|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ข้าศึกหลวงตาแฝงมาในรูปต่าง ๆ |
|
วันที่ 11 พฤษภาคม 2545 เวลา 7:50 น. ความยาว 26.31 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
ข้าศึกหลวงตาแฝงมาในรูปต่าง ๆ
เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๓ บาท ดอลลาร์ได้ ๗๘ ดอลล์ ได้ไปทุกวัน ๆ อย่างนี้ละ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๑๐๘ กิโล
ในครัวใครต้องการข้าวสารทั้งข้าวเจ้าข้าวเหนียว ใครบกพร่องทางไหนให้มาติดต่อที่โกดัง พวกข้าวสารเจ้าข้าวสารเหนียวอยู่ในโกดัง ต้องการเมื่อไรในครัวให้มาเอาได้ เราที่จะสั่งจะเสียนี่ไม่มีเวลาที่จะสั่งจะเสีย เพราะระลึกไม่ได้นะ งานอื่นมากกว่านี้ มาแย็บเสียทีหนึ่งระลึกได้ก็บอก เดินไปที่ครัวจำได้แทบทุกวัน ระลึกได้แทบทุกวัน แต่เป็นเวลากลางคืนละซิ ค่ำแล้วเราด้อม ๆ ไปดู อาหารอะไรบกพร่อง อะไรบกพร่องสำหรับทางโรงพยาบาล แล้วมันก็คิดเข้าไปถึงครัว เพราะฉะนั้นมันถึงระลึกได้ในเวลาเข้าไปที่นั่น แต่พอออกมานี้มันระลึกไม่ได้นะ นี่ระลึกแย็บหนึ่งก็เลยบอก
พวกมะม่วงผลหมากรากไม้อยู่ในวัดนี้ให้เอาเลยใครต้องการ มะไฟก็มีแต่ไม่ค่อยหวาน อยู่ข้างในมี หมากไฟ หมากแงว ทางนี้เขาเรียกหมากแงว มีแต่ไม่ค่อยหวาน ก็คือปุ๋ยมันไม่มี ถ้ามีปุ๋ยดี ๆ ใส่แล้วผลไม้เหล่านี้กลับหวานได้นะ มันเคยเปรี้ยวมา ๆ แล้วเอาปุ๋ยดี ๆ มาใส่ พอปีต่อมามันก็หวานแล้วหวานไปเรื่อยเลย มันขึ้นอยู่กับอาหารเหมือนกัน นี่อาหารไม่ค่อยมี อาหารต้นไม้ไม่ค่อยมีจึงมักจะเปรี้ยว ๆ อยู่เสมอ หมากไฟก็มีเยอะ พวกกระรอกเขาก็ไม่สนใจ กระรอกเขาก็แผนสูงเหมือนกัน ต้นไหนไม่หวานเขาไม่เอา หมากแงวเหล่านี้เหมือนกัน ถ้าตรงไหนเห็นเปลือกเกลื่อนแสดงว่านี่หวาน สัตว์มากินแล้ว ถ้าไม่เห็นเปลือกเห็นแต่ผลไม้สุกแสดงว่าไม่หวาน เป็นอย่างนั้นแหละ
ปุ๋ยที่มันชอบมากที่สุดคือปุ๋ยคอก พวกต้นไม้เหล่านี้ปุ๋ยคอกมันชอบมาก แม้แต่ข้าวในนายังชอบปุ๋ยคอกหนา ใครรู้ไหมปุ๋ยคอก เดี๋ยวนี้กำลังให้เขาเอาแกลบจากโรงสีมาเทที่หน้าวัดให้มันค่อยเน่าเป็นปุ๋ยลงไป เพราะดินที่เอามาถมนี้เป็นดินขุด ไม่ใช่จากผิวดิน เอาใต้ผิวดินลงไปลึก ๆ เวลามาเทแล้วปุ๋ยก็ไม่มี ไม่มีรสมีชาติ เวลาเราปลูกต้นไม้ก็ไม่ดี นี่เขาเอาแกลบมาใส่เรียกว่าใส่ปุ๋ยผิวมัน แล้วต่อไปมันก็เป็นดินดี เพาะปลูกอะไร ๆ ได้ มีแต่ดินล้วน ๆ อย่างที่เขาขุดมาถมนี้ไม่ดีนะ ปลูกไม่ขึ้น ขึ้นก็อย่างนั้นแหละ ถ้ามีปุ๋ยช่วยก็ขึ้นเร็ว นี่เราก็บอกให้โรงสีเขาเอามาเทหน้าวัด โรงสีเขาก็หาที่เทพวกแกลบนี้ยากเหมือนกัน เพราะสีทุกวัน ๆ ไม่ทราบจะไปเททางไหน พอดีเราถมดินใหม่ก็เลยให้เขาเอามาเท แถวนั้นเทหมดเลย ต่อไปนี้ต้นไม้มันก็จะขึ้น
นี่เขาปลูกเป็นผลไม้ทั้งนั้นนะ ดร.วินัย เอามาจากเชียงใหม่ ทางด้านนั้นหมดเลยมีแต่ผลไม้แปลก ๆ ทางภาคนี้นะ เราเลยสงสัยว่ามันจะขึ้นมันจะดีหรือไม่น้า เพราะพื้นที่มันต่างกัน ทีมานี้มีหลายชนิด พวกลิ้นจี่ เงาะ ทุเรียน อะไรบ้างน้า เอามาจากเชียงใหม่ ทางด้านนั้นปลูกหมดเลย ยังเหลือแต่ทางด้านนี้มา ทางโน้นปลูกหมดแล้ว หากเป็นดอกเป็นผล โอ้โฮ้ย ไม่ใช่น้อย ๆ ขายเป็นเศรษฐีนู่นแหละ ถ้ามันเป็นผลนะ เขาปลูกเป็นลำดับลำดามาพวกชาวสวนเขาเกือบจะถึงนี้แล้ว จากนั้นจะปลูกอะไรต่อไปก็ไม่รู้ เราต้องการแต่ร่มมันเท่านั้นแหละ อย่างอื่นไม่เห็นสนใจ ต้องการแต่ร่มมัน ร่มไม้หนาเย็น ภาวนาสะดวกสบาย
ต้นลำไยเรานี้เอามาปลูกทีแรกได้บอก มึงอย่าเป็นดอกเป็นผลนักนะ กูไม่ต้องการดอกผลมึงเท่าไร กูต้องการแต่ร่มของมึง บอกพวกลำไยที่ปลูกนี้ ผลกูไม่ต้องการนัก เอามาปลูกทีแรก ครั้นออกมานี้มันเลยไม่มีผล เลยมาแก้กันใหม่ จะมีบ้างก็ได้กูไม่ว่า ระยะหลัง ๆ มานี่ อ้าว แปลกอยู่เหมือนกันนะ มีผลอีก แต่ก่อนมันปิดตายมาเลยไม่มีผล ไม่ออกลูกอะไรเลย เอ๊อ ที่เราพูดนี้มันเป็นความจริงแล้วเหรอ จนสงสัยนะ มันไม่มีจริง ๆ ต้นไหนเขียวชอุ่ม ๆ ดอกผลไม่มีทั้ง ๆ ที่อื่นเขาเต็มไปหมด เอ๊อ มึงฟังคำกูได้ดีนะ ถ้ามึงฟังคำกูได้ดีแล้วมึงคอยฟังคำกูอีกนะ เราก็ว่าอย่างนี้ ทีแรกบอกมึงอย่าเป็นดอกเป็นผลนะ กูต้องการแต่ร่มของมึงเท่านั้น ครั้นต่อมา อ้าว มันไม่เป็นจริง ๆ เอ๊ มันเห็นประจักษ์หมดอย่างนี้นะ
ต้นไหน ๆ เขียวสดงดงามขนาดไหนก็ตามก็มีแต่ใบไม่มีผล นานเข้า ๆ เอ๊ มันแปลก มันจะไม่มีจริง ๆ เหรอ มันก็ไม่มีจริง ๆ เรื่อยมา เราจึงแก้ใหม่ มึงมีบ้างก็ได้นะ มันก็มีอย่างว่า นิด ๆ หน่อย ๆ ช่างมันเถอะ มันแปลกอยู่นะ รู้สึกว่าแปลกอยู่ เพราะเราไม่มีเจตนาอะไรที่จะให้เป็นความศักดิ์สิทธิ์วิเศษอะไร เราก็พูดประสาเรา แต่มันก็เป็นภาษามัน เอ๊อ ก็แปลกอยู่ ลำไยเยอะปลูกทีแรก ตั้งแต่ ๐๔-๐๕ ลำไยนะ พร้อมกับสร้างกุฏิเราหลังนี้แหละ เราปลูกขึ้นพอได้อาศัยร่มมัน คือแต่ก่อนต้นไม้เหล่านี้ไม่มี เป็นไร่เป็นสวนเขา เขาเอามาถวายไร่สวนนี้ เราไม่ได้มาขอมาอะไรมาทะลึ่งเขานะพื้นที่ทั้งหมดนี้
เรามาพักอยู่นอกบ้านทางโน้นทีแรก มันเป็นดงเหมือนกัน ทางตะวันออกบ้านตาดไปทางโน้นเป็นดง เรามาพักอยู่ทางโน้นเสีย เจ้าของนาตั้งไปนิมนต์มาเลยว่าจะขอถวายที่นี้ ทางนี้สู้ทางโน้นไม่ได้ แกว่างั้น ไปนิมนต์เราก็มาดู ก็บ้านเกิดของเราก็รู้อยู่แล้วที่นี้ แต่มาดูซ้ำอีกเวลาเขาจะถวายเป็นที่สร้างวัด มาดูก็ดี เหมาะ ทีนี้ต้นไม้มันไม่มี เพราะเป็นไร่เป็นสวนของเขาหมด เมื่อถวายเป็นวัดแล้วต้นไม้มันก็ขึ้นตามเดิมของมัน เรื่องเป็นอย่างนั้นนะ ที่ไหนก็เป็นดงหมด แต่ก่อนเป็นสวนเป็นไร่ไม่มีต้นไม้เลย นี่มีเต็มไปหมดแล้ว
ที่กกสะทอนแต่ก่อนก็เป็นดงเหมือนกัน ที่วัดใหม่นั่นน่ะ แล้วทำไมไม่เห็นมีต้นไม้อย่างวัดเรา มันก็เป็นดงเหมือนกัน เรามาสร้างใหม่อย่างว่านั่นแหละ ๗-๘ ปีมั้ง แต่ก่อนเป็นสวนอ้อยเขา จากนั้นเราซื้อที่อีกแล้วให้ปลูกต้นไม้ขึ้น มันก็ขึ้นเรื่อย ๆ ของมันแต่มีห่าง ๆ มันเป็นพุ่ม ๆ ไม่เป็นดงอย่างนี้ ต่อไปคิดว่ามันจะเป็น เพราะพื้นที่เก่าเป็นดงอยู่แล้ว ดงช้างดงเสือเต็มไปหมดจากนี้จนกระทั่งมองเห็นภูเขา อ.หนองแสง ดงใหญ่ทั้งนั้น พวกสัตว์ทุกประเภทเต็มหมด เราไม่นึกว่ามันจะฉิบหายขนาดนี้ทั้งต้นไม้ทั้งสัตว์นะ ครั้นแล้วก็หมดไม่มีเหลือเลย เหลืออยู่นี่ก็เป็นไร่เป็นสวนเขา พอเรากั้นรั้วเป็นเขตวัดหมดแล้วมันก็ขึ้นเป็นป่าไปเลย
เมื่อวานนี้เอาของไปแจกทางด่านเขา เราสงสาร พวกนี้เป็นพวกทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเราถือเป็นสำคัญ สมบัติส่วนรวมนี้เราถือสำคัญมากนะ สมบัติของชาติอย่างนี้เราส่งเสริมทันทีเลย เพราะชาติจะอยู่ได้แน่นหนามั่นคงต้องมีทัพสัมภาระรวมตัวกันเข้า เช่น เป็นหม้อเป็นไหเป็นกระโถน มันก็รวมทัพสัมภาระเข้ามา เขาทำเป็นกระโถนมานี่เห็นไหม อย่างศาลาเรานี่ ไม้มีกี่ดงกี่ป่ากี่ต้นมารวมกันนี่ ก็เป็นความมั่นคงขึ้นมาเป็นศาลา นี่สมบัติของชาติก็เหมือนกัน ต่างคนต่างทำลายไม่เหมาะสมอย่างยิ่งนะ ทำอะไรก็ควรคำนึงถึงส่วนใหญ่ อย่าเห็นแก่พุงของตัวที่มันจะพาให้พัง เพราะความเห็นแก่ตัวนี้พัง ความเห็นแก่ส่วนรวมส่วนใหญ่กว้างขวางไม่พังนะ มันตรงกันข้าม กิเลสมันต้องการ ตัวได้เป็นพอใครไม่ได้ก็ช่าง นั่นละตัวจะจม จมทั้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยไม่ใช่ธรรมดา
คนที่มีจิตใจกว้างขวางมีเฉลี่ยเผื่อแผ่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้กว้างขวางออกไป คนนั้นเป็นนิสัยกว้างขวางเรื่อย กว้างขวางไปทุกภพทุกชาติประจำกับนิสัย นิสัยอยู่ในใจมันก็เป็นไปได้ เช่น สงวนสมบัติของชาติอย่างนี้ ของชาติเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร จิตใจไม่กว้างขวางมาสงวนได้ยังไง สงวนไม่ได้ แม้แต่พุงของตัวก็พัง ไม่ได้เรื่องแหละ เราจึงต้องสงวน นี่ไปส่งให้ทุกเดือนนะ ส่งให้ก็ไม่มากนักแหละแต่เต็มรถเลย เราเอารถไปคันเดียวเท่านั้น เต็มรถพอดีเลย มี ๒๗ ครอบครัว ด่านแรกมากกว่า ด่านที่สองมี ๗ หรือ ๙ ครอบครัว ด่านแรกมีมากกว่า รวมแล้วเป็น ๒๗ ครอบครัว เราก็ไม่ให้มากแหละ ข้าว ๑๒ กิโลคือหนึ่งถุง ๆ น้ำตาลไม่ได้มาก ครอบครัวละ ๑ กิโล แล้วปัจจัยให้ประจำครอบครัว ๆ ละห้าร้อย ๆ นอกนั้นเด็กมีเท่าไรให้คนละร้อย ๆ ทั้งนั้น
พวกดอกไม้เขาก็เป็นอุบายซื้อให้ มีเท่าไรเราเอาหมดนั่นแหละ ดอกไม้มีกี่ร้อยพวงให้หมด คือจ่ายตามนั้น พวงละเท่าไร จ่ายตามนั้น ข้าวหลามมีกี่บั้ง ๆ ละเท่าไร เราจ่ายให้ตามนั้นหมดทั้งดอกไม้ทั้งข้าวหลาม แต่เราไม่เอานะ เขาจะเอามาให้เราก็ไม่เอา เมื่อวานนี้ก็สั่งก่อนแล้วว่าไม่เอา อย่าเอามานะ เราขู่ก่อนแล้ว เอาไว้สำหรับขายทุ่นรายจ่ายได้มากนะ จ่ายอันนี้หมดแล้วก็มา อย่างนั้นเป็นประจำ
ส่วนรวมเป็นอย่างนั้นแหละ เราสงวนมากนะ ไม่ว่าไปที่ไหนถ้าเป็นส่วนรวมแล้วเราเจาะจงเราสงวนมากทีเดียว รู้สึกมีน้ำหนักมากกว่าอย่างอื่นไปถ้าเป็นส่วนรวม เพราะโลกเราอยู่ได้ด้วยส่วนรวม ไม่อยู่ได้ด้วยลำพังคนเดียว ต้องรวมกันอยู่ ๆ รวมเป็นครอบครัวเหย้าเรือน เป็นหมู่บ้าน เป็นตำบล อำเภอ จังหวัด จนกระทั่งกลายเป็นประเทศขึ้นมา มีแต่ส่วนรวม
ถ้าต่างคนต่างรักษาสมบัติของส่วนรวมไว้ได้ดี แน่นหนามั่นคงขึ้นทันทีแหละ ชาติแต่ละชาติเป็นอย่างนั้น ถ้าใครคอยแต่จะทำลายส่วนรวมเพื่อเห็นแก่ตัว ๆ นั้น ขาดสะบั้นลง ขาดลง สุดท้ายเจ้าของก็จมไปด้วยกัน ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร ให้พี่น้องทั้งหลายคิดเอาไว้นะเรื่องเหล่านี้ พระพุทธเจ้าถือสำคัญมาก นั่นเห็นไหมศาสนา ถือสำคัญมากเรื่องความรวมความสามัคคี ความสงวนส่วนใหญ่ เช่นอย่างกิจของสงฆ์ งานของสงฆ์ถือเป็นความสำคัญมาก มีวินัยบังคับเลย เช่น สมบัติของสงฆ์นี้ ของสงฆ์ประเภทไหนบ้าง นั่นท่านแจงออกตามพระวินัย ของสงฆ์อย่างเบาอย่างหนัก เคลื่อนที่ได้เคลื่อนที่ไม่ได้ท่านบอก เคลื่อนที่ได้เราก็รู้กันแล้ว พวกเตียงพวกตั่งพวกอะไรสมบัติที่ยกไปมาได้เป็นของสงฆ์ อันที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น เขาถวายที่เป็นวัดเป็นวา กัลปนาสงฆ์ เป็นอสังหาริมะ เคลื่อนที่ไม่ได้ ท่านให้มีวินัยรักษาไว้ตามนั้น ๆ
ท่านบอกไว้หมดละเอียดลออ ไม่มีบกพร่องพระวินัยพระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบทุกอย่างเลย การปกครองสงฆ์ก็เหมือนกัน เป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาส ๆ ที่จะปกครองด้วยความเป็นธรรม ๆ แล้วสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในท่ามกลางของวัด หรือสถานที่ที่วัดตั้งอยู่นั้น หัวหน้าเป็นผู้จัดแจงจัดทำให้สม่ำเสมอ นั่น พระวินัยท่านสมบูรณ์แบบ นี่ที่พวกเปรตพวกผี มันเอาข้าศึกศัตรูมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นมันถึงได้ยันกันกับเราละซิ กับเราด้วย คำว่าเราก็คือพระสงฆ์ทั่วประเทศไทย มาขอร้องให้เราเป็นหัวหน้า นั่นเห็นไหมล่ะ เพื่อจะต้านทานรักษาสมบัติอันมีคุณค่า คือหลักศาสนาไว้ด้วยดีตามเดิม จะไม่ให้ใครมาแตะต้อง
ไอ้พวกนี้เข้ามามันมาเหยียบธรรมวินัยละซิ เพราะฉะนั้นถึงได้ยันกันอย่างหนัก มาเหยียบหัวพระพุทธเจ้าคือศาสนา เวลานี้ก็คือธรรมวินัยนั้นแล เป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคต นั่นฟังซิ เมื่อเราตายไปแล้ว นี่ก็ศาสดาคือธรรมวินัยนั่นเอง เรารักษาเทิดทูนอยู่ตลอดมา แล้วมันก็มาบัญญัติตั้งกฎเกณฑ์ข้อบังคับป่า ๆ เถื่อน ๆ ขึ้นมา ขึ้นมาตรงไหนมันเข้ากับหลักธรรมหลักวินัยไม่ได้ มีแต่มาทำลาย ๆ อย่างเดียว แล้วผู้รักษาธรรมวินัยคือองค์ศาสดา กราบไหว้บูชาทุกวันมันจะลงใจได้ยังไง เมื่อลงใจไม่ได้ ถ้าฝืนเข้ามามันก็ซัดกัน นั่น นี่แหละที่เรื่องมันเป็นอยู่เวลานี้ ที่ว่าให้ถอนออกให้หมด ก็เราสั่งเองเลย เป็นหัวหน้าหมดพระทั่วประเทศไทยรวมอยู่กับเรา เราเป็นหัวหน้าสั่งบอกเลย ให้ถอนออกให้หมด อันนี้เป็นมหาภัย พุทธศาสนาเป็นมหาคุณอย่างยิ่งมานมนานแล้ว
ผู้ปฏิบัติ ชาวพุทธเราปฏิบัติทั้งฝ่ายฆราวาสฝ่ายพระ ปฏิบัติตามศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าได้รับความสงบร่มเย็นมานาน ไม่มีอะไรเป็นที่ต้องติให้เกิดความเดือดร้อน เพราะหลักธรรมวินัยหรือศาสนาของพระพุทธเจ้าปกครองหรือสั่งบัญญัติไว้ผิดไป อย่างนี้ไม่มี เป็นที่ลงใจของชาวพุทธอย่างแน่นหนามั่นคงอยู่แล้ว อันนี้เป็นสิ่งที่แฝงเข้ามานี้ แฝงเป็นฟืนเป็นไฟเข้ามา ไม่ใช่เป็นเครื่องส่งเสริมหลักศาสนาหลักธรรมวินัย เป็นเครื่องทำลายโดยตรง ๆ ไม่ต้องบอกทางอ้อม ดูอันนั้นกับที่ตั้งขึ้นมากฎกำหนดบัญญัติด้วยอำนาจบาตรหลวง อยากกินอยากมีคนเคารพนับถือมากเป็นบ้าอำนาจ พูดง่าย ๆ อย่างนี้แหละไม่ใช่อะไร บ้าอำนาจนั่นแหละ เพราะฉะนั้นจึงว่ามันเป็นภัยต่อพุทธศาสนา ซึ่งไม่ใช้อำนาจในทางนั้น
อำนาจของธรรมเป็นเอง ใครมีอรรถมีธรรมดีแล้ว ประชาชนเขามีความเคารพยำเกรงเอง นั่นเป็นอำนาจขึ้นจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของตัวเองนี่นะ อันนี้อยู่ ๆ ก็มาตั้งขึ้นมาเหยียบเข้ามา ๆ ลุกลี้ลุกลน ไม่มีเหตุมีผลต้นปลายอะไรเลย จึงเรียกว่ามหาโจรละซิ มันไม่มีแบบมีฉบับ แบบลุกลี้ลุกลน พอได้อะไรฉวยเอา ๆ หลวมนิ้วนิ้วสอด หลวมแขนแขนสอด หลวมขาขาสอด หลวมหัวหัวสอดเข้าไป ไม่คำนึงถึงความผิดถูกดีชั่วกฎข้อบังคับอะไรเลย ขอแต่ให้ได้ด้วยกำลังแห่งความอยากได้ และกำลังแห่งพรรคแห่งพวกของตัวเอง แล้วหนุนเข้ามา ๆ นี่มันก่อความเดือดร้อนอยู่ทุกวัน ก่อเพราะอะไร มันเห็นกันชัด ๆ ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครมองมันก็เห็น เด็กอมมือมันก็รู้ เขาก็ไม่ทำ นี่มาทำหาอะไร นั่นซิที่มันได้โดนกัน ความถูกต้องมีอยู่เห็นอยู่ สิ่งที่ผิดก็รู้อยู่เห็นอยู่ เอาเข้ามาทำไม นั่น
เพราะฉะนั้นมันถึงได้ปัดกันตลอดนะซิ ไม่ปัดไม่ได้ ขืนเข้ามาก็ซัดจริง ๆ ก็มันผิดนี่ จะให้ฝืนกินของผิดยาพิษไปได้ยังไง ใคร ๆ ก็รู้ โห หน้าด้านมากนะ พวกนี้ด้านที่สุดเลย ไม่มีหลักธรรมหลักวินัย ไม่มีคำสัตย์คำจริง พูดออกมาแต่ละคำ กิริยาทุกอย่างที่แสดงออกมา มีแต่มหาโจรมหาภัย ต่อชาติบ้านเมืองต่อศาสนาด้วยกันทั้งนั้น แล้วคนทั้งแผ่นดินเห็นกันอยู่นี่น่ะ ผิดถูกก็เห็นกันอยู่ มันดื้อด้านมากนะ ไม่ใช่เล่น ๆ นะ โถ พวกนี้ดื้อด้านจริง ๆ
เราจนได้พูดออกมาโป้ง ๆ เลยแหละ เราบวชมาในพุทธศาสนานี้เป็นเวลานาน เราก็ไม่เคยเห็นพระเปรตพระผีประเภทนี้ เราบอกจริง ๆ อย่างนี้ นี่ไม่มีธรรมไม่มีวินัย ไม่มีกิริยาของพระเลย มีแต่ผ้าเหลืองปกคลุมศีรษะโล้น ๆ มันอยู่เท่านั้น หน้าด้านที่สุดคือพวกนี้ โหดร้ายทารุณที่สุดคือพวกนี้ โหดร้ายยิ่งกว่าคนธรรมดาไปเสียอีกนี่นะว่าไง พูดคำไหนออกมา ไม่มีคำเป็นธรรมเป็นวินัยพอยึดได้เลย พูดคำไหนออกมาเป็นยาพิษทั้งนั้น มีแต่หลอกลวงต้มตุ๋น แล้วก็พูดโจมตีคนนั้นพูดโจมตีคนนี้ ทั้ง ๆ ที่หาความจริงไม่ได้ นี่มันกุขึ้นมามันตั้งขึ้นมาด้วยความจอมปลอมของมัน แล้วเป็นพระได้ยังไง เพียงออกมาอย่างนี้มันก็รู้แล้ว
พระท่านไม่พูดอย่างนั้น ท่านจะพูดตามภาษาพระของธรรมเท่านั้น อย่างหลวงตาพูดนี่ก็ เอ้า.พูดนี้ผิดไปตรงไหน เราถ้าลงได้ขึ้นเวทีแล้ว เอ้า. ให้มาเลยบอกงี้นะ เราไม่เอาคำหลอกลวงมาพูด มีแต่ความสัตย์ความจริง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก อย่างพูดอยู่เวลานี้มันก็เห็นอยู่ ตามหลักเกณฑ์ที่เอามาเปรียบเทียบในระหว่างความผิดความถูกต่อกัน มันก็เห็นกันอยู่อย่างนี้ จะว่าไง แล้วจะไม่ให้พูดตามความสัตย์ความจริงได้ยังไง แล้วมันไม่มีนะ อ๋อ เราได้เห็นชัด ๆ เพศพระด้วยกัน ได้ดูหน้ากันชัด ๆ นี่เอง เอาหลักธรรมวินัยมากางละซิ ความประพฤตินี้ประพฤติตามหลักธรรมวินัยข้อไหน ๆ มันมีอยู่หมดนี่ นี้มันออกไปอย่างนี้ไม่มีธรรมวินัย มันไม่มี โจรมารยังสู้ไม่ได้ มหาภัยยังสู้ไม่ได้นี่นะ ฟังซิ มันเลวทรามยิ่งกว่านั้นไปอีกเป็นไหน
ตั้งหน้าตั้งตาจะบุกจะยึดจะครอง จะเหยียบจะกลืนจะกำเอาเท่านั้นนี่นะ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้นะ พวกเปรตนี่น่ะ ไม่ใช่ธรรมดานะ โห.หน้าด้านที่สุดเลยเชียว ดูไม่ได้ คนมีศีลมีธรรมดูไม่ได้ ไปที่ไหนซอกแซกซิกแซ็กหาโฆษณาโจมตีคนนั้นโจมตีคนนี้ ไปที่ไหนเห็นซอกแซกซิกแซ็กไป นี่เราก็พูดให้ฟังเสียพี่น้องทั้งหลาย เป็นความจริงหรือไม่ความจริง มันเป็นอย่างนี้จะให้ว่ายังไง อย่างที่หลวงตาบัวไปนี่ดักหน้าดักหลัง เราไปทำประโยชน์ให้ชาติทั้งชาติเมืองไทยของเรา ทั้งพระศาสนาทั้งชาติ เราไม่มีอะไรเป็นสิ่งตอบแทนเลย นอกจากหวังเพื่ออุ้มเพื่อชูรักษาชาติให้อยู่ในความสงบร่มเย็น และมีความสมบูรณ์พูนผลด้วยกัน จากการแนะนำของเราทั้งด้านศีลธรรมและด้านวัตถุเท่านั้นนะ เราไม่มีอะไร
เราไปเทศน์ที่ไหนก็ดักโน้นดักนี้ เอาใบปลิวไปหว่านล้อมทางนั้นไปหว่านล้อมทางนี้ หว่านที่ไหนมันก็หว่านเผาหัวตัวเองนั่นแหละ ก็ไปสร้างความชั่วคนหนึ่งไปทำความดี ก็เราไปทำความดีเราพูดตรง ๆ เราไม่มีอะไรกับโลกนี้เลย ไปเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหน เราก็อุตส่าห์ไปทั้ง ๆ ที่เราไม่เอาอะไร ไม่หวังอะไรเลย นี่เจตนาของเราก็ทำอย่างนี้ พี่น้องทั้งหลายก็ทำตามเจตนานี้ เพราะต่างคนต่างรักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ รักความพร้อมเพรียงสามัคคี รักสมบัติในประเทศชาติของตน ก็ต้องขวนขวายอุดหนุนกันไป ๆ บำรุงกันไปอย่างนี้ เป็นความถูกต้องแล้วกับนโยบายของผู้นำคือเราเป็นผู้พานำ
แต่ครั้นแล้วก็ไปสกัดลัดต้อน พวกเปรตพวกผีนี่มันไม่อยู่เป็นสุขนะ ลุกลี้ลุกลนมากที่สุดเลย เกินความพอดีว่างั้นเถอะ จนดูไม่ได้นะ ไปเที่ยวโจมตีนั้น ใบปลิวไปหว่านล้อม ใบปลิวมันก็เอาเรื่องโกหกนั่นแหละ มันไม่ได้เอาความจริงอะไรมาบอก มากล่าวให้โลกฟังแหละ เอาตั้งแต่เรื่องโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นให้พวกหูเบาเชื่อ เชื่อมันแล้วก็ไปเป็นเครื่องมือของมัน เป็นเครื่องมือมันแล้วมันก็กลืนก็กินไปเรื่อย ๆ นี่เป็นอย่างนี้ สกัดโน้นสกัดนี้ อย่างเราไปที่ไหนนี้มีกระทั่งพระนะ เป็นข้อศึกศัตรูต่อเรา พูดกันจริงจังอย่างนี้
เวลานี้ไปที่ไหนนี้ไม่ว่าประชาชนไม่ว่าพระ ต้องแวดล้อมตลอดเราไปไหน เรานี้ไม่มีอะไรกับใคร เป็นกับตายเราไม่เคยสนใจ เราไม่เคยกล้าไม่เคยกลัวกับความตาย เรื่องความได้ความเสียเพื่อเป็นการชิงชัยชนะกันเราก็ไม่มี ความแพ้ความชนะของเราไม่มี มีแต่ความเมตตาสงสารล้วน ๆ ไปที่ไหนแนะนำสั่งสอน นี่เวลาไปนี้คราวนี้ที่มันชัดเจนมากนะ ไปนี้แต่งเพศเป็นพระมา เป็นฆราวาสนุ่งห่มครองผ้าเหลืองมา เป็นพระมาจะเข้ามาหาเรา เขาไม่ให้เข้า เป็นพระจริง ๆ มาก็มี พระพวกนี้มา จะแฝงมาหาเรา
มันมีอะไรอยู่ในตัวของมันนั้น ถ้าลงได้ตั้งหน้าเข้ามาอย่างนั้นแล้วคือข้าศึกศัตรูมันจะเข้ามาหาเรา แฝงตัวเข้ามาแบบพระก็มี แฝงตัวเข้ามาแบบแต่งกายเป็นพระก็มี ฆราวาสแต่งกายเป็นพระแฝงเข้ามาหาเราก็มี มันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง แล้วเป็นพระเข้ามาก็มี แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เรียกว่าเข้าไม่ได้เขาไม่ให้เข้า นี่เป็นอย่างนี้เห็นแล้วคราวนี้ชัดเจนไหมพี่น้องทั้งหลาย นี่ละข้าศึกศัตรูมันไม่มีบาปมีบุญ มีผิดมีถูกประการใด มันจะเอาให้ได้อย่างใจของมัน มันจะกลืนคนทั้งชาติไทยจะกลืนประเทศชาติไทยทั้งประเทศนี้จะกลืน แล้วศาสนานี้จะเอาให้จม เข้าใจเหรอ เพราะฉะนั้น มันถึงจะเอาให้ได้อย่างใจ ผิดถูกมันไม่สนใจดังที่พูดตะกี้นี้ น่าฟังไหมน่าดูไหมพี่น้องทั้งหลาย ฆราวาสเรานี้แต่งตัวเป็นพระ บวชเป็นพระแล้วแทรกเข้าไปหาเรา มีอะไรอยู่นั้น มันมีปืนหรือมียาพิษ หรือมีอะไรก็แล้วแต่มันจะเอาไปด้วยนั่นน่ะ เข้าใจไหม
ทีนี้คนของเราเขาก็ยังไม่ได้เอาขนาดนั้นนะ เขายังไม่ได้ตรวจคือเข้าไปเขาก็ปัดออก ๆ มีกระเป๋าอยู่นั้นเขาปัดออก เอ้า.บางรายพระนี้ละ พระขึ้นรถยนต์ขี่รถยนต์ เจ้าของขับเองไปเลย พระเปรตพวนนี้แหละเข้าใจไหม มันขับรถยนต์เองนะ มันเก่งกว่าประชาชนทั่วประเทศไทย พระเปรตองค์นี้น่ะ ประเทศไทยเขาก็มีแต่ฆราวาสขับ ๆ อันนี้มันเก่งกว่าประเทศไทยอีก มันเป็นพระอวดดีอวดเก่ง ขับรถเข้าไปหาหลวงตาบัว ขับรถเองนะ ขับรถยนต์เอง พระเปรตพวกนี้เคยมีไหม ท่านทั้งหลายได้เห็นหรือยัง นี้ได้เห็นแล้ว เรื่องราวมันเป็นมาอย่างนี้แล้ว
แฝงมาเป็นสององค์สามองค์แฝงเข้ามาเรื่อย เราไปไหนค่อยแทรกเข้าไป ๆ ใบปลิวก็หย่อนไปทุกแห่งทุกหน สอดแทรกไปทุกแห่งทุกหนใบปลิวโฆษณาโจมตี แบบหนึ่ง พวกนี้ก็เข้าไปจะโจมตีแบบไหนจะฆ่าแบบไหนก็แล้วแต่ มันไปแบบนี้ แล้วเป็นฆราวาสแต่งตัวเป็นพระเข้าไปหาเราก็มี แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เรียกว่า เขาไม่ยอมให้เข้าเลย ให้อยู่ห่าง สุดท้ายก็ออกไปสึก ให้เขาเห็นอยู่อย่างนั้นละจะว่ายังไง มันไม่ได้การแล้วก็ไปสึก หรือจะแต่งแผนใหม่ขึ้นมานะ
เราถ้าพูดถึงแบบโลก ๆ เรียกว่า อยู่ในกลางเกาะกลางหนาม กลางฟืนกลางไฟนั้นแหละ บรรดาพี่น้องทั้งหลายก็ทราบทั่วกัน แต่สำหรับหลวงตาบัวไม่มีอะไร สามแดนโลกธาตุนี้ว่าอย่างนี้เลยนะ เราไม่มี ใครจะมามีอะไร ๆ กับเราก็ตาม ก็เราไม่มีทุกอย่าง เรื่องความเป็นความตายมันติดแนบกับเราแล้ว กับทุกคนด้วย ใครจะฆ่าไม่ฆ่ามันก็ตายได้ถึงกาลเวลาของมันที่ควรจะตาย ไม่ว่าอัตภาพใด ธรรมพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เหนือสิ่งเหล่านี้ มีความตายติดแนบอยู่กับทุกคน ๆ แล้วจะไปกลัวไปกล้ามันหาอะไร หน้าที่การงานที่เป็นประโยชน์แก่โลกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างนี้แหละ เราไม่มีอะไรกับใคร ใครจะมาฆ่าก็ฆ่าซิ ถ้าเขาไม่ฆ่ามันก็จะตายอยู่แล้ว แน่ะ มันก็เท่านั้น
ฆ่าก็จะไปฆ่าอะไรฆ่ากระดูกของเราหนังของเรานี้ จิตของเราฆ่าได้ไหม ธรรมของเราฆ่าได้ไหม นั่น มันก็มีเท่านั้น เราไม่มีอะไรเราพอทุกอย่างแล้ว สิ่งที่เราพอมันไม่เห็น ไม่เห็นก็มันงมเอาขี้เอามูตรช่างหัวมันซิ เข้าใจไหม สิ่งที่เราเห็นแล้วก็เป็นของเรา มันไม่เห็น เห็นแต่มูตรแต่คูถ มันเอามูตรเอาคูถเป็นอาหารไปเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงโคตรวงศ์ของมันก็แล้วแต่มันละซิ เข้าใจเหรอ
นี่ละเห็นไหมพี่น้องทั้งหลาย เราอุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมืองเรื่องข้าศึกศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังเราจนแทบมองไม่เห็นตัวเราเวลานี้ แต่เราเฉยเราไม่เคยสนใจกับอะไร เราจะทำประโยชน์ให้โลก ตายเมื่อไรเราก็พอใจที่จะตาย จะอยู่ อยู่เสมอ ความตายกับความมีชีวิตอยู่เสมอสำหรับในหัวใจของเรา แต่เมื่อเราคำนึงถึงประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมือง เพราะได้อาศัยขันธ์นี้เป็นเครื่องมือทำประโยชน์ แล้วเราก็ยกน้ำหนักให้ทางความเป็นอยู่นี้มีน้ำหนักมากกว่าการตายไปเสีย ความตายไปไม่เกิดประโยชน์อะไร สำหรับประโยชน์ของเรามันก็พอ แน่ะ มันพอเรียบร้อย ประโยชน์ของโลกที่ควรจะได้จากธาตุขันธ์นี้ก็แบ่งให้ไป แบ่งให้ไปคือว่า ความเป็นอยู่นั้นมีน้ำหนักมากกว่าความตายไป เข้าใจไหม ถ้าธรรมดาแล้วเสมอกันเลย ไปเมื่อไรก็ได้อยู่เมื่อไรก็ได้ อย่างนี้เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ของโลกแล้วว่าเป็นอยู่มีประโยชน์มากกว่า เอ้า.งั้นก็อยู่ไปเสียก่อน เราก็พูดให้ฟังอย่างนี้แหละ
ท่านทั้งหลายได้ฟังหรือยังหลวงตาพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ พูดตรง ๆ เพราะหลวงตาไม่ได้กล้าไม่ได้กลัวกับอะไร ไม่มีอะไรในหัวใจของหลวงตา ใครจะมาแบบไหนหลวงตาก็ไม่เคยสนใจ มันแบบถังขยะทั้งนั้น แล้วจะให้เราเป็นบ้าไปตื่นไปเต้นกับมันหาอะไร ประสาถังขยะไปตื่นหามันอะไร ธรรมชาติไม่ใช่ถังขยะนั้นเป็นยังไง รู้ไหมล่ะ สิ่งเหล่านี้เป็นถังขยะ ความแพ้ความชนะถังขยะทั้งนั้น ดังที่เป็นอยู่เหล่านี้ถังขยะ
นี่ก็พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังถึงเรื่องความอุตส่าห์พยายาม ถ้าธรรมดาแล้วเผ่นแล้วนะ ว่าเขาจะฆ่าอย่างนั้นอย่างนี้เผ่นแล้ว หลวงตาไม่มี พูดจริง ๆ อย่างนี้เลยเราไม่มี เหมือนไม่มีอะไรมาเกิดขึ้นว่างั้นเถอะนะ มันเป็นอยู่อย่างนั้นในหัวใจอันนี้ เป็นอฐานะให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ให้กล้าก็ไม่ได้ ให้กลัวก็ไม่ได้ ว่าเป็นธรรมยอมรับนะ ธรรมตลอดเวลา อย่างโลก ๆ มันไม่มีในหัวใจ ทีนี้เวลานี้มันเกี่ยวกับโลกอยู่ ธาตุขันธ์ก็คือสมมุติ ก็ต้องช่วยเหลือกันไปอย่างนี้แหละ จึงได้อุตส่าห์พยายามไปโน้น เรื่องราวมันจะเกิดอะไรก็ให้เกิดไปของมัน เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ก็มีเท่านั้นแหละ นี้เปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง
หลวงตานี้ถ้าพูดแบบโลกเรียกว่า จนมองไม่เห็นตัว ข้าศึกรอบด้านตลอด ตลอดเลย นี่สำหรับแบบโลกเขาคิดกันเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับแบบธรรมแล้วไม่มีอะไร สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โลกเป็นของสูญเปล่าว่างเปล่าโดยประการทั้งปวง จะตื่นกับมันอะไร ไม่ตื่น โอ๊ย.หน้าด้านมากจริง ๆ นะ พวกนี้ นี่ละธรรมพูดให้พี่น้องจำเอาไว้ว่าหน้าด้านอย่างนี้คือภาษาธรรม ไม่ยอมฟังเสียงเหตุผลกลไก ดี-ชั่ว ผิด-ถูกประการใดทั้งนั้น มีแต่จะเอาให้ได้อย่างใจจะกวาดให้ได้อย่างใจ จะเหยียบจะย่ำทำลายหรือจะกลืนจะกินให้ได้อย่างใจอย่างเดียวเท่านั้น นี่เรื่องของความสกปรกเป็นอย่างนี้ หยาบขนาดนั้นละ ดูแล้วมันดูไม่ได้นะ
ให้ต่างคนต่างตั้งเนื้อตั้งตัว ให้ระมัดระวังอย่าไปคุ้นกับใครง่าย ๆ ใครจะมาประจบประแจงเลียแข้งเลียขาแบบไหนให้ดูคนให้ดีนะ อย่าไปเชื่อง่าย ๆ เชื่อง่ายไม่ได้นะ ต้องต่างคนต่างมีความเข้มแข็งทุกคน เราว่าเราเป็นคนดีอยู่สบาย ๆ เขามาเอาตับไปกินเรารู้ตัวไหมล่ะ เราสบายหรือตับหมดแล้ว การระมัดระวังรักษาก็คือรักษาตับเจ้าของนั่นเอง จะไม่ดีได้ยังไง รักษาสมบัติของชาติก็ด้วยความระมัดระวัง จะเป็นอะไรไป ไม่มีความระมัดระวัง ไม่มีสติปัญญารักษาไม่ได้นะ ตับเจ้าของก็หมด ต้องระวังทุกคน ทั้งกว้างทั้งแคบพิจารณาให้ละเอียดลออ
นี่หลวงตาได้เตือนพี่น้องทั้งหลายให้ทราบ ถ้าธรรมดาก็ไม่มาพูด นี่มันพูดไปสัมผัสก็เลยเอาออกมาเลย เพราะไม่ได้มีความได้ความเสียอะไรกับเรา แต่มีความเสียหายสำหรับพี่น้องชาวไทยเรา ถ้าไม่พูดให้ฟังไม่รู้ตัว ให้ได้ระมัดระวัง การพูดให้ฟังนี้เป็นประโยคสำคัญที่แก้หรือไว้เพื่อความระมัดระวังทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่นอนใจกับอะไร ขึ้นชื่อว่าข้าศึกแล้วไม่นอนใจกับมัน นั่น ก็ให้เป็นข้อคิดอย่างนั้นเราถึงแยกออกมา มันจะเอาให้จมจริง ๆ ทั้งชาติไทยเรานี้ก็จะเอาให้จม ศาสนานี้ก็จะกลืนไปพร้อมกันเลย นี้ละพวกเปรตนี่ เอ้า.ฟังให้ชัดเสียนะ เราเป็นใคร เราเป็นชาติไทยหรือเป็นอะไร ถ้าเป็นชาติไทยให้ฟังคำนี้ให้ถึงใจ เข้าใจทุกคนเหรอ ทำเหลาะ ๆ แหละ ๆ ได้เหรอ นี่ไม่พูดเหลาะ ๆ แหละ ๆ การพิจารณาก็ไม่ได้ทำเหลาะ ๆ แหละ ๆ นี่นะ พูดออกมาคำไหนแม่นยำ ๆ พูดอย่างนี้เลยว่างั้นนะ มันพิจารณาไว้หมดแล้ว
เพราะฉะนั้นเวลาพิจารณาเรียบร้อยแล้ว เอ้า.ออกทางนี้ออกผึงเลย ๆ ๆ ใครมาคัดค้านต้านทานไม่ได้ถ้าลงได้ออกนี้ผึง เอ้า.เอาเลย ๆ ยกตัวอย่างเช่น พระที่ไปประชุมรวมกันที่วัดอโศการาม เป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ไป ไอ้พวกเปรตมันก็มาห้าม ห้ามเข้ามาหาหลวงตาบัว ไม่ให้ประชุม ก็คือหัวหน้าอยู่นี้ใช่ไหมล่ะก็ห้ามเข้ามานี้ ห้ามไม่ให้มาประชุมว่างั้น ไม่มีความหมายขึ้นตอบ คำประโยคแรกมันหนักนักนะ ไม่มีความหมายการห้ามนี้ จากนั้นก็อย่ามายุ่งเท่านั้นพอ ซัดปึ๋งเลย นั่นเห็นไหมล่ะ แล้วใครมาค้านเรา ใครมาต่อกรกับเราก็ไม่เห็นมี ต่อกรก็ซัดกันเลยจะว่าไง ถ้าลงขึ้นเวทีแล้วก็ขึ้นเพื่อต่อยเข้าใจไหมล่ะ ไม่ใช่ขึ้นไปหมอบให้เขา ขึ้นไปต่อยเข้าใจไหม อย่ายุ่ง อย่ามายุ่ง แล้วใครมีอำนาจมาขวางเราอีกล่ะ ไม่เห็นมี เรื่องของเราเป็นเรื่องของเรา เรื่องของใครเป็นเรื่องของคนนั้นซิ มาขวางทำไม นั่น เอาละพอ วันนี้พูดเพียงเท่านั้น
พูดให้ฟังนี้ ให้พากันเข้าใจทุกคน ๆ นะ อย่าหัวหดอยู่ในกระดองเหมือนเต่านะ เราไม่ใช่หัวเต่า ไม่ใช่เต่านะ อย่าหัวหดในกระดอง ให้ฟังเสียงผู้พูดทุกสิ่งทุกอย่างให้นำไปคิดให้ดี ระมัดระวังเข้มงวดกวดขันทุกคน นี่ไม่เรียกว่า เต่า เข้าใจไหม เต่าอะไรมาก็หมอบ ๆ เขาโยนลงหม้อน้ำร้อนก็หมอบอยู่หม้อน้ำร้อนเปื่อยอยู่หม้อน้ำร้อนใช้ไม่ได้นะ นั่นประเภทเต่าเข้าใจไหม อ้าว.มา ๆ
โยม : กราบเรียนสองเรื่องครับ เรื่องที่หนึ่ง งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่สุวัจน์ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ขอเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นจาก ๑๕.๐๐ น.เป็น ๑๔.๓๐ น.
เรื่องที่สอง ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม เวลา ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ น.สถานีโทรทัศน์ ITV จะนำเทป VDO เทศน์ของหลวงตา เช้าวันที่ ๒ พฤษภาคม มาออกอากาศ จึงแจ้งให้ลูกศิษย์ทราบโดยทั่วกัน
หลวงตา : เขามาปรึกษาแล้ว เราไม่มีอะไรขัดข้อง ไม่มีความเสียหาย เป็นธรรม เราจึงอนุญาตให้ไป
โยม : ทีนี้เงินเขาทำตกไว้หน้าศาลา ใครทำตกให้มาแจ้ง
หลวงตา : เงินใครทำตกไว้ที่หน้าศาลา ๕๐๐ บาท ถ้าเจ้าของผู้ที่ทำตกเห็นว่าน้อยไปให้ไปเอามาเพิ่มอีกสัก ๓-๔ เท่า หลวงตาจะเอาเข้าคลังหลวง หลวงตาไม่เผลอจะเอาเข้าคลังหลวงหมด ใครลืมเงินไว้ ๕๐๐ บาท ที่ตกอยู่หน้าศาลา ถ้ายังไม่จุใจมันตกน้อยไปให้เอามาอีกเพิ่มเป็นสองเป็นสามเป็นพันห้าร้อยบาท หลวงตาบัวจ้อตลอดเวลาไม่เผลอจะเอาหมดเลย เอ้า.ของใครให้รู้เสียนะ ไม่งั้นจะเข้าคลังหลวงนะ ตามหลักพระวินัยมีอย่างนั้น เห็นไหมพระวินัยท่านรอบคอบไหม พระสงฆ์ห้ามไม่ให้จับต้องเงินและทอง บอกไม่ให้จับต้องเงินและทอง แต่เวลาเงินและทองสมบัติของเขาชิ้นใดก็ตาม ทีนี้กว้างไปเลยนะ อย่าว่าแต่เงินและทองชิ้นใดก็ตามที่มาลืมตกไว้ในวัดแล้ว พระเหล่านั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เช่น เงินหรือทองเป็นต้น ต้องเก็บไว้ให้เขา ไม่เก็บปรับอาบัติพระ นั่นเห็นไหม
สิ่งที่จะปรับอาบัติพระก็มีใช่ไหม ไม่ให้พระจับต้องก็มี แต่พอเขามาตกไว้ในวัด วัดเป็นเจ้าของในวัดนั้น พระต้องเป็นผู้รับผิดชอบให้เก็บเงินหรือทองนั้นไว้ แล้วโฆษณาหาเจ้าของ ถ้าโฆษณาแล้วเจ้าของไม่มาก็สุดวิสัย และให้เอาสมบัติเหล่านี้เข้าไปสู่ส่วนรวม เช่น จะสร้างอะไรก็แล้วแต่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้เอาสมบัตินี้เข้าไปทำประโยชน์ส่วนรวมในวัดนั้นเสีย ท่านว่านะ เมื่อเจ้าของเขามาถามหาทีหลังซึ่งมันสุดวิสัยแล้วก็ให้ชี้บอก เช่น สมมุติว่าเราสร้างศาลาหรือเราสร้างเจดีย์อะไร หรือเราทำประโยชน์ส่วนรวมในจุดใดก็บอกเขาตามเรื่องนั้นเท่านั้น พระไม่มีโทษคือมันสุดวิสัยแล้วเข้าใจไหม เมื่อเขามาทวงทีหลังก็บอกให้เขาทราบก็ผ่านไปเลย ไม่ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าปรับอาบัติพระนะ แต่ถ้าเห็นตกอยู่แล้วนี้ไม่เก็บไม่ได้นะ ปรับอาบัติ
ถ้าเป็นเงินทองทั้งหลายพระจะไปหาจับหาต้อง เอาเงินทองมาใช้ใส่ในกระเป๋าของตัวเองนี้ปรับอาบัติ นี่บอกชัดเจน ห้ามไม่ให้จับต้องเงินและทอง ยกขึ้นมาเป็น ปาฏิโมกข์ก็ได้ โย ปน ภิกฺขุ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ นี้เรายังไม่ลืมนะปาฏิโมกข์ ภิกษุรับเองก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดีซึ่งเงินและทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ต้องอาบัติ นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ นั่น เห็นไหม ปั๊บ เอาแล้วนั่น เข้าใจแล้วนะ เอาละวันนี้มหาก็ขึ้น อะไรก็ขึ้น ขึ้นหมด หลวงตาบัวก็ขึ้น
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|