คุณงามความดีทำแล้วอบอุ่น
วันที่ 17 ธันวาคม 2545 เวลา 8:30 น. ความยาว 26.37 นาที
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม

เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [เช้า]

คุณงามความดีทำแล้วอบอุ่น

 

        หลังจากเรามอบทองคำและดอลลาร์เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ทองคำได้ทีหลังนี้ ๖ กิโล ๗ บาท ๑๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๙,๓๕๘ ดอลล์ เราได้หลังจากมอบวันที่ ๑๐ ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราตั้งเป้าใหม่ ได้แล้วเวลานี้สำหรับทองคำ ๖ กิโล ๗ บาท ๑๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๙,๓๕๘ ดอลล์  เราตั้งตรงนี้อีกเริ่มต้นอีก พอถึง ๕๐๐ กิโลก็เริ่มมอบอีก ๆ เป็นระยะ ๆ เพราะตอนนี้ได้กำหนดใหม่แล้วว่ามอบแต่ละครั้งให้ได้ ๕๐๐ กิโล และมอบทีหนึ่ง ส่วนดอลลาร์ติดตามหลังกันไป ส่วนมากจะติดใกล้ชิดแหละดอลลาร์ คิดดูคราวที่แล้วนี้ดอลลาร์เราก็อ่อนใจอยู่แล้ว แทบจะไม่หวัง ๓๐๐,๐๐๐ ดอลล์นะ สักเดี๋ยวก็ปุบปับมาเลย กองบุญใหญ่มา ใส่ตูมเลย พอเลย นั่นเห็นไหมล่ะ

ตกลงดอลลาร์เราได้ถึง ๓๐๐,๐๐๐ ดอลล์ คราวที่แล้วนี้ แล้วทองคำก็ได้ ๕๐๐ ทีนี้คราวต่อไปดอลลาร์เราก็ไม่อยากสงสัยแหละว่ามันจะไม่ติดตามกันนะ มันจะติดตามกันใกล้ชิด ๆ ไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเวลาทองคำเราได้ถึง ๑๐ ตัน ดอลลาร์แน่ใจไปเลยแหละ ว่างั้น ต้องได้ ๑๐ ล้านดอลล์ นี่แหละจุดใหญ่ของเราที่ตั้งเอาไว้ สำหรับเงินสดนั้นก็ดังที่เรียนพี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว มันกระจายทั่วประเทศไทย เงินสดเรา ทางไหนก็จำเป็น มองไปด้านไหน ๆ จำเป็นรอบตัว และจะทำยังไง

ทองคำคลังหลวงเราก็จ่อ จ่อคลังหลวง ไอ้ทางนี้ก็รอบด้าน ไม่ทราบว่าออดว่าอ้อน ว่าขอ ว่าอะไร อยู่ทางนี้ ๆ แหละ รอบอยู่ตลอดเวลา ในวัดนั้นแทบจะไม่เว้นแต่ละวัน ที่มีผู้มาติดต่อขอความช่วยเหลือจากเรา เริ่มตั้งแต่โรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้เป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นมาก็โรงร่ำโรงเรียน ที่ก่อสร้างไม่จำเป็นต่าง ๆ เราไม่ค่อยให้ เราต้องเล็งเหตุผลทุกอย่าง สมควรที่จะให้มากน้อยเพียงไรแล้วเราให้เอง ๆ เมื่อเหตุผลลงกันเรียบร้อยแล้ว มากหรือน้อยและควรทุ่ม ทุ่มเลยเพราะความจำเป็นมันบอกชัดเจน

ถ้าหากว่าไม่จำเป็นก็ลด จำเป็นมากน้อยเพียงไรเราก็ลดลง ถ้าไม่จำเป็นมาขอแบบโก้ ๆ ขอแบบเห็นเขาขอ ก็ขอแบบโก้ๆ อย่างนี้ ทั้งไม่ให้ทั้งดุด้วย ไล่กลับด้วย อย่างงั้นนะเรา หลายขั้นนะ มันลืมตัวพวกนี้น่ะ เงินของคนทั้งแผ่นดินเขาหามาเพื่อแผ่นดินไทยเรา เราก็ทั้ง ๆ ที่อยู่ในแผ่นดินไทย จะคิดช่วยกันเพียงเท่านี้ ๆ มันไม่ได้เหรอ ไม่ให้ นั่น ไป อย่ามาขออีกนะแบบนี้ เห็นไหมเอาเลย อย่างนี้ละเรา ต้องให้มีเหตุมีผลทุกอย่าง นี่ละที่เราจ่ายเงินพี่น้องทั้งหลาย เราจึงตายใจได้ตลอดมาเลย เพราะอำนาจแห่งความเมตตานี่มันครอบหมด เกินกว่าที่จะมาหยิบอันนั้นหยิบอันนี้ มันครอบหมดแล้วจะยึดอะไร แม้ตั้งแต่มันหมดไปแล้วยังอยากให้อยู่ตลอดจะว่าอะไร แล้วจะไปหาหยิบอะไร ๆ มันไม่ลงเลยนะหัวใจ ลงไม่ได้เลย

ยิ่งเป็นเรื่องมัวหมองทุจริต ไม่ได้เด็ดขาดเลย ท่านทั้งหลายฟังซิ ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างงั้น ไม่มีที่แจ้งที่ลับ ไม่มีเลยเรื่องที่แจ้งที่ลับที่ไหน มีแต่เหตุกับผลสมควรหรือไม่สมควร ถูกต้องตามธรรมหรือไม่ ถ้าขัดธรรมตัดออกทันทีเลย เป็นอย่างงั้นนะ เราปฏิบัติต่อตัวเองเราก็ปฏิบัติมาอย่างนั้น เมื่อถูกต้องตามธรรม ผลก็ได้มาเป็นลำดับ ๆ ไม่ขัดธรรม ทีนี้เวลามาปฏิบัติต่อโลก เฉพาะอย่างยิ่งต่อชาติไทยเรานี้ เราก็เอาอันนี้มาปฏิบัติ เพราะอันนี้เป็นแบบพยายามกว้านเข้ามา ปฏิบัติบำเพ็ญเข้ามาสู่หัวใจ จากนั้นก็ดำเนินออกก็ต้องออกเป็นธรรม ๆ ด้วยกันหมด

เราทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ บอกแล้ว พูดอย่างนี้แล้วมันก็มาติดกับข้าวสารนี่ ผู้สั่งไปผิดพลาด ได้มาแล้วเขาก็ตกกระไดพลอยโจน ตกกระไดพลอยโจนยังไง ที่สั่งข้าวไปนี่ ความมุ่งหมายของเราสั่งสำหรับที่จะมาแจกคนทุกข์คนจน มาแจกดังที่เคยปฏิบัติมา ยังไม่ได้พูดถึงสัตว์คราวนี้นะ นี้เอาข้าวประเภทของสัตว์มา เมื่อวานนี้เรามาดู มันผิดพลาด เลยโทรศัพท์เดี๋ยวนั้นเลย ถามเลย ให้ได้ความ เขาก็ตกกระไดพลอยโจนอย่างนี้ก็ได้นี่นะ พอเราว่าสั่งข้าวนี้มันผิดไป คือข้าวอันนี้สำหรับให้สัตว์ แต่เวลานี้เราจะสำหรับแจกคน เขาว่าคนจัดมันผิดไป มันผิดตั้งแต่คนสั่ง ใครเป็นคนสั่งว่ะ หม่อมราชวงศ์นู่นน่ะสั่ง ของเล่นเมื่อไร โถ ผิดเอาอย่างหนัก วันนั้นถึงได้ใส่กันหนักล่ะซิ ขนาดหม่อมราชวงศ์มาสั่งผิด ใส่ตูมเลยเข้าใจไหม เลยไม่ได้บอกเขาว่าเอาให้สัตว์ให้คน เขาก็ฟาดมาเรื่องสัตว์

ทีนี้พอทราบชัดแล้วเขาก็ขอถวายเลย เขาจะจัดใหม่ส่งมาให้เราเลย อันนี้มันเป็นแบบตกกระไดพลอยโจน เขาต้องถวาย จะเอาคืนยังไงกันใช่ไหมล่ะ ทางนู้นเขาจะถวายเลย เราบอกเราไม่เอา เราไม่ได้ขอแบบนี้ เราไม่ได้สั่งแบบนี้ เราสั่งแบบนั้น เขาขอถวายเลย เราก็บอกเราไม่เอา แต่อันนี้ก็ไม่ส่งคืน คือเราจะรับอันนี้ไปทางวัดป่าหลวงตาบัว ตกลงเสือเรามันก็มีวาสนา พวกวัวพวกควายในวัดมีวาสนา มันก็อาศัยหม่อมราชวงศ์นี่แหละ ตีลงให้แหลก มันมีส่วนที่จะยกก็ต้องยกซิเข้าใจไหม ถ้าไม่ใช่นี้สั่งผิด พวกนี้ก็ไม่ได้กิน มันควรยกเราต้องยกซิใช่ไหม

ตกลงอันนี้เราก็เอา ส่วนสั่งข้าวมาแจกประชาชนก็ไม่ลด เอาจำนวนตามเดิม ๒๐๐๐ ถุง ๆ ละ ๕ กิโล สำหรับอันนี้ผลพลอยได้มีแล้ว เสือสัตว์มีวาสนาเอาไปเลย ได้ติดต่อกับท่านเสธ(สุธรรม) เรียบร้อยแล้ว ท่านเสธเราเป็นผู้รับภาระอันนี้ ทุกอย่างส่งไปทางไหนนี้ท่านเสธนั่นแหละเป็นผู้รับเลยๆ เมื่อเช้านี้ก็ติดต่อกันแล้ว ทางนั้นก็พอใจทันที จะเอาไปทางวัดป่าหลวงตาบัว ส่วนข้าวเราจะแจกตามนี้

นี่พูดถึงเรื่องเหตุเรื่องผล เราไม่ได้ทำสุ่มสี่สุ่มห้าบอกแล้ว อะไรก็ตาม อย่างผิดอย่างนี้ก็ต้องพิจารณา ผิดถูกมีแง่ไหน ๆ ควรแก้ไขยังไง ๆ อย่างนี้ เช่นอย่างพอว่าเขาสั่งผิด เขาก็จะมอบถวายเลย เราก็บอกเราไม่เอา มันขัดกัน เมื่อทางพวกเรานี้แต่งทนายขึ้นฟ้องกัน ตกลงเราต้องยอมลงตัดสินอ่อนลง เลยให้อันนี้นะ แต่มีข้อแม้ว่า ต่อไปอย่าทำอย่างนี้นะ ตกลงข้าวนี้ก็จะเอาไปทางนู้นล่ะ สงสารพวกสัตว์ในวัดป่าหลวงตาบัว อู๋ย เต็มไปหมด อันนี้เราก็เห็นใจท่านจันทร์นะ ท่านจันทร์นี่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด บวชแล้วก็อยู่วัดป่าบ้านตาดมาตั้งหลายปี ดูไม่ต่ำกว่า ๖ ปีละมั้ง

จากนั้นท่านก็เลยมาอยู่ทางเมืองกาญจน์ พอดีเขาถวายที่นี้ เมื่อถวายที่นี้ เราก็คำนึงคำนวณพิจารณาถึงสถานที่บำเพ็ญของพระ ประโยชน์ที่จะได้จากการบำเพ็ญของพระ สถานที่เหล่านี้มันห่างไกล ดูไม่ค่อยมีพระกรรมฐานที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอรรถธรรมจริง ๆ มาอยู่ในแถวนี้ เราเลยรับที่นี่ให้ ตามเจ้าของเขามาถวายเรา คือตามปกติแล้ว เขาถวายที่นี้มากต่อมากนะ ถวายเรา วัดกรรมฐานนี่ การสร้างวัดนี้รู้สึกสร้างง่ายมาก แต่อาจจะเป็นรายบุคคล บางอาจารย์ก็ได้นะ แต่สำหรับเรานี่มากจริงๆ  เราไม่ได้รับนะ เรารับอันไหนเราต้องเป็นภาระ นี่มีเหตุผลทั้งนั้นนะ

อย่างวัดปทุมธานีนี้ ทางศรัทธาเขาก็ถวาย เราก็มาพิจารณา แถวนี้เป็นยังไง ๆ ตกลงก็เลยรับเขา รับแล้วก็ต้องหาผู้มาอยู่ ก็ได้อาจารย์เจี๊ยะ นิมนต์ท่านมาอยู่ ท่านก็มาให้ทันที จึงปลดเปลื้องภาระของเราไป อย่างนั้นนะ รับที่ไหนต้องเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่าง ถึงถูก ไม่ใช่รับสุ่มสี่สุ่มห้า โอ๋ย อย่างงั้นไม่เอา นี่ละวัดเสือกับวัดปทุมธานีนี่ เราเป็นผู้รับให้ก็ต้องหาคนมาอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่าง เรามีเหตุมีผล ไม่ได้ทำสุ่มสี่สุ่มห้า ทำแบบทำดะ ๆ โอ๋ย อย่างงั้นไม่เอา

นี่พูดถึงเรื่องเหตุเรื่องผลในการปฏิบัติตัวเองและหน้าที่การงานของตัวเอง ขอให้พี่น้องทั้งหลายคำนึงถึงหลักเกณฑ์บ้างนะ อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้า อยากกินอะไรก็กิน ซื้อดะไปเลยอย่างงี้ สุ่มสี่สุ่มห้า อยากใช้อะไรซื้อดะ ๆ ๆ คนไม่มีเหตุผล คนเช่นนั้นเป็นคนหลักลอย ไม่มีหลักมีเกณฑ์ คนมีหลักมีเกณฑ์ต้องมีเหตุมีผลกำกับตัวเอง ว่าการทำอย่างงั้นผิดหรือถูก การใช้การสอย การซื้อการขายแบบไหน ๆ ผิดหรือถูก คำนึงคำนวณให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยลงมือทำลงไป แม้จะผิดพลาดก็ไม่มาก เพราะได้พิจารณาเต็มกำลังแล้ว มันผิดพลาดเรียกว่าความฉลาดไม่พอ แต่เราได้ใช้ความพิจารณา ถ้าไม่ใช่ความพิจารณาแม้คนฉลาดก็เสียไปได้ไม่สงสัย มันโง่ตรงที่มันไม่พิจารณานั้นแหละ

ปัญญาจะมีอยู่เต็มตู้เต็มหีบ เมื่อไม่นำมาใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร พวกเราทั้งหลายเป็นชาวพุทธ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คำนึงถึงความปฏิบัติตัวเองนะ การปฏิบัติตัวเอง ส่วนตัว ครอบครัวเหย้าเรือน สังคม ให้ต่างคนต่างปฏิบัติมีเหตุมีผล หลักเกณฑ์กำกับตัวเองแล้ว อะไรถ้าเสียก็ไม่มากนะ แบบดะ ๆ อย่างที่เป็นอยู่เวลานี้ เสีย เดินไปไหนมันอดไม่ได้ ดูไปตลอด คือธรรมเป็นแบบฉบับของโลกทั้งฝ่ายเหตุที่จะต้องดำเนินตามธรรมนี้ถูกต้องดีแล้ว ผลได้เป็นที่พึงพอใจ

ถ้าลงปฏิบัติตามธรรมไม่ผิดไม่พลาด แต่นี้เรามันไม่ได้ปฏิบัติตามธรรม โกโรโกโส มองดูคนทั้งคนนี้ มองหาตัวคนมันไม่เห็น ถ้าเรื่องกิเลสแล้วเต็มตัวเลย มีเสื้อชั้นนอกชั้นใน กิเลสมันมีหลายชั้นเข้าใจไหม เครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ทราบกี่ชั้น นี่ละพวกบ้า ฟังให้ดีนะ ไม่ใช่บ้าอย่างมากอย่างมายถึงเสียสติสตัง ล่ามโซ่ไว้ก็ตามนะ อันนี้บ้าสุรุ่ยสุร่าย ต่อไปกลัวจะได้ล่ามโซ่ไว้ มันจะเลยสุรุ่ยสุร่ายไปอีกซี ต้องเตรียมหาโซ่ไว้นะพวกนี้ หาโซ่มัดขาเจ้าของนั่นแหละ อย่าไปมัดขาใคร มันสุรุ่ยสุร่าย เสียคน

ธรรมมีไม่เอามาใช้ มิหนำซ้ำยังเหยียบย่ำธรรมไปเลย ธรรมไม่มีความสำคัญอะไรยิ่งกว่าตัวกิเลสที่มันสกปรก ฟุ่มเฟือยหรูหราฟู่ฟ่า นี่คือกิเลส มันไปไหนล้มระนาวไปตามมันแหละ ธรรมนี่ถูกเหยียบแหลกไป เพราะฉะนั้นคนเรามันถึงหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ หาเงินหาทอง หาข้าวหาของ มาตั้งแต่วันรู้จักเดียงสาภาวะ หามาจนกระทั่งวันตาย กิเลสเอาไปถลุงตลอด ที่จะเก็บไว้เป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นผลประโยชน์แก่ตน เช่นมีมามากน้อยแบ่งกินและแบ่งทานอย่างนี้ มันมีแต่แบ่งให้กิเลสกิน เราไม่อยากว่าแบ่งให้กิเลสกิน แบ่งให้กิเลสไปถลุงหมด ส่วนแบ่งทานมีเพียงเล็กน้อย แล้วยังหึงหวงแทบเป็นแทบตายใช้ไม่ได้นะ ไม่มีเหตุมีผล

การแบ่งทานเป็นสาระสำคัญมากที่สุด ยิ่งกว่าที่เราเอาเข้ามากินมาใช้ในลำตัวของเราไม่มากนะ ตัวเรากว้างแคบขนาดไหน ที่จะเอามาบำรุงรักษาตัวเองนี้ไม่ได้เสียหายมาก ถ้าเรารู้จักประมาณก็ไม่เสียมาก เสียไปจากการจับจ่าย ถ้าเราสุรุ่ยสุร่ายฟาดเท่าไรก็ไม่พอๆ อันนี้ก็เพื่อร่างกายของเรา พอหรือไม่พอก็เพื่อร่างกายเป็นส่วนหนึ่ง ทีนี้เพื่อบุญเพื่อกุศลนี้ยืดยาวมากนะ ธาตุขันธ์ของเรานี่ เรามีมากมีน้อยอาศัยกินอยู่ปูวายตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายก็หมดปัญหาในชาตินี้ มีมากมีน้อยก็ตาม ยุติกันเวลาลมหายใจขาด ใครลมหายใจขาด คนนั้นยุติการก้าวเดิน การใช้ การสอย การอยู่ การกิน จากวัตถุที่เราหามา แล้วก็ทิ้งไว้นั้นละ ร่างกายนี้ก็ทิ้งไว้อย่างนี้ ถ้าไม่เผาไม่ฝังก็เน่าเฟะ มีเท่านี้เรื่องร่างกาย

วัตถุสิ่งของเงินทอง ใครก็ทราบว่าอาศัยชั่วกาลชั่วเวลา แต่กิเลสมันไม่ได้บอกว่าอาศัยชั่วกาลชั่วเวลา มันไม่พอใจ สิ่งที่ให้พอใจก็คือให้ได้เต็มใจ เต็มใจเท่าไรมันก็ไม่เต็มอีกแหละ เพราะกิเลสไม่เคยมีความอิ่มพอ มีแต่ความหิวโหยตลอดไป นี่ละเราประมวลออกมาแล้วว่า วัตถุภายนอกนี้เราอาศัยในชีวิตของเราที่เป็นอยู่นี้เท่านั้น หมดนี้แล้วก็หมด สิ่งของเงินทองอะไรจะไปสวรรค์นิพพาน ตกนรกก็ไม่ไป เราเองต่างหากผู้โง่เขลาและผู้ฉลาดที่จะไปตกนรกได้ และไปสวรรค์นิพพานได้ หาบบาปหาบกรรมก็คือตัวเราเอง บุญกุศลเทิดทูนจะไปสวรรค์ นิพพานก็คือตัวเราเอง

เพราะฉะนั้นขอให้แยก การอยู่การกิน กินมาตั้งแต่วันเกิด การทานเป็นยังไง เราได้ทานมีความสนิทติดแนบกันไปกับการกินไหม ถ้าการทานไม่มี มีแต่การกิน นี่ขาดทุนนะ เกิดมาขาดทุน อยู่ขาดทุน ตายไปขาดทุน ไปเกิดอีกขาดทุนอีก มีแต่ความขาดทุนสูญดอกตลอดเวลาใช้ได้หรือคนเราทั้งคน ทั้งที่แดนมนุษย์เป็นแดนที่กลั่นกรองมนุษย์ให้เป็นคนดิบคนดี ปฏิบัติให้เป็นสารประโยชน์แก่ตนทั้งชาตินี้และชาติหน้า ทำไมเราจึงมาสร้างตั้งแต่ความล่มจมในมนุษย์ของเรา จะสร้างความมั่งมีดีเด่นทางอรรถทางธรรม ทางบุญทางกุศลในหัวใจบ้างเหมือนท่านผู้ดีทั้งหลาย มันไม่ได้เหรอ

ให้ถามเจ้าของบ้างนะ ถ้าให้คนอื่นมาถาม มันเกิดเรื่องเกิดราว อย่างน้อยหงุดหงิดเป็นอารมณ์ หาว่าเขาดูถูกเหยียดหยามตัวเอง ให้เจ้าของถามตัวเอง เพราะตัวเองเป็นตัวการพาล่มพาจม ไม่ใช่ผู้อื่นผู้ใด ให้พากันคิด การสร้างบุญสร้างกุศลไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ เรื่องใหญ่โต พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้มานี้เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล หนุนมาตลอด ๆ จนได้เป็นศาสดาเอก เดี๋ยวนี้พ้นไปแล้ว พระพุทธเจ้าพ้นโลก พ้นจริงๆ ไม่มีคำว่าสมมุติทั้งหลายในสามแดนโลกธาตุนี้ จะไปเข้าสัมผัสในจิตของพระพุทธเจ้าที่บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้วได้เลย นี่ละอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล

การทานมากน้อย ทานไป ๆ ออกไปมากน้อยตามความเสียสละของเรา ตามกำลังวังชา ตามศรัทธาของเรา ไปมากน้อยมันก็เข้ามามากน้อยนั่นแหละ เราทานไปไหนไม่ไปนะ จึงว่ากรรมไม่ขึ้นอยู่กับใคร กรรมดีกรรมชั่วไม่ขึ้นอยู่กับใคร ใครทำชั่ว ที่ลับก็ตามที่แจ้งก็ตาม เหมือนกับว่าไปจับไฟในห้องคนเดียว ปิดประตูให้ดี แล้วไปจับไฟ จับแรงๆ นะ เพราะในห้องไม่มีใครเห็น ไฟนี้จะไม่ร้อนให้จับมันฟาดมันทั้งสองมือ กำเลยนะ เราอยากจะให้เหล็กแดงไปเผาให้มันแดงโร่ ปิดประตูดี ๆ แล้วก็ไปจับเหล็กที่มันแดงโร่ มันจะเป็นยังไง ฟังเสียงร้องดังแก้ก ๆ ในห้อง มันร้อนมันจะตาย ฟังเสียงตดแตกป้าด ๆ มันทั้งตดทั้งขี้ ทั้งร้องทั้งคราง เพราะไฟเผาหัวมันอยู่ในที่ลับ

อันนี้คนทำความชั่วในที่ลับก็เป็นแบบเดียวกันกับคนปิดประตูเผาตัวเอง หรือเหมือนปิดประตูตีหมา ปิดประตูดีๆ แล้วไม้หวดลงไป หมาไม่มีทางไป ร้องแหง็ก ๆ ขี้แตกทะลัก นั่น นี่แหละคำว่ากรรมจึงไม่มีที่แจ้งที่ลับ เอา ทีนี้ทำความดี ทำในห้องในหับ ทำที่ไหนก็ตาม ความดีเป็นความดี ไม่ได้เป็นที่แจ้งที่ลับพอที่จะมาบีบบังคับความดีความชั่วไม่ให้ได้ผลนะ มันอยู่กับเราทุกคน นี่แหละให้ทำนะ มีมากมีน้อย แบ่งกินแบ่งทานเถอะพี่น้องทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะมีหวังตลอด ๆ ด้วยอำนาจแห่งทานของท่านทั้งหลาย ความดีของท่านทั้งหลาย มีทานเป็นพื้นฐานของนิสัยมนุษย์เราที่เป็นชาวพุทธ มีมากมีน้อย เราอย่าว่ามีเท่านั้นมีเท่านี้ถึงจะให้ทาน นั้นมีแต่อุบายกิเลสจะเอาไปกินนะ กิเลสนี้มีมากมีน้อยไม่ว่า ถลุงหมดเลย มันไม่ได้ว่า อันนี้มีน้อยไม่เอาแหละ ไม่ว่านะกิเลส

ถ้าไปทำบุญให้ทาน มีน้อย ไม่ได้ไปทานแหละวันนี้ แน่ะออกแล้วนะ มีทางออก ถ้าเรื่องกิเลสแล้วมีมากมีน้อยรวบวุธเลย กองรับเหมาคือกิเลส ก็ไม่ได้คิดนะพวกเรา เป็นยังไง นี่ล่ะมันเสียท่าให้กิเลส เพราะฉะนั้นขออย่าให้พากันเสียท่ากิเลส เราเป็นลูกชาวพุทธ พระพุทธเจ้าองค์เอก ศาสดาองค์เอกในโลก แล้วครูบาอาจารย์ก็นำธรรมะมาสอนพวกเรา ขอให้ยึดไปปฏิบัติตัวเอง ไม่ได้มากได้น้อย ขอให้เป็นแบบลูกศิษย์ที่มีครู เดินตามครู อย่าแซงครูไปทางชั่วช้าลามกไม่ดี ให้พยายามเดินตามครู

ถ้าหากว่าเราทำคุณงามความดีนี้ตกนรก สัตว์โลกนี้ตกนรกได้ทั้งนั้น ไม่มีใครไปสวรรค์ นิพพานได้เลย นิพพานก็ว่าง สวรรค์ก็ว่าง พรหมโลกก็ว่าง ว่างหมด เพราะคนทำความดีไปทางดีไม่ได้ แต่เป็นยังไงที่นี่ คนทำความดีกับคนทำความชั่ว คนชั่วอย่างแดนมนุษย์เรานี่ ไปดูซิลาดยาวเป็นยังไง เวลานี้จนหาที่นั่งที่หลับที่นอน ที่ขับที่ถ่ายไม่ได้แล้ว มันแน่นด้วยคนชั่ว แล้วไปกองอยู่ในสถานที่ชั่ว ที่ดัดสันดานทรมาน เป็นยังไง มันมีที่อยู่หรือไม่มี คนชั่วคนดีมีที่อยู่เหมือนกัน แดนนรกนี้อัดแน่น มนุษย์เรานี้ก็อัดแน่นอยู่ในเรือนจำ แดนสวรรค์เต็มไปด้วยคนดี จะว่าอัดแน่นไม่อัดแน่น คนดีไปไหนมีแต่ความดี

คำว่าอัดแน่นให้เป็นความทุกข์ความทรมานไม่มีในความดี ในคนดีทั้งหลาย แต่แดนนรกนี้อัดแน่นเท่าไรยิ่งทรมาน สัตว์ทั้งหลายยิ่งไหลเข้าไป ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปต่อหน้าต่อตา แล้วก็ไปโดดลงนรกๆ ไปอัดแน่นอยู่ในนรก แล้วไปบ่นอะไร คำว่าอัดแน่น นรกไม่ได้เป็นทุกข์นะ ความอัดแน่น มันเป็นทุกข์สำหรับบุคคล ทั้งอัดแน่นด้วยกรรมประเภทหนึ่ง ทั้งกรรมชั่วที่ตัวทำประเภทหนึ่ง สองอัด สามอัดเข้าไป มันเป็นยังไงมนุษย์เรา ใครอยากไปไหมนรก ใครอยากไปนรกให้ฟุ่มเฟือยดี ๆ นะ เอาให้เก่ง ๆ มีห้าไปยืมเขาสิบ ไปที่ไหนเงินหากินไม่เพียงพอ เอามาใช้ไม่เพียงพอ ไปกู้คนนั้นยืมคนนี้ กู้จนเสียนิสัย ไม่ได้กู้ได้ยืมเขาอยู่ไม่ได้ วันหนึ่งปวดหัวจะตายแล้วนะ

นี่มีไหมในเมืองไทยของเราทั้งๆ ที่เป็นเมืองพุทธน่ะ ถ้ามีให้รีบกำจัด ไม่กำจัดจะลงนรกทั้งเป็น อย่าทำอวดพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้เลิศเลอแล้ว เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต หาความดี หาความสุขความเจริญ ตามเสด็จท่านให้ตามเสด็จในทางที่ถูกที่ดี ให้ฟังเสียงครูถึงถูก เสียงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์  เสียงครูเสียงอาจารย์ เราจะเป็นที่แน่ใจเราไปตลอด ทำคุณงามความดีมันอบอุ่นไม่ใช่เล่น ๆ นะ เป็นอยู่ในใจนี่ ใครไม่เห็นก็ตาม ก็เราเป็นคนทำเอง บุญก็อยู่กับเรา ประกาศจ้าอยู่ในหัวใจเรานี่ ไปที่ไหนก็เย็นสบาย ๆ

ไอ้คนทำชั่วไปที่ไหนก็หลบก็ซ่อน เห็นไหมพวกขโมย พวกเที่ยวฉกเที่ยวลัก เที่ยวขโมย เที่ยวปล้น เที่ยวจี้ ไปที่ไหนมันหาที่ลับ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ เวลาไปฉกไปลักเขาก็ไปแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตามลำพังก็หลบ ๆ ซ่อน ๆ  กลัวเขาจะมาบีบคอล่ะซิ แต่ทำความดีอยู่ไหนสบายหมดๆ ให้พี่น้องทั้งหลายจำทุกคนนะ สร้างความดีเรามีพออยู่พอกินแล้วให้ทานนะ อย่าทิ้งเปล่า ๆ อันนี้เป็นการทรมานตนอย่างหนัก จะไม่มีทางไปนะ ปิดตันอั้นตู้ คือคนไม่มีการเสียสละ ไปที่ไหนจนตรอกจนมุมตลอด ภพไหนก็มีแต่ภพจนตรอกจนมุม ภพที่ไม่พึงปรารถนานั้นแหละ แต่มันก็ไปโดนเข้าที่เราๆ ผู้ทำความจนตรอกแก่ตนนั่นแหละ พากันจำไว้นะ

เราอยากพบอยากเห็นพี่น้องทั้งหลายชาวพุทธเรา ค่อยเดินตามทางของศาสดา เสด็จตามครู ไม่แซงหน้าแซงหลังด้วยอำนาจของกิเลส เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ดังที่เป็นอยู่เวลานี้ เหยียบนะ มองไปที่ไหนจนจะดูไม่ได้ หูหนวกตาบอดไปอย่างงั้นแหละ ถึงเวลาจะแนะนำสั่งสอนก็พูดบ้างซิ จะทำยังไง ไม่อย่างงั้นมันก็จะจมจริง ๆ นี่ พากันจำเอานะ เอาละเทศน์วันนี้เทศน์เท่านี้

 

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก