เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
วันที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [เช้า]
ออกจากใจที่สกปรก
ก่อนจังหัน
เดี๋ยวนี้ดอลล์หนึ่งกับเงินไทยเราเท่าไร (ประมาณ ๔๓ บาทแล้วครับ) ยืนอยู่นี้นานแล้วนะ จะ ๕๖ ตอนเริ่มต้น ทำให้เราร้องโก้ก เมืองไทยเราไม่ใช่เมือง ๕๐ สตางค์นี่นะ ไม่เต็มบาทขาดครึ่งหนึ่งก็ยังมี นี่ ๕๖ กินเข้าไปอีก ไม่ได้ถึง ๕๐ สตางค์นะเมืองไทยเราทั้งประเทศ โก้กขึ้นตรงนั้น มันหมดแล้วนะนี่ จะไม่มีคุณค่าอะไรติดเมืองไทย ของเขาอันเดียว ของเล่นเมื่อไร นี่ละทีนี้เวลาเราได้ทองคำเราเข้ามา ได้นี้เข้ามา มันก็แข็งขึ้น ๆ คุณค่าก็เด่นขึ้น ดูซิอย่างประเทศลาวนี้ก็เมืองพี่เมืองน้อง เมืองแขนซ้ายแขนขวาของเมืองไทย กี่กีบก็ยังไม่เห็นมีความหมายอะไรเลย คุณค่ามันก็ไม่มี หลักเกณฑ์ที่ค้ำประกันก็คือทองคำ นี่เรามีทองคำไว้นี้ ของเราก็แข็ง แล้วก็ดอลลาร์แทรกกันเข้าไป ก็แข็งขึ้น
เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาให้ได้ตรงนี้นะ กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว คือหลังจากนี้ไปแล้วจะไม่มีทาง บอกตรงๆ เลย เหมาะสมในเวลานี้เท่านั้น เหมาะสมที่สุดทุกอย่าง พร้อมมูลหมดในการที่จะช่วยชาติของเราคราวนี้ให้ได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรงเรานะ เช่นทองคำให้ได้ ๑๐ ตัน ดอลลาร์ยังไงเราก็หวัง ว่า ๑๐ ล้าน เราจะออดอ้อนให้ได้ทองคำ ๑๐ ตันก่อน ว่างั้นเถอะ ต่อจากนั้นทองคำเราก็ ๑๐ ตันพอดี หายใจโล่ง
ได้พิจารณาเต็มกำลังแล้วนะ ก่อนที่จะมาประกาศพี่น้องทั้งหลาย ในนามที่เป็นผู้นำ ไม่ได้ทำสุ่มสี่สุ่มห้านะ เพราะฉะนั้นอะไรๆ ที่พิจารณาเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วผึงเลย ออกเลย อะไรผ่านไม่ได้ ถ้าลงได้พิจารณาเต็มเหนี่ยวแล้ว อะไรผ่านขาดสะบั้นไปเลย อะไรที่ไม่แน่ไม่ออก พิจารณาตรงนี้ ติดตรงนั้น ถอยตรงนี้ พิจารณาตรงนี้ ถอยตรงนั้น พอโล่งตรงไหนออก ๆ ดังที่เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้วว่า หลังจากที่ร้องโก้กมาแล้วนั้นน่ะ เกี่ยวข้องกับเรื่องผู้นำทั่วประเทศไทยเรา
เราว่าจริง ๆ เราก็เคยพูดแล้ว ถ้าไปทางนี้ เอา สมควรผู้ใดจะเป็นผู้นำ ยกประเทศเราขึ้นได้ในเวลาจนตรอกจนมุมอย่างนี้ พิจารณาไปนี้โล่งตรงนี้ติดตรงนั้น อยู่อย่างงั้น รอบเมืองไทยเราไปทางไหนก็แบบเดียวกัน ไม่ปิดมากก็ปิดน้อยจนได้นั่นแหละ โล่งไปเพื่อปิดอยู่อย่างงั้น เอ มันยังไงกัน มันจะหมดแล้วหรือดวงชาตาของชาติไทยเรา พิจารณาวกไปวกมา เมื่อไม่ได้อะไรแล้วก็หมุนเข้ามาหานี้ พูดตรง ๆ นี้นะ หมุนเข้ามานี้ โล่งไป ไม่กว้างแต่ไม่ปิด แค่นี้ก็เอา หลวมมือมือสอด หลวมแขนแขนสอด นี่ละเหตุที่ออกไม่ใช่อะไรนะเรื่องราว นี่ละเหตุเบื้องต้นเป็นอย่างนี้ เพราะพิจารณาหมดแล้ว มันยังไงกัน เหมือนว่าตีบตันอั้นตู้ไปเลย จากนั้นก็ค่อยเบิกกว้างออก ๆ นี่ละเรื่องราวเป็นอย่างงั้น
เพราะฉะนั้นที่ว่าทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ยังไงขออย่าให้พลาดนะ พิจารณาหมดแล้วลงจุดนี้ปึ๋งเลยเชียวนะ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยทองคำขาด ๑๐ ตัน เหมือนว่าขาดอะไรทั่วประเทศไทย จุดใหญ่มันอยู่จุดนี้ เพราะฉะนั้นจึงบอกว่า ยังไงอย่าให้ขาดนะ เพื่อรักษาระดับน้ำหนักคุณค่าของเมืองไทยเรา ให้อยู่ในทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน จะเต็มสง่างามไปหมด ถ้าอันนี้ขาดนิดหนึ่ง เมืองไทยเท่ากับขาดทั่วประเทศ ขาดมากขาดน้อย ขาดทั้งนั้น ไม่เป็นมงคลเลย เอาตรงนี้ละ
หลังจังหัน
(โยม : เกี่ยวกับแถลงการณ์ที่มีพระมาแสดงไม่ถูกด้านกฎหมายและด้านธรรมวินัย แถลงการณ์พระสงฆ์กรรมการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาและวุฒิสมาชิก ประกาศให้กำจัดหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ด้วยปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย วัดชนะสงคราม กรรมการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา และนายบุญเลิศ ไพรินทร์ วุฒิสมาชิกจังหวัดปราจีนบุรี ได้ร่วมกันประกาศให้กำจัดหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อให้การเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับที่ขัดต่อพระธรรมวินัยเข้าสู่ ค.ร.ม. และเข้าสู่ขบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยปราศจากผู้คัดค้าน ต่อผู้ฟังจำนวนประมาณ ๔๐๐ คน เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ช่วงเวลาประมาณ ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. ณ วัดราชาธิวาส ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร
โดยพระมหาโชว์ ทสฺสนีโย กล่าวว่า ต้องกำจัดหลวงตามหาบัว ซึ่งเป็นพระอรหันต์แห่งจังหวัดอุดรธานี และนายทองก้อน ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ซึ่งหลวงตาใช้งาน ต้องไม่ให้รัฐบาลนี้ ซึ่งนำโดย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร บริหารราชการแผ่นดินต่อไป และนายบุญเลิศ ไพรินทร์ กล่าวว่า มหาโชว์ พูดเช่นนี้ต้องให้การสนับสนุน พวกเราอย่าท้อถอยในการร่วมมือที่จะกำจัดหลวงตามหาบัว พ.ต.ท.ทักษิณ และนายทองก้อน คำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดที่แสดงถึงความอาฆาตมาดร้าย และเป็นการยุยงให้มีการประทุษร้ายต่อชีวิตของหลวงตามหาบัว อีกทั้งเป็นการยุยงส่งเสริม ถึงขั้นให้ล้มล้างการบริหารราชการแผ่นดินโดยชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย
การกระทำดังกล่าวของพระมหาโชว์ ทสฺสนีโย ผิดต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง และการกระทำของนายบุญเลิศ ไพรินทร์ ไม่สมกับวัยวุฒิ คุณวุฒิ ในตำแหน่งหน้าที่วุฒิสมาชิกที่ดี การกระทำของบุคคลทั้งสองยังเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย ศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว และชาวพุทธผู้หวังดีต่อพระพุทธศาสนา จะนำความกราบเรียนให้พณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีทราบ และดำเนินการให้ผู้รักษากฎหมายดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองให้ถึงที่สุด และจะรวบรวมรายชื่อประชาชนชาวพุทธที่หวังดีต่อพระพุทธศาสนา เข้าชื่อกันถอดถอนนายบุญเลิศ ไพลินออกจากการเป็นวุฒิสมาชิกต่อไป จึงแถลงมาเพื่อกรุณาทราบโดยทั่วกัน ศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัวและชาวพุทธผู้หวังดีต่อพระพุทธศาสนา วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๕ ครับ)
พี่น้องทั้งหลายก็ทราบทั่วหน้ากัน จากการอ่านเรื่องราวทั้งหลายที่ครอบทั้งชาติและพระศาสนาทั่วดินแดนไทยนี้ ก็ได้ทราบกันมาโดยตลอดแล้ว ณ บัดนี้ หลวงตาก็รับทราบ แต่ข้อยืนยันอย่างอื่นนั้น หลวงตายังมองไม่เห็น ที่มองเห็นอยู่ก็คือว่า เขาว่าหลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ จังหวัดอุดรธานี นี่เราตอบว่าใช่แล้ว เราจะมาจากอุดร เราก็หันหน้ามากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ เราก็จะหันไปอุดรฯ หันไปนั้นหันมานี้อยู่ตลอดเวลา เรายอมรับว่าเราหันจริง ก็มีเท่านั้นแหละข้อตอบรับกัน นอกนั้นไม่มีอะไร
ข้อที่เป็นสาระสำคัญทั้งหลายของพวกเรา ที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนตักเตือนอยู่ทุกวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาและปฏิบัติตัวเองให้เป็นพื้นฐานตลอดไป การปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีต่อตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมส่วนรวม และต่อชาติบ้านเมือง และศาสนาของเรานี้ เป็นเรื่องของพี่น้องชาวไทยเราจะต้องรับผิดชอบทั่วหน้ากัน นับตั้งแต่รับผิดชอบตัวของเราเองไป อย่างกว้างขวางด้วยการปฏิบัติดี กำจัดสิ่งชั่วช้าลามกที่เกิดขึ้นภายในตัวของเรา และเกิดขึ้นผู้ใดก็ตาม ให้มีสติระลึกรู้ว่าสิ่งนี้ชั่วทั้งนั้น ทั้งเกิดภายนอกภายใน ภายนอกคือนอกจากกายตัวเองไปสู่ส่วนรวม ภายในคือออกจากจิตใจของเรา ให้พากันระมัดระวัง
ธรรมของพระพุทธเจ้าท่านชี้ลงมาที่จิตใจ มหาเหตุที่จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่สุด เกิดขึ้นจากใจของเราทั้งนั้น จึงเรียกว่าใจเป็นมหาเหตุ คือนักก่อเรื่องก่อราวอยู่ที่ใจ ผลทั้งดีทั้งชั่วที่เกิดขึ้นจากมหาเหตุดีชั่วนั้นก็เกิดขึ้นที่ใจ จึงต้องให้ระมัดระวังที่นี่ให้มากกว่าอื่น ให้มีสติ ถ้ามีสติแล้วจะรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจตัวเอง ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่วเป็นลำดับไป เมื่อเราใช้ความระมัดระวังอยู่เสมอก็ชินต่อนิสัยของบุคคลที่รับผิดชอบตัวเอง แล้วระมัดระวังตนอยู่เสมอ ๆ ก็กลายเป็นความราบรื่นดีงาม ความคิดความปรุงที่เป็นภัยทั้งหลายไม่ค่อยเกิดมีขึ้น และการประพฤติปฏิบัติตัวก็จะค่อยเป็นความดีงามขึ้นมาในตัวของเรา สิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลายก็จะถูกปัดเป่าออกจากการสำรวมระวังของเรา ให้ห่างไกลไปโดยลำดับลำดา นี่คือธรรมของพระพุทธเจ้า
เรื่องที่เขาพูดว่าอรหันต์อรแหนอย่างนั้น การพูดทั้งนี้เขาไม่ได้พูดด้วยความยอมรับตามหลักความจริงแห่งพุทธศาสนาของเรา เขาพูดด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ที่ยกหลวงตาบัวขึ้นนี้ส่วนที่จะกระเทือนอันใหญ่หลวง ก็ได้แก่แดนแห่งพุทธศาสนาของเรา และนับแต่พระพุทธเจ้าลงมาโดยลำดับ นี้เป็นการพูดดูถูกเหยียดหยาม กิริยาที่แสดงออกนี้ ไม่ใช่กิริยาที่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองและต่อตัวเอง หวังดีต่อใคร ๆ ก็ตาม ไม่มีความหวังดี มีตั้งแต่ความกระแทกแดกดันเพื่อจะให้ทำลาย คำว่าเป็นอรหันต์นี้ก็เพื่อจะให้พี่น้องทั้งหลายมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กระเทือนโลกมาเป็นเวลานานเฉพาะองค์ปัจจุบันนี้ ๒๕๔๕ ปีกำลังจะ ๔๖ ปีนี้แล้ว ไม่มีความหมายอันใดเลย เป็นโมฆะทั้งหมด เป็นกองมูตรกองคูถถูกกิเลสย่ำยีตีแหลกอยู่ประเดี๋ยวประด๋าวๆ นี้ เหยียบย่ำทำลายแหลกไปหมด อันนี้เป็นผู้ที่จะครองบ้านครองเมือง คือถังมูตรถังคูถ ถังที่ตำหนิความดีว่าเป็นของชั่ว เชิดชูความชั่วเป็นของดี นี้คือถังมูตรถังคูถ ถังมหาภัยต่อชาติบ้านเมืองของเรา ให้พี่น้องทั้งหลายเอาไปพิจารณาทุกคน
คำว่า อรหันต์ ๆ มีมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าของเราองค์ไหน ๆ และสาวกอรหันต์นี้ก็เป็นสาวกของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่องค์ไหน ๆ เพราะการปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ตักตวงเอามรรค ผล นิพพานขึ้นมาครองใจ นับแต่พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกลงมาจนกระทั่งสาวกทั้งหลาย ออกจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแห่งพุทธศาสนาของเรานี้แหละ มาประกาศธรรมสอนโลกให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขทุกแห่งทุกหน ตำบลหมู่บ้าน บรรดาที่มีธรรมครองใจ นี่คือธรรมพระพุทธเจ้าประกาศผลเลิศเลอมาเป็นลำดับลำดาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และยังจะประกาศผลเลิศเลอยิ่งไปโดยลำดับไม่มีวันสุดสิ้น
ถ้าพี่น้องทั้งหลายที่หวังความดิบความดี หวังความพ้นทุกข์จากกองมหาภัยทั้งหลายไปโดยลำดับแล้ว ขอให้มีความหนักแน่นต่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าไปสนใจไยดีนำคำตำหนิติเตียนเหยียบย่ำทำลายของคำแห่งโจรแห่งมาร แห่งมหาภัยทั้งหลายเหล่านี้เลย ถ้าได้ยินในหูกลับไปบ้านให้ไปล้างหูให้หมด ใครมีหูกี่หู มีสองหูล้างให้หมด มีสามหูล้างให้หมด เรียกมาลูกเล็กเด็กแดง สูเป็นลูกของกู หูกูสกปรกมาเพราะไปได้ยินคำจาบจ้วงต่าง ๆ ทำลายต่าง ๆ ต่อพระพุทธศาสนา มาจากสวนแสงธรรม ให้ว่าอย่างงี้
แล้วเรียกหมู เรียกหมา เรียกเป็ด เรียกไก่มาประชุมกัน ให้เรียกมากูจะล้างหูสูให้หมดวันนี้ หูกูสกปรกมาแล้ว กูล้างหูแล้ว หูสูสกปรกหรือเปล่า ถ้าหูสูยังสกปรกให้ล้างให้หมด กลับไปบ้านให้พากันล้างหูเสีย ต่อไปอย่าไปฟังอีกนะ เดี๋ยวจะล้างอีกทั้งวัน และตายทิ้งเปล่า ๆ จมกองมูตรกองคูถแห่งมหาภัยนี้ตลอดไป นี่แหละให้ยึดอย่างนี้ ผู้ปฏิบัติเพื่อความดีแก่ตน อันใดไม่ดีให้ปัดออก ๆ อย่ามาถือเป็นอารมณ์ซึ่งจะเป็นภัยต่อตนเรื่อยไป แม้แต่ขณะที่เกิดขึ้นจากผู้ทำนั้น เขาก็ตัดสินใจของเขาโดยหลักธรรมชาติอยู่แล้ว อย่าให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา ให้ชะให้ล้างหูลำบากลำบนเลย เพราะไม่ใช่เราเป็นผู้ก่อขึ้น ให้เราล้างหูรับแต่อรรถแต่ธรรมของดีงามเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้อย่าไปวิตกวิจารณ์ เกิดความเคียดแค้นเสียใจจนเกินเหตุเกินผล เพราะนี้เป็นคำเสียดคำแทงคำมหาภัย เพื่อจะหวังกำไรจากการพูด พูดกระแทกแดกดันทำลายผู้อื่นนี้เท่านั้น เราให้ปัดออก อย่าไปสนใจ สำหรับหลวงตาบัวนี้ อย่าว่าแต่หลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ในเมืองอุดรเลยนะ ลูกศิษย์หลวงตาบัวในเมืองอุดรจะให้เป็นอรหันต์หมดทีเดียวเลย จากนั้นก็จะมากรุงเทพฯ จะกว้านเอาลูกศิษย์ในกรุงเทพฯ นี้เป็นอรหันต์หมด ใครมีหมู มีหมา เป็ด ไก่ มาเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดไปกับหลวงตาบัว ดียิ่งกว่าพวกนั้นกล่าวว้อ ๆ มันไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เข้าใจไหม หลวงตานี้เป็นพระอรหันต์ เป็นทั้งเป็ด ทั้งไก่ ทั้งหมู ทั้งหมา เลิศกว่าเขานี้อีกเป็นไหน ๆ เอาคำไหนเป็นพยาน เอาแค่นี้เสียก่อนนะ เอาไปเทียบ
หลักใหญ่ก็คือว่า ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อตัวของเรานะพี่น้องทั้งหลาย ศาสนธรรมนี้เท่านั้นที่จะชะจะล้างสิ่งสกปรกโสมมทั้งหลายให้สงบร่มเย็น แล้วสะอาดสะอ้าน ไป เราจะค่อยมีความสุขขึ้นจากน้ำ คือธรรม เรื่องของกิเลสนี้ ยิ่งยุยงส่งเสริมเท่าไร ดังที่พูดอย่างนี้ เขาหวังจะให้ได้อย่างใจเขา เขายุยงส่งเสริมทุกแบบที่จะได้ผลตามความชั่วช้าของเขา นั้นก็เป็นผลความชั่วช้าตามกันไปนั้นแหละ เขาทำอย่างนั้น เราให้ทำอย่างนี้ ให้แก้ทางสกปรก เข้าไปทางดีงามของเราเสียนะ จึงถูกต้องว่าเรามีธรรมะ ท่านสอนว่าอย่างนี้
หลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์แห่งอุดรธานี ทั้งเป็ด ไก่ หมู หมา หมดชาวเมืองอุดรเป็นพระอรหันต์ หลวงตาบัวก็สอนเพื่อให้ท่านทั้งหลายถึงความดีงาม ถ้าควรจะเป็นพระอรหันต์ได้ แม้หมัดอยู่บนหลังหมาก็ให้เรียกไปเป็นอรหันต์ให้หมดนะ วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ พอ ไม่พูดมากละ เหนื่อย
หลวงตาต้องขออภัยไว้ทุก ๆ ท่านเลย พูดไปหลงลืมไป ไม่ติดไม่ต่อกัน ไม่ใช่อะไรนะ คือสัญญามันตัด ๆ พอพูดไปนี้ขาดปั๊บหายเงียบเลย แล้วตั้งใหม่ขึ้นมา เรื่องราวเลยไม่ค่อยต่อกันนะ ไม่ใช่เรื่องอะไร วกวนด้วยสัญญาอารมณ์ มันตัด แต่ก่อนเทศน์ไปมันแน่ออกไป ว่าเรื่อย ๆ แน่ออกไป ถึงเหตุถึงผล เป็นอรรถเป็นธรรม ได้ถ้อยได้ความ ได้เรื่องได้ราว เดี๋ยวนี้ไม่นะ ไปนี้ตัดปุ๊บหายเงียบและตั้งใหม่ไปเรื่อย กรุณาทราบไว้ทั่วหน้ากัน ต่อไปจะเทศน์ไม่ได้แล้วนะ เริ่มมากขึ้นแล้ว
www.Luangta.com or www.Luangta.or.th
|