ชาติก็ช่วย ศาสนาก็หนุน
วันที่ 3 มกราคม 2546 เวลา 8:45 น. ความยาว 30.29 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖

ชาติก็ช่วย ศาสนาก็หนุน

 

         เมื่อวานไม่ได้สักสตางค์เลยทองคำ ดอลลาร์ได้ ๔๒ ดอลล์ วันนี้ต้องลบกัน ไม่ลบไม่ได้นะ ทองคำที่ได้หลังจากมอบคลังหลวงวันที่ ๑๐ นั้นแล้ว เวลานี้ได้ ๓๗ กิโล ๑๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๓,๘๗๒ ดอลล์ ดอลลาร์ที่เข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๗,๒๖๓,๘๗๒ ดอลล์ สำหรับทองคำเข้าไปแล้ว ๕,๕๕๙ กิโลครึ่ง กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบทั่วกันนะ เวลานี้กำลังเร่งเครื่องเพื่อชาติไทยของเราจะขึ้นจุดที่หมาย ถึงหลักชัยคือชัยชนะความจนตรอกจนมุมเราด้วยน้ำหนักทองคำ ๑๐ ตัน และดอลลาร์ ๑๐ ล้าน ลบกันเลยเทียว เพราะฉะนั้นจึงเร่งเครื่องใส่จุดนี้ ๆ  เวลางานการของเราอย่างไร ความคิดแง่ใด ๆ ก็เรียกว่ารวมตัวเข้ามา ๆ ในทองคำ ดอลลาร์ ถึงจุด ๆ เท่านั้น จะให้เข้าถึงจุด

เมื่อวานนี้ไปด่านหล่มสัก เพราะเราสงสารสองด่านนั้นมาก ไปเป็นเวลานานตั้งเดือนกว่า ไปตั้งแต่วันที่ ๒๘ เดือนที่แล้ว เมื่อวานนี้วันที่ ๒ ก็เดือนกว่านะ ปรกติเราจะไปเดือนละหน ๆ ทุกเดือน ก่อนเวลาเราเอาของไปแจกก็บอกเขาว่า ต่อไปนี้เราจะไปกรุงเทพนะ กลับเมื่อไรว่างเมื่อไรถึงจะได้มา พอดีเมื่อวานนี้ไปแจกของให้ตามกำหนดที่เคยแจก ๆ นั่นแหละ การแจกทานการเฉลี่ยทุกอย่าง ๆ ท่านทั้งหลายให้เป็นที่แน่ใจเลยว่า วัดนี้เหมือนตะกร้าตักน้ำ เป็นยังไงเอาตะกร้าลงไปตักน้ำ พอยกขึ้นนี่ซ่าหมดเลย เข้าใจไหม คือวัดนี้ไม่มีคำว่าเก็บ มีแต่ความจำเป็นมากน้อย คือพร้อมที่จะออกตลอดเวลา จะออกมากออกน้อยคอยจะออก เพราะที่เขามาเกี่ยวข้องขอความช่วยเหลือนี้มันรอบด้าน เป็นประจำ ทีนี้เราจะแยกแยะให้ส่วนไหน ๆ มากน้อยเพียงไร ด้วยความจำเป็นยังไงบ้างนี้จะอยู่กับเรา ๆ แล้วแยกให้ ๆ

ตะกี้นี้เราก็พูดถึงเรื่องจังหวัดกระบี่ ก็สงสารอย่างนี้แหละ ทางโน้นก็ขอมาเรื่องส่วนใหญ่ตึกใหญ่ตึกเล็ก พอดีตอนนั้นเรากำลังหนัก กำลังจะเริ่มเข้าเรือนจำลาดยาว ตึกใหญ่สองหลังสามชั้น เราก็เลยบอกคราวก่อนว่าให้รอไว้ก่อน เวลานี้กำลังเริ่มตึก ครั้นคิดไปคิดมาก็อย่างนี้แหละเห็นไหมล่ะ เมื่อเช้านี้ก็พูดกับพระแล้วว่า ไม่ได้ตึกใหญ่ คือสองหลังที่อยู่ที่โรงพยาบาลกระบี่นะ ไม่ได้หลังใหญ่ก็ให้เอาหลังเล็กเสียก่อน แน่ะเห็นไหมล่ะ ทางนี้จะเจียดเงินให้หลังเล็กไปก่อน หลังใหญ่ให้รอไว้ก่อน อย่างนี้แหละเห็นไหมล่ะ ไม่ได้สองหลังก็เอาหลังหนึ่ง หลังใหญ่ไม่ได้ เอาหลังเล็กก่อน ตะกี้นี้บอกแล้วนะ บอกไปทางโน้น แล้วทางโน้นต้องให้ท่านคลาดเป็นผู้ดูแล เพราะท่านคลาดเป็นพระวัดนี้ เป็นคนภาคใต้แต่เป็นพระวัดนี้ ออกจากนี้ไปอาจารย์ก็ตามใช้เรื่อยไปแหละ ลูกศิษย์ลูกหาอยู่ตรงไหน มีการมีงานที่ไหน เราต้องสั่งไปหาทางโน้น ๆ ให้เป็นผู้ทำหน้าที่แทนเรา ๆ

เช่นอย่างเพชรบูรณ์นี่ก็ท่านชิต ท่านชิตก็เป็นคนเพชรบุรี แต่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด ออกไปจากนี้ก็ผู้นี้รับใช้ แถวนั้นผู้นี้เป็นผู้รับใช้ ทีนี้ลงภาคใต้ก็ให้ท่านคลาด ท่านคลาดเป็นคนชาวพังงา แต่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด เวลาไปทางโน้นท่านคลาดจะเป็นผู้ควบคุมหมด ถ้าลงไปทางโน้น ก็อย่างนั้นแหละ นี่ก็มอบให้ทางท่านคลาด กำลังให้บอกไป บอกว่าเอาหลังใหญ่ไม่ได้ เอาหลังเล็กก่อน ไม่ได้สองหลังเอาหลังเดียวก่อน บอกพระแล้วให้บอกไปทางโน้น เรื่องการจ่ายเงินนี้รอบตัวเลย จึงไม่มีอะไรจะเก็บเรา หมุนติ้ว ๆ มีอยู่ทางธนาคารพร้อมแล้วที่จะออก อันนั้นเท่านั้น ๆ มีจำนวนมากน้อยเพียงไรมันก็มีแต่บัญชีชื่อไว้เฉย ๆ คอยแต่จะออก เข้าใจไหม เป็นอย่างนั้นนะ

นี่ละพี่น้องทั้งหลายดูเอา ความเมตตา เป็นอย่างนั้นละความเมตตา มันนิ่มไปหมดเลยจะให้ว่าไง แล้วมันรับกันได้ทุกบททุกบาทเรื่องระหว่างกิเลสกับธรรม เวลาเข้ากันได้แล้วรับกันได้ทุกบททุกบาทเสมอกันเลย อย่างที่เราเคยพูดว่า กิเลสนี้ทำงานบนหัวใจสัตว์โลกเป็นอัตโนมัติ คือกิเลสฝังในหัวใจทุกสัตว์ทุกบุคคล แล้วมันก็ทำงานตามเรื่องของกิเลสเป็นอัตโนมัติ ไม่มีใครบอกไม่มีใครบังคับ มันเป็นผู้ทำงานของมันเองโดยหลักธรรมชาติบนหัวใจสัตว์ ทำผลประโยชน์ให้มัน แต่เอาเคราะห์กรรมให้เราพวกโง่พวกสัตว์ ได้รับความทุกข์ความทรมานเพราะดิ้นตามกิเลสที่มันต้องการอันนั้นต้องการอันนี้ จะต้องการอะไรก็ขนกลับมาหาเราเป็นผู้รับเคราะห์ ๆ อย่างนี้เป็นเรื่องของกิเลสเป็นอัตโนมัติ

ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ทราบถึงเรื่องกิเลสกับธรรมว่า มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกันอย่างไร ให้ฟังเสียวันนี้นะ เราก็เคยพูดแล้ว แล้วถอดออกมาจากหัวใจที่ฟัดกันระหว่างกิเลสกับธรรมในหัวใจของเรามาแล้ว ได้ผลอย่างไรเต็มหัวใจแล้วออกมาแจง จะผิดไปไหนวะ ตามธรรมดากิเลสมันอยู่บนหัวใจสัตว์ ไม่ว่าใครก็ตามมันจะหมุนของมันอยู่ในนั้น แต่ใครก็ไม่ทราบว่าเป็นกิเลส มันก็รวมเข้ามาว่าเป็นเรา ๆ  กิเลสทั้งหมดมาเป็นเรา เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ใหญ่โต ก็เท่ากับกิเลสใหญ่โตนั่นเอง มันจะต้องการอะไร ๆ นี้จึงไม่มีคัดค้านมัน เพราะมันเป็นเราแล้ว เข้าใจไหมล่ะ มันไม่มีคู่แข่ง เป็นเราอันเดียวไปเลย มันใหญ่แล้ว นี่เป็นหลักธรรมชาติของกิเลส วัฏจักรวัฏวน อยู่ในหัวใจสัตว์ มันหมุนอยู่อย่างนี้ ตั้งกัปตั้งกัลป์มันก็หมุนมาอย่างนี้ ถ้าแก้อันนี้ไม่ได้มันจะพาหมุนตลอด ขึ้นสูงลงต่ำอยู่อย่างนี้ตลอดเลย

ไม่ว่าที่ไหนมันไปได้หมดจิตดวงนี้ เพราะจิตดวงนี้เองกิเลสบังคับให้ทำกรรม ถ้าทำกรรมชั่วมันก็หมุนลง ไสลงไป ทำกรรมดีก็ดึงขึ้น กรรมดีคือธรรม ธรรมก็เกิดอยู่ที่ใจอันเดียวกัน ฝ่ายธรรมก็ทำดีเอาไว้ ฝ่ายชั่วก็ทำชั่วเอาไว้ เวลาฝ่ายชั่วคือกิเลสมีอำนาจมากกว่า มันจึงครอบงำ ๆ มีแต่อำนาจของกิเลสไปเรื่อย ๆ ธรรมทำงานไม่ค่อยได้ ทีนี้เวลาธรรมมีกำลังขึ้น ความดีของเราเรียกว่าธรรม รวมกันเลยนะ มีกำลังแล้วก็ค่อยขึ้น เมื่อมีกำลังก็ค่อยหมุนกิเลสออก ๆ หมุนเข้าไป ๆ  ขั้นที่จะตัดสินกันมันถึงได้ชัด เวลามันมืดมันบอดก็มืดบอดสุดขีดของมัน ด้วยอำนาจของกิเลสนะ ทางนี้ก็ฟัดก็เหวี่ยงกัน สู้มันไม่ได้ ๆ แต่ตั้งหน้าตั้งตาซัดอย่างที่เคยเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี่ละจับเอาปัจจุบันออกไปพูดเลย

จนกระทั่งจิตของเราค่อยได้รับความสงบ ค่อยลืมหูลืมตาได้ พอจิตได้รับความสงบค่อยลืมหูลืมตาได้ ที่ไม่สงบมีแต่เรื่องกิเลสลากไปเท่านั้นนะ เหมือนฟุตบอก กลิ้งตลอด ทีนี้เวลาธรรมค่อยมีกำลังเข้า ฟุตบอลกลิ้งช้าลง มีหยุดบ้าง ถูกเตะบ้าง หยุดบ้าง ทีนี้หนุนเข้า ๆ จนกระทั่งจิตได้หลักได้เกณฑ์พอยับยั้งตั้งตัวได้ พอถอยพอรับพอสู้กัน เป็นขั้น ๆ อย่างนี้นะ นี่ละระหว่างกิเลสกับธรรม สู้ก็สู้กับกิเลส รบกับกิเลส ทีนี้ทางนี้ค่อยมีกำลังมากเข้า ๆ กิเลสค่อยอ่อนลง ๆ ทีนี้ก็หนุนกันเข้า ๆ นี่แหละธรรม อยู่ในหัวใจเรา จำให้ดีทุกคน ธรรมกับกิเลสไม่อยู่ที่ไหน อยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก สร้างกองทุกข์สร้างที่นั่น ถ้ามีความดีก็สร้างความสุขขึ้นที่นั่นไม่มีที่อื่น อย่าไปหา หาที่จิตใจเจ้าของคือจิตใจของสัตว์โลก ตรงนี้เป็นที่แม่นยำ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ลงที่นี่

ขึ้นต้นก็ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา สิ่งทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ขึ้นเลยเทียว อยู่นี้หมด ทีนี้พอกำลังธรรมมีมากขึ้น ๆ เรื่องการพิจารณาก็เรื่องแง่ของธรรม ทุกแง่ทุกมุมมันจะรอบของมันเข้าไปเรื่อย ๆ กิเลสก็ค่อยอ่อนลง ๆ ทางนี้ตีเข้าไป ๆ สุดท้ายขึ้นอัตโนมัติเข้าใจไหม นี่ละถึงธรรมขึ้นอัตโนมัติ แต่ก่อนได้ยินแต่ว่ากิเลสทำงานบนหัวใจของสัตว์โลกโดยอัตโนมัติของมัน ไม่มีใครบอกมันหมุนของมันเอง ทีนี้ธรรมเราเมื่อเราหนุนเข้ามา ๆ พอถึงขั้นอัตโนมัตินี้ เป็นขั้นที่ไปเองเลยที่นี่ เรียกว่าเป็นเอง อยู่ที่ไหนเป็นหมด มีแต่แก้กิเลสถ่ายเดียวที่นี่นะ แต่ก่อนมีแต่กิเลสผูกมัดสัตว์โลกตลอดเวลา ทีนี้เวลาถึงขั้นธรรมะเป็นอัตโนมัติแล้ว เป็นอันว่าในทางแก้กิเลสฆ่ากิเลส อยู่ที่ไหนแก้ตลอดเว้นแต่หลับเท่านั้นเอง ที่ว่าไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืนไม่มีอะไรมีแต่หมุนกันตลอดเวลา นี่เป็นอัตโนมัติ เจ้าของจึงได้รั้งเอาไว้ไม่งั้นมันจะตาย มันทำงานไม่หยุด อำนาจของธรรมมีกำลังกล้าขนาดนั้น ท่านทั้งหลายฟังให้ดีนะ หลวงตาจวนจะตายแล้ว

ทีนี้เวลาธรรมมีกำลังขึ้นเท่าไรมันก็เห็นผลประจักษ์ ๆ คือฆ่ากิเลส สุดท้ายกิเลสโผล่ออกมาตรงไหนหัวขาด ๆ ถ้าว่ามีหัวนะ เราเทียบเป็นหัวเฉย ๆ แหละ นี่ละเวลาธรรมมีกำลัง คือจิตสติปัญญาอัตโนมัติมันจะอยู่อย่างนี้รอบตัว ๆ มันมองหาแต่ข้าศึกคือกิเลส ตัวไหนโผล่ออกมาปั๊วะ ๆ ๆ เลย เป็นอัตโนมัตินะ มันเป็นอัตโนมัติของมันเหมือนกิเลสเป็นอัตโนมัติไม่ผิดกันเลย ตรงแน่วอย่างนี้เลย พากันจำเอาไว้นะ ถึงขั้นธรรมเป็นอัตโนมัติเป็นได้อย่างเดียวกัน ขอให้บำเพ็ญเถอะน่ะว่างั้นเลย มีกำลังได้ด้วยกัน ถ้าเสริมแต่กิเลสมันก็เป็นกิเลสเรื่อยไปอย่างนี้จมไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ละ ถ้าเราเสริมธรรมเสริมไปเสริมมา เสริมแล้วมันต้องขึ้นเข้าใจไหม ไม่มากก็น้อยต้องขึ้นแหละ หนุนทางนั้นหนุนทางนี้ จนกระทั่งถึงเกรียงไกรแล้วเป็นอัตโนมัติ อัตโนมัตินี้คือ สติปัญญาอัตโนมัติไม่มีคำว่าเผลอ หมุนไปตามอัตโนมัติ จากนี้ไปก็เชื่อมใส่มหาสติมหาปัญญา พอถึงขั้นมหาสติมหาปัญญาแล้วมันซึมไปเลย ซึมซาบ ละเอียดขนาดนั้นละ

นี่ละท่านว่า มหาสติมหาปัญญา เราเห็นแต่ในตำรา มาดูหัวใจผู้ปฏิบัติซิ ถ้าปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจะเป็นไปตามแบบแผนพระพุทธเจ้าสอนเรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วไม่มีผิดเลย ตรงเป๋ง ๆ เลย นี่ละพุทธศาสนาเลิศเลอขนาดไหนพี่น้องทั้งหลายฟังเอานะ เวลานี้พุทธศาสนากำลังถูกกิเลสเหยียบย่ำทำลาย พุทธศาสนาที่เป็นทองคำทั้งแท่งนี้กำลังถูกมูตรถูกคูถเหยียบย่ำทำลาย คือกิเลสตัณหาเข้าเหยียบย่ำทำลาย อยู่ที่ไหนมีแต่กิเลสเหยียบย่ำทำลายธรรม ธรรมโผล่ขึ้นไม่ได้นะเวลานี้ เพราะฉะนั้นโลกถึงเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ใครว่าเมืองไหนบ้านใดเจริญอย่ามาอวดธรรมนะว่างั้น ธรรมดูตาเดียวเท่านั้นพอ รอบครอบโลกธาตุจะมาอวดได้ยังไง อวดไม่ได้อวดธรรม ธรรมเหนือทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เมื่อเข้าถึงใจแล้วมันรู้หมดนี่ ไม่บอกให้รู้ก็รู้จะว่ายังไง

เวลาหลงก็เหมือนกัน อยู่ยังไงมันก็หลงหมด มืดหมด เวลามันมืดมันมืดอย่างนั้น กลางคืนกลางวันพระอาทิตย์กี่สิบดวงกี่ร้อยกี่พันดวง หัวใจมันมืดเสียอย่างเดียวมืดไปหมด เป็นอย่างนั้นนะ เวลาเปิดออกมาด้วยศีลด้วยธรรม คุณงามความดีเปิดออก ๆ จากนั้นสติปัญญาก็ค่อยงอกเงยขึ้นมาโผล่ขึ้นมา ๆ สติปัญญาที่จะเบิกกว้างออกไปนะ ออกมา ๆ ทีนี้ ออกมาเรื่อย สิ่งไหนที่มีอยู่แล้วเราไม่เห็นแต่ก่อน ก็ค่อยเริ่มเห็น ๆ เริ่มแก้กันไปเรื่อย ๆ ต่อไปก็แก้ ฟาดกันเรื่อย ฟังแต่ว่าฟาดซิ มันหนักมันก็ฟาด เข้าใจไหม ถึงขั้นสติปัญญาอัตโนมัติอยู่ที่ไหนอยู่เถอะ ไม่มีเป็นอื่นมีแต่เรื่องแก้กิเลส แม้ที่สุดฉันจังหันอยู่ มันไม่ได้อยู่กับอาหารนะ มันหมุนของมันอยู่นั้น ฆ่ากิเลสอยู่ในนั้นตลอดเวลา จะทำอะไรเอียงซ้ายเอียงขวาไปไหนก็ตาม เหมือนเราทำงานของเรานี่ละ เรื่องของกิเลสที่มันพาคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ มันคิดของมันตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ นั่นละมันคิดอย่างนั้นละ

ทีนี้เวลาธรรมแก้กิเลสมันก็แบบเดียวกัน แต่ธรรมแก้กิเลสมันเร่งเข้าเรื่อย คือกิเลสมันแก้ตามเรื่องของมัน เวลามันเป็นขึ้นหนัก ๆ เช่น เสียใจดีใจนี้มันก็ผาดโผนบ้างเป็นธรรมดา เวลาดีใจก็ผาดโผน เวลาเสียใจก็ผาดโผนเป็นธรรมดา ทีนี้ธรรมเวลาธรรมนี้เร่งเรื่อย ๆ ๆ แล้วเร่งเข้าเรื่อยนะ ไม่มีคำว่าถอย จนกระทั่งก้าวเข้าสู่มหาสติมหาปัญญา ขั้นนั้นเป็นขั้นที่ซึมซาบเรียกว่าญาณก็ไม่ผิด เราก็ไม่อยากวัดรอยนะ แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่ายังไง ก็พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ตามความจริง เราเห็นตามความจริง รู้ตามความจริงมาพูดตามความจริงมันจะวัดรอยที่ไหนว่ะ อยากว่าอย่างนั้นพูดง่าย ๆ ก็พระพุทธเจ้าเป็นผู้สอนเองนี่นะ

นี่ละถึงขึ้นที่กิเลสละเอียดมากต้องสติปัญญาเป็น มหาสติ มหาปัญญา เข้าล้างไปเลย ๆ คือสติปัญญาอัตโนมัตินี้มันเหมือนกับเรายำลาบ มันปั๊บ ๆ ๆ ยังลักษณะเป็นบทเป็นบาท มันเร็วขนาดไหนยังมีลักษณะเป็นบทเป็นบาทอยู่ แต่พอเข้าถึงมหาสติปัญญาแล้วซึมไปเลย รอบตัวไปหมดเลย เอ้า ทีนี้อะไรโผล่มาไม่ได้เลย ล้างพร้อม ๆ ๆ ไปเลย นี่ธรรมมีกำลังเป็นอัตโนมัติฆ่ากิเลสอัตโนมัติอย่างนี้เอง ให้ท่านทั้งหลายทราบไว้ สุดท้ายฆ่าเสียจนเรียบวุธไปเลย บทเวลาเรียบวุธก็เรียกว่า ม้วนเสื่อบทสุดท้าย พรึบทีเดียวแล้วหมดเลย นั่นละที่นี่ มหาสติ มหาปัญญา ศรัทธา ความเพียร ความดีของเราทุกกระเบียดที่เราสร้างไว้มากน้อยมารวมหัวกันเป็นอันเดียวกัน ลงในจุดที่จะเป็น เขาเรียกว่า นิวเคลียร์นิวตรอน พุ่งทีเดียวขาดสะบั้นไปหมดเลย มองดูที่ไหน กับความมืดนี้ก็จ้าออกหมดแล้ว ก็ใจดวงเดียวกันนี่มันจะสงสัยไปไหน เวลามืดมันก็รู้ เวลาแจ้งมันก็รู้ ทีนี้มันแจ้งไปเสียหมดจะไม่รู้ได้ยังไง จะไปถามพระพุทธเจ้าหาอะไร นั่น ฟังซิน่ะ

นี่ละเวลามันรู้มันรู้อย่างนั้น พอจ้าออกมาแล้วตัดสินในขณะนั้นพร้อมกันหมดเลยว่าหมดทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าสมมุติแล้วไม่มีเงื่อนต่อได้อีกเลย สมมุติก็คือกิเลส กิเลสเป็นผู้สร้างความทุกข์ขึ้นมาแก่สัตว์ กิเลสม้วนเสื่อเห็นประจักษ์ ทุกข์ก็ม้วนไปตามกันเลย ธรรมชาตินั้นเลยแล้ว กิเลสเป็นสมมุติ อันนี้เป็นวิมุตติแล้ว มันเป็นคนละฝั่งแล้วจะเข้ากันได้ยังไงเข้าใจไหม นี่เรียกว่าเป็นคนละฝั่งแล้ว นั่นละบรรดาสาวกทั้งหลายจึงไม่ทูลถามพระพุทธเจ้า ผางแบบเดียวกันหมดเลย รู้กันหมด

วันนี้ได้พูดเรื่องอรรถเรื่องธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ผลแห่งการปฏิบัติธรรม การภาวนาสำคัญมากนะ พุทธศาสนารวมลงจุดภาวนา การทำบุญให้ทาน สร้างบารมีมามากน้อยนี้เหมือนกับน้ำไหลมาจากคลองต่าง ๆ ลงมาสระใหญ่ สระใหญ่นั้นคือภาวนา มันจะรวมลงมาสระใหญ่นี้หมด จากสระใหญ่ก็ลงมหาวิมุตติเข้าใจเหรอ ให้พากันจำเอา ไม่ไปไหนนะ ธรรมพระพุทธเจ้าเสมอกันกับกิเลส ฟัดเหวี่ยงกันอย่างนี้ตลอดมา ที่ว่ามรรคผลนิพพานไม่มี กิเลสหลอกคือมันเหยียบเรื่อย ๆ มันบอกว่ามรรคผลนิพพานไม่มี มันเหยียบไปเรื่อย ทีนี้เวลามรรคผลนิพพานมีก็เหยียบหัวกิเลสเข้าซิ เข้าใจไหม

นี่เราพูดไปเรื่อย ๆ เราไม่ได้พูดคลื่นที่สำคัญ ๆ ที่มันมีคลื่นอยู่ในการบำเพ็ญที่หนักเป็นคลื่น ๆ เหมือนกันนะ แต่นี้เราไม่พูดเราพูดเรื่อย ๆ ไปเลย เพื่อให้เข้าใจไปเรื่อย ๆ ธรรมดา ทีนี้คลื่นสำคัญ ๆ อันนั้นมี มีเป็นระยะ ๆ ถึงคลื่นไหนแล้วคลื่นนั้นยิ่งเอากันใหญ่เลย ไม่รู้จักเป็นจักตายแหละถ้าลงคลื่นอย่างนั้น มันหากเป็นของมันเองนะ จิตเป็นเอง กิเลสเป็นยังไงฟัดกันอยู่นั่น นี่ละให้พากันจำเอานะการปฏิบัติธรรม ธรรมะ มรรคผลนิพพานสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ในหัวใจสัตว์ที่มีอรรถมีธรรม ถ้าไม่มีธรรมกี่กัปกี่กัลป์ก็จมอยู่อย่างนั้น เราอย่าไปหวังว่าเมื่อนั้น ๆ จะสิ้นสุดจากทุกข์อย่าหวัง ถ้าไม่มีความดีเป็นเครื่องหนุนเป็นเครื่องถอดออกแล้วไม่มีหวังเลย มีความดีเท่านั้นมีธรรมเท่านั้นที่จะดึงออกมากน้อย ได้มากได้น้อยธรรมทั้งนั้น ๆ หรือธรรมเท่านั้นว่าอย่างนั้นเลย อย่างอื่นไม่มี กิเลสทั้งหมดเป็นข้าศึกกับธรรมล้วน ๆ ธรรมทั้งหมดก็เป็นข้าศึกกับกิเลสล้วน ๆ อีกเหมือนกัน เมื่อทางนี้ประมวลกำลังมาได้ กิเลสมีเท่าไรพังหมดไม่มีเหลือเลย

เราจึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายทราบ พุทธศาสนาของเรานี้เอกทีเดียว จ่อลงไปเท่านั้นกระเทือนไปหมด บรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์กระเทือนหมดเลย เพราะฉะนั้นจึงว่า ไม่ไปทูลถามพระพุทธเจ้าองค์ใด พระพุทธเจ้าองค์นั้นเป็นยังไงๆ ไม่ทูลถาม อันนั้นเป็นพระรูปพระโฉม พระสรีระ เรือนร่างของพุทธะ พุทธะแท้เป็นอันเดียวกัน เหมือนกันหมดเลย จึงว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ท่านผู้บรรลุธรรมแล้วจึงไม่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า มันอันเดียวกันแล้ว ๆ ทูลถามอะไร เป็นอย่างนั้นแหละ ธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศเลอนะ

เวลานี้ชาวพุทธเรากำลังถูกกิเลสเหยียบย่ำทำลายตลอดเวลา เพลิดเพลินรื่นเริงไม่รู้จักเป็นจักตายนะเวลานี้ ใหญ่เท่าไรมันใหญ่ด้วยกิเลส มันไม่ได้ใหญ่ด้วยศีลด้วยธรรมนะ ไม่ว่าที่ไหนตาสีตาสาในท้องนามันก็มีกิเลสอยู่ตามตาสีตาสาในท้องนา มันคึกมันคะนองมันก่อความเสียหายอยู่ตามท้องไร่ท้องนาแหล ตาสีตาสา เอ้า เลื่อนขึ้นมา ๆ มันก็เลื่อนตำแหน่งกิเลสขึ้นมาด้วยนะ เอ้า ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองฟาดตั้งแต่เป็นสารวัตรผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน เป็นกำนัน กิเลสมันก็แทรกขึ้นเป็นสารวัตรผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ขึ้นไปเรื่อยเป็นนายอำเภอ เป็นผู้ว่า

เอ้า ซัดขึ้นไปใหญ่ขนาดไหนกิเลสจะแทรกเข้าไป ๆ ไม่มีธรรมในใจ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นวงราชการงานเมืองจึงมักเอารัดเอาเปรียบประชาชนทั่ว ๆ ไปโดยไม่สงสัย เพราะกิเลสมันเป็นเองอยู่ในนั้น มันเย่อหยิ่งจองหอง เข้าใจไหม ว่าตัวมีอำนาจบาตรหลวง มีอะไรมันมีแต่เรื่องของกิเลส แล้วเหยียบย่ำทำลายผู้น้อยลงเป็นลำดับลำดา นี่เรื่องกิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้ามีธรรมแล้วใหญ่ขนาดไหนยิ่งสร้างความร่มเย็นเป็นสุข ความเป็นอรรถเป็นธรรม ไปที่ไหนคนกราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ แม้ตั้งแต่เด็ก ไปไหนก็ตามมีธรรมในใจเป็นเด็กดีมีแก่ใจ มีจิตใจกว้างขวาง เห็นแก่เพื่อนแก่ฝูง เห็นแก่ความเสียสละ ไปที่ไหนกว้างขวาง ๆ นี่คือธรรม

เด็กอยู่ในเด็กก็น่ารักนะเด็ก เป็นผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งน่ารัก ใหญ่เท่าไรยิ่งน่าเคารพบูชา อย่างพระพุทธเจ้าของเราเป็นชั้นเอกที่สัตว์โลกเคารพบูชาพระองค์เห็นไหม นี่แหละใหญ่ที่สุดใหญ่ด้วยอรรถด้วยธรรมด้วย เห็นไหม กราบไหว้บูชาเป็นไรขวัญตาขวัญใจของสัตว์โลก สามโลกธาตุกราบไหว้พระพุทธเจ้าทั้งนั้น นี่เห็นไหมใหญ่ด้วยธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้าใหญ่ด้วยกิเลสใหญ่เท่าไรยิ่งก่อเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวาย ดีไม่ดีจะพาเพื่อนฝูง บริษัทบริวารของตัวให้จมโดยตัวเองนั้นแหละกินตับกินปอดเขา กินไปจนไม่มีประชาชนทั้งประเทศเฉพาะอย่างยิ่งเช่น เมืองไทยเรานี่จมได้นะ ถ้าปล่อยให้หัวหน้าผู้ปฏิบัติหน้าที่วงราชการงานเมือง ตามที่ประชาชนยกยอให้เป็นผู้ใหญ่นะ ครั้นเป็นผู้ใหญ่แล้วมันใหญ่มากินตับประชาชนพลเมืองไปเสียหมด มันก็ไม่มีอะไรเหลือละซิอย่างนั้น

ถ้าใหญ่ด้วยศีลด้วยธรรมทุกอย่างฟื้นฟูขึ้น ใหญ่ขนาดไหนก็ยิ่งฟื้นฟูเต็มกำลัง บริษัทบริวารก็เป็นอรรถเป็นธรรมด้วยกัน ต่างคนต่างช่วยกันฟื้นฟู มันจะจมไปไหนน่ะ ก็ฟื้นฟู คนหนึ่งอุ้มอยู่ตลอดเวลาให้ขึ้นมันจะลงไปไหนน่ะ นั่น มันต้องเจริญรุ่งเรือง อย่างเมืองไทยของเราเวลานี้ก็ค่อยฟื้นฟูขึ้นเป็นลำดับแล้ว ดังพี่น้องทั้งหลายเห็น เห็นไหมล่ะ ทางชาติก็ช่วยทางศาสนาก็หนุนเวลานี้มี ๒ ภาค ทางชาติบ้านเมืองหนุนกันไป ๆ ตามหน้าที่ของตัวเอง เอ้า ทางศาสนาก็หนุนกันไปดังที่หลวงตานำอยู่เวลานี้ พาพี่น้องทั้งหลายจมที่ไหนวะ มีแต่หนุนอุ้มขึ้น ๆ ดุด่าว่ากล่าวมีแต่เพื่อดีทั้งนั่น เรื่องธรรมไม่มีคำว่าชั่ว เด็ดเท่าไรเด็ดดีทั้งนั้น ท่านทั้งหลายอย่ามาเข้าใจคำว่าเด็ดว่าด่าซึ่งเป็นความเคยชินจากกิเลส เด็ดของกิเลสเด็ดอย่างเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้แหลกเลย เด็ดของกิเลส เด็ดเป็นธรรมเป็นน้ำดับไฟ เด็ดเท่าไรยิ่งดี ๆ คือพลังของธรรมจะทำงานออกเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้ความร่มเย็นแก่โลก ให้ความถูกต้องแก่สัตว์ทั้งหลายเป็นประจักษ์ ๆ ไปเลย จากคำเด็ดขาดเข้าใจไหม คำพูดที่เด็ดขาดออกมาจากใจ เด็ดขาดให้ตัดความชั่วทั้งหลายก็เด็ดขาดลง มันก็เป็นความดีไปเรื่อย ๆ ซิ

เพราะฉะนั้น เรื่องธรรมนี้เด็ดของธรรมเป็นเด็ดดีทั้งนั้น ไม่มีคำว่าเด็ดชั่ว เด็ดของกิเลสขาดสะบั้นไป พินาศฉิบหายไปหมด ไม่มีคำว่าดี ๒ อย่างจำเอานะ เด็ดของธรรมเด็ดเท่าไรยิ่งดี มันมีเด็ด ๒ เด็ด เด็ดอันหนึ่งเด็ดปราบความชั่ว ถ้าความชั่วเด็ดปราบความดีแหลกเข้าใจเหรอ เมื่อมีความดีแล้วเด็ดความชั่วมันขาดไปซิ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ วันนี้เขายังมาอัดอยู่เหรอ พวกสหรัฐ

โยม ถ่ายทอดไปสหรัฐครับ

หลวงตา เดี๋ยวนี้ก็ถ่ายทอดอยู่เหรอ

โยม ครับ

หลวงตา เออ ชัดอยู่วันนี้นะ เราไม่ได้พูดในแง่สำคัญอีกแง่หนึ่งตะกี้นี้ เราพูดแต่สติปัญญาอัตโนมัติ ก่อนหน้าสติอัตโนมัตินี้เป็นมหาคลื่นใหญ่อยู่ตรงนั้นนะ เราไม่เคยได้พูดนะ วันนี้มันผ่านไปแล้วไม่เอาละ ปล่อยไว้เสียก่อนวันหลังค่อยมาเก็บมันอีก

 

อ่านและฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่

www.Luangta.or.th or www.Luangta.com

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก