|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง |
|
วันที่ 1 พฤษภาคม 2545 เวลา 7:30 น. ความยาว 26.02 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง
ก่อนจังหัน
เรื่องการก่อการสร้างสุ่มสี่สุ่มห้าเหล่านี้ให้ระวังนะ จับได้แล้วไล่ออกจากวัดเลย เราไม่ได้เห็นอิฐปูนหินทรายเลิศกว่าธรรม เลิศกว่าศาสดานะ อย่าเอาอันนี้มาอวดธรรม เต็มโลกเต็มสงสาร โลกมีแต่กองทุกข์เป็นไฟเผาโลก มีแต่เป็นบ้ากับสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น อย่าเอามาเหยียบศาสนา เวลาเราไม่อยู่นั้นแหละมันมี ๆ ตลอด ผมมาทีไรผมจับได้ตลอด ๆ แล้วค่อยเหยียบ ๆ เวลาเราไม่อยู่ บุกเข้ามา ๆ มหาโจรน่ะ เหล่านี้ไม่ได้วิเศษนะ ถ้าสิ่งเหล่านี้วิเศษแล้วพระพุทธเจ้าไม่ต้องมีในโลกนี้ ให้จำไว้ทุกคน รุกล้ำเข้าไปเรื่อย ๆ ไปทุกแห่งทุกหน ผมไปดูตอนเช้าตอนเย็น ไปเที่ยวดู มันบุกเข้ามาเรื่อย ๆ มันเลยเห็นสิ่งเหล่านี้เลิศเลอเป็นเพราะอำนาจคลื่นกิเลสมันเต็มโลกเต็มสงสาร มีแต่นี้ทั้งนั้นธรรมไม่มี ไปที่ไหนจึงมีแต่สิ่งเหล่านี้ ดูไม่ได้นะ
มันเป็นยังไงวันหนึ่ง ๆ อยู่กันยังไง อยู่ชมอิฐปูนหินทรายเหรอ ไม่ได้ชมอรรถชมธรรมด้วยสติด้วยปัญญาศรัทธาความเพียร แก้กิเลสตัวมันเป็นบ้าอยู่นั้นบ้างเหรอ มันเป็นยังไงพระเณรเรานี้น่ะ วันนี้ก็ ๔๓ องค์ เมื่อวานนี้ ๔๗ รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่เป็นหน้าเป็นหลังอะไร ผู้แบกผู้หามจะตายแล้วนะ หนักจริง ๆ นี่มันจะเอาวัตถุส้วม ๆ ถาน ๆ นี้มาแข่งธรรมมาแข่งวัดแข่งวาเวลานี้น่ะ สิ่งเหล่านี้มันขึ้นเร็วนะ เรื่องของกิเลสขึ้นได้รวดเร็วมากมองไม่ทัน
หลังจังหัน
วันที่ ๓๐ เมื่อวานนี้ทองคำและดอลลาร์ไม่ได้เลย เรียกว่าดับเครื่องไม่ใช่พักเครื่องธรรมดา ดับเครื่องเลยเมื่อวานนี้ ทั้งทองคำและดอลลาร์ไม่ได้เลย ทองคำที่ได้หลังจากมอบแล้ววันที่ ๑๑ นี้ได้ ๓๙ กิโล ๙ บาท ๒๓ สตางค์ ก็นับว่าได้เร็วอยู่ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๐๙๘ กิโลครึ่ง นอกนั้นก็ไม่พูดอะไรแหละ ดอลลาร์ก็ไม่พูด ทองคำเป็นจุดสำคัญจึงต้องพูด เกือบจะพูดว่าทุกวันนะ พักเครื่องบ้าง ก้าวเดินบ้าง วิ่งบ้าง ต้องอย่างนั้นซิ ช่วยชาติต้องอย่างนั้น ต้องหมุนกันเรื่อย ๆ
เป็นยังไงล่ะฟังเสียงที่แผด ๆ ก่อนจังหัน นั่นละเสียงธรรม ถ้าไม่มีเสียงธรรมแผดออกมานี้กิเลสพองตัวเหยียบโลกพินาศ เหยียบพระเหยียบเณรพินาศ ถ้าเสียงธรรมออกมาแผดก็เรียกว่าต้านทานกัน ลบล้างกัน อันนั้นก็สงบตัวไป นี่เรียกว่าเสียงธรรม คือกิเลสมันไม่ชอบ ทีนี้กิเลสมันมีอยู่กับหัวใจทุกคน มันก็ไม่ชอบแทบจะว่าทุกคน พอได้ยินเสียงธรรมแผด ๆ อุ๊ย วันนี้ท่านดุแล้ว ว่างั้นนะ ที่จะย้อนเข้ามาว่า เพราะพวกเรามันดื้อเกินตัวไม่ว่านะ คือจะย้อนมานี้ เสียงธรรมท่านแผดแล้ววันนี้ท่านดุแล้ว จะย้อนเข้ามาว่า เพราะพวกเรามันดื้อเกินประมาณไม่ว่านะ มีแต่รวมกันว่า อุ๊ย วันนี้ท่านดุนะ ๆ นี่ละเสียงธรรมขึ้น กิเลสแปลกหูแปลกตาแปลกใจขึ้นทันทีถ้าเป็นเสียงธรรมขึ้นนะ เพราะอันนี้เป็นข้าศึกของกิเลส ถ้าอันนี้ไม่ขึ้นแล้วมันจะพองตัวและแหลกหมด ทางธรรมต้องออกต้านทานเรื่อย ๆ
จึงได้พูดว่า พ่อแม่ครูจารย์ท่านดุ พระท่านก็ตอบได้ดีนี่ อย่าว่าแต่ท่านดุเลย พอขับท่านขับเลย คือขับสิ่งเลวร้าย ขับเนื้อที่เสียออกมันจะเปื้อนเนื้อที่ดีทั้งหลาย อวัยวะส่วนดีมีเยอะ ที่ส่วนเสียมีเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่รีบตัดออกมันจะลุกลามเข้าไปหาอวัยวะส่วนใหญ่ให้เสียไปหมด ที่ท่านขับ คือพวกนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว เพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ ตัดเนื้อร้ายนี้ออก เป็นอย่างนั้นนะที่ว่าท่านดุ แต่กิเลสมันไม่ยอมฟังเสียงและคิดแบบที่ว่านี้ มันจะคิดแบบมันอย่างเดียว เรียกว่ากิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกัน เอะอะออก กิเลสจะได้เปรียบเสมอ พอเสียงธรรมออกบ้างนี้กิเลสจะถือว่าเป็นภัยต่อมัน หรือว่าตำหนิมัน มันไม่อยากให้ตำหนิ
เราไปดูอยู่ ตอนเช้าตอนเย็นออกไปเที่ยวดูหมด ภายในวัดนี้ก็ดู ๆ อะไรที่แปลกหูแปลกตาที่ผิดแปลก ส่วนมากอยากจะว่าร้อยทั้งร้อยเป็นกิเลสเหยียบเข้าไป ๆ เพราะฉะนั้นถึงตีออกเรื่อย ๆ ให้รู้ตัว จะว่าอะไร พระเณรเรานี้แหละจะพูดอะไร ทั่วประเทศไทยว่างั้นเลย มีน้อยมากที่จะเห็นว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหลายเป็นข้าศึกต่อธรรม สำหรับพระและสำหรับพระผู้ปฏิบัติธรรม นอกนั้นไม่เอามาเกี่ยว สำหรับพระฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวไม่ดี สำหรับพระปฏิบัติแล้วยิ่งแล้ว อย่าเข้าไปยุ่ง นั่น คือธรรมเลิศเลอขนาดไหนถึงไม่ให้สิ่งเหล่านี้เข้าไปยุ่ง ฟังซิน่ะ นั่นละเลิศเลอขนาดนั้น ถึงขนาดที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย ฟังซิน่ะ รู้เห็นแต่พระพุทธเจ้าองค์เดียวสิ่งที่เลิศเลอ ซึ่งโลกสามแดนโลกธาตุมองไม่เห็นเลย เห็นเฉพาะพระพุทธเจ้าองค์เดียว แล้วเวลามองมาแล้วทรงท้อพระทัย
ก็เพราะเห็นว่าอันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ถ้าเป็นพวกส้วมพวกถานดีทั้งนั้น ประเภทเหล่านี้เทียบกับธรรมแล้วเหมือนส้วมเหมือนถาน ดูถูกใครอะไร ธรรมไม่ได้ดูถูก ธรรมเป็นธรรมล้วน ๆ เลิศเลอมาแต่กาลไหน ๆ กิเลสมันก็เลวของมันมาแต่กาลไหน ๆ เหมือนกัน เมื่อจะแยกแยะไม่ให้มันคละเคล้ากันมันก็ต้องกระทบกัน สำหรับผู้อย่างน้อยสะเทินน้ำสะเทินบก ผู้ไม่มีอะไรแบบปทปรมะนี้เห็นธรรมเป็นภัยทั้งนั้น เห็นกิเลสเป็นคุณทั้งหมดทั้ง ๆ ที่มันเป็นโทษ เป็นอย่างนั้นนะ
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเน้นหนักในเรื่องการก่อการสร้างตำรามี เน้นหนักมากทีเดียว พูดจนกระทั่งเวลาออกไปปฏิบัติ ถ้าวัดไหนมีการก่อสร้าง แสดงว่าครั้งพุทธกาลก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่มีแบบเลยเถิดเลยแดนเหมือนสมัยปัจจุบันนี้นะ หากมี ท่านถึงเอามาแสดงไว้ในตำรา เวลาออกไปปฏิบัติให้หาที่สงบงบเงียบ นี่ขึ้นแล้วนะ สถานที่ไม่ควรพักควรอยู่ สถานที่ชุมนุมชน สถานที่ทางสามแยกสี่แยก ท่าน้ำ ฟังซิ คนขึ้นลงทั้งหญิงทั้งชาย จากนั้นก็ไล่เข้าไป วัดไหนที่มีการก่อสร้าง อย่าไป ฟังซิน่ะ นี่แสดงว่ามีอยู่แล้ว ที่มีการก่อสร้างอย่าไป ย่นเข้ามาอีก แม้ที่สุดต้นไม้ใหญ่ที่มีดอกมีผล พวกสัตว์ทั้งหลายมากิน พวกนกมากินนี้ ที่เช่นนั้นก็อย่าไปพัก ท่านบอกถึงขนาดนั้นนะ คือหาที่สงบงบเงียบล้วน ๆ เพื่อจะแก้กิเลสจริง ๆ
นี้ธรรมแท้ของศาสดาที่แสดงไว้โดยสมบูรณ์แล้ว แล้วกับที่เป็นอยู่เวลานี้มันเข้ากันได้ไหม ฟังซิน่ะ ไปที่ไหนไม่ได้ก่อได้สร้างอยู่ไม่ได้ เป็นบ้าไปเลยเชียว แม้ที่สุดพระกรรมฐานยิ่งเป็นพวกบ้าก่อสร้างเวลานี้ ถ้าเป็นในวงของเราแล้วเราก็จี้เอาบ้าง ๆ แต่ถ้าจะเป็นลักษณะที่มันด้านเกินไปแล้วเราก็ปล่อยเสีย หรือโยนออกไปเสีย ว่างั้นแหละ เตือนอยู่เสมอนะเรื่องการก่อการสร้างไม่ใช่ของดี สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อความเลิศเลอในธรรมทั้งหลาย จะเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นข้าศึกทั้งนั้น ไม่เห็นสิ่งนี้ว่าเป็นคุณเป็นประโยชน์อะไรเลย อยากจะพูดอย่างนั้นนะ
ฟังซิว่า รุกฺขมูลเสนาสนํ พอบวชแล้วไล่เข้า รุกขมูล ก็คือร่มไม้ เป็นที่หนึ่งเลย จากนั้นก็ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้า ป่ารกชัฏ บอกไป มีแต่ที่สงัดทั้งนั้นที่บอกไปเหล่านี้ นอกจากนั้นยังสอนให้อุตส่าห์พยายามอยู่ในที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิดนู่นน่ะ จืดจางเมื่อไร ให้อุตส่าห์พยายามอยู่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด อยู่ก็อยู่บำเพ็ญไม่ใช่อยู่นอนเหมือนหมู ให้ไปอยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด นั่นฟังซิน่ะ นี่ละคัมภีร์ที่เป็นศาสดาของเราทุกวันนี้ ไม่ใช่สิ่งเหลวแหลกแหวกแนวส้วมถานมาเป็นศาสดานะ แต่เวลานี้มันเป็นของมันอยู่แล้ว มันแทรกมันเหยียบมันทับมันถมเก่งกว่าศาสดาหลายเท่านะ
ไปที่ไหนมีแต่เรื่องกิเลส สร้างวัดสร้างวาคือสร้างส้วมสร้างถานให้กิเลสนั้นแหละจะเป็นอะไร ถ้าสร้างวัดวาเพื่อชำระกิเลสแล้วที่ไหนอยู่ได้หมด ใครจะอยู่ง่ายกินง่ายนอนง่ายยิ่งกว่าผู้ชำระกิเลส มีอยู่ด้วยกันมากน้อยไม่ได้สนใจกับเรื่องการอยู่การกินการหลับการนอน ล้มหัวลงที่ไหนเป็นเสื่อเป็นหมอนไปในตัว อาหารมีอะไรมากินพอยังชีวิตให้เป็นไป ไม่ดีดไม่ดิ้น อาหารนั้นดีนี้ไม่ดี อันเป็นเรื่องของกิเลสเที่ยวเหยียบนั้นเหยียบนี้ ธรรมไม่เหยียบ นั่นฟังซิ นี่ละผู้ปฏิบัติท่านอยู่ที่ไหนสะดวกสบายหมด แล้วก็นั้นละผู้เอาธรรมออกมาประกาศสอนโลก ไม่ใช่ผู้เหลือเฟือ ผู้นอนอยู่ในส้วมในถานเอาธรรมมาสอนโลกเรายังไม่เคยเห็นมี ถ้ามีพระพุทธเจ้าก็ไม่สอนว่า รุกฺขมูลเสนาสนํ สำหรับพระนะ ท่านไม่สอน ท่านจะไล่เข้าไปกระดูกหมูกระดูกวัวชุม ๆ ไปที่ไหนตลาดใหญ่ ๆ กระดูกหมูกระดูกวัวหรือกระดูกหมาก็อาจมีอยู่ในนั้น ไปเอามาอวดตถาคตหน่อยนะ ไม่เห็นมีวะ มีแต่ไล่เข้าป่า ๆ
เวลานี้จะหมดแล้วนะธรรมประเภทนี้ สถานที่อย่างนี้ที่จะยังธรรมให้ได้ครองโลกครองสงสาร สอนโลกสอนสงสารต่อไป คือผู้อยู่ในที่เช่นนี้ด้วยอรรถด้วยธรรมจริง ๆ ผู้นี้ละจะเอาธรรมออกมา อยู่ตลาดลาดเลกระดูกหมูกระดูกวัว ก็มีแต่กระดูกหมูกระดูกหมาละจะมาอวดกันเต็มตลาด วิเศษวิโสอะไร
นับวันยุ่งขึ้นทุกวันนะศาสนาเรา กิเลสเข้าเหยียบ ๆ ยุ่งขึ้นทุกวัน ๆ หาความสงบไม่ได้ มีแต่เรื่องของกิเลสเหยียบทำลายธรรมทั้งนั้น เฉพาะเมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธ เครื่องหมายแห่งชาวพุทธมีที่ตรงไหนบ้าง มองไปไหนไม่ค่อยเห็นและไม่เห็น ไม่ได้พูดด้วยความประมาท เอาธรรมออกจับซิ ธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนว่ายังไง ๆ เทียบกับสิ่งที่มีอยู่เต็มโลกเต็มสงสาร มันเป็นยังไง มันหนุนธรรมหรือเหยียบย่ำธรรม มันก็เห็นไปหมด มีแต่เรื่องเหยียบย่ำทำลายธรรมทั้งนั้น ไม่ได้มีอะไรที่จะส่งเสริมธรรม ถ้าส่งเสริมธรรมให้ต่างคนต่างปฏิบัติประพฤติตัวให้เป็นคนดี ฆราวาสก็ให้อยู่แบบฆราวาสเป็นคนดี การอยู่การกินการใช้การสอยอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ให้อยู่พอเป็นพอไป นี้คือธรรม จะเป็นความสงบร่มเย็นภายในใจ ไม่ดีดไม่ดิ้นจนเกินไป เพราะสิ่งเลวร้ายทั้งหลายนั้นมันดึงมันลากมันเข็นไปก็ดิ้นกับสิ่งนั้น ถลอกปอกเปิกไปทั่วโลกทั่วสงสาร
สมบัติเหล่านี้ไม่ได้อดนะในเมืองไหนก็ตาม เช่น เมืองไทยเรานี้อดอยากที่ไหน แต่ทำไมความสุขจึงอดอยากเอานักหนา ขาดแคลนเอามากในเมืองไทยเรา ซึ่งเป็นเมืองสมบูรณ์ด้วยวัตถุสิ่งเหล่านี้ ซึ่งควรจะส่งเสริมคนให้มีความสุข ทำไมกลับกลายเป็นฟืนเป็นไฟเผากันทั่วโลกดินแดน ไปที่ไหนมีแต่ความทุกข์เดือดร้อนกันหมด นี่คือการไม่ปฏิบัติตัว เอาแต่สิ่งภายนอกเข้ามาปรนปรือ ๆ มันปรนปรือหาอะไรมีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน ได้มาแล้วมันดิ้นอีกจะเอาอีก ๆ นั่นละความโลภฟังซิมันพอเมื่อไร ความโลภไม่เคยพอ เอา ได้มาซิ พอได้มาปั๊บนี่เรียกว่าเสริมไฟแล้ว เพิ่มขึ้นอีก ๆ ถ้าเป็นธรรมแล้วได้มาขนาดนี้พอแล้ว นั่นเห็นไหมธรรม ท่านตัดปุ๊บ ๆ เมื่อพอแล้วก็ไม่ดีด ไม่ดีดก็เป็นสุขเท่านั้นเอง นี่เรียกว่าธรรม
ฆราวาสก็ต่างคนต่างปรับปรุงตัวเองแก้ไขตัวเองให้เป็นคนดี ในครอบครัวเหย้าเรือน ตั้งแต่ตัวออกไปครอบครัวเหย้าเรือน สังคม ถ้าต่างคนต่างได้รับการอบรมจากศีลจากธรรมพอสมควร สมนามว่าเราเป็นชาวพุทธแล้ว เมืองไทยเราไม่น่าจะเหลวไหลโลเลอย่างที่เป็นมานี้เลย นี้เหลวไหลเอามากทีเดียวจนจะดูไม่ได้ในเรื่องของธรรม เอามาเทียบกันปุ๊บเข้ากันไม่ได้เลย ฟังซิ ไหนเครื่องหมายของชาวพุทธเราไปอยู่ที่ตรงไหน ไปที่ไหนเห็นแต่เรื่องทำลายธรรมทั้งนั้น ทำลายศาสนา ทำลายตัวเอง เต็มบ้านเต็มเมือง แล้วก็อวดตัวว่าเป็นเมืองพุทธ ๆ มันไม่มีเครื่องหมายของพุทธ เพราะพุทธนั้นทำคนให้เป็นคนดีให้รู้เนื้อรู้ตัว
คำว่า พุทธะ คือผู้รู้ รู้ด้วยสติปัญญา ประกอบด้วยอรรถด้วยธรรมแทรกเข้าไป สติก็ดี ปัญญาก็ดี เป็นประโยชน์ไปหมด เรื่องกิเลสมันก็มีสติปัญญาแต่เป็นแถวกิเลส อย่านำเอามาใช้ แยกมันออกอย่างนั้นซีมันก็ดี นี่หาปรับปรุงแก้ไขแต่สิ่งภายนอก ตัวของเราเองไม่สนใจแก้ไขตัวเอง จนกระทั่งตายมันก็ตายทิ้งเปล่า ๆ พอเสร็จแล้วก็นิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา พระก็ไม่รู้ กุสลา ธมฺมา แล้วใครจะจูงใครไป มันก็ลงนรกจกเปรตไปแบบเดียวกันหมดทั้งพระทั้งฆราวาสนั่นแหละ ถ้าทำตัวเป็นอย่างนี้นะ
ถ้าทำตัวให้เป็นคนดี ประชาชนก็ปฏิบัติตัวให้อยู่ในฐานะของประชาชนผู้มีศีลมีธรรมงดงาม ไปที่ไหนมีความเฉลี่ยเผื่อแผ่ มีความเมตตาต่อกันและกัน มีความเห็นอกเห็นใจกัน เกรงอกเกรงใจกัน เทียบความผิดความถูกในหัวใจเขาหัวใจเรามันมีได้ด้วยกัน เทียบความดีใจเสียใจมันมีได้ด้วยกัน อะไรพอเฉลี่ยกันไปให้เฉลี่ยกันไป นอกจากมันผิดเอาเสียจนลดหย่อนผ่อนผันไม่ได้ก็หลีกตัวหนีเสีย ไม่งั้นก็ปัดออกเสีย มันมี พวกเลวร้ายอย่างนั้นมี ที่พอดีพองามเราสำหรับเป็นชาวพุทธแล้วให้ปฏิบัติกันอย่างนี้นะ
ไปที่ไหนเป็นมนุษย์ประหนึ่งว่าอวัยวะเดียวกัน เข้าไหนไปได้หมด ไม่ว่าบ้านใดเมืองใด จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ภาคใด เหมือนกันหมด ถ้าเอาศีลธรรมเข้าครอบแล้วจะดีเหมือนกันหมด ถ้าไม่ใช่ศีลธรรมแล้ว โอ๋ย ทั้งยกยอปอปั้น ทั้งเหยียบย่ำทำลายกันเหลวแหลกไปหมด ไม่มีใครเกินมนุษย์นะ ดื้อที่สุดยิ่งกว่าลิง คือมนุษย์นี้แหละ มันอยู่ไม่เป็นสุขนะ อยากอวดอยากดีอยากเด่นอยากดังนั่นแหละมันพาเหยียบกันลงเวลานี้ แต่ธรรมท่านไม่อยากดัง ให้มันดังขึ้นที่นี่ ดังขึ้นที่จิตนี่ ความดีไม่เคยมีให้มันดังขึ้นด้วยการปฏิบัติตัวเพื่อความเป็นคนดี ทุกสิ่งทุกอย่าง กายวาจาใจ ความประพฤติหน้าที่การงาน ให้มันดังขึ้นที่ความประพฤติด้วยความดีงามนี้ มันก็ดีด้วยกันนั่นแหละ ถ้ามาปรับปรุงตัวเอง
นี่มันไม่สนใจปรับปรุงตัวเองนะ มันไปหาเกาตั้งแต่ภายนอก ถ้าว่าบ้านเรือนก็ว่าดีแล้ว หาอะไรมาตกมาแต่งเสียหรูหราฟู่ฟ่า เป็นบ้ากันอีกไม่เลิกไม่แล้วนะ ที่นอนหมอนมุ้งก็ไปตกไปแต่ง ไม่ทราบตกแต่งหาพ่อหาแม่มันอะไรเราอยากว่าอย่างนั้น เอาธรรมมาตี คำว่าพ่อแม่ คือธรรมท่านคันฟัน สูตกแต่งหาพ่อหาแม่สูอะไรนักหนา ธรรมกูครองโลกมานมนานกูไม่เห็นตกแต่งอะไร ท่านคันฟันท่านอยากว่าอย่างนั้น เข้าใจไหม เมื่อท่านไม่ว่า หลวงตาบัวว่าแทนเสียบ้าง หลวงตาบัวก็มีฟันเหมือนกัน พอกัด กัดเลย
มันเลวขนาดนั้นนะพวกเรา ให้พากันตื่นเนื้อตื่นตัว เป็นบ้าตั้งแต่ภายนอก ตัวเองไม่ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง หาทางดีไม่ได้นะ ต้องปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ครั้นเกิดมาแล้ว เอ้า ไปตั้งชื่อตั้งนามกันอีก ชื่อมันฟากจรวดดาวเทียม ตัวมันจมอยู่ก้นนรก มันดิ้นมันดีด ได้ชื่อดีก็เอา ตัวจะลงนรกหลุมไหนช่างหัวมัน ขอให้ได้ชื่อได้นามดีก็เอา
นี่กำลังเป็นบ้าชื่อ ต่อไปนี้จะเป็นบ้าตั้งนามสกุลนะ นามสกุลแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายมาตั้งไว้เป็นกฎเป็นเกณฑ์ ให้มีหลักมีแหล่งมีขอบมีเขต มันจะตั้งแบบนั่นแหละ แบบสดสวยงดงามหรูหราฟู่ฟ่า ฟาดขึ้นฟากจรวดดาวเทียม มันจะเป็นบ้าตั้งชื่อแล้วก็ตั้งนามสกุล เวลานี้กำลังเป็นบ้าตั้งชื่อกัน โอ๋ย ชื่อไม่ใช่เล่น ๆ นะ ดูคนเหมือนเปรต แต่ดูชื่อ โน่น พวกสวรรค์พรหมโลกนี้แตกฮือ ๆ เลย ชื่อเขาสูงกว่าพวกนั้น เข้าใจไหม แต่คนนี้จมอยู่ใต้นรก นรกแตกอีกเหมือนกันนะ ตัวของเขาเองลงไปนรกแตก ชื่อของเขาขึ้นสวรรค์พรหมโลก พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมแตกอีก ชื่อเขาเก่งกว่านั้นอีก ถ้าลงนรกแล้วก็เขาเก่งกว่านั้นอีก ทางความโหดร้ายทางบาปกรรมทั้งหลายเต็ม นรกนี้แตกไปเลย นั่นเป็นอย่างนั้นนะเวลานี้
เราจะเอาแบบไหนพิจารณาซิชาวพุทธเรา หาตั้งชื่อไพเราะเพราะพริ้ง ลูกเกิดมาแต่ละคนวิ่งไปหาอาจารย์องค์นั้นหาอาจารย์องค์นี้ ไปตั้งชื่อตั้งนาม อาจารย์ก็บ้าตั้งชื่อไปหาดูตำรับตำราตั้งชื่อมา ตำรับตำราปฏิบัติตัวเองให้เป็นคนดี พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วทำไมไม่สนใจ เราอยากถามตรงนี้นะ มันเป็นบ้าอะไรกับชื่อกับเสียงนั่น ตัวเองบกพร่องตรงไหน ให้ต่างคนต่างตั้งชื่อตัวเองเข้าตรงนั้นซิ เอาธรรมมาจับ นี่เอาธรรมมาตั้งชื่อให้ คนนี้ไม่เป็น ถ้าว่าดีมันดีไหมล่ะ นั่น จ้อเข้าไปชื่อว่าอะไร นายดีหรือนางดี มันดีไหม ถ้าไม่ดีแก้ นั่นจึงเรียกว่าตั้งชื่อให้ถูกต้องซี นี่ตั้งบ้า ๆ กันไป ที่ไหนก็ตั้งกันหมด มันกำลังเป็นบ้าตั้งชื่อนะเวลานี้ มันไม่ได้สนใจปฏิบัติตัวเองให้เป็นคนดี ตั้งเท่าไรมันก็ไม่ได้หน้าได้หลังละน่ะ
อย่าพากันหลงชื่อนะ ประสาลมปาก เขาเรียกอะไรก็เรียกซิ หมาก็เราไม่เป็นหมาเป็นอะไรไป บ้านแต่ก่อนเราโบรมโบราณมี ชื่อนางหมาก็มีนางเหม็นก็มี เขาก็เต็มบ้านเต็มเมือง เขาไม่ได้เหม็นเขาไม่ได้เป็นหมา เขาตั้งชื่อกันอย่างนั้น ก็ชื่อเฉย ๆ ตั้งอะไรก็ดี เทวดาอินทร์พรหมมันก็ไม่เห็นได้เรื่องอะไร มันไม่เป็นเทวดา มีแต่ชื่อ แน่ะ นี่ว่าเป็นหมามันไม่ได้เป็นหมา ก็เป็นแต่ชื่อ ให้พิจารณาอย่างนั้นบ้างซี เวลานี้กำลังเห่อเป็นบ้าตั้งชื่อกัน
อันที่สองต่อไปนี้มันจะตั้งนามสกุลนะ นามสกุลปู่ย่าตายายให้มาเป็นสิริมงคล เป็นมรดกอันดีงามแล้วมันจะไม่เอา มันจะไปหาฟัดเอาจรวดดาวเทียมที่ไหนมา มาตั้งนามสกุล สำคัญที่มันไม่สนใจปฏิบัติปรับปรุงแก้ไขตัวเองซี ไปแก้ไขตั้งแต่สิ่งภายนอก ๆ มันถึงไม่ได้เรื่องได้ราว
ธรรมท่านสอนให้แก้ภายในนะ คัมภีร์ท่านว่าไง จับคัมภีร์เข้ามาสู่ตัวของเรา เราบกพร่องตรงไหนกับคัมภีร์ ธรรมวินัยท่านสอนว่ายังไง ศาสนาท่านสอนยังไง เอาศาสนามากางปุ๊บ ปฏิบัติตัวตามศาสนา ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระ จะดีไปตามสัดตามส่วนของฆราวาสและพระนั้นแหละ แต่ที่ไม่สนใจนี้มันไม่ได้เรื่องทั้งนั้นแหละ พระโกนมันสักสิบหัว ฟาดเอาหมดทั้งหนังออก ยังเหลือแต่กะโหลกศีรษะ มันก็มีแต่กะโหลกศีรษะ ไม่มีความดีติดตัว ถ้าไม่ตั้งใจปฏิบัติตัวเองนะ ถ้าตั้งใจปฏิบัติตัวเอง โกนไม่โกนก็ได้ผมมันเกิดมาตั้งแต่วันเกิด เป็นแต่เพียงว่าทำให้เป็นเครื่องหมายของนักบวชไม่นักบวช ฆราวาสและพระ ให้ผิดแปลกกันด้วยเครื่องหมายนี้เท่านั้น ส่วนความดีงามแล้วปฏิบัติได้ด้วยกัน ทั้งประชาชนพระเณรทำได้ด้วยกัน เพราะความทุกข์ความสุขมีได้ด้วยกัน เนื่องจากความผิดความถูกมีได้ด้วยกัน แก้ตรงนี้มันดีได้ด้วยกันทั้งนั้น ให้พากันจำเอานะ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เฮ้อ น่าทุเรศนะ
ไปหาเกาแต่ที่ไม่คัน เฮ้อ ทุเรศจริง ๆ นี่เราเห็นวัดเรานี่ มันลุกลามเข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนมากจะเป็นเวลาเราไม่อยู่ เราไม่อยู่หากมีแทรกโน้นแทรกนี้ทำเข้าไป กลับมามาดูเวลามา เพราะธรรมดามาแล้วจะต้องดูนะ ภายนอกภายในดูตลอดทั่วถึง ออกจากนี้ก็ออกดูข้างนอก ดูทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เราเป็นผู้ปกครอง มันก็เป็นอย่างนั้นซิ ไม่เป็นอย่างนั้นได้ยังไง รับผิดชอบ รับผิดชอบแล้วโดยนัย ไม่ต้องประกาศว่ารับผิดชอบมันก็เป็นการรับผิดชอบอยู่ในตัว เพราะอย่างนั้นถึงได้ดุพระละซิ ใครที่มาทำงานอยู่ในวัดนี้ อย่าโกโรโกโสสุ่มสี่สุ่มห้านะ เสียวัดเลยนะ เราสงวนไว้เต็มสัดเต็มส่วนวัดนี้ ถึงขนาดนั้นเราก็ยังเรียกว่าวัดสำเพ็งแล้ว ฟังซิน่ะ มันเลอะเทอะไปแล้วจึงเรียกวัดสำเพ็ง ถ้ามันเลยกว่านี้ก็หมดเท่านั้นเอง จะมีอะไรเหลือติดศาสนาพุทธเราล่ะ
วัตถุนี่สำคัญมาก มันทำได้ง่าย เพราะกิเลสลากไป พอสร้างอันนั้นขึ้นมาปั๊บ ความกังวลจะไปอยู่ที่นั่น แม้ที่สุดสร้างกระต๊อบขึ้นมา วันนั้นกระต๊อบยังไม่เสร็จ ต้องเป็นความกังวลกับกระต๊อบหลังนั้นแหละ สร้างร้านเล็ก ๆ ขึ้นมา ยังไม่เสร็จนะวันนี้ ความกังวลจะอยู่ในร้านเล็ก ๆ ถ้าไม่ทำมันก็ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นมันจำเป็นให้ทำเสีย ตั้งแต่หมูหมาเป็ดไก่สัตว์เขายังมีที่พักที่อาศัย นกเขามีรวงมีรัง พระเรามาจากคนจะว่าไง ก็ต้องมีพอพักพออาศัยบ้าง เอารำคาญก็ทนเอาด้วยความระมัดระวัง นั่น การทำหน้าที่การงานท่านให้ระมัดระวังตลอด ท่านไม่ได้ลืมเนื้อลืมตัวนะ ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเสร็จเสร็จ หน้าที่การงานที่จะชำระกิเลส หมุนติ้วทั้งวันทั้งคืน นั่นผู้ภาวนาเพื่อละกิเลส ท่านทำมาอย่างนั้นนี่นะ ท่านไม่ได้แบบโกโรโกโสไปไหน ๆ ไม่ได้เรื่อง อยู่ไหนไม่ได้เรื่อง ไม่มีสติไม่มีปัญญาชำระกิเลส มีแต่กิเลสโหมตัวเข้ามาทับ ๆ มันก็แหลกหมดละซี
ถ้าว่าสร้างวัดสร้างวา ก็มีตั้งแต่วัตถุเข้ามาเหยียบย่ำทำลาย หรูหราฟู่ฟ่า ให้สวยให้งามทางภายนอก ภายในสกปรกรกรุงรังยิ่งกว่าส้วมกว่าถานไม่มองดู ใจสกปรกด้วยกิเลสเหยียบหัวมัน ทับหัวมันมันไม่มองดู จำเอานะไปปฏิบัตินะ มันจะหมดจริง ๆ นะศาสนา ดูอยู่ชัด ๆ นี่จะว่าไง กุดด้วนเข้ามา ๆ ว่าศาสนาเจริญ ๆ ก็ถือเอาวัตถุนั่นแหละว่าเจริญ วัดไหนหรูหราฟู่ฟ่าสดสวยงดงาม มีโบสถ์มีวิหารหลังคากุฏิกี่ชั้น ๆ หรูหราฟู่ฟ่า โอ๋ย วัดนี้เจริญ น่าเกรงขาม เกรงขามขี้หมาอะไร ประสาอิฐปูนหินทราย ฟังซิน่ะ เกรงขามธรรมต่างหาก ธรรมอยู่ที่ไหนดีหมด จึงว่าท่านไปอยู่ในป่าในเขา ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ฟังซิ ภายในสง่าจ้า นั่นมันต่างกันนะ แล้วธรรมนี่แลทำท่านให้สงบ และทำท่านให้นำทำประโยชน์ให้โลกได้กว้างขวางมากมาย ให้ความสงบร่มเย็น เพราะธรรมอันนี้แล ไม่ใช่เพราะอิฐเพราะปูนเพราะหินเพราะทรายนะ ธรรมต่างหาก ให้พากันจดจำให้ดี เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้นแหละ
เราฝึกหัดสอนภาวนาให้พากันจำนะ เราพูดแล้วพูดเล่าเรื่องภาวนาไปไหนสอนให้ภาวนา คือพุทธศาสนาแท้จะสง่าอยู่ที่ใจนะ การทำบุญให้ทานทั้งหมดเวลานี้ ทำแล้วเหมือนไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่เห็นทั้ง ๆ สิ่งที่ทำอยู่ในใจเราไม่เห็น ไม่ว่าบาป-ว่าบุญอยู่ที่ใจ แต่เวลามันมืดมันไม่เห็น โน่นเวลาภาวนาไปโน่น เปิดให้มันชัดเสียนะ เวลาภาวนาไป ๆ ในเบื้องต้นก็อบอุ่น นี่ละบุญกุศลค่อยรวมมา เหมือนกับวัวควายของเราที่ปล่อยไว้หน้าบ้านนั้น มันก็ป้วนเปี้ยน ๆ อยู่ยังไม่เปิดคอกให้มันเข้า เข้าใจไหม มันก็ป้วนเปี้ยน ๆ ประตูบ้านนั้นแหละไม่ไปไหน ทีนี้พอเปิดประตูแล้วมันก็ไหลเข้ามาในบ้าน กองเต็มอยู่ในบ้าน มีแต่วัวแต่ควายของตัวทั้งนั้นแหละไม่ใช่ของใคร อันนี้ก็เหมือนกัน บุญกุศลที่ทำมากน้อยให้หายไปไหนไม่หาย ทำยังไงไม่มีอะไรจะทำให้หายได้ เป็นอฐานะ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ บาปต้องเป็นบาป บุญต้องเป็นบุญตลอดมา แต่มันไม่เห็นก็กิเลสปิดเอาไว้
ทีนี้พอเราภาวนาเข้าไป ๆ รวมเข้าไปภาวนาเข้าไป ทีนี้อย่างน้อยได้ความอบอุ่นนี่เริ่มเข้ามานะ การทำบุญให้ทานมากน้อย จำได้ไม่ได้ก็ตามจะเริ่มเป็นความอบอุ่นเข้ามา ใกล้เข้ามา เรียกว่าวัวควายมันเข้ามาปากคอกแล้วนะ มันจะเข้าคอกเข้าใจไหม เริ่มเป็นความอบอุ่น คิดหาอะไร ๆ ที่จะเกาะอะไร ๆ มันเหลวไหล ๆ จิตใจเหี่ยวแห้ง ๆ ดูนั้นดูอันนี้ก็.เอ้อ.อาศัยได้เวลาเรามีชีวิตอยู่ตายไปแล้วก็เหือดแห้ง พอหมุนเข้ามาทางจิตใจศีลกับทานอบอุ่น ๆ ทีนี้ภาวนาเข้าไป เรียกว่าดึงเข้ามา ๆ เที่ยวป้วน ๆ เปี้ยน ๆ อยู่นอกคอก ทีนี้พอภาวนาเหมือนเปิดประตูคอก จะค่อยเริ่มเข้ามา ๆ อบอุ่นเข้ามา ๆ แน่นเข้ามา คิดอะไร ๆ เหลว ๆ ไหล ๆ คิดเข้ามานี้แน่นปึ๋ง นั่น.เอาละนะเริ่มแล้ว นี่ละที่พึ่งของใจดูแต่นี้ก่อนนะ
พอคิดเข้ามาที่ใจอบอุ่นทันทีเลย นี่ได้ที่พึ่งแล้วจะไปแล้ว ไม่อาศัยสิ่งเหล่านั้น มันชัดอย่างนั้นนะ ทีนี้พอภาวนาเข้าไปแน่นหนามั่นคงเข้าไป เด่นเลยที่นี่ บุญกุศลสร้างมามากน้อยมารวมอยู่นี้หมด เหมือนกับน้ำมหาสมุทร น้ำที่ไหนไหลมาจากคลองใดก็ตามลงมหาสมุทรแล้วจ้าอยู่ในจุดเดียวหมด ทีนี้บุญกุศลทั้งหลายที่สร้างมามากน้อย ใกล้ไกลนานขนาดไหน ไหลเข้ามาหาจุดรวม พอภาวนาเปิดรับทีนี้เข้ามา ๆ จิตละเอียดเข้าไปจิตผ่องใสเท่าไร ยิ่งไม่มีอะไรมีแต่กองการกุศลผลประโยชน์ของตัวเองเต็มหัวใจ นั่นเห็นไหมล่ะ ชัดเข้า ๆ ทีนี้อันนี้เอาให้สุดยอดเลยนะ อันนี้ละหนุนจิตนะ บุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะให้ทานมากน้อยมากี่กัปกี่กัลป์ก็ตาม รักษาศีลภาวนา ขึ้นชื่อว่าความดีไหลรวมเข้ามา ๆ ใกล้เข้ามา ๆ ทีนี้สร้างทำนบใหญ่คือภาวนาแล้วก็ไหลใกล้เข้ามา พอสร้างทำนบใหญ่ดีเข้าเท่าไร อันนี้ยิ่งใกล้ชิดติดพันเข้ามาเด่น ๆ จำให้ดีนะ คำนี้
ที่พึ่งของเราทั้งหลายคิดไปทั่วแดนโลกธาตุมันจะเหลวไหลหมดนะ เมื่อได้ที่พึ่งอันนี้แล้วมันจะเหลวไหลไปหมดเลย ไม่มีอะไรสู้อันนี้ได้เลย ทีนี้จิตมาเกาะ ๆ อบอุ่นอยู่ที่ไหนอบอุ่น ผลสุดท้ายจะตายก็กล้าหาญไม่กลัว เพราะจิตไม่ตาย จิตกับธรรมชาติความดีนี้อยู่ด้วยกันไม่ตายแล้วจะไปเดือดร้อนอะไร คนที่สร้างแต่ความชั่วก็คิดถึงเรื่องความชั่ว ไฟมันอยู่ในนี้แหละคือความชั่ว มันยิ่งเดือดร้อนตายแล้วผึงเลย ไปเลย นั่น ต่างกันนะ ทีนี้เวลาบุญกุศลพอแล้วถึงขั้นบุญกุศลเต็มที่แล้วหนุนผึงเลยที่นี่ หลุดปึ๋งออกจากโลกธาตุ นี้ละบุญกุศลนี้ส่งถึงที่สุด วิมุตติพระนิพพานผึงเลย นั่น ออกจากอันนี้ทั้งนั้นนะ ไม่ได้ออกจากอะไร ให้พากันจำให้ดี นี้ถอดจากหัวใจมาพูดนะไม่ได้มาพูดเล่น ๆ
เพราะฉะนั้นจึงว่าให้สร้างทำนบคือภาวนา อย่าปล่อยอย่าวางให้ติดกันไปสร้างทำนบไป แล้วกวาดต้อนข้างนอกเข้ามา เอ้า ทานก็ทำ ศีลก็รักษา อะไรก็ทำตามกำลังของเรา เอ้า กวาดเข้ามา ๆ สร้างทำนบคือภาวนา ให้สร้างขึ้นทุกวัน เข้าใจไหม เพื่อจะบรรจุน้ำมาก ๆ น้ำไหลเข้ามาไม่มีที่อยู่ได้ยังไง ท่วมหัวคนนะจะว่าไม่บอก เอาละจะให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|