เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [เช้า]
หล่อรูปเหมือนหลวงปู่มั่น
บริจาคได้ทั้งทองคำ ทองธรรมดาใช่ไหมล่ะ (ได้ครับ) เออ บริจาคได้ทั้งทองคำและทองธรรมดาสำหรับรวมมาหลอมทอง หลอมรูปเหมือนหลวงปู่มั่น บริจาคได้ทั้งทองคำและทองธรรมดาได้ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปแหละ
วันนี้ทองคำแยกเป็น ๒ ประเภทนะ ผู้ใดที่มีศรัทธาจะบริจาควันนี้ คือจะบริจาคทางหล่อพระ คือรูปเหมือนหลวงปู่มั่นเรา ก็แยกไปทางรูปเหมือน ถ้าจะบริจาคเข้าสู่คลังหลวงก็ให้มาจุดเดียวกัน บอกว่าแยกทางนั้นทางนี้ ทางนี้จะปฏิบัตินั้นนะ ถ้าแยกไปเพื่อหล่อพระก็มาทางนี้ทันที ถ้าเข้าสู่คลังหลวงก็แยกมาทางคลังหลวง มี ๒ ภาค ให้ทำความเข้าใจตามนี้
หลวงปู่มั่นเป็นต้นลำสำคัญมาก แตกกระจายออกไป คือครูบาอาจารย์ที่ได้รับการอบรมศึกษาจากท่านมาเต็มที่แล้วกระจายไปแนะนำสั่งสอนโลก ออกจากท่านองค์นี้ เพราะฉะนั้นจึงสำคัญมากทีเดียว หล่อพระหลวงปู่มั่นที่กระจายเมตตาธรรมออกทั่วประเทศไทยเรา คือออกจากหลวงปู่มั่น เป็นอันดับหนึ่ง แตกกิ่งก้านออกไปก็ไปเป็นครูเป็นอาจารย์แนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย ออกจากหลวงปู่มั่นทั้งนั้นแหละ เวลานี้จะหล่อรูปเหมือนท่านให้เป็นที่สักการบูชาไปเป็นเวลานาน
วันนี้เป็นวันเสียสละเพื่อครูบาอาจารย์ ต่อไปก็เพื่อชาติบ้านเมืองของเราคือเอาเข้าคลังหลวง อันนี้เอาเข้าธรรมหลวง หลวงปู่มั่นเรียกว่าธรรมหลวง วันนี้วันรวมทองเพื่อถวายหล่อรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ผู้ใดไม่เคยพบเคยเห็นท่านให้กราบไหว้บูชาท่านด้วยการถวายทองเป็นรูปเหมือนท่านนะวันนี้ จะเหลืองอร่ามครอบทั่วประเทศไทย รูปหล่อหลวงปู่มั่น
เหล่านี้อยากจะพูดว่า ทั้งหมดไม่เคยเห็นองค์ท่านเลย หลวงปู่มั่น วันนี้ให้ได้กราบท่านด้วยถวายทองคำบูชาคุณท่านนะ ท่านทำประโยชน์ให้โลกมาก กว้างขวางมาก อยากจะพูดว่าไม่มีใครสู้ท่าน หลักใหญ่ทางด้านวิปัสสนาปฏิบัติกรรมฐาน ท่านเคยสมบุกสมบันอยู่ในป่า ที่เป็นรูปท่านอยู่จังหวัดเชียงใหม่ก็เพราะท่านไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ถึง ๑๑ ปี อยู่ในป่าในเขาทั้งนั้น
หลวงตาบัวมีแต่พูดว้อ ๆ ไม่มีวาสนาได้ถวายอะไรท่านแหละ มีแต่พูดว้อ ๆ เท่านั้น ท่านทั้งหลายยังได้อะไรๆ มาถวาย หลวงตามีแต่คำพูดลมปากว้อ ๆ เท่านั้นแหละ ไม่ได้เรื่อง โม้เก่ง ด่าคนเก่ง ดุคนเก่ง เข้าใจไหม ว้อ ๆ
ใครยังไม่เคยกราบไหว้บูชาหลวงปู่มั่นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็น ให้เอาทองนี้เป็นน้ำใจกราบไหว้บูชาท่านโดยทางถวายทองหล่อรูปเหมือนท่านวันนี้ จะอาราธนาท่านไปสถิตอยู่ที่เชียงใหม่ เรียกว่าเป็นตามแนวเดิมของท่าน ท่านอยู่ที่เชียงใหม่ในป่าในเขาบำเพ็ญธรรมมาตั้ง ๑๑ ปี หลวงปู่มั่น
มีเท่าไรเอามาวันนี้ อุทิศถวายบูชาคุณของท่านที่มีมหาศาลต่อโลก บูชาท่านด้วยทองคำโดยทางหลอมรูปเหมือนท่านไว้กราบไหว้บูชาเป็นเวลานาน ๆ เวลาเททองคำจะอยู่จุดไหน ควรจะอยู่จุดสูง เศียรนะ ศรัทธาใหญ่ที่ถวายหล่อรูปหลวงปู่มั่น ก็คือคุณฐาวรา หวั่งหลี นี้เป็นศรัทธาใหญ่ ถ้าไม่มีอันนี้แล้ว เหล่านี้จะไม่มีเลย ต้นเหตุใหญ่อยู่ตรงนี้นะ หล่อรูปเหมือนหลวงปู่มั่น คือคุณฐาวรา หวั่งหลี ไปสร้างพิพิธภัณฑ์ไว้ที่เชียงใหม่ แล้วก็อาราธนารูปเหมือนท่านไป โดยหลอมจากทางนี้เรียบร้อยแล้วก็เอาไปไว้ที่เชียงใหม่ ประจำเป็นเวลานาน ๆ ให้สมกับว่าท่านเคยอยู่เชียงใหม่มานานตั้ง ๑๑ ปี
เวลาท่านมรณภาพแล้ว บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็มีใจใสศรัทธาอยากหล่อรูปเหมือนท่านเอาไปไว้ที่เชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง วัดเจดีย์หลวงนั้นท่านก็เคยเข้ามาจำพรรษาอยู่ ดูเหมือนสองสามครั้งนะ ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง จากคำอาราธนานิมนต์ของพระเจ้าอาวาส นิมนต์ท่านมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ดูเหมือน ๓ ปี แต่ไม่ได้ติดกัน อยู่แล้วก็ถูกนิมนต์มาอีก มาจำพรรษาที่นั่น ให้การอบรมสั่งสอนชาวเมืองได้รับความร่มเย็นเป็นสุขเรื่อยมา
วันนี้ท่านผู้ใดมีศรัทธามากน้อย ทองคำถวายเข้ามาเพื่อหล่อรูปหลวงปู่มั่น พี่น้องทั้งหลายผู้ใดมีศรัทธา เราบริจาคทานมาเพื่อชาติของเรามาเป็นเวลาร่วม ๕ ปีนี้แล้ว วันนี้เป็นโอกาสอันดีงามของพี่น้องทั้งหลาย จะได้บริจาคทองคำเพื่อหล่อรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรากฏชื่อลือนามด้วยคุณธรรมครอบเมืองไทยเราเป็นอย่างน้อยนะ
หลวงปู่มั่นเป็นมหาคุณแก่พี่น้องชาวไทยเราเป็นอย่างมากทีเดียว ท่านเป็นต้นลำอันสำคัญ เวลาเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมหาอยู่ในป่าในเขา เฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านอยู่นั้นเป็นเวลา ๑๑ ปี ไปรู้ธรรมเห็นธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ และบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นครูเป็นอาจารย์นี้ออกจากท่านทั้งนั้นแหละ ผู้ปรากฏชื่อลือนาม บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายส่วนมากต่อมาก ออกมาจากหลวงปู่มั่นทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่คำดี หลวงปู่ฝั้น นี่คือลูกศิษย์ของท่านทั้งนั้น กระจายออกไปเป็นครูเป็นอาจารย์สอนพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศไทย แตกแขนงไป นี้เราระบุมาเท่าที่จำได้เพียงเล็กน้อย
บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่หลวงปู่มั่นประสิทธิ์ประสาทธรรมะให้ และได้มาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลายอยู่ทุกวันนี้ หลวงตาบัวที่พูดว้อ ๆ อยู่นี้ เขาเรียกว่าลูกศิษย์ขอนซุงอยู่ใต้ถุนเท่านั้นแหละ มีแต่พูดว้อ ๆ เท่านั้น เข้าใจเหรอ บางคนไม่เข้าใจ ได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบเวลานี้ คือหลวงตาบัวนี่ว้อ ๆ ลูกศิษย์ทัพพีอยู่ในหม้อแกง ไม่รู้รสรู้ชาติของแกงล่ะนะ แต่อยู่ในหม้อแกงนั่นแหละ
มีเท่าไรเอามาวันนี้ เป็นวันที่บริจาค เลยจากนี้แล้วจะไม่ได้หลอมท่านอีกนะ กาลนี้เป็นกาลอันควรเหมาะสมอย่างยิ่ง เป็นมหามงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราทั่วหน้ากัน เราได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายขวนขวายหามาเพื่อบูชาชาติไทยของเรา ก็ได้ทำมาเป็นลำดับ วันนี้เราพักเครื่องนั้นหน่อย แล้วหมุนเข้ามาสู่ศาสนา คือธรรมหลวงของหลวงปู่มั่น โดยหล่อรูปเหมือนท่าน วันนี้เป็นวันหล่อรูปเหมือนท่าน เวลาหล่อรูปเหมือนท่านแล้วจะได้กราบไหว้บูชาท่านเป็นขวัญตาขวัญใจแก่พี่น้องชาวไทยเรา ตลอดไปนานแสนนาน ท่านผู้ใดจะบริจาคหล่อรูปเหมือนก็หามา
อย่าไปสนใจนักนะไอ้ความตระหนี่ถี่เหนียว มันเคยมัดคอคนมามากเท่าไรแล้ว อะไร ๆ ก็มีแต่ตระหนี่ ๆ ที่จะทำประโยชน์ทำไม่ได้ แต่ที่จะให้กิเลสเอาไปถลุงจมไปเลยๆ มีทั่วโลกดินแดนนะ วันนี้เป็นวันเสียสละเพื่อหัวใจของเราที่เรียกร้องหาความช่วยเหลืออยู่ตลอดมา ให้ได้บำเพ็ญบุญกุศลมหากุศลในครั้งนี้ โดยถวายทองหลอมเป็นรูปเหมือนของหลวงปู่มั่นเราในเช้าวันนี้ ประมาณ ๑๑ โมง ๒๙ นาที เริ่มเททอง ท่านผู้ใดมีศรัทธาอย่านอนใจเวลานี้ เลยจากนั้นไปแล้วจะเสียใจ จะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรตายทิ้งเปล่า ๆ
เขาทำประโยชน์กันทั่วโลก เราคนเดียวขวางโลกอยู่ เป็นทัพพีขวางโลกคือเรา ไม่ได้บริจาคกับเขา ใช้ไม่ได้นะ ถ้ารู้ตัวอยู่แถวนี้ให้บอกมา คนเขาเต็มศาลา เขาบริจาคทองคำเพื่อหล่อรูปเหมือนหลวงปู่มั่นนี้เต็มศาลา แต่มีรายไหนที่เป็นทัพพีขวางศาลาอยู่นี้ ไม่ยอมบริจาค มีแต่ความตระหนี่ถี่เหนียวกั้นทางไว้ ให้เรียกตัวมา เราจะเรียกไอ้ขาวมางับขามัน เข้าใจไหม งับขามันแล้วเราจะยื่นโซ่ให้ไอ้ขาวเราให้มัดแขนมันจูงลงทะเล คนนี้สมควรจะอยู่ทะเล อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะเป็นคนตระหนี่เห็นแก่ตัว เป็นทัพพีขวางชาติขวางศาสนา ถ้าใครไม่อยากเป็นทัพพีให้รีบบริจาคมาเดี๋ยวนี้ หลวงตากำลังเตรียมรับอยู่นี่น่ะ
วันนี้เหมือนว่าเราพักเครื่องคลังหลวงของเราไว้ชั่วระยะหนึ่ง เพื่อธรรมหลวงได้สง่างามในกลางประเทศไทยของเรา โดยหลอมรูปเหมือนหลวงปู่มั่นไว้กราบไหว้บูชา จะพูดเรื่องหลวงปู่มั่นย่อ ๆ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ ส่วนเขียนประวัติก็หลวงตาว้อ ๆ นี่แหละเขียน นี้จะเล่าย่อ ๆ เรื่องของท่านที่อยู่เชียงใหม่ ผู้ที่ได้ชมบารมีท่านซึ่งไม่เคยคาดเคยคิดว่าเขาเป็นคนเช่นไร พวกนี้เขาเป็นพวกมูเซอ เขาอยู่ในป่าลึก ๆ แล้วหลวงปู่มั่นไปอยู่กับเขาทีแรกนั้นถูกตำหนิติเตียน หลวงปู่มั่นกับท่านอาจารย์มหาทองสุกไปสององค์ อยู่กับพวกมูเซอ เวลาเข้าไปนั้น เขาไม่ยินดีในท่านทั้งสององค์นี้เลย เขาประกาศบอกกัน แต่คนในป่าไม่มีมาก ไม่กี่หลังคาเรือน พวกมูเซอ หัวหน้านั้นเขาประกาศเลยว่า นี่มีตุ๊เจ้าหลวงมาอยู่นี้สององค์ ตุ๊เจ้าหลวงนี้ไม่ใช่เป็นตุ๊เจ้าหลวงธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เป็นตุ๊เจ้าหลวงเสือเย็น
คือเสือเย็นนี้เป็นพระลึกลับคอยที่จะกินตับกินปอด เป็นเปรตเป็นผีกินตับกินปอดประชาชน ไม่เป็นที่ไว้ใจได้ ความหมายว่างั้น คำว่าเสือเย็นนี้มันครอบหมด คือความโหดร้ายทารุณ เป็นยักษ์เป็นผีอยู่กับคำว่าเสือเย็น เขาตำหนิติเตียนประกาศคนในบ้านเขาว่า อย่าออกไปแถวนั้น คือท่านพักอยู่นอกบ้านเขา สององค์กับท่านอาจารย์มหาทองสุก ทีนี้เขาตีเกราะประชุมในบ้าน ใครไปบอกท่าน เห็นไหมล่ะ พอตื่นเช้าขึ้นมา เอ๊อ ไม่ได้นะท่านมหา ว่างั้นนะ เรามานี้เราก็มาหวังเพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่ตัวของเราและแก่โลกสงสารทั่ว ๆ ไป
แต่เมื่อคืนนี้เขาประกาศเป็นข่าวอกุศล ว่างั้นนะ ข่าวอกุศลไม่ดีเลย ทีนี้จะทำยังไง พวกนี้จะเอาความไม่ดีนี้เข้าเผาบ้านเผาเมืองตนเอง นั่นฟังซิท่านพูด เขาตำหนิว่าเราสององค์นี้เป็นเสือเย็น ห้ามไม่ให้ไปแถวนั้นเป็นอันขาด สำหรับผู้หญิงห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปแถวนั้น สำหรับผู้ชายไปได้เฉพาะไปสังเกตการณ์ ให้ไปดู พอเขาประกาศเรียบร้อยตอนกลางคืนแล้ว เขาจัดคนไปดูครั้งละสามสี่คน ไปดูสังเกตการณ์ เวลาหลวงปู่มั่นกับท่านอาจารย์มหาทองสุกอยู่ในป่า ไอ้ที่พักที่นอนไม่ต้องพูดแหละ เขาไม่สนใจไยดีแล้วจะอยู่ดีได้ยังไง ก็ไปอยู่ตามร่มไม้ตามใบไม้ใบหญ้านั้นแหละ ทีนี้แทนที่ท่านจะคิดแบบโลกเขาคิด ท่านไม่ได้คิดนะ
นี่เขาตำหนิเราว่าเป็นเสือเย็นนี้ ทีแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร เราจะอยู่ไปตามอัธยาศัยของเรา แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว หากเราหนีไปเสียตอนนี้ พวกนี้ตายแล้วจะไปเป็นสัตว์เป็นเสือตกนรกกันหมด ท่านว่างั้นนะ เราจะหนีไปไหนไม่ได้ท่านมหา ทนเอานะ ฟังซิ ท่านสงเคราะห์เขาเสียด้วยนะ แทนที่ท่านจะเป็นความไม่พอใจตอบรับเขา ท่านไม่มี เขาตำหนิเราอย่างนี้แล้วเขาเป็นบาปเป็นกรรมอย่างหนาเลย อย่างมาก ตายเวลาที่จิตของเขายังไม่กลับตัวนี้ เขาจะไปเป็นสัตว์เป็นเสือลงนรกกันหมด
เรายังไปไหนไม่ได้ละท่านมหา อนุเคราะห์เขาเสียก่อน จนกว่าเขากลับเนื้อกลับตัวได้แล้วเราจะไปที่ไหนค่อยไป เอ้า ทุกข์ก็ทุกข์ จนก็จน จนเพื่อสงเคราะห์โลก นั่นฟังซิน่ะ เลยท่านอุตส่าห์อยู่ที่นั่น บิณฑบาตจะได้หรือไม่ได้ ก็อด พูดง่าย ๆ เขาจะไปยินดีอะไร ใส่บาตรก็ให้เล็ก ๆ น้อย ๆ มากิน แล้วเขาจัดคนไปดูทุกวัน ส่วนมากมักจะเป็นตอนเช้า ทีแรกเป็นสองหน ตอนเช้า ตอนบ่าย ครั้นต่อมานี้เป็นเวลาบ่ายและบ่าย ๆ ไปดูพระสององค์นั่น มาทีไรเขาก็ไม่มาพูดอะไรกับท่านแหละ เขามายืนอยู่ห่าง ๆ เดินดูรอบ ๆ แล้วยืนอยู่ห่าง ๆ เป็นประจำ ๆ ทุกวันๆ
ท่านก็ไม่สนใจกับเขา ท่านก็เดินจงกรมนั่งภาวนา บางทีหลับตาอยู่บ้าง นั่งหลับตาภาวนา บางทีก็เดินบุกไปตามป่าแหละ เดินจงกรมนะ เพราะไม่มีใครไยดีที่จะมาทำที่พักที่อยู่ให้ท่าน เนื่องจากเขาตำหนิท่านอย่างรุนแรงถึงกับขั้นที่ว่าเป็นเสือเย็น เป็นตัวเสนียดจัญไรแก่ส่วนรวมมากทีเดียว ครั้นเวลาเขาจัดกันให้มาดูนานเข้า ๆ หัวหน้าบ้านเขาก็ตีเกราะประชุมอีก เป็นยังไง ผู้ที่ไปสังเกตการณ์กับตุ๊เจ้าเสือเย็นสองตน เขาว่าสองตนนะ สองตนนี้เป็นยังไง ได้ผลยังไงบ้าง
อีกคนหนึ่งเขาคงจะหมั่นไส้หรือขัดใจมากนั้นแหละ คนที่อยู่ในจำนวนไปดูเหตุการณ์ พอหัวหน้าบ้านเขาถามว่าเป็นยังไงผล เวลาไปตรวจสังเกตการณ์ดูกับเสือเย็นสองตนนั้นแล้วเป็นยังไง ทางนี้ขึ้นแรง ๆ เลย จะเป็นยังไง ขึ้นเลยทันที เสือเย็นท่านจะเป็นอะไร ไปนี้ท่านไม่ได้มีอะไรกับเราเลย ท่านไม่สนใจกับเรา จะเป็นเสือเย็นได้ยังไง ไปบางครั้งท่านก็หลับตาอยู่ บางครั้งท่านก็เดินของท่านอยู่ ท่านไม่สนใจกับอะไรเลย มีแต่อย่างงั้น ท่านไม่สนใจกับเรา แล้วจะเป็นเสือเย็นได้ยังไง พวกเขายังรู้บาปนะ นี่ไม่แน่ใจเลยว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วพวกเราจะเป็นบาปอย่างหนานะ
ถ้าไม่ไปสังเกตหรือไปสืบถามเรื่องราวท่านให้ชัดเจนเสียก่อน จึงมาตำหนิท่านอย่างนี้ไม่ถูกเลย อย่างเราไปสังเกตการณ์ สังเกตไม่ได้พูดได้จา ปรึกษาปรารภอะไรกับท่าน มันก็ไม่ได้ความอะไร ถ้าต้องการอยากจะทราบข้อเท็จจริงแล้ว เวลาไปหาท่านให้ไปถามท่านซิ ท่านมาอยู่อย่างงี้อยู่ยังไงไปยังไง ท่านทำอย่างนี้เพื่ออะไร ๆ ให้ถามท่านอย่างชัดเจนซิ ว่างั้น พอหัวหน้าบ้านทราบอย่างงั้นก็จัดคนไปอีก เอ้า ให้ไปถามท่านดู ตุ๊เจ้าสองตนนี้ เสือเย็นนี่เป็นยังไง พอเข้าไปก็ไปหาท่าน ตุ๊เจ้ายะหยัง คือตุ๊เจ้าทำอะไร เห็นท่านเดินจงกรม บางทีท่านนั่งภาวนาอยู่ เขาก็เดินมาแบบเขานั่นแหละ แบบหัวตอ เซ่อ ๆ ซ่าๆ กับจอมปราชญ์ มันเข้ากันได้ยังไง นี่ท่านโปรดได้หมด
เรื่องความเคารพไม่ต้องถาม เขาไม่รู้เรื่องละความเคารพเป็นยังไง ตุ๊เจ้ายะหยัง ที่เดินไปมาอยู่นั่นน่ะ เดินหาอันหยังก๊ะ นั่งหลับตา นั่งหาอันหยังก๊ะ อ๋อ เฮาหาพุทโธก๊ะ พุทโธหาย ว่างั้น เอ๊ พุทโธเป็นยังไงก๊ะ เขาก็ถามเข้ามา ๆ ท่านก็สอน ทีนี้เริ่มแล้ว ถึงขนาดที่ว่าเขาจะหาช่วย แล้วพุทโธเป็นยังไง ลักษณะรูปร่างเป็นยังไง ลักษณะใสสว่างกระจ่างแจ้งเหมือนดวงแก้ว เราหาช่วยได้บ้างไหม แล้วทำยังไง ท่านให้นึกพุทโธหา หาพุทโธหาย ให้นึกพุทโธ หาพุทโธ ให้จิตสำรวมอยู่ในนี้นึกพุทโธหา
เขาก็ทำอย่างนั้น แล้วเขาก็ไปบอกว่า ท่านบอกว่าพุทโธท่านหาย ให้พวกเราหาช่วยท่าน ต่อจากนั้นก็ทำ ภู่เจ้ายี่เป็นหัวหน้าเขานั่นนะ มันมีนิสัยสำคัญอยู่นะ หัวหน้าที่ตีเกราะประชุมว่าเป็นเสือเย็นนั่นน่ะ ตัวนั้นละตัวสำคัญในทางเลวร้ายทีแรก และตัวสำคัญในทางดีทีแรกก็คือคนนี้ พอไปคนผู้ไปสังเกตการณ์เขาก็ไปเล่าให้หัวหน้าฟัง ว่าท่านให้หาพุทโธ เขาก็ยังไม่มีอะไรแหละ ยังไม่มีเรื่องราว ก็เรียกว่าลงใจหน่อย ท่านหาพุทโธ ท่านไม่ได้เป็นอะไรกับใคร ทีนี้พอบอกท่านแล้ว ภู่เจ้ายี่นี่ไปทำภาวนาด้วยกันทั้งบ้านนั้นแหละ แต่หัวหน้านี้เป็น พอภาวนาพุทโธ ๆ หานี้ จิตสว่างจ้าขึ้นมาเลย
จิตสว่างจ้าไม่ได้สว่างธรรมดา เห็นไปหมด พอจิตสว่างจ้าขึ้นมานี้ก็เล็งใส่ตุ๊เจ้าเสือเย็น เพ่งใส่หลวงปู่มั่น พอเพ่งใส่หลวงปู่มั่นเท่านี้ โถ จิตของท่านสว่างครอบโลกธาตุไปหมด พอลุกขึ้นมาไม่ทราบว่ากราบเป็นยังไง กราบเป็นทีเดียวนะ โถนี่หรือเสือเย็น เสือเย็นอย่างนี้เหรอ พวกเราทำกรรมหนัก ๆ เราไม่เคยเห็นความอัศจรรย์แปลกประหลาดจากผู้ใดเลย มีตุ๊เจ้าหลวงองค์นี้เท่านั้น พอจิตส่งไปนี้สว่างครอบโลก พอจากนั้นวันหลังมาเลย มาหาท่านมาเล่าเรื่องให้ท่านฟังถึงเรื่องความสว่างไสว ทีนี้มาเหมาท่านเลย ตุ๊เจ้ามาหาพุทโธ ตุ๊เจ้าไม่ได้หาพุทโธนี่นะ เฮาต่างหากนี่น่ะพุทโธหาย ตุ๊เจ้าไม่ได้พุทโธหาย ตุ๊เจ้าสว่างครอบโลกนู่นน่ะ จะหายยังไง พวกเฮาต่างหากนะพุทโธหาย ท่านก็เลยสอนต่อไป
ตั้งแต่นั้นมาเคารพเลื่อมใสสุดขีดเลย แกภาวนารู้จนกระทั่งหมูมากินเผือกกินมันในสวน แกเพ่งไฟเผาหมู แกมาเล่าให้หลวงปู่มั่นฟัง เขาเห็นกระทั่งหมู เห็นสัตว์เป็นวัตถุก็เห็น เห็นนามธรรมก็เห็น พวกเปรตพวกผีเห็นไหมล่ะ เขาอยู่ในป่าเขาเคยเมื่อไร ทำไมเขาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคอ ไม่สะทกสะท้าน โอ๊ย เฮาเห็นเป็นอย่างนั้น อันนั้นเป็นอย่างงั้น อันนี้เป็นอย่างนี้ นั่นเห็นไหม พอจิตเขาสว่าง เขาลงเต็มที่ ทีนี้ไอ้เรื่องที่พักที่อยู่นั้นเขามาทำให้เอง
นี่ละเรื่องพุทโธที่สว่างจ้านั่น เป็นพวกมูเซอเขาเห็นก่อนใครในจังหวัดเชียงใหม่ พอเขาเห็นแล้ว เขาก็เป็นสักขีพยานได้เป็นอย่างดี คนในบ้านนั้นเป็นคนดีทั้งหมดเลย ฟังเสียงท่านคำเดียวเท่านั้น ท่านพูดคำเดียวยอมรับหมดเลย นี่แหละเรื่องราว เราก็มาสรุปความให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า หลวงปู่มั่นนี่ไม่ใช่พระธรรมดาสมัยปัจจุบัน ครั้งพุทธกาลท่านว่าพระอรหันต์ สมัยปัจจุบันนี้เป็นพระอรหันต์ไม่ได้มีเหรอ ศาสนธรรมสอนใคร สอนคนให้ได้มรรคผลนิพพาน ทำไมสอนไม่ได้ รู้ไม่ได้ นี่ละหลวงปู่มั่นเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งขึ้นมา
ท่านทำประโยชน์ให้โลก ในเวลาท่านอยู่เชียงใหม่ก็มีลูกศิษย์ลูกหาไปเยี่ยมไปอยู่กับท่าน บรรดาพระ แต่ไม่มากนักเพราะท่านปัดออก ๆ ท่านทำความเพียร จนกระทั่งออกจากเชียงใหม่ไปถึงสกลนคร ไปทางภาคอีสาน บรรดาลูกศิษย์ลูกหาจึงมาก สำหรับครูบาอาจารย์ทั้งหลายแต่ก่อนนั้น อย่างท่านอาจารย์ฝั้น ท่านอาจารย์ขาวนี้เคยอยู่กับท่านมาตั้งแต่ก่อนมาอยู่เชียงใหม่นี้แล้ว นี่ละกระจายออกไปเป็นลูกศิษย์ของท่าน ทำประโยชน์ให้โลกกว้างขวางขนาดไหน ออกจากหลวงปู่มั่นนี่ทั้งนั้น เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น
นี่ละวันนี้พวกพี่น้องทั้งหลายได้มาบริจาคทองคำที่จะรวมเข้า หลอมรูปเหมือนของท่าน จึงเป็นมหามงคลแก่พี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างมากทีเดียว เราเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นท่าน ขอให้ได้น้ำใจเราเอาออกแสดงกราบไหว้บูชาท่านด้วยทองคำ ซึ่งท่านจะเททองในวันนี้นะ นี่ละพูดย่อ ๆ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบอย่างนี้ หลวงปู่มั่นไม่ใช่พระธรรมดา สะเทือนสะท้าน พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมรู้กันหมด ถ้าไม่รู้ก็จะมีแต่พวกเราตาบอด ลูกศิษยหลวงตาบัวตาบอดนี้ละ เพราะอาจารย์พาตาบอด ลูกศิษย์ลูกหาก็บอดไปตาม ๆ กัน จะไม่รู้ไม่เห็นก็จะเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้แหละ ให้เปิดหูเปิดตานะ
ใครจะบริจาคทองอีก เอ้ามา เราไม่ได้ทำบุญให้ทานกับผู้วิเศษวิโส เราจะไปทำกับหมาขี้เรื้อนเหรอ หมาขี้เรื้อนมันลงใจให้เราทำกับมันเหรอ ตั้งแต่หมาขี้เรื้อนมันยังไม่ยอมกับเรา จะว่าเราดีกว่าหมาขี้เรื้อนได้ยังไง เราต้องดีกับครูกับอาจารย์ซิถึงถูก เอาละให้พร
www.Luangta.or.th or www.Luangta.com
|