เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ปากกิเลสหวานฉ่ำ
(นักศึกษาจากวิทยาลัยพลศึกษา อุดร มาร่วมทำบุญกับหลวงตา) เออ ดี ใจบุญน่ะดีมาก ไปไหนอยู่ที่ไหนก็ตามเราเป็นลูกชาวพุทธ ได้เปรียบกว่าโลกทั่ว ๆ ไป เราได้มาทำบุญให้ทานนับว่าเป็นมหามงคลแก่เราแล้ว
เงินที่เหลืออยู่เวลานี้ทางอุดร ๗๖ ล้าน เงินในกฐินทองคำเรา ๘๔,๐๐๐ กอง รับไว้แล้วเข้าธนาคารทางอุดร ๗๖ ล้าน ทางกรุงเทพ ๖๖ ล้าน ทองคำเราเมื่อครบ ๕๐๐ กิโลแล้วในคราวนี้ เงินกฐินนี้จะเก็บไว้ในธนาคารก่อนเพื่อซื้อทองคำมอบธนาคารงวดต่อไป งวดหน้าว่างั้นเถอะ อย่างน้อยก็ต้อง ๕๐๐ กิโลเหมือนกัน เวลาเราคิดเงินเราที่อยู่ในธนาคารดูเหมือนจะซื้อทองคำได้สักประมาณ ๓๐๐ กิโล (ได้ครับ) เงินในธนาคารนะ ถ้าหากว่าซื้อทองคำในระยะนี้ก็จะได้ ๓๐๐ กิโล ทำให้เราคิดว่าเดือนเมษานี่มันยังไงกัน มันจะไม่ได้มอบอีกเหรอ ว่างั้นนะ ตั้ง ๓๐๐ กิโลแล้วนี่ จากนี้ถึงเดือนเมษา ๒๐๐ กิโลมันค่อนข้างได้นะ กำลังคิดอยู่นะ คือจะเร่งเข้าเรื่อย ๆ อย่างนี้ พอได้ ๕๐๐ กิโลเมื่อไรแล้วมอบเลย
เคยมอบเดือนเมษาก็เลยพูดจุดนั้น นี่ก็เดือนธันวา วันที่ ๑๐ มอบ ขึ้นมกรา ถึงเมษา ดูเหมือนตั้ง ๔ เดือนมันอาจได้ ถ้าได้เมื่อไรแล้วเป็นมอบ เราไม่รอแหละ เพราะเวลานี้เร่ง ๆ เข้าโดยลำดับ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน ก่อนที่หลวงตาที่จะมานำพี่น้องทั้งหลายในคราวนี้ จนเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์แน่นอนว่างั้นเลย นี้เราได้พิจารณาเต็มหัวอกทุกอย่างแล้วนะ ไม่ได้มาพรวดพราด ๆ เพราะฉะนั้นเวลาพูดอะไร ๆ ออกมา พี่น้องทั้งหลายควรจะพินิจพิจารณาตามแง่แห่งคำพูดต่าง ๆ จะเป็นแง่หนักแง่เบาให้พิจารณาตามนั้น ๆ เพราะการพูดออกแต่ละประโยคแต่ละเรื่องละราวนี้จะพิจารณาเสียก่อน แล้วออก ๆ อย่างงั้นนะ ไม่ได้พรวดพราด ๆ นะ จึงขอให้พากันพิจารณา
คราวนี้เป็นคราวยิ่งใหญ่เสียด้วยในชาติไทยของเราทั้งฝ่ายลบฝ่ายบวก ฝ่ายลบก็ดังที่เห็นผ่านมาแล้วนี้ เมืองไทยมองหน้ากันไม่ได้นะ หน้าซีดหน้าเซียว หน้าเป็นผีไปหมดไม่มีเลือดฉาบทาพอให้หน้าแดงบ้าง มีแต่หน้าเหือดแห้งมองดูใครก็ไม่ได้ มองไปที่ไหนมีแต่เหือดแห้งไปตาม ๆ กันหมด ทั่วประเทศไทยเหือดแห้งไปหมด นี่ละที่ว่าหลวงตาร้องโก้กนะ ร้องแล้วยังไม่แล้วยังให้คนตามเข้าไปข้างในโน่น ฟังซิน่ะ ไปค้นดูบัญชีใหญ่ออกมา ไม่ใช่เล่น ๆ นะ ติดหนี้ติดสินเขาเท่าไร ภาระมีมากมายซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่ที่จะทับหัวเมืองไทยให้ล่มจม มีอะไรบ้าง เข้าไปติดตามจนได้เรื่องออกมา นั่นละเรื่องราวมันขนาดนั้นนะ พอได้ออกมานี่ละที่ว่าเราร้องโก้ก ๆ เลย โถ มันยังไงกันนี่ พิลึกพิลั่น
ถ้าธรรมดาแล้วก็ว่า ไม่คาดไม่ฝันว่าจะรอดพ้นมาได้ดังที่เห็นอยู่เวลานี้ ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสของพี่น้องชาวไทยซึ่งรักชาติเต็มหัวใจเหมือนกัน อันนี้เราก็ได้ชมพี่น้องทั้งหลาย มองดูบัญชีอะไร ๆ ที่ติดหนี้ติดสินเขากับเรื่องของเรานี้จะเป็นไปยังไง ในบัญชีมีแต่เรื่องที่จะกดหัวเมืองไทยลงทั่วประเทศไทยลงทะเล แม้ที่สุดไอ้ปุ๊กกี้ก็จะไม่เหลือ ลงทะเลไปตามเจ้าของ นี่ละเรื่องของความจมมันกระเทือนจริง ๆ ถึงกับร้องโก้กทีเดียวไม่ใช่เล่น ๆ นะ นี่ละการร้องโก้กออกมาจากหัวใจที่กระเทือนทั่วประเทศไทย เข้ามาอยู่ในหัวใจนี้หมด จากนั้นก็ เอ้า จะเป็นผู้นำ นิสัยวาสนาแค่ไหน ยกเมืองไทยเราเป็นต้นเหตุทีเดียว ที่จะยกชาติของตนขึ้นได้ ไม่ใช่ชาติไทยแล้วจะเป็นชาติใดไป จะจมก็คือชาติไทยจะจม เมืองไทยขึ้นไม่ได้มีอย่างเหรอ เอา จะนำ
นั่นละตั้งแต่บัดนั้นมาจึงได้ขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องราวมันก็ค่อยเป็นมา เวลานี้ผลแห่งการช่วยชาติของเราก็รู้สึกว่าเป็นที่พอใจเป็นลำดับลำดามา แล้วคราวนี้เป็นคราวสุดท้ายปลายแดนของเราที่จะให้ทั้งเมืองไทยเราทั่วทุกหัวใจ ๖๒ ล้านคนเป็นอย่างน้อย ให้ได้ชุ่มเย็นไปตาม ๆ กัน แล้วเมืองนอกที่เขามองมาเป็นตาเดียวกันที่เขาจะควรชมเชยก็ชมเชย ส่วนที่เขาจะเหยียบย่ำนั้น ก็เมื่อของเราขึ้นแล้วมาเหยียบย่ำได้ยังไง ตีหน้าผากเอาเลย เข้าใจไหม ใครมาเหยียบย่ำได้เหรอ ทองคำกำลังจะขึ้น นี่ละที่ยกขึ้นเป็นความสง่าราศีประกาศก้องขึ้นมาว่า เป็นสักขีพยานแห่งความรักชาติของชาติไทยเรา แล้วความเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน ได้ปรากฏขึ้นมาแล้วเวลานี้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน และอยากจะพูดเคียงข้างกันไปอีกว่าดอลลาร์ ๑๐ ล้าน
คือดอลลาร์ ๑๐ ล้านนี้หมายถึงว่า ลงทองคำได้ถึง ๑๐ ตันแล้ว เราจะไปหาออดหาอ้อนเอาทุกแห่งทุกหนให้ได้ ๑๐ ล้าน เวลานี้ได้ ๗ ล้านแล้วยังขาดอยู่เพียง ๓ ล้าน ตั้งแต่ทองคำ ๑๐ ตันยังเอาได้ ทำไมดอลลาร์เพียง ๓ ล้านจะไม่ได้ ออดนั้นออดนี้เรื่อยแล้วได้ เข้าใจไหม นี่ละจะให้เป็นคู่เคียงกันไป ทีนี้พออันนี้ขึ้นแล้วจะประกาศก้องขึ้นเลย ศักดิ์ศรีดีงามของชาติไทยเราที่คอยจะจมอยู่เมื่อเร็ว ๆ นี้ เวลานี้ฟื้นขึ้นมาให้พี่น้องชาวไทยได้อบอุ่นทั่วหน้ากัน แล้วชาติภายนอกเขาก็จะตำหนิติเตียนไม่ได้ เขาก็มาชมเชยสรรเสริญเรา นี่คือความดีงามแห่งความรักชาติ ความเสียสละ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน แสดงผลขึ้นมาให้มีความยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งเมืองนอกเมืองในของเรา เพราะฉะนั้นหลวงตาจึงได้พยายามสุดขีด ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากันนะ
อย่าไปคิดผิด ๆ นะมันจะเป็นข้าศึกศัตรู เป็นมหาภัยต่อชาติไม่รู้ตัวนะ มากีดมาขวางการดำเนินเพื่อคนทั้งชาติที่จะยกตัวขึ้นจากหล่มลึกนี้มันเสียหายที่ตรงไหน มีแต่เป็นมหามงคลทั้งนั้น แล้วเหตุผลกลไกอะไรที่จะมากีดมาขวาง มาปิดมากั้นทางเดินของคนทั้งชาติ เพื่อก้าวขึ้นสู่ความรอดพ้นจากภัยทั้งหลาย นี่เป็นมหามงคลอยู่แล้ว มากีดขวางทำไม ถ้ารายใดหัวใจใดในประเทศไทยซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันแล้วเป็นอย่างนั้น เราดูไม่ได้เราพูดอย่างนี้นะ หลวงตาบัวก็เข้าสนิทไม่ได้เลย เพราะหลวงตาบัวนำธรรมมาเทศน์มาสอน ไม่ได้มาด้วยกิเลสเต็มหัวใจมานะ เรียกว่ากิเลสตัณหาหมดจากหัวใจแล้วจึงมานำพี่น้องทั้งหลาย ว่าให้มันเต็มอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นเราถึงเปิดโล่ง ๆ
เราไม่เคยสะทกสะท้าน สามแดนโลกธาตุนี้ว่า จะมาทำเราให้หวั่นด้วยเหตุผลกลไกอะไร บอกว่าเราไม่มี มันพ้นวิสัยของสามแดนโลกธาตุนี้ไปแล้วในจิตดวงนั้น พูดอย่างนี้นะ นำจิตดวงนั้นออกมากู้ชาติบ้านเมืองของตน เราจึงได้พูดอย่างเน้นหนัก ๆ ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นใจทุกคน ต่างคนต่างมีคุณค่าราคา ชาติไทยของเรามีคุณค่าเต็มตัวทุกคน เราจึงยกชาติไทยของเราให้เข้าเต็มภูมิที่หัวหน้านำประกาศไว้แล้วด้วยความแน่ใจแล้ว ว่าจะได้หนึ่ง แล้วจะเป็นมหามงคลแก่ชาติไทยของเราหนึ่ง ขออย่าให้เสียเส้นใจของหลวงตาบัว ตายหลวงตาบัวก็จะหายห่วงไปเลยกับพี่น้องชาวไทย สำหรับห่วงเรา ๆ ไม่มีแล้วเราบอกตรง ๆ
นี่ละการนำธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย เราจึงไม่เคยสะทกสะท้านสิ่งใดเพราะมันเปิดโล่งหมดแล้ว การนำออกตรงไหน ขัดข้องตรงไหน จะพิจารณาเต็มกำลัง ๆ ขัดข้องตรงไหน โล่งตรงไหน เอ้า พาออก ๆ อยู่อย่างนั้นตลอดมา นี่ก็โล่งอยู่ที่ ๑๐ ตันนะทองคำ น้ำหนัก ๑๐ ตันทองคำจะโล่งไปหมดเลยเทียว เราพิจารณาแล้วนะ ขอให้พิจารณาทุกคน แล้วคู่เคียงกันก็คือดอลลาร์ ยังไงจะต้องได้ ๑๐ ล้านติดตามกันไป นี่ละความสง่างามแห่งชาติไทยของเราครอบหมดเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายจดจำคำนี้เอาไว้ฝังไว้ในหัวใจ ต่างคนต่างยก มีห้ามีสิบสตางค์ก็ตาม ถ้าไม่พอไปยืมเขามาเสียก่อนก็ได้เราไม่ว่า เราได้มาแล้วค่อยไปใช้เขาทีหลังก็ได้ ชาติไทยของเรามีน้ำหนักมากกว่าเงิน ๕ สตางค์ที่ไปกู้เขามา ชาติไทยของเรา ๖๒ ล้านคนมีน้ำหนักขนาดไหน เอ้า ไปกู้มา เอาชาติไทยของเราขึ้นให้ได้ มีน้ำหนักขนาดไหน เงินติดหนี้เขาเพียง ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์มีน้ำหนักอะไรมากนักพอที่จะยกไม่ขึ้น เอา ยกขึ้นยกเพื่อชาติไทยของเรา
เอาให้ได้นะคราวนี้แล้วจะค่อยโล่งไปโดยลำดับ เราก็แน่ใจว่าจะเร็วขึ้น ต่อไปนี้ทองคำของเราก็จะเร็วขึ้น เพราะเป็นที่แน่ใจของพี่น้องชาวไทยเราแล้ว วันที่ ๑๐ นี้ก็แน่แล้วมีแต่จะลงปึ๋งเท่านั้นเอง ๕๐๐ กิโล ตกลงกันเรียบร้อยกับทางโรงหลอม เมื่อวานนี้ก็เอาใบถอนเงินไปแล้วไปถอนที่กรุงเทพ ไปมอบให้โรงหลอมเขาเป็นที่ตายใจ เรียกว่าตัวต่อตัวน้ำหนักเท่ากัน เรายืมเขามาเท่าไรให้เขาเท่านั้น วันนี้ละวันไปมอบกัน เป็นที่ตกลงใจ ซื่อสัตย์สุจริตต่อกันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยหลวงตาบัวเป็นผู้นำหน้า ไม่มีอย่างอื่นอย่างใดเลย คอขาด ๆ ไปเลย ที่จะให้ทุจริตแม้เม็ดหินเม็ดทรายเราเป็นไม่ได้ เราบอกอย่างนี้นะ
เพราะฉะนั้นเราถึงได้กล้าพูดทุกอย่าง เทศน์ทุกอย่างสอนทุกอย่าง ได้ขึ้นเวทีแล้ว เอ้า ออกเลย ถ้าเป็นคำพูดของหลวงตานี้ได้ขึ้นเวทีแล้ว จะไม่มีคำเคลื่อนคลาดจากหลักความจริง ตรงไปตรงมา จะเด็ดจะเผ็ดจะร้อนขนาดไหน มีตั้งแต่อรรถแต่ธรรม มีแต่ความจริงล้วน ๆ ออก ไม่มีคำว่าหลอกลวงต้มตุ๋นเหมือนปากหวาน ๆ ที่มันมาหลอกลวงเราอยู่เวลานี้ ปากหวาน ๆ นี่พี่น้องทั้งหลายทราบไหม คนเราส่วนมากจะล่มจมไปได้เพราะปากหวานนะ ถ้าปากพูดตามหลักความจริงไม่มี ปากพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ปากสาวกทุก ๆ องค์ไม่เคยต้มตุ๋นใครแม้เม็ดหินเม็ดทรายเลย รับรองยืนยันได้เลย นี่เป็นที่ตายใจของมวลสัตว์ว่างั้นเลย นี่เป็นปากของพระพุทธเจ้า ปากของสาวก ออกมาจากความสัตย์ความจริงล้วน ๆ ไม่มีหลอกลวงต้มตุ๋น
แต่ปากกิเลสตัณหานี้มันหวานฉ่ำนะ ออกมาอย่างนั้นอย่างนี้ หลอกนั้นหลอกนี้ ทีนี้เมื่อหลอกเข้าไป ๆ คนเราก็หลงเชื่อล่ะซี หลงเชื่อมันก็ฟาดเสียแหลก บางคนจมไปเลยมีเยอะ ประเทศต่อประเทศหลอกกันก็ได้ นั่นละเป็นเรื่องใหญ่โต จมทั้งประเทศ นี้มีแต่หลอกลวงต้มตุ๋นแบบหวานฉ่ำนะ ที่จะบอกว่าข้าจะต้มแก ใครจะให้ต้มใช่ไหม เป็นอย่างนั้นนะ มันไม่บอกว่ามันจะต้ม มันว่าจะดีอย่างนั้นจะดีอย่างนี้ ๆ หลอกไปเรื่อย ๆ ทางนี้ก็ หือ ๆ เข้าทีนะ สุดท้ายมันฟาดเอาเสียแหลกหมด นี่ความปากหวาน พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ ปากหวานคือปากกิเลส เคยต้มตุ๋นโลกมานานแสนนานแล้ว ให้พากันจำเอาไว้
ปากธรรมไม่เคยมี ปากพระพุทธเจ้าพระองค์ใด สาวกองค์ใดก็ตาม ที่จะมาต้มตุ๋นหลอกลวงสัตว์โลกจากธรรมที่เป็นของตายใจได้แล้วนี้ไม่เคยมี ขอให้จำให้ดีคำพูดเหล่านี้ เราสอนพี่น้องทั้งหลายสอนด้วยความสัตย์ความจริงทุกอย่าง เราปฏิบัติมาแทบเป็นแทบตาย ถึงขนาดชีวิตจะขาด ๆ ไปเลยก็ด้วยความสัตย์ความจริง เราไม่ได้มีคำว่าจะมาหลอกลวงต้มตุ๋นตัวเอง ว่าเอาหนา เอาเลย เอาหนาเท่านั้นผึงเลย ๆ ก็ได้ผลเป็นที่พอใจมาโดยลำดับตามความสัตย์ความจริงของธรรมที่เป็นทางเดิน แล้วก้าวตามนั้นก็เห็นผลประจักษ์มา นี่เราก็นำธรรมนี้มาเป็นทางเดินของพี่น้องชาวไทยเรา ให้มีความสง่างามขึ้นเป็นลำดับ ไม่ขอมากละเพียงทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เวลานี้ได้ ๕ ตันกว่าแล้ว พอถึงวันที่ ๑๐ นี้ก็ ๕ ตันกับ ๕๐๐ กว่ากิโลแล้ว ก็ยังเหลืออยู่อีกเพียง ๔ ตันกว่า ยังไงต้องเอาให้ได้นะ
คราวนี้เป็นคราวที่หนักมากจริง ๆ ในหัวใจหลวงตานะ เราพูดจริง ๆ เราหนักมากโดยลำพังเรานั้นถึงตายเราก็ไม่มีปัญหา หนักกับการฆ่ากิเลสของเราเอง ไม่มีปัญหาอะไร เรามอบไปได้เลยคนเดียวเรา แต่อันนี้เป็นเรือพ่วงละซิ ๖๒ ล้านคนทั่วประเทศไทย มันก็ต้องหนักมากไปอีกประเภทหนึ่ง จึงต้องได้ใช้ความพยายามเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นใจ คราวนี้เอาให้มันเห็นเหตุเห็นผลของชาติไทยเรา ชาติไทยเราจะเห็นเป็นพริกเป็นขิง เป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมาเป็นคำสัตย์คำจริงให้โลกได้เห็นคราวนี้แหละ คราวทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน กับดอลลาร์ ๑๐ ล้าน ยังไงต้องให้ได้ พอได้นี้แล้วว่างไปหมดเลย สบายแสนสบาย ทางการบ้านเมืองก็สะดวกสบาย เรื่องศีลเรื่องธรรมเราต่างคนต่างปฏิบัติไป
เรื่องศีลเรื่องธรรมท่านทั้งหลายอย่าปล่อยอย่าวางนะ ถ้าปล่อยเมื่อไรกิเลสเอาไปถลุงทั้งนั้น ๆ ๆ เวลานี้มีแต่กิเลสถลุงสัตว์โลก โอ๋ย.จนน่าทุเรศ ด้วยความอ่อนหวานนิ่มนวล กิเลสนี้ชอบตั้งแต่ความนิ่มนวลอ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้งเยินเยอ สรรเสริญ นี่เรื่องของกิเลสหากินด้วยแบบนี้นะ หากินด้วยความปากหวาน ๆ ฉ่ำ ๆ หลอกนั้นหลอกนี้ ต้มตุ๋น นี่ละเข้าใจเหรอ แล้วก็แหลกไปตามมันเป็นลำดับมา เราก็เป็นลูกชาวพุทธ ทำไมไม่เอาธงแห่งชาวพุทธขึ้นต้านทานมันบ้าง มันต้มมาเท่าไรแล้ว เราควรจะบวกลบคูณหารดูกันบ้าง รายได้รายเสียเป็นยังไงกับกิเลสต้มเรา ให้เอาธรรมเข้ามากั้นกางบ้างซิ ให้มีธรรมในใจนะ อย่าไปหลงเชื่อกลอุบายของกิเลส ซึ่งมีอยู่ในหัวใจของเราแต่ละคน ๆ มากนัก จะเสียคนนะ จำให้ดีนะวันนี้
นี่เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ต่อไป นี่ก็วันที่ ๔ แล้ว ๕ -๖ แน่ะ ๗ ก็ลงไปกรุงเทพฯ แล้ว วันที่ ๑๐ ก็ออกแหละ วันนั้นนายกฯก็จะมา มามอบทองคำ พอมอบทองคำแล้วเงินที่เราเหลือซื้อทองคำเข้าได้อีกประมาณ ๓๐๐ กิโล ยังคิดว่าจากนั้นไปถึงเมษาฯ มันอาจได้ เราว่าอย่างนี้นะ ถ้าได้ตัวนั้นเอาอีก เข้าอีก ๆ เรื่อย ๆ เลย ให้มันถึงจุดหมายปลายทาง โล่งไปหมดเลยที่นี่นะ
เรื่องศีล เรื่องธรรมเราเป็นห่วงพี่น้องทั้งหลายอยู่มากนะ จิตใจ กาย วาจา ความเคลื่อนไหวไปมา มองดูแพล็บ ๆ มันรู้ทันทีไม่ใช่อวดนะ แต่ธรรมไม่เหมือนโลก ธรรมไม่หนักไม่หน่วง ไม่ถ่วง ไม่บีบบังคับจิตใจ เห็นดีอะไรๆ น่าชมเชยสรรเสริญจะพองใจไปเลยไม่ใช่ เห็นความเสียหายไม่ว่าจะเล็กจนถึงร้ายแรงอย่างนี้ จิตใจจะยุบยอบไปด้วยก็ไม่มี แต่ดูสภาพที่มันเป็นนั้นด้วยความสลดสังเวชเท่านั้นแหละ เวลานี้พี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธ อยู่ในความน่าสลดสังเวช ในสายตาของธรรมนะ จำให้ดี ให้ตั้งหน้าตั้งตามีข้อปฏิบัติมีกฎมีเกณฑ์บังคับตัวเองบ้าง คนเราอยากดีจะดีเฉย ๆ ไม่ได้นะ ต้องดีด้วยการมีกฎข้อบังคับตัวเองจึงดี บังคับได้มากน้อยเพียงไรความดีจะปรากฏขึ้น ถ้าบังคับไม่ได้เหลวเลย ธรรมเป็นของเลิศมาตั้งแต่กัปไหนกาลใด แล้วกิเลสเป็นข้าศึกต่อธรรมมาตั้งแต่เมื่อไรเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงปัดกันเรื่อย ๆ ทางนี้ธรรมหนุนขึ้นเรื่อย จำให้ดีนะคำนี้ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้แหละ เหนื่อย
โยม กราบเรียนครับ มีเสียงสะท้อนมาจากที่หลวงตาเทศน์นะครับ ออกมาทางอินเตอร์เน็ต
หลวงตา เอ้า อ่านดูซิมันเป็นยังไง
โยม ผมจะไม่อ่านหมด เอาเฉพาะสาระสำคัญ อันนี้เขาออกมาในนามแบบลูกศิษย์ เขาบอกผมขอแสดงความคิดเห็น ที่ได้ศึกษาเทศน์ในหัวข้อมหาภัยในวงกรรมฐาน หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนบ้าง เขาก็ขึ้นต้นว่าการปฏิบัติตามอริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นักปฏิบัติได้ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางนี้เพื่อรู้ทุกข์ และจากเหตุที่ก่อให้เกิดทุกข์ตามมรรค ๘ เพื่อให้เข้าถึงนิโรธ ให้ได้รับความเย็นใจเย็นกายสมควรแก่ฐานะของผู้ปฏิบัตินั้น พระภิกษุที่ท่านกล่าวถึง คือในนี้เขามีหนังสือมาถึงหลวงตาครับ พระภิกษุที่ท่านกล่าวถึงนั้น ในคำเทศน์ท่านได้เผยแผ่ธรรมะไปสหรัฐไปอเมริกา ได้เน้นย้ำปฏิบัติในมรรค ๘ โดยย่อตามหลักไตรสิกขา เรียงตามลำดับคือ ปัญญา ศีล และสมาธิ การปฏิบัติทั้ง ๓ หมวด เป็นกระบวนการหรือเป็นธรรมที่เกื้อหนุนกันและกัน
การปฏิบัติบอกว่ามีตามจริตนิสัย ทางด้านเจโตวิมุตติ อันได้แก่ผู้มีบารมีทางด้านสมาธิ แล้วก็จิตสมาธิมีญาณมาก่อน หรือกลุ่มปัญญาวิมุตติได้แก่ผู้ที่มีบารมีทางด้านปัญญามาก่อน แจกแจงให้ศึกษา และปฏิบัติตามไตรสิกขาให้เหมาะกับจริตนิสัยของแต่คนไป เป็นแนวทางของสมาธิเจริญด้านปัญญา ทำให้รู้เห็นตนว่ามีจริตทางด้านเจโตวิมุตติหรือทางด้านปัญญาวิมุตติ พระภิกษุตามที่ท่านได้กล่าวได้ไปสอนญาติโยมในอเมริกา ได้แยกแยะให้กระจ่างในการปฏิบัติทุกแง่ทุกมุม ใครจะเลือกปฏิบัติอย่างไรก็กำหนดแนวทางชัดเจน เหมาะสมกับเพศ ฐานะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล กาลเวลาเป็นต้น ผู้ปฏิบัติได้รับความชัดเจนในปัจจุบัน
พวกกระผมมีปัญญาที่จะวิเคราะห์แยกแยะ ในหลักเหตุและผลที่ยกมา ในหมวดของศีลที่จะเกื้อหนุนทางด้านปัญญาและสมาธิ เพราะเป็นแง่มุมหนึ่งที่ท่านครูบาอาจารย์แต่ละรูปได้อบรมสั่งสอนกันมา คือทั้งหมดเป็นการกำหนดข้อที่พึงจะละเว้นและควรปฏิบัติตาม เพื่อกำกับกายวาจาและใจ มิใช่อยู่ในหมวด ศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีล ๒๒๗ หรือศีล ๓๑๑ เท่านั้น การแสดงกิริยาทางกาย คำพูด ที่เปล่งออกมาหรือทางความคิด ความเห็น ที่เกื้อหนุนให้ผู้ปฏิบัติเกิดปัญญาและสมาธิ ล้วนแต่เป็นศีลทั้งนั้น และที่สำคัญที่น่าคิดจากการปฏิบัติ มีผู้บรรลุธรรมอันยิ่งยวดในพระพุทธศาสนาที่มิได้มีศีลบริสุทธิ์มาตลอดชีวิต แต่มีเหตุปัจจัยที่ท่านได้สามารถบรรลุ โดยยกตัวอย่างองคุลิมาล ฆ่าคนตายมามากมาย หรือนางค่อมที่ยักยอกค่าซื้อดอกไม้จากเจ้านายทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งถึงสันตติมหาอำมาตย์ที่หลงใหลจมอยู่ในความกำหนัดกับนางระบำ แล้วต่อมาก็บรรลุธรรมนั้น ท่านเหล่านี้มีศีลบริสุทธิ์หรือมีสมาธิมาตลอดชีวิตหรือไม่ ท่านบรรลุธรรมด้วยเหตุผลกลไกอย่างไร มิใช่การปฏิบัติในไตรสิกขาที่ว่าปฏิบัติแยกส่วนเหมือนในปัจจุบันที่หลายแห่งแนะนำกัน
พวกกระผมได้ประโยชน์จากการศึกษา และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยในมรรค สำหรับฆราวาสก็ดี ในหมวดธรรมสำหรับบรรพชิตนักบวชก็ดี พวกกระผมได้รับการอบรมจากพระรูปที่ท่านกล่าวถึง ได้เลือกศึกษาและปฏิบัติตามสมควรแก่ฐานะ และประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน คุ้มค่ากับการได้รับ ได้มีพระพุทธศาสนามาเผยแพร่ประดิษฐานในต่างแดน กระผมจึงมีข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหววิเคราะห์วิจารณ์ใด ๆ ในวงกรรมฐาน อาจจะมีความละเอียดรอบคอบสมฐานะ กิริยา กาย วาจาและใจ ที่แสดงออกของแต่ละท่านแต่ละคน อันเป็นเครื่องชี้วัดว่ามหาภัยในวงกรรมฐานนั้น จะเกิดขึ้นด้วยพุทธบริษัท ๔ ไม่สมัครสมานสามัคคีกัน พวกฆราวาสอันเป็นบริษัทหนึ่งอยากจะเห็นทุกข์ และแสดงออกที่เป็นธรรมจากแวดวงของพระสงฆ์ด้วย
อีกประการหนึ่ง การจะวิจารณ์หรือว่าตัดสินบุคคล หรือพระองค์ใดควรให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาบ้าง ไม่ใช่ตำหนิติเตียนท่านโดยไม่ได้ศึกษาที่ท่านสอน อย่างน้อยก็เรียกท่านมาสอบถาม หรือว่าศึกษาแนวทางตามคำสอนของท่านในทุกแง่ทุกมุม ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการอธิบายธรรมในพระพุทธศาสนาของพระองค์นั้นมีมากมาย พร้อมที่จะยืนยันได้ ไม่ใช่ฟังแต่ปากของลูกศิษย์เพียงบางคนซึ่งไม่ได้ใช้สติปัญญาพิจารณาศึกษาและไตร่ตรองก่อน การที่เทศน์ออกมาอย่างนี้ ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับความเป็นธรรมและเบียดเบียนจิตใจผู้ที่เป็นลูกศิษย์ทางธรรมของพระองค์นั้นในอเมริกา เหมือนกับไม่มีศีลเลย และไม่สมกับเป็นพระเถระ ซึ่งผิดอย่างชัดเจนจึงไม่กล้าเอ่ยหรือว่าแตะต้อง
หลวงตา ไม่ค่อยได้สาระอะไรนะ ฟังมานี้ยังไม่ได้สาระอะไรเลย ฟังไปอย่างนั้นแหละ จะเป็นใครไปก็เป็นพวกนี้ เขาหาเรื่องมาเอง ตัวพระ บักห่านี่ก็ได้มันหาเรื่องออกมาว่าคนนั้นคนนี้ ก็ตัวมันเองก็ได้เขียนมาอย่างนี้เข้าใจไหม จึงว่าเล่ห์เหลี่ยมของกิเลสก็ฟังเอาซิ พูดแล้วตะกี้นี้ เราไม่อยากฟังละ ฟังมานี้ไม่ได้เห็นสาระอะไรพอจะจับมาพิจารณา จะว่าไปปริยัติมันก็เห็นมาแล้วด้วยกัน มันจำเป็นยังไง แน่ะ เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ มันก็อ่านมาตั้งแต่เรียนมาก็พอแล้ว
โยม กราบเรียนอีกนิดนะครับ หลวงตาแสดงธรรมหลายครั้งว่า (อันนี้เป็นบทตอบของที่เขาถามมา) หลวงตาแสดงธรรมหลายครั้งว่า การสนทนาธรรมกันหนึ่ง การฟังเทศน์หนึ่ง เป็นสิ่งบอกถึงภูมิธรรมของผู้แสดงธรรมว่ามีภูมิจิตภูมิธรรมในระดับใด แม้ไม่ต้องบอกก็เข้าใจดี เพราะถ้าไม่รู้จะพูดเช่นนั้นไม่ได้ หรือถ้าเป็นการซักถามก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่รู้จักถามก็ถามเช่นนั้นไม่ได้ เช่นเดียวกับที่หลวงตาได้เคยสนทนาธรรม กับหลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่คำดี วัดถ้ำผาปู่ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เป็นต้น กรณีพระซึ่งปีนี้ได้ไปจำพรรษาที่สหรัฐอเมริกานั้น หลวงตาได้พูดถึงหลายครั้งหลายหนที่ในวงพระกรรมฐาน หรือแม้แต่ที่ศาลาวัดป่าบ้านตาด บางครั้งก็ระบุชื่อบางครั้งก็ไม่ได้ระบุชื่อ ท่านกล่าวว่าท่านฝืนฟังเทปการแสดงธรรมของพระองค์นี้ซึ่งเป็นการเทศน์แบบไม่มีภูมิแต่อย่างใดเลย
จะกล่าวว่าหลวงตาท่านไม่รู้จัก ไม่เคยฟังเทศน์นั้นไม่ถูกต้อง ในวงกรรมฐานนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแบบอริยประเพณี ท่านจะได้รับความในการเป็นอาวุโสภันเต เมื่อพระผู้ใหญ่ว่าพูดหรือว่ากล่าวตักเตือนในแง่มุมใด ด้วยเหตุผลกลไกอย่างไร พระผู้น้อยควรน้อมไปปฏิบัติทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระองค์นี้ก็เคยอยู่กับหลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล มาหลายปี หลวงปู่ขาวเองก็ให้ความสนิทสนมคุ้นเคยกับหลวงตา และเคยสนทนาธรรมชั้นสูงระหว่างกัน ทั้งท่านหลวงตาก็เป็นผู้เขียนประวัติของหลวงปู่ขาวด้วยตัวเอง ฉะนั้นจึงเท่ากับว่าท่านจะว่ากล่าวตักเตือนพระผู้น้อยกว่าในวงกรรมฐาน จะผิดไปได้อย่างไร อันที่จริงท่านก็เคยกล่าวเรื่องนี้หลายครั้งหลายหน เท่าที่ทราบมาในวงพระด้วยกัน หลวงตาได้พูดมีรายละเอียด และก็พูดมานานแล้วในวงพระกรรมฐานทราบทั่วกันดี อันนี้เป็นผู้ที่ให้ความเห็นทางอินเตอร์เน็ต
เอาละ ให้เขาเห่ากันไปเถอะ เราขี้เกียจเห่า ไม่เห่า วันนี้เหนื่อยแล้ว หมดลมแล้ว เห่ามามากแล้ว เอาละพอ เห่าไปอย่างนั้น มาใกล้ ๆ ใส่ปั๊วะเดียวหงายหมาไปเลย อย่างนั้นถึงถูก จึงว่าต่อยกัน ต่อยลมต่อยแล้งไม่อยากต่อยเรา ถ้าขึ้นมาแล้ว นี่หรือเท่านั้น อย่างมากพูด นี่หรือปั๊วะเลย เข้าใจไหม อย่างหนึ่งไม่ว่า ปั๊วะก่อนเข้าใจไหม เอาละ ให้พร
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com |