เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
มาศึกษาดูให้ดี
ก่อนจังหัน
พระลูกพระหลานที่เข้ามาอบรมทุกวัน ๆ ล้นเหลือทุกวัน ๆ ให้ดูนะ มาศึกษาให้ศึกษา ตาให้ดู สังเกตด้วยดีด้วยสติด้วยปัญญา ตา หู สัมผัสอะไรให้ดู นี่เรียกว่ามาศึกษา ประชาชนญาติโยมก็เหมือนกัน อย่ามาเก้ ๆ กัง ๆ มาโก้ ๆ เก๋ ๆ ไม่ได้นะ วัดนี้ไม่ใช่วัดโก้แบบส้วมแบบถานกิเลสตัณหานะ โก้แบบธรรม เลิศแบบธรรม ให้ดูให้ดี ท่านทั้งหลายมาอย่าเอากิเลสมาอวดธรรม มันขวางตาจะตายแล้ว มีแต่กิเลสมาอวดธรรม โถ หยิ่งแท้ ๆ นะ กิเลสนี้ตัวหยิ่งมากทีเดียว ตัวส้วมตัวถาน ธรรมดูแล้วถ้าภาษาโลกเรียกว่า น่าหัวเราะน่าหมั่นไส้เหลือเกิน ไม่รู้ตัวเลยคือกิเลส ตัวหน้าด้านคือกิเลสนะ ให้ดูทุกคน
เรามาศึกษาอะไร ธรรมเลิศเลอมาตั้งกัปตั้งกัลป์ กิเลสเลวร้ายมาตั้งกัปตั้งกัลป์ เอาเป็นคู่เทียบเคียงกันอยู่ในหัวใจของเราคนเดียว กิริยามารยาทแสดงออกจากหัวใจที่เลวร้ายนั่นละมากกว่าของดีนะ เวลานี้มาศึกษาดูให้ดี ยิ่งเวลานี้วัดนี้กลายเป็นวัดตลาด วัดสำเพ็ง สำเพ็งของกิเลสนั่นแหละไม่ใช่สำเพ็งของธรรมไปแล้วนะเวลานี้ ยั้วเยี้ย ๆ มองดูจนดูไม่ได้ ยังโอ่อ่าฟู่ฟ่า กิเลสมันเก่งอย่างนั้น มันโอ่อ่า เป็นส้วมเป็นถานมันไม่ยอมรับ มันโอ่อ่า เหยียบทองคำทั้งแท่งคือธรรมที่เลิศเลอไปตลอดมา แล้วยังจะเหยียบตลอดไปอีกหนาแน่นยิ่งกว่านี้นะ
เราพูดจริง ๆ เราปฏิบัติมาเต็มเหตุเต็มผล เวลามันมืดมันก็มืด มืดบอดจนมองหาอะไรไม่เห็น ชนเอาเลย ๆ ธรรมะเป็นธรรมชาติที่แจ้งขาวดาวกระจ่าง เข้ามาปฏิบัติตามอรรถตามธรรม ค่อย ๆ มีแสงสว่างขึ้นมา ๆ เห็นไหมพระพุทธเจ้าสว่างขึ้นมาจากการบำเพ็ญความดี สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา คือพระสงฆ์ สว่างกระจ่างแจ้งมาเป็นสรณะของพวกเราด้วยความดี เอาธรรมเข้ามาประดับ เอามาตกแต่งแก้ไขจะค่อยสว่างออกไป เห็นดีเห็นชั่วแล้วแก้ไขกันได้ นี่เราก็ปฏิบัติมาอย่างนั้นเหมือนกัน ที่มาสอนพี่น้องทั้งหลายอย่ามาเข้าใจว่าหลวงตาบัวดุนะ เราไม่ได้ดุ ธรรมท่านมองดูกิเลสท่านรำคาญต่างหาก แล้วก็ยืมเอาหลวงตาบัวเป็นเครื่องมือสอนพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาบัวก็โง่เหมือนพี่น้องทั้งหลาย อยากฉลาดแต่มันไม่ฉลาด เพราะความโง่มันลากไปวันหนึ่ง ๆ ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับ จะเอาความฉลาดมาจากไหน
ท่านทั้งหลายมาศึกษาอบรมอรรถธรรมนี้ ให้ดูให้ดี อย่ามาเล่น ๆ ศาสนาเวลานี้กลายเป็นส้วมเป็นถานไปแล้ว ส้วมถานขึ้นเหยียบทองคำทั้งแท่ง จนจะไม่มีอะไรเหลือในชาวพุทธเราแล้ว ไปที่ไหนมีแต่ความเห่อ เห่อตั้งแต่เรื่องของกิเลส ๆ ทั้งนั้นมันดูไม่ได้ แล้วใครเอาความสุขความเจริญที่เลิศเลอเพราะวิ่งตามกิเลสมาอวดกันบ้างซิ ว่าข้ามีความสุข ข้าวิ่งตามกิเลส ข้ามีความสุขที่ตรงไหนมันไม่เห็นมี มีแต่ไฟเผาอยู่ในหัวอก ๆ ข้างนอกเอามาประดับประดาตกแต่งหลอกลวงกันไป ข้างในเป็นไฟ ๆ สุมอยู่ในหัวใจไม่กล้าจะพูดออกมาได้ นอกจากคนใกล้ชิดติดกันก็ระบายสู่กันฟังบ้าง ไฟในหัวใจนี่กิเลสมันสร้างขึ้นมา ถ้าธรรมในหัวใจอยู่ที่ไหนเย็นไปหมด สงบเย็นกายเย็นใจด้วยธรรมนี้ เย็นผิดทั้งหลายนะ ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ทุกคน ๆ
พระนี้มามากทุกวัน ๆ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ถ้าพระหาสาระไม่ได้แล้ว จะไม่มีอะไรเป็นความหมายในเมืองไทยซึ่งเป็นแดนแห่งชาวพุทธนะ จะไม่มีอะไรเป็นความหมาย ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ ธรรมคือธรรมเลิศเลอมาตลอด ความเลวร้าย ๆ มาตลอด มันแข่งกันอยู่เวลานี้ แต่ฝ่ายกิเลสเหนือกว่า ๆ ตลอดเวลา ใครก็สมัครไปตามกิเลสทั้งนั้น ๆ สมัครไปตามธรรมมีน้อยมากทีเดียว ให้จำเอานะลูกหลาน เราสอนทุกวัน ๆ นี่หลวงตาก็จวนจะตายแล้ว มองดูที่ไหนมันขวางหูขวางตาในสายตาของธรรม หลวงตาบัวก็บอดแต่ธรรมท่านไม่บอดนั่นซิ มองไปไหนจ้า ๆ ไปหมดจะว่าไง นี่ละธรรมศาสดาสอนโลก เราทั้งหลายยังหัวเราะเยาะเย้ยต่อศาสดาด้วยอำนาจของกิเลสพองตัวใหญ่ ๆ นั้นอยู่เหรอ เอาไปพิจารณานะ เอาละทีนี้จะให้พร
หลังจังหัน
วันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนม์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพ่อเป็นแม่อันใหญ่หลวงแห่งชาติไทยในจำนวนคน ๖๒ ล้านคนเป็นอย่างน้อย วันนี้ควรที่พี่น้องทั้งหลายทุกคนซึ่งเป็นลูกเต้าของท่านได้พากันระลึกกราบไหว้บูชาท่าน และทำบุญกุศลเป็นที่ระลึกด้วยในวันเช่นนี้ เช่น ทำบุญตักบาตรการกุศลใด ๆ ก็ตาม ควรจะทำให้เป็นที่ระลึกของพ่อชาติบ้านเมืองของเรา แม้แต่สัตว์ก็มีพ่อมีแม่ มนุษย์เราไม่มีพ่อแม่ได้ยังไง เมืองไทยเราก็มีพ่อมีแม่ วันนี้เป็นวันสำคัญ คือวันเฉลิมพระชนม์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นพ่อของเราทั่วประเทศไทย ขอให้พากันรำลึกคิดถึงท่าน แล้วการจะสร้างความชั่วช้าลามกทั้งหลายนี่ขอให้ระลึกถึงพ่อถึงแม่นะ อย่าไประลึกถึงแต่ความอยากทำอย่างเดียว ความอยากทำส่วนมากเป็นนิสัยของจิตที่มีกิเลสฝังอยู่ภายในนั้น และเป็นตัวเจ้าอำนาจมากมักแสดงออกมาก่อน ทำให้อยากทำสิ่งนั้น อยากทำสิ่งนี้ ส่วนมากมีแต่ความชั่ว
เฉพาะวันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนม์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพ่อของพี่น้องชาวไทยเราได้ปรากฏในวันนี้นั้น ขอให้พากันรำลึกกราบไหว้บูชา ทำบุญอุทิศถวายพระองค์และบรรดาสัตว์ทั่วโลกดินแดน แล้วก็ย้อนเข้ามาทำความระลึกถึงตัวว่าพ่อเรา เอ้าพูดชัด ๆ เลยว่า พ่อของเราพระองค์นี้ คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านพาลูกเต้าเหล่ากอของท่านทั่วประเทศไทยตั้ง ๖๒ ล้านคนทำบาปทำกรรมที่ไหนไหม และพระองค์ประทานโอวาทหรือสั่งสอนว่า ให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นลูกของพระองค์ทั้งลูกหญิงลูกชาย ให้พากันไปทำความชั่วช้าลามกเป็นที่ระลึกเฉลิมพระชนม์ของพ่อ อย่างนี้เคยมีไหม พิจารณาให้ดี
วันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนม์ ซึ่งเป็นวันเลิศเลอแห่งพี่น้องชาวไทยเรา ได้ประกาศบูชาพระองค์ เป็นพิธีการทุกแห่งทุกหนตามจังหวัดต่าง ๆ วันนี้ พระองค์ไม่เคยชักชวนบรรดาประชาชนทั้งหลายในแดนแห่งเมืองไทยของเรา ให้พากันทำความชั่วช้าลามก อย่างนี้ไม่เคยมี มีแต่ชักชวนให้พากันทำความดิบความดี ระลึกถึงบุญถึงคุณตั้งแต่พ่อแม่ของเราลงมา นี่ก็พระมหากษัตริย์ท่านเป็นพ่อเป็นแม่ สมเด็จพระบรมราชินีนาถเป็นพ่อเป็นแม่ของคนทั้งประเทศของเรา เราจึงควรระลึกเป็นอย่างมากทีเดียว เช่นวันนี้ระลึกถึงบุญถึงคุณของพระองค์ ทำบุญอุทิศถวายพระองค์ แล้วอุทิศส่วนกุศลแก่บรรดาสัตว์ทั้งหลาย
แล้วก็รวมเข้ามาสู่ตัวของเรานี้ว่า ให้พยายามทำความดิบความดี ให้สมพระองค์มีพระเจตนาเมตตาสงสารพวกเราทั้งหลายอยู่มาก ชักชวนให้แต่สร้างคุณงามความดี ไม่ให้สร้างความชั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกท่านจะให้แสดงออกทางความดี ที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนตนและส่วนรวมมากน้อย จึงขอให้ระลึกถึงพระโอวาทหรือพระรำพึงของพระองค์ซึ่งมีประจำต่อสัตว์โลกมาเป็นเวลานานก็ได้ รำพึงถึงว่า ไม่อยากให้ผู้ใดในเมืองไทยเป็นคนชั่วช้าลามก เป็นคนไม่ดี หรือเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง พระองค์ไม่ประสงค์ พระองค์สร้างพระบารมีมาประจำตลอดเวลา และแนะนำสั่งสอนประชาชนทั้งหลายตั้งแต่ความดิบความดี
เราเป็นลูกเต้าเหล่ากอของพระองค์ ก็ให้พากันระลึกถึงแต่ความดี สร้างแต่ความดี นี่จะเป็นสิริมงคลแก่พี่น้องทั้งหลายนะ เรื่องความชั่วมีดาษมีดื่น แหม จนกระทั่งจะดูไม่ได้เลย เราพูดจริง ๆ ท่านทั้งหลายให้ฟังเอานะ ภาษาธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาทีเดียว เรียกว่าภาษาธรรม พูดอ้อมแอ้ม พูดร้อยสันพันคม พูดนิ่มนวลอ่อนหวานเพื่อจะต้มจะตุ๋นคนอื่น นั้นเป็นเรื่องของกิเลสทั้งมวล เรื่องของธรรมจะมีตั้งแต่ความจริงล้วน ๆ ออกไป
วันนี้ก็ได้พูดถึงเรื่องคุณงามความดีทั้งหลาย ซึ่งวันนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนม์ของพระองค์ท่าน ก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายจงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่ระลึกภายในใจ เอาให้ได้ทั้งวันวันนี้ ไปที่ไหนอย่าลืม พุทโธ ธัมโม สังโฆ พระองค์ก็ทรงกราบ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่เรากราบอยู่ทุกวันนี้แหละ พระองค์เป็นหนึ่งของพวกเราด้วยซ้ำ เรื่องความขี้เกียจขี้คร้านมีแต่พวกเรา พระองค์เราอยากจะพูดว่าท่านไม่ขี้เกียจ การสอนก็มีแต่สอนอยากให้เป็นคนดิบคนดี ไม่ขี้เกียจ แต่พวกขี้เกียจทำความดีนี่คือพวกเรา ให้ระวังให้ดีตรงนี้ มันขัดแย้งต่อพระโอวาทท่าน ให้พากันสร้างคุณงามความดี
อย่าลืมคำว่าพุทธศาสนานี้ เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ในปัจจุบันนี้คือพระพุทธศาสนาของเราที่เรียกว่าสมณโคดม ขอให้กราบไหว้บูชาระลึกท่านเป็นขวัญใจอยู่ตลอดเวลา พุทโธคำเดียวกระเทือนทั่วแดนโลกธาตุ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้มีจำนวนมากขนาดไหน ธรรมที่ปรากฏขึ้นจากการค้นพบของศาสดาแต่ละองค์ ๆ นี้ครอบโลกธาตุ แล้วพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ นี้มีจำนวนเท่าไร ที่เราได้เปล่งถึงอยู่ทุกวันนี้ว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ส่วนมากเราจะระลึกถึงพระสงฆ์ในปัจจุบันที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดมเรา เราไม่ค่อยระลึกหรือไม่ระลึกถึงพระสงฆ์ทั้งหลายที่มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์มาเป็นสรณะของพวกเรา เราไม่ค่อยได้คิด วันนี้ขอให้พี่น้องทั้งหลายระลึกถึงบ้าง
คำว่าพุทโธคำเดียวนี้กระเทือนทั่วพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เทียบกับท้องฟ้ามหาสมุทร ฟังซิมากไหมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแต่ละพระองค์ ๆ นี้กลายเป็นธรรมธาตุ ๆ ครอบโลกธาตุ พระธรรมพระพุทธเจ้าทรงรู้ โลกถึงได้เห็นธรรมรู้ธรรมได้ปฏิบัติตามธรรม ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าทรงรื้อฟื้นขึ้นมาแล้วจะไม่มีใครรู้ใครเห็น เกิดแล้วตายเล่าก็อยู่อย่างนั้น นี่พระธรรมเกิดขึ้นจากพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ก็คือพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประทานพระโอวาทให้ ได้ปฏิบัติตามจนได้บรรลุธรรม เรียกว่าตรัสรู้หรือบรรลุธรรมก็ได้ ถึงแดนแห่งความพ้นทุกข์ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้มากแสนมากถ้าเราจะพูดตามหลักความจริง ไม่พูดแบบกิเลสมันบอกว่าเหลือเชื่อ กิเลสถ้าเป็นความดีแล้วมันว่าเหลือเชื่อ ถ้าเป็นความชั่วมีโคตรมีแซ่ของกิเลสเท่าไร ลากเข็นกันมาหมดเลยมาเชื่อ ถ้าเป็นทางความชั่วแล้วกิเลสลากโคตรลากแซ่มาเชื่อด้วยกันหมด แล้วลากสัตว์ทั้งหลายให้ไปทำความชั่วเหมือนกันหมด ถ้าสัตว์ทั้งหลายมีโคตรมีแซ่ พวกนี้ก็จะวิ่งตามกิเลสไปทำความชั่วช้าลามกทั้งหมด ทั้งโคตรทั้งแซ่เลยแหละ
ต้องขออภัยนะพูดไปหลงลืมไป มันไม่สืบไม่ต่อ นี่ละเรื่องพระสงฆ์สาวกตรัสรู้ธรรมขึ้นมามากขนาดไหน พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมแล้วเรียกว่าเป็นธรรมธาตุมากแสนมาก แล้วเป็นมานานแสนนาน พูดอย่างนี้ใครจะไม่เชื่อ ว่าพระพุทธเจ้ามีมากขนาดไหน ก็ตรัสรู้มานี้เรานับได้ที่ไหน ต้นอยู่ที่ไหน ปลายอยู่ที่ไหน พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ ตรัสรู้มาเรื่อย ๆ ถึงจะเป็นเวลาช้าก็ตาม แต่ตรัสรู้ไม่หยุดไม่ถอย ตรัสรู้มาเรื่อย ถ่ายกันมาเรื่อย แล้วยังจะมีไปข้างหน้าอีกไม่สิ้นสุด พระพุทธเจ้าตรัสรู้กันมาเรื่อย ๆ พระธรรมปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ จากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ๆ พระสงฆ์ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ นี่มีจำนวนมากขนาดไหน
เราได้กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นี้เรียกว่าเรามีอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภาร ถึงได้เกิดมาพบพุทธศาสนา แล้วก็ได้กราบไหว้บูชาและได้ปฏิบัติตามพระโอวาทคำสอนของพระพุทธเจ้า นับว่าเป็นประโยชน์แก่เราและสังคมทั่ว ๆ ไป เฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยเราเป็นสังคมแห่งชาวพุทธเสียมากต่อมาก อย่าลืมคำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ถ้าหากว่ามันจะคิดทำความชั่วช้าลามกทั้งหลาย ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะวันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนม์ ให้ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระเมตตาต่อพี่น้องชาวไทยเรา อย่างน้อย ๖๒ ล้านคน ความชั่วที่ระลึกขึ้นนั้นจะระงับไปด้วยพระบารมีของพระองค์ท่าน ช่วยระงับให้เราไปด้วย ให้พากันระลึกถึงคุณงามความดี
วันเช่นนี้เป็นวันสำคัญ พระองค์เป็นผู้สำคัญ เราก็ระลึกถึงเป็นวันสำคัญ แล้วมานึกถึงธรรมในหัวใจของเราให้เป็นของสำคัญมากยิ่งขึ้นอีกนะ แล้วเราจะมีความสุขความเจริญ มีความสงบร่มเย็น และจะได้จากธรรมนี้ทั้งนั้น สิ่งอื่นที่จะได้ให้เป็นความสงบร่มเย็นนอกเหนือจากธรรมแล้วไม่มี เรื่องของกิเลสนี้ ที่สัตว์โลกทั้งหลายชอบนักชอบหนาดื่มด่ำที่สุดตลอดมา ไม่เคยมีวันจืดจางเลย นี่คือเรื่องของกิเลส อ้าว หลงไปแล้วนะพูด เอาละ เราจำได้ตรงไหนก็พูดตรงนั้นละนะ เพราะเวลานี้หลวงตาก็แก่แล้ว อายุขนาดนี้แล้วพูดหลงหน้าหลงหลัง ตรงไหนจำได้ก็พูดออกมาตรงนั้น ท่านทั้งหลายจำเอาตามนั้นก็แล้วกัน นี้หลงหน้าหลงหลังแล้ว
เราพูดถึงเรื่องกิเลสมั้ง ที่ว่าเชื่อตามกิเลส กิเลสฉุดลากไปนี้ไม่มีวันเบื่อหน่ายอิ่มพอ แล้วพาสัตว์ทั้งหลายให้จมอยู่ในกองทุกข์นี้ก็มากแสนมากนานแสนนาน ก็ไม่มีใครรายใดเบื่อหน่ายอิ่มพอ พอพูดออกมา โอ๊ย เป็นทุกข์อย่างนั้นอย่างนี้ มีครูบาอาจารย์มาสอนพอรู้ว่ากิเลสบ้าง อ๋อ เป็นทุกข์เพราะกิเลสมันดัด ว่าเท่านั้นละนะ จากนั้นกิเลสกระซิบไปทางความชั่ว หือ ๆ ขึ้นเลยนะ เป็นบ้าเลย เป็นอย่างนั้นนะพวกเรา กิเลสกระซิบเท่านั้นพอแล้ว ดีไม่ดีหูขาด มันยังไม่ได้มาจูงหูเรา เราจับหูให้มันดึงเสียก่อน หูขาด นี่ละกิเลสเก่งขนาดนั้น ธรรมะเบื้องต้นยังไม่เก่ง หากเป็นนิสัยของผู้มีธรรมอยู่ภายในใจ คิดอยากทำบุญทำทาน คิดอยากสร้างกุศลผลบุญประเภทต่าง ๆ มันหากเป็นอยู่ในจิต นี่เรียกว่านิสัยแห่งบุญแห่งกุศลติดใจของผู้นั้น หากเป็น หรือการทำความชั่วนี้ขยะ ๆ มันหากเป็นอยู่ในจิต การทำความดีอยากทำ ๆ ไม่มีใครบอกก็เป็นในใจ นี่เรียกว่านิสัยแห่งความดี
คนมีนิสัยหยาบจะทำตั้งแต่ความชั่ว คนมีนิสัยดีมักจะทำความดี ไม่มีใครบอกมันหากเป็นอยู่ในใจของมัน ถึงไม่มาก แสดงเพียงเท่านี้ก็ตาม เวลาธรรมมากเข้า ๆ ธรรมนี้จะเด่นขึ้น เด่นขึ้นภายในหัวใจ เพราะคำว่าธรรม แตกออกไปก็เป็นบุญเป็นกุศล เป็นบาปเป็นกรรมแยกประเภทออกไป เวลาเราคิดถึงเรื่องบุญเรื่องกุศลนี่เป็นเรื่องของธรรม ธรรมก็ตักตวงเอาบุญกุศลเข้ามาใส่ใจ เวลากิเลสมีอำนาจมากกิเลสดึงไปก็สร้างแต่บาปแต่กรรม ออกจากหัวใจดวงเดียวกันนี้นะ
กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี อย่าเข้าใจว่าจะมีมาจากไหน เกิดขึ้นที่ไหนได้ นอกจากเกิดขึ้นที่ใจของสัตว์นี้เท่านั้น มันมีอยู่ในใจของเรา มีทั้งฝ่ายกิเลสและฝ่ายธรรม เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เรายังมีครูมีอาจารย์สอนอีก มีธรรมท่านสอนไว้อีก เราก็ควรจะแน่ใจว่าบาปบุญเกิดอยู่ที่ใจ เพราะกิเลสกับธรรมเกิดที่ใจ กิเลสพาให้สัตว์ทำบาป ธรรมความดีพาให้สัตว์ทำดี อยู่ในใจของเรา ให้เราพยายามเดินไปตามธรรมนี้ก่อน ถึงไม่แสดงมาก ธรรมเป็นความรู้สึกภายในจิตใจ อยากทำแต่ความดีทั้งหลาย เพียงเท่านี้ก็เอา อยากทำเราก็ทำตามนิสัยของเรา ตามกำลังของเรา ครั้นทำไป ๆ ก็มากขึ้น ๆ เราสั่งสมความดี ความดีมากขึ้น สั่งสมความชั่ว ความชั่วก็มากขึ้น เช่นเดียวกัน นี่เราสั่งสมความดี แล้วหนักเข้า ๆ ความดีจะเด่นขึ้น เด่นขึ้นภายในจิตใจ
เอ้า เข้ามาปัจจุบันคือตัวของเรา เวลาเริ่มต้นเช่นเรามาภาวนาจะเอาให้หลุดพ้นจากทุกข์ ฟาดลงไป ทีแรกล้มลุกคลุกคลาน ครั้นต่อมาตะเกียกตะกาย ล้มแล้วลุกได้ ๆ ล้มเร็วลุกเร็ว ไปได้ ๆ ต่อไปก็หนักเข้า ๆ จิตใจก็ค่อยสว่างไสวขึ้นไป ทีนี้ความอยากมันเลยคำว่าบุญไปแล้ว มีแต่อยากพ้นทุกข์ ๆ โดยถ่ายเดียว บุญก็เป็นเครื่องหนุนให้พ้นทุกข์ อยากพ้นทุกข์ไปเลย นั่น อำนาจแห่งบุญถึงใจแล้ว มันเข้าถึงใจแล้ว บุญเข้าถึงใจแล้วใจนี้หมุนที่จะออกโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ให้พ้นทุกข์ ๆ นี่ละเกิดขึ้นที่ใจ เมื่อเวลาธรรมมีกำลังมากเท่าไรก็ชำระกิเลส ที่เป็นตัวเศร้าหมองมืดตื้อและเป็นภัยต่อสัตว์อยู่ภายในจิตใจนั้นออกได้โดยลำดับ ๆ จนกระทั่งชำระหมดโดยสิ้นเชิง ถ้าศัพท์พระพุทธเจ้าก็ว่าตรัสรู้ธรรม พ้นทุกข์ในขณะนั้น พระสาวกก็เรียกว่าบรรลุธรรมพ้นทุกข์ในขณะนั้น
นี่คือธรรมมีอำนาจแล้ว สังหารกิเลสให้ขาดสะบั้นลงจากใจ บรรลุธรรมขึ้นมา เรียกว่าถึงแดนพ้นทุกข์แล้วในขณะที่บรรลุธรรม หรือตรัสรู้ธรรม นี่ธรรมมีอำนาจเป็นอย่างนี้ เราสร้างขึ้นเรื่อย ๆ มีอำนาจขึ้น ๆ พ้นทุกข์ได้ด้วยอำนาจแห่งธรรมแห่งความดีทั้งหลาย แต่กิเลสนี้ถ้าบืนไปตามมันยิ่งเป็นทุกข์มาก ๆ ท่านก็บอกไว้แล้วกิเลสพาสัตว์ให้ล่มจม ธรรมพาสัตว์ให้ฟื้นฟู เราก็ควรจะจำเอา ให้เชื่อ ๆ พระพุทธเจ้านะทุกคน ๆ เชื่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อเรานั่นคือกิเลสนะอยู่ในหัวใจเรา แล้วจะจมไปตามมันทั้งนั้น ให้พากันจดจำเอา วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้จะไม่พูดมากมายอะไรละ ให้พากันนำไปประพฤติปฏิบัติก็แล้วกัน ถ่ายทอดกันเพียงแค่นี้ก็เอาแหละ เหนื่อย
โยม โทรทัศน์ช่อง ๑๑ และวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ อยากจะขอกราบอาราธนาหลวงตาว่า วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากจะขอข้อธรรมะจากหลวงตาว่า พ่อที่ดีของครอบครัวควรจะเป็นอย่างไรครับ
หลวงตา พ่อที่ดีของครอบครัว เราคนหนึ่งก็เป็นพ่อของเด็ก เป็นผัวของเมียอยู่แล้ว เราเป็นพ่อประเภทใด ลูกเขายอมรับไหมว่าพ่อเรานี้ดีหรือยอมรับเพียงว่า พ่อเรานี้เลวอย่างงั้นเหรอ เมียยอมรับว่าผัวเฉย ๆ แต่ผัวเรานี้เลวอย่างนั้นใช้ไม่ได้นะ เข้าใจเหรอ เรียกว่ายอมรับ เอ้า ถามมาหลงอีกแล้วนะ
โยม พ่อที่ดีครับ
หลวงตา ธรรมดาของพ่อที่ดีกับลูกนี้ที่ไหน ๆ มันก็ดีเหมือนกัน พ่อกับลูกนี้มันดีด้วยกันทั้งนั้น มหาโจรปล้นบ้านปล้นเมืองเขาได้มาก็เอามาให้ลูกกิน เป็นอย่างนั้นนะ พ่อกับลูกนี้ดีทั้งนั้น ลูกกับพ่อก็ดี แต่ผัวกับเมียนี้ไม่ค่อยดีเสมอไป เมียดีผัวไปหาเที่ยวแต่อีหนูใช้ไม่ได้ อย่างนี้ผัวเลว ถ้าผัวดีเมียก็ไปหาเกี้ยวแต่ไอ้หนู นี่ก็เรียกว่าเมียเลวใช้ไม่ได้ ถ้าให้ดีคือยังไง ผัวก็ดีเมียก็ดี มีความพอดีเป็นพื้นฐาน คือมีผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้น ตามเยี่ยงอย่างประเพณีของชาวพุทธเรา ไม่สร้างความชอกช้ำให้แก่กันและกันในระหว่างคู่ครองทั้งสอง นี่เป็นมงคล เรียกว่าผัวดีเมียก็ดี ลูกก็ดีพ่อก็ดีเพราะรักลูก แต่อย่าไปหาฉกหาลักมาให้ลูกกินนะ ลูกที่ดีก็ถ้าพ่อไปหาขโมยของมาให้กินลูกไม่ควรกิน ถ้ารู้ภาษีภาษานะ ปาเข้าป่าหรือปาใส่หน้าผากพ่อ เข้าใจไหม พ่อแม่ทั้งหลายเขาเอาอาหารมาเลี้ยงลูกเขาไม่ได้ขโมยเอามาเลี้ยงเหมือนพ่อคนนี้นะ ลูกเอาอาหารนั้นปาใส่หน้าพ่อ พ่อก็ไม่ควรดุลูก เพราะลูกสอนพ่อเข้าใจเหรอ เอ้า มีอะไรถามมาอีก
นักข่าว หลวงตาครับ สมัยที่หลวงตาเป็นเด็ก ๆ อยู่นั้นไม่ทราบว่าพ่อของครอบครัวต่าง ๆ ในสมัยโบราณเป็นอย่างไร หลวงตาพอจะยกตัวอย่างให้ญาติโยมฟังได้ไหมครับ
หลวงตา เอ้า โบราณเป็นยังไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้นละ โบราณของคนดีก็มีคนชั่วก็มี ก็มีอย่างเดียวกัน คนโบราณถ้าหากจะพูดตามสิ่งแวดล้อมแล้ว โบราณเราคนไม่มากเรื่องไม่ค่อยมาก ความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวายก็ไม่ค่อยมาก ทีนี้เวลาคนมากขึ้นมาเรื่องก็มาก ๆ ก็สร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวายมากขึ้น ๆ จึงควรมีธรรมเป็นเครื่องระงับดับให้อยู่ในความพอเหมาะพอดี แม่น้ำมหาสมุทรถึงจะกว้างมันก็มีฝั่งของมัน คนเราก็เอาธรรมะเป็นฝั่งให้อยู่ในขอบเขตแห่งธรรม อย่าดีดอย่าดิ้นเลยฝั่งแห่งธรรมแล้วจะจมลงนรกอีก ก็เท่านั้น มีอะไรอีก
นักข่าว ในสังคมปัจจุบันนี้ลูกหลานเยาวชนจะไปในทางฟุ้งเฟ้อกันไปหมด ลูกที่ดีควรจะปฏิบัติต่อพ่อต่อแม่อย่างไรครับ
หลวงตา ธรรมดาพ่อแม่ก็อยากให้ลูกดี ลูกก็อยากให้พ่อแม่ดี ไม่ทราบว่าจะให้ดีแบบไหนก็ไม่ทราบ เพราะลูกทุกวันนี้มันก็เลอะเทอะ เหตุที่เลอะเทอะเพราะพ่อกับแม่พาให้เลอะเทอะ มันมีแบบพิมพ์มาเหมือนกัน ถ้าไม่ได้แบบพิมพ์จากพ่อจากแม่มันก็ไปได้ตัวอย่างมาจากเพื่อน ๆ ฝูง ๆ สังคมต่าง ๆ ที่ไม่ดี เลยกลายเป็นสังคมเลอะเทอะ คนเลอะเทอะ ไปที่ไหนมีแต่คนเลอะเทอะ เด็กเลอะเทอะผู้ใหญ่เลอะเทอะ หญิงเลอะเทอะชายเลอะเทอะ ทั่วประเทศไทยมีแต่คนเลอะเทอะดูไม่ได้นะ นี่คือไม่มีธรรมครองใจ ไม่มีธรรมเป็นเครื่องกำกับรักษา ธรรมคือความดีงามทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าธรรมไม่ว่าประเภทใดถ้าเป็นธรรมแล้วจะดีเป็นขั้น ๆ เลวไม่มี แต่กิเลสเลวตลอด ตั้งแต่พื้นเพของกิเลสจากลูกจากหลาน ปู่ ย่า ตา ยาย โคตรแซ่ของกิเลสเป็นสกุลที่เลว สกุลที่ต้มตุ๋นหลอกลวงสัตว์โลกให้ล่มจมได้ทั้งนั้น แต่ธรรมถ้ายกเป็นสกุลแล้ว เป็นสกุลธรรมมาตั้งแต่ดั้งเดิม ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นสกุลที่รื้อฟื้นสัตว์ทั้งหลายขึ้นจากความล่มจม ให้สู่แดนพ้นทุกข์เป็นลำดับ ๆ ได้จนกระทั่งถึงนิพพาน เพราะอำนาจแห่งธรรมเป็นเครื่องรื้อฟื้นนี้ทั้งนั้น แล้วมีอะไรอีกล่ะ
นักข่าว หลวงตาครับ พวกเราคนไทยเป็นลูกของพระเจ้าอยู่หัวทุกคน หลวงตาอยากชวนพวกเราให้ทำอะไรถวายในหลวงครับ อยากจะให้หลวงตาแนะนำครับผม
หลวงตา ตะกี้นี้ก็ชวนแล้วนี่ นอกจากมันขี้เกียจคนไทยเรามันไม่ทำเท่านั้นแหละ เข้าใจเหรอ ให้บำเพ็ญความดี ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อุทิศส่วนกุศล ถวายพระองค์ ซึ่งมีพระเมตตาอยู่แล้วกับพี่น้องชาวไทยเราตั้ง ๖๒ ล้านคน ตะกี้นี้พูดไปแล้วอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ เอ้า มีอะไรว่าไปอีก
นักข่าว วันที่ ๑๐ ธันวาคมนี้หลวงตาจะนำทองคำเข้าคลังหลวงอีก อยากให้หลวงตาพูดถึงเรื่องนี้ครับ
หลวงตา ก็จะเอาเข้าจริง ๆ ถ้าจะให้พูดเพิ่มอีก ก็ต้องไปหามาเพิ่มอีก เราจะได้พูดบอกว่าเราได้ทองคำมาเพิ่มเท่านั้น อันนี้ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วกับช่างหลอมเขาว่า ๕๐๐ กิโล วันที่ ๑๐ นี้จะมอบ แต่ดอลลาร์นี้ไม่แน่ ค่อนข้างแน่อยู่เวลานี้ก็จะได้ประมาณสัก ๒ แสน เพราะเรามีอยู่ในบัญชีเพียง ๒ แสนกว่า ไม่มากนัก จึงพูดได้เพียงแค่ว่า ๒ แสน ถ้าหากว่าได้เพิ่มมากกว่านั้น เราก็จะเข้าพร้อมกัน ก็มีเท่านั้น ทองคำถ้าหากว่ามีผู้มาบริจาคเพิ่มเติมวันนั้นก็ไม่แน่นักนะว่าเรากำหนดไว้ ๕๐๐ กิโลนี้ คือมีเท่านี้เสียก่อน ถ้ามีผู้มามอบหรือมาทำบุญให้ทาน ถวายเข้าในคลังหลวงอีกเท่าไร คิดเป็นจำนวนมากแล้วเข้าอีกเพิ่มอีก ๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ตามกำหนดที่ตายตัวไว้แล้วนี้คือ ๕๐๐ กิโล เข้าในวันนั้น แล้วมีอะไรอีกล่ะ
นักข่าว ตอนนี้คนไทยไปมัวเมาในยาเสพย์ติด กันมากขึ้นทุกวัน ๆ อยากจะให้หลวงตาช่วยชี้ทางสว่างให้หน่อยครับ
หลวงตา อู๊ย.อย่างนี้เราก็ไม่อยากพูดนะ จะว่ายังไง เขาติดกันมาสอนกันมา มามากต่อมากแล้ว มันก็อย่างว่าบืนเข้า ๆ อยู่ในเรือนจำ เรือนจำเป็นที่ดัดสันดานของคนสร้างโทษสร้างกรรม มันก็รู้อยู่ แต่มันไปในเรือนจำเต็มทั้งหญิงทั้งชาย มีแต่คนสร้างความชั่วเต็มอยู่นั้น แล้วนี่เขากินยาเสพย์ติด เราห้ามว่าอย่ากินนะ ถ้าเขาหยุดตามเราแล้ว โอ๊ย.หลวงตาบัวนี้เป่าพุดเดียวเลย ให้หมดทั้งประเทศไทยไม่มีใครกินยาเสพย์ติด นี้เป่าก็หมดลมเปล่า ๆ เราเลยไม่อยากเป่า สอนก็ไม่อยากสอน มันก็จะหมดลมอีกจะว่ายังไง อ้าว จริง ๆ นะมันติดได้ มันมาได้ทุกแบบทุกฉบับ เพราะคนชั่วมีมาก มันจะซอกแซกซิกแซ็กเข้าไปหาคบค้าสมาคม เรียกว่าหาผลรายได้จากใครต่อใคร ยิ่งเด็กด้วยแล้วมันยิ่งเข้าได้สนิท ตีสนิทเข้าในแบบนั้นแบบนี้ เดี๋ยวสอดยาเสพย์ติดเข้าไปกิน กินแล้วหงายหมาเลย เข้าใจไหมกินแล้วหงายหมา ไม่เป็นท่า ถ้าลงใครได้ติดยาเสพย์ติดแล้วไม่มีฟื้นได้เลย เรียกว่าหงายหมาเข้าใจไหม ถ้าหงายแมวพอติดแล้วฟื้นได้แก้ตัวเอง เรียกว่าหงายแมวตบได้แก้ไขได้ ถ้าหงายหมาแล้วร้องแต่แหงก ๆ มีเท่าไรกินหมดแล้วเจ้าของก็จมไปเลยไม่มีทางแก้ตัวได้ คนประเภทนี้เรียกว่าคนประเภทหงายหมาไม่เป็นท่า คนประเภทที่รู้ตัวแล้วกลับแก้ไขตัวเองให้เป็นคนดีเป็นปรกติตามเดิมแล้วเรียกว่าหงายแมว แก้ตัวได้เข้าใจไหม พวกเรานี้พวกหงายหมาหรือพวกหงายแมว เราอยากถามสักหน่อยน่ะ ถ้าไม่กินก็ไม่หงายแบบคนเข้าใจไหม เรารู้แล้วเราเราไม่กิน ถ้าหากว่ากินแล้วรู้เนื้อรู้ตัวแล้วแก้ไขดัดแปลงให้เป็นหงายแมว อย่าให้เป็นหงายหมา เลวกว่าหมานะเข้าใจไหม คือหงายหมา หมาไม่ได้ติดยา เราหงายหมาเราติดยา สู้หมาไม่ได้เข้าใจไหม มีอะไรอีกล่ะ
นักข่าว หมดแล้วครับ
หลวงตา หมดแล้วเหรอ เป็นยังไงพอเป็นคติได้บ้างไหมละวันนี้ ที่ถามที่ตอบวันนี้นะ มันก็ขึ้นอยู่กับคำถามบ้าง แล้วขึ้นอยู่กับภูมิผู้ตอบด้วยเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับการถาม ถามมาในแง่ใด ๆ การตอบมันก็ออกรับกัน ๆ เป็นธรรมดา แค่นี้ก็เห็นจะพอสมควรละนะ
โยม หลวงตาเจ้าคะ ภาวนาแล้วจิตฟุ้งซ่าน เสื่อมถอย จะละทิ้งการภาวนาจะแก้ไขอย่างไรคะ
หลวงตา สาเหตุที่ให้ฟุ้งมันมีเหตุเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ไม่พอใจ จิตมันไปประหวัด ๆ ดึงเข้ามามันไม่เข้าเรียกว่า จิตฟุ้งซ่าน
โยม มันเข้าเดี๋ยวมันก็ออกเจ้าค่ะ
หลวงตา มันก็ออกแหละ ไม่ใช่คนตายนี่ นอนแล้วยังตื่นวะ ก็ให้มันเข้าเถอะน่ะ มันไม่เข้าเลย ออกเตลิดเปิดเปิงดูไม่ได้ เราอยากได้ฟังบรรดาพี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธพูดถึงเรื่องจิตตภาวนาบ้าง การให้ทานนี้เป็นพื้นฐานของชาวพุทธเรายกนิ้วให้เลย ไปภาคไหนเหมือนกันหมด พื้นฐานแห่งชาวพุทธเราคือการให้ทาน การเสียสละ การสงเคราะห์สงหากัน เหมือนกันทุกภาค เพราะหลวงตาได้เที่ยวหมดทุกภาคเลย แต่ศีลนี้รู้สึกว่ามีน้อยมากนะ ภาวนานี้สำหรับประชาชนทั่ว ๆ ไป ไม่ค่อยจะมีกันเลย พระแทนที่จะนำหน้าเขากลับถอยหลัง พระก็ไม่ได้เรื่องการภาวนา มีเยอะพระในประเทศไทยเรา นับแต่หลวงตาบัวไป เคยภาวนาไม่เคยภาวนาก็อยู่ที่นี่ด้วยกันนั้นแหละ
เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ภาวนาบ้าง ถ้าอยากจะเห็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นมาตามทางของศาสดาที่เปิดโล่งไว้แล้ว จากที่ทรงรู้ทรงเห็นแล้วนั้นแหละ เปิดเผยออกมา มันเห็นจริง ๆ จะให้ว่ายังไง สามแดนโลกธาตุนี้มาค้านไม่มีหวั่น เหมือนคนตาดีเพียงคนเดียว คนเต็มศาลานี้ตาบอดหมด แล้วจะเอาใครเป็นประมาณ เอ้า ว่าดูซิ จะเอาคนตาบอดเป็นประมาณหรือเอาคนตาดีเป็นประมาณ ถ้าเอาคนตาดีเป็นประมาณได้ตามหลักความจริงแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอก โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งแทงทะลุทั้งโลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง นี้เอาเป็นประมาณได้ สัตว์โลกหูหนวกตาบอดมาสามแดนโลกธาตุเอาเป็นประมาณไม่ได้ ถ้าเอาเป็นประมาณได้ยกขึ้นมาเป็นศาสดาซิ มันไม่มีใครมาเป็นได้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว
นี่ละธรรมถ้าลงได้ปรากฏขึ้นในใจแล้วมันอาจหาญขึ้นนะ ก็มันเห็นอยู่นี่ ตาบอดมันก็ลูบ ๆ คลำ ๆ จับมือมันใส่นี่น่ะ มันก็ยังไม่เห็น จับมือไสเข้าไปหานี่น่ะ ๆ มันยังไม่เห็น คนตาบอดผู้มันมืด ๆ บอกเท่าไรมันไม่ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเลยคนประเภทนี้ ประเภทที่บอดหนาสาโหดที่สุดไม่มีบุญมีบาป เหลือแต่ร่างกระดูกกับใจที่ครองร่างอยู่นี้ ใจมืดใจดำนี่ละจะพาจมนรกอีก เป็นอย่างนั้นนะเรื่องตาบอด
นี่ละพระพุทธทรงรู้ทรงเห็นมาอย่างนี้มาสอนโลก เอ้า ปฏิบัติซิ แม้ภูมิของสาวกผู้มีความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่ภูมิของศาสดาก็ตาม จะเป็นพยานพระพุทธเจ้าได้อย่างมั่นใจหรือแน่ใจ จะทรงวางพระทัยได้หมดเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า เมื่อได้รู้ปั๊บแล้วกลับเลย จะไปทูลถามพระพุทธเจ้าอยู่ก็ไม่ไป คือตัดสินใจได้แล้วจ้าขึ้นมาแล้ว พระพุทธเจ้าคืออะไร ผางขึ้นมาในใจแล้วกลับ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต เห็นธรรมประเภทแบบเดียวกันนี้แหละ ไม่มีแปลกต่างกัน ถ้าลงได้ถึงขั้นบริสุทธิ์ผึงแล้วแบบเดียวกันหมด
เหมือนกับแม่น้ำมหาสมุทร แม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลเข้ามานี้ยังไม่เรียกเป็นแม่น้ำมหาสมุทรนะ ไหลเข้ามา ๆ อันไหน ๆ ที่ถึงมหาสมุทรแล้ว นี้เป็นน้ำมหาสมุทรแล้ว จะว่ามาจากคลองนั้นคลองนี้ไม่ได้ ที่ยังไม่เข้ามายังเรียกได้ ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ พอถึงนั้นเป็นมหาสมุทรด้วยกันหมด จ่อลงปั๊บนี้ถึงกันหมดเลย นี้ละจิตของท่านผู้บำเพ็ญคุณงามความดี บำเพ็ญเข้ามาเหมือนกับแม่น้ำสายต่าง ๆ ก้าวเข้ามา ๆ ผู้ดำเนินบารมีมา ใกล้เข้ามา ๆ พอเข้ามหาสมุทรแล้วเป็นอันเดียวกันหมด ไม่ต้องถามกันว่า มหาสมุทรคืออะไร จ่อลงไปนี้ถึงแล้ว ตั้งแต่มือเราจ่อลงไปทั่วมหาสมุทรหมดแล้ว
บรรดาจิตของท่านผู้สิ้นกิเลสปั๊บเข้าไปอันเดียวนี้เป็น มหาวิมุตติมหานิพพาน ธรรมธาตุได้สมบูรณ์แบบเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์จึงไม่มีแปลกต่างกัน นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ไม่มีความยิ่งหย่อนต่างกัน เท่ากับน้ำมหาสมุทรเช่นเดียวกันหมด เรียกว่าธรรมธาตุ นี่ละพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นธรรมธาตุล้วน ๆ แล้ว มาสอนโลก เมื่อมีพระรูปพระโฉมสรีระอยู่นี้ก็เรียกว่าพระพุทธเจ้า พระสาวก อาศัยร่างกาย พออันนี้ปั๊บแล้วเป็นธรรมธาตุไปเลย ธรรมธาตุนี้ละครอบโลกธาตุอยู่ ที่ว่าธรรมมีอยู่คืออันนี้แล
นี่ละพระพุทธเจ้ารู้อย่างนี้ เพียงสาวกเท่านั้นได้รู้ลงไปนี้ก็เป็นพยานพระพุทธเจ้าได้อย่างเต็มเหนี่ยวเลย ถึงไม่เป็นภูมิของพระพุทธเจ้าก็ตาม ความรู้มีความลึกตื้นหยาบละเอียดต่างกัน อันนี้มีต่างกัน สาวกภูมิกับพุทธภูมิ ภูมิของพระพุทธเจ้านี้เป็นภูมิที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ภูมิของสาวกก็เหมือนกับว่าท้องช้างท้องหนูเข้าใจไหม ช้างกินอิ่มท้องตัวเอง เต็มท้องช้างก็สบาย หนูตัวเท่านี้ก็ตามกินเต็มท้องมันแล้วมันก็สบายเต็มตัวของหนูเต็มตัวของช้าง นี้บรรดาสาวกกับพระพุทธเจ้าก็แบบเดียวกัน เต็มภูมิของตัวเองเหมือนกับหนูเต็มท้องของตัวเอง กินอิ่มแล้วสบาย เข้าใจเหรอ
นี่ละเป็นพยานกันได้อย่างเอกอุทีเดียว ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอมาแต่ไหน เวลานี้ถูกกิเลสมันปิดเอาไว้ไม่ให้เห็นละซิ เหมือนกับน้ำที่อยู่ในบึง ถูกจอกถูกแหนปกคลุมไว้ น้ำเต็มบึงเต็มบ่อก็เหมือนไม่มี มีแต่จอกแต่แหนปกคลุมไว้หมด นี้มีแต่กิเลสปกคลุมไว้หมด น้ำอรรถน้ำธรรมเหมือนไม่มี เพราะกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งเป็นเหมือนจอกเหมือนแหนครอบไว้หมดมันไม่เห็น เพราะฉะนั้นจึงให้ลากจอกลากแหนออก มันจะค่อยสว่างขึ้นมา ๆ
อยากให้พี่น้องทั้งหลายเห็นธรรมพระพุทธเจ้านี่นะ หลวงตาบัวพูดอย่างอาจหาญมาตลอด ท่านทั้งหลายดูซิกิริยาเป็นยังไง เหมือนจะกัดจะฉีก แต่กิเลสตัวเดียวแม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่เคยมีในหัวใจ มีแต่พลังของธรรม พอพูดถึงเรื่องธรรมแล้วผางออกเลย ๆ แล้วแต่ใครจะถามอรรถถามธรรมมากน้อยเพียงไร ที่ควรจะออกหนักเบามากน้อยมันจะเป็นเองของมันผึงทันทีเลย ๆ ทีนี้พวกนั้นมีแต่คลังกิเลส มันก็บอกว่า โอ๊ย.หลวงตานี้ดุ ดุโคตรพ่อโคตรแม่มึงอะไร เราอยากว่าอย่างนั้นเข้าใจไหม ก็มันไม่เคยเห็นธรรมประเภทนั้น มันเห็นตั้งแต่กิเลสเป็นไฟเผาหัวอก พอเห็นกิริยาท่าทาง โอ๊ย.นี่โกรธแล้ว มันว่าอย่างนั้นนะ ก็มันไม่เคยเห็นธรรมชาติความโกรธคืออะไร พลังของธรรม จะแผดขนาดไหนก็เป็นน้ำดับไฟ ๆ ไม่มีพิษมีภัย นั่นเรียกว่า พลังของธรรม พุ่งออกมาเป็นพลังของธรรม กิเลสมีพลัง แสดงออกมาเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้โลก เป็นเถ้าเป็นถ่านได้หมด แต่ธรรมนี้ผึงออกมานี้น้ำดับไฟ ๆ พรึบไปหมดเลย นั่น ต่างกันอย่างนี้นะ ให้พากันเข้าใจ
เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้รู้ได้เห็น มีแต่หลวงตาพูดอยู่คนเดียว ๆ แล้วไม่มีใครได้ปฏิบัติพอได้ยิบ ๆ แย็บ ๆ ให้รู้บ้างเห็นบ้าง เพียงแย็บเท่านั้นมันก็เข้ากันได้นะ ยอมรับ ๆ เป็นลำดับ พอถึงผางนั้นไม่ต้องไปหาพระพุทธเจ้า กราบอยู่ตรงนี้พอ นั่น เป็นอย่างนั้นนะ ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศขนาดนั้น เวลานี้ถูกกิเลสทั่วโลกดินแดนครอบไว้หมด ธรรมจนไม่มีเหลือ ไปที่ไหนมีแต่สนามกิเลสทั้งนั้น ๆ ๆ แหละ สนามธรรมไม่มี แม้แต่อยู่ในวัดในวาควรจะเป็นสนามธรรมได้มันก็เป็นส้วมเป็นถานไปหมด ในวัดในวาในพระในเณร หาธรรมไม่มี มีแต่ผ้าเหลืองโกนผมโกนคิ้วหัวโล้นใส่ลงไป แต่กิริยาแห่งการแสดงออกของกิเลสภายในจิตใจมันผลักดันออกไปให้เป็นกิเลส เป็นความสกปรกรกรุงรังเป็นฟืนเป็นไฟทั้งนั้นทีเดียว ไม่ว่านอกวัดในวัด
มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นวัดเป็นวา เป็นพระเป็นเณรนะ ขึ้นอยู่กับใจมีธรรมหรือไม่มี ถ้าไม่มีธรรมแล้วมันโกนจนกระทั่งฟาดออกหมด หนังออกนี้ยังเหลือแต่กะโหลกศีรษะ มันก็เป็นกิเลสอยู่อย่างนั้น ไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมแล้วหัวเรานี้ไม่ต้องโกน โกนกิเลสออกแล้วมันก็เกลี้ยงไปเลย ถ้าไม่โกนกิเลสแล้วจะโกนขนาดไหน เอาจนกระทั่งว่ากะโหลกศีรษะจะไม่มีเหลือมันก็เป็นกิเลส โกนให้กิเลสขี้รดอีกซ้ำนะ เข้าใจ เอาละ พูดมากมายแล้วพอ ให้พร
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com |