครั้งเหน็ดเหนื่อยมากนะ ทนเอา ทนเพราะชาติบ้านเมืองของเรา เราทนจริง ๆ นะ พยายามสุดขีด ตั้งไว้จุดไหนจิตก็ต้องอยู่จุดนั้น ๆ สำหรับเราเองที่เคยปฏิบัติตัวเองมาแล้ว ถ้าลงได้ตั้งในใจจุดไหนแล้วต้องจุดนั้นว่างั้นเลยเชียว ต้องว่าต้องทีเดียวเลยเป็นอื่นไปไม่ได้ หมุนติ้วใส่นั้นเลย เช่น อย่างทำความเพียรนี้ วันไหนรู้สึกว่าการภาวนานี้แพ้กิเลสในจุดที่ฟัดเหวี่ยงกันแล้ว วันนั้นจะนอนไม่หลับนะ มันจะเอาอีกว่างั้นเถอะ พอคราวหลังเอานะ ซัดนี้พุ่งเลย นั่นอย่างนั้นละ คือเราได้ลงตั้งในจุดไหนแล้วรู้สึกว่ามันจะเป็นยังไงนิสัยมันเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าลงได้ตั้งจุดไหนแล้วต้องเอาให้ได้ ไม่ได้ขาดเลย มันเป็นอย่างนั้นแหละ สำหรับตัวเองที่บังคับกันฟัดกันกับกิเลสเป็นอย่างนั้นตลอดมานะ
นี่ก็ได้เล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟังอยู่ แต่ไม่ได้เล่าเรื่องวันไหนภาวนา คือมันจะมีแพ้มีชนะกันเป็นวรรคเป็นตอนไป ไม่ใช่แพ้ชนะทะลุไปเลยนะ เอาเป็นวรรคเป็นตอน ๆ ไป จุดไหนไปแพ้ วันนั้นนอนรู้สึก อยากจะว่านอนไม่หลับนะ คือจิตมันเป็นอารมณ์ แพ้จะแก้ใหม่ ความหมายคือจะแก้ใหม่ ส่วนมากที่ว่าเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดนั้นคือตอนกลางคืน ตอนกลางวี่กลางวันเสียงอะไรเรื่องอะไรจะรบกวน ไม่ค่อยได้สนุกฟัดกันเต็มเหนี่ยว พอกลางคืนแล้วนี่ละเรียกว่าที่ว่าเอากันใหม่ ส่วนมากหมายถึงกลางคืน เป็นเวลาที่สงบสงัดเป็นเวลาขึ้นเวทีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เอ้า ฟัดกันตรงนั้นละ เอาเลยนะ ชนะนะ ถ้าไม่ชนะมันเป็นยังไงไม่ทราบ จิตใจอันนี้มันแปลก
เรื่องความสัตย์ความจริงเราพูดได้ตรง ๆ ตั้งแต่บวชมานี้ถือเป็นเยี่ยมเลย แต่เป็นฆราวาสอยู่มันเป็นนิสัยมา ยังไม่ถือเป็นกฎเป็นเกณฑ์ไม่เด่นชัดเหมือนมาบวช ตอนบวชนี้ถือตรงไหนตรงนั้นเลย ตอนเป็นฆราวาสเราไม่รู้ว่าเรามีคำสัตย์ไม่มีคำสัตย์นะ เราไม่ได้สนใจ แต่เวลาพิจารณาย้อนหลังของเจ้าของเป็นอย่างนั้น คือถ้าลงว่าทำ ทำเลย ถ้าว่าไป ไป ถ้าว่าอะไรต้องเป็นอย่างนั้นมาตลอด หากไม่รู้ว่าเจ้าของมีความสัตย์ความจริงอะไร เวลาไปอ่านธรรมะ ทีนี้เข้าไปมันไปกลมกลืนกันกับนิสัยเดิม จากนั้นมันก็ขึ้นละ คราวนี้เมื่อเป็นธรรมแล้วมันก็รู้จักความสัตย์ความจริง ทีนี้ก็รู้ชัดว่ามีความสัตย์ความจริงแค่ไหน รู้ในตัวเอง เป็นอย่างนั้นละ
ก็คิดดูซิอย่างที่ว่านั่งภาวนาตลอดรุ่ง ตายก็ตายเอาเฉย ๆ แหละ ที่จะให้ลุกไม่ได้ ลุกไม่ได้เลย นั่นฟังซิ คือคำสัตย์คำจริงนี้มันเลยตายแล้ว เรียกว่าคำสัตย์นี้ต้องเหนือตาย เอ้า ตาย ๆ ไปเลย คำสัตย์ขาดไม่ได้ ความหมายว่าอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นขนาดไหน เอาเลย อะไรจะตายก่อนตายหลัง จะดูให้มันถึงที่สุด ไอ้เรื่องลุกนี้ไม่มี มันเป็นอย่างนั้นละ แต่นี้มันก็สมเหตุสมผลนะ มันเด็ดยังไงผลที่ได้มามันก็รับกันปั๊บ ๆ อย่างนั้นละ เพราะฉะนั้นเราถึงได้พูดว่า ทำอะไรอย่าอ่อนแอนะ เรามีความเข้มแข็งขนาดไหนในเหตุ ผลก็ต้องรับกัน ๆ ๆ เป็นอย่างนั้นมาตลอดนะ
นี่เราก็มาตั้งกับชาติไทยทั้งชาติ ไม่ใช่ตั้งของเราคนเดียว ถ้าตั้งของเราคนเดียว ลงได้ตั้งแล้วคอขาดไปจริง ๆ ไม่มีถอยละ นี่เราตั้งกับแกงหม้อใหญ่ แต่เรามาคำนวณแล้วแกงหม้อใหญ่ของเราคนทั้งประเทศ ๖๒-๖๓ ล้านคน เราก็เริ่มจุดหมายตั้งลงแล้ว ได้พิจารณาคำนวณดูแง่หนักเบาถึงศักดิ์ศรีดีงามแห่งชาติไทยเรา เรารวมมาหมดนะ สำคัญที่เรารักศักดิ์ศรีดีงามแห่งชาติไทยของเรา อันนี้อันสำคัญมาก เพราะโลกทั้งโลกเขาทราบหมดแล้วว่าเมืองไทยเราจะล่มจะจมเป็นยังไงบ้าง ที่จะฟื้นฟูขึ้นมานี้เขาก็ทราบทั่วโลกว่าเมืองไทยเรากำลังฟื้นฟูชาติตัวเอง ช่วยชาติตัวเองนี่ ใครก็ทราบทั่วโลก นี่ละสำคัญจุดนี้แหละนะ จุดที่เราช่วยชาติเราทั้งประเทศนี่ โลกภายนอกเขาก็รู้หมด
ทีนี้เครื่องหมายแห่งการช่วยชาติมีอะไร เป็นจุดเด่นสมชื่อสมนามว่าเมืองไทยช่วยชาติคืออะไร นั่นซิมาลงจุดนี้แหละ อันนี้เราก็คำนวณอีก กำลังวังชา ทุกสิ่งทุกอย่างรวมหมดชาติไทยของเราทั้งชาติ ศักดิ์ศรีดีงามกับอะไรพอเหมาะพอดีกันตรงไหน ๆ พิจารณาอีก มาลงจุดน้ำหนัก ๑๐ ตันในทองคำ เอาละจุดนี้ละ พิจารณาทบทวนเรียบร้อยแล้วเป็นที่ลง ถ้าเป็นเจ้าของก็ผึงเลย คอขาดไปเลยว่าอย่างนั้นเถอะ นี่ก็ลงแล้วลงกับพี่น้องทั้งหลายว่า เวลานี้ยังเหลืออยู่ ๔ ตันกว่าเท่านั้นแหละ ยังไงต้องได้
จึงได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า ศักดิ์ศรีของชาติไทยเราเสียก็จะมาเสียจุดนี้ละนะ ต้องเอาให้ได้จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่จะเอาแพ้เอาชนะกันอย่างแท้จริง ให้โลกภายนอกเขาได้เห็นชัดเจนว่าทองคำได้น้ำหนัก ๑๐ ตันแล้วผางเลย กระจ่างหมดเลย หมดปัญหา อันนี้ใครจะมาต่อว่าต่อขานอะไร เอ้า มา เราก็บอกแล้วเราจะปัดพี่น้องชาวไทยเราออกข้างหลังหมด เราจะออกหน้าคนเดียวเพราะเราเป็นผู้ประกาศเองนี่ ต้องรักษาคำสัตย์คำจริงของเจ้าของยอมรับหมด เมื่อได้แล้ว เอ้า มาว่างั้นเลย ซัดกันเลยละที่นี่ ให้ถอยไม่ถอย แน่ะ เป็นอย่างนั้นนะ
ทองคำเรารู้สึกว่าบกพร่องมากอยู่ในคลังหลวง เพราะฉะนั้นเราถึงได้พยายามอันนี้ ให้หนุนอันนี้เข้าไปให้หายใจโล่ง พอถึงจุดนี้แล้วหายใจโล่ง เท่าที่มีอยู่ โอ๊ย.หายใจนี้ ฟิบ ๆ แฟบ ๆ ไปอย่างนั้นแหละ ที่มีอยู่ในคลังหลวงของเรา เพราะฉะนั้นจึงออกมาตั้งแต่ขณะแรกเลย ออกมาในวันนั้นก็ประกาศป้างเลย เพราะไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว จึงต้องเร่งตั้งแต่บัดนั้นมาไม่เคยอ่อนนะในจิตใจ กับสิ่งที่เราไปเห็นกับที่จะหาไปเพิ่มให้พอเหมาะกัน เพราะฉะนั้นมันจึงเหนียวแน่นตลอดเวลา ๆ เพื่อจุดนั้น
ทำอะไรก็ตามขอให้มีคำสัตย์คำจริงคนเรา อย่าเหลาะ ๆ แหละ ๆ ทำไปสักแต่ว่าทำ ๆ อย่างนี้ไม่ดีนะ เช่น อย่างเราเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ ถ้าเราไม่มีศาสนามันก็เป็นธรรมดาของคนไม่มีคำสอน ไม่มีแบบไม่มีฉบับเป็นที่วัดตวง เป็นที่ยึดที่เกาะนะ มันก็เร่ ๆ ร่อน ๆ ไปธรรมดาของมัน แต่นี้มีหลักยึดอันสำคัญ คือพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาชั้นเอกแล้วแหละ เราขอเปิดอกพูดเลยว่า กิเลสกับธรรมนี่ ธรรมคืออะไร กิเลสมีมาตั้งแต่ดั้งเดิมกี่กัปกี่กัลป์มาตลอด ทีนี้ธรรมอะไรที่เป็นเครื่องรับกัน ธรรมมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ใครเป็นผู้เชิดธรรม นั่น นี่เอาตรงนี้นะ ผู้เชิดธรรมขึ้นมาให้ประกาศเป็นคุณมหาศาลแก่โลก และรื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์เป็นลำดับลำดาตั้งกัปตั้งกัลป์มา เช่นเดียวกับกิเลสที่มันลากสัตว์ลงนั้น เป็นผู้ใด มันก็วิ่งถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์เลย นี้แลคือผู้ที่คุ้ยเขี่ยขุดค้นได้ธรรมขึ้นมา ลากเข็นบรรดาสัตว์ทั้งหลาย แล้วตีกิเลสให้มันหน้าหงายไปเป็นพัก ๆ ที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แต่ละพระองค์นี้กิเลสหน้าหงายไป ๆ สยบ ๆ ลงนะ
นี่ละต้านทานตรงนี้ คือพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ นอกนั้นพิจารณาแล้วไม่เห็นไม่มี เรื่องพระพุทธเจ้านี้เด่นเลยเทียวทุก ๆ พระองค์เป็นศาสดาเอกสอนโลก รื้อขนสัตว์โลกพ้นจากทุกข์มาเป็นลำดับลำดาเหมือนกันหมด ศาสนานี้จึงเป็นศาสนาคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกันกับกิเลส คือพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เป็นคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกับกิเลสตลอดมาตั้งกัปตั้งกัลป์ มีศาสนานี้เท่านั้นออกได้ พาออกได้ พาสัตว์โลกออกได้ พาสัตว์โลกชนะกิเลสเป็นพัก ๆ ขนสัตว์โลกพ้นจากทุกข์ไปได้คือพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อุบัติมาจึงมาตามแถวเลย ตามแถวที่ถูกต้องแม่นยำมาโดยลำดับ กิเลสมันผิดพลาด มันเป็นข้าศึกศัตรูมาตลอดเวลา ธรรมะเป็นเครื่องปราบปรามข้าศึกศัตรู เป็นที่แม่นยำมาคือธรรมะของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ นอกนั้นแก้ไม่ได้แก้กิเลส มีอันนี้เท่านั้น ได้พิจารณาเต็มหัวใจแล้ว วันนี้เปิดออกอีกทีหนึ่งให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ให้เป็นที่แน่ใจกับธรรมของพระพุทธเจ้านี้เป็นธรรมคู่โลกคู่สงสาร คู่ฟัดคู่เหวี่ยงกับกิเลสตลอดมา ไม่มีอะไรจะเป็นคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกับกิเลสได้ พิจารณาแล้วไม่มี มีธรรมของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์นี้เท่านั้นเลยเชียว
นี่ละที่ว่าแม่นยำมาก เราเกาะติดแล้ว เกิดมาพบพุทธศาสนาถูกจุดสำคัญ ถูกที่เกาะอันแม่นยำแล้ว เป็นที่ตายใจได้แล้ว เอา บืน อย่าให้มันเร่ ๆ ร่อน ๆ ให้มีกฎมีเกณฑ์บ้างการปฏิบัติเจ้าของ ถึงเวลาจะทำคุณงามความดีก็ให้ทำ อย่าเหลาะ ๆ แหละ ๆ โลเลโลกเลกไม่ดีนะไม่ถูก ให้มีหลักมีเกณฑ์ เวลาทำกิจบ้านการเรือนสำหรับการทำมาหาเลี้ยงชีพของเรา เป็นเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ในชีวิตนี้หนึ่ง และเพื่อนำสมบัติที่ได้มานั้นแยกออกไปทางการกุศลนั้นหนึ่ง และเพื่อการกุศลของเราโดยเฉพาะ เช่น จิตตภาวนานี้หนึ่ง นี้เป็นจุดสำคัญนะ อันนี้อย่าปล่อยอย่าวาง ๆ เป็นทางเดินของเราเรื่อย ๆ ละนี่ เรียกว่าตามเสด็จพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ได้ถูกต้องไม่ผิด
ให้มีหลักมีกฎเกณฑ์บังคับตัวเองบ้างนะ อย่าปล่อยเลยตามเลย เพราะนิสัยนี้เป็นเรื่องของกิเลสโดยตรง มันดึง มันฉุด มันลากเราอยู่ตลอดเวลา ธรรมฉุดขึ้นมา เวลาที่เราทำอะไรให้มีคำสัตย์คำจริงบังคับตนเองต่อความดีทั้งหลาย ไม่บังคับไม่ได้เพราะกิเลสลากเอาไปกินหมด ถ้าว่าขัดข้องตรงไหนคือกิเลสนั่นนะ มาแสดงความขัดข้อง ทุกสิ่งทุกอย่างเหลาะ ๆ แหละ ๆ มีแต่กิเลสทำให้เหลาะแหละ ธรรมไม่มีเหลาะแหละ ธรรมตรงไปตรงมาอยู่ตลอด ขอให้เอื้อมมาหาธรรม ถ้าตรงไปตรงมามีความสัตย์ความจริง เรียกว่าถูกธรรม ก้าวได้ ๆ ถ้าเหลาะ ๆ แหละ ๆ นั่นคือทางของกิเลสแล้วลง ลงแน่ ๆ
วันนี้ได้ ๓๘ กิโลกว่า รวมกันมาแล้วมัน ๓๘ นี้แน่แล้วแหละ นี่ ๑ กิโลแล้วนี่ ๓๗ เราได้มา มันเศษไปเท่าไร ๆ มันก็บวกกันเข้ากับเศษเหล่านี้ มันอาจจะถึง ๓๘ ก็ได้ ค่อย ๆ ได้ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ หนุนขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปนี้จะเร่งขึ้นเรื่อยละทองคำเรา ก็มีปัญหาอยู่ที่ว่าเงินที่อยู่ในธนาคารนั้น เวลานี้ฟังว่าทองคำกำลังขึ้นอยู่ ก็เลยได้รอ เวลานี้เงินสดเราเฉพาะกฐิน ๗๕ ล้าน อย่างอื่นก็คิดว่าไม่ต่ำกว่า ๕๐ ล้าน เราคิดว่าจะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำ แล้วบรรดาลูกศิษย์ก็บอกว่าเวลานี้ทองคำกำลังขึ้นราคา เราก็เลยรอฟังไปเสียก่อนนะ ๆ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่ตลอดนะ มันมีขึ้นมีลง จังหวะไหนที่พอเหมาะเราก็ตูมตามเลย เพราะเงินของเรามีอยู่ในธนาคารเรียบร้อยแล้ว จะเอาออกมาเมื่อไรก็ได้ เราจึงรอจังหวะนั้น
ทางหานอกเราก็หาเรื่อย อันนี้หากจำเป็นเมื่อไรหรือเหมาะสมเมื่อไรที่เราจะซื้อ เราก็ออกซื้อได้ทันที แล้วก็เข้าคลังหลวงของเรา สำหรับเงินโอนนั้นเวลานี้เงียบไปแล้วแหละ เราก็ไม่พูดถึงเพราะมันเงียบไปจากเรา เราก็ลืมไปด้วยเรื่องเงินโอน ในบัญชีใครจะโอนมามากน้อยเพียงไรเหมือนแต่ก่อนก็โอนมาอยู่เรื่อย ๆ ก็โอนมาได้ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นเรื่อย ๆ แต่ก่อน เดี๋ยวนี้เงียบไปเป็นปี ๆ เลยเดี๋ยวนี้นะ เราก็ลืมไปเลย เดี๋ยวนี้เงินโอนก็ไม่ค่อยมี ไม่มีเราก็ไม่ว่าเพราะเราเองก็ยังลืมวะ จะว่าอะไร เราเป็นผู้จะเอายังลืมได้ ผู้จะให้ทำไมจะไม่ลืม มันลืมไปมันหมุนแต่อย่างอื่น หมุนเรื่อย ๆ เงินโอนนี้ลืมจริง ๆ นะ หายเงียบไปเลย พอมาระลึกได้นี้ก็พูดขึ้นสักทีหนึ่ง ต่อไปก็หายเงียบอีกแหละ เพราะมันหมุนแต่อย่างอื่นไปเสีย เรื่องมันเป็นอย่างนั้น วันนี้ก็พูดขนาดนี้ก็เอาละ
อ่านและฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่
www.Luangta.or.th or www.Luangta.com
|