เทศน์อบรมพระก่อนปาฏิโมกข์ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๒๖
ธรรมต่างหากวิเศษ
อะไรถ้าลงได้ถึงใจแล้วมันไม่ได้ปล่อยนะ เพราะไม่ได้สอนหมู่เพื่อนแบบเร่ๆ ร่อนๆ สักแต่ว่าสอน ผมเอาจริงเอาจัง สอนจริงๆ จังๆ สอนเจ้าของก็สอนมาอย่างนี้ มันกระเทือนใจมากจริงๆ คราวทำสระคราวนี้ไม่ใช่ธรรมดา ดูหมู่เพื่อนจนดูไม่ได้ ผมไม่คาดไม่ฝันว่าจะเป็นอย่างนี้ พูดเสมอแต่ไหนแต่ไรมาเรื่องการก่อสร้างเป็นภัยต่องานจิตตภาวนา เหล่านี้เราก็คิดไว้ๆ จำเป็นเราก็ทำ แล้วก็เห็นชัดๆ ยิ่งเด่นยิ่งกว่านั้นอีก ผิดคาดผิดหมาย พระเหมือนปอบทีเดียว เหมือนว่าถูกกักถูกขังไว้ในเรือนจำ พอได้จังหวะเท่านั้นมันดีดผึงผัง ๆ เหมือนยักษ์เหมือนผีกระหายอาหาร เป็นอย่างนั้นละ
หมด
.จนไม่มีครูมีอาจารย์ไม่มีผู้ใหญ่ผู้น้อยเลย เป็นไปตามนิสัยของกิเลสตัวหยาบๆ ออกมาแสดงต่อหน้าต่อตาให้เห็น จุ้นจ้านๆ ดูไม่ได้เลย เห็นความหยาบของพระที่แสดงออก พระมีขอบมีเขตมีเหตุมีผลมีหลักธรรมหลักวินัย พูดกันในเหตุในผลในหลักธรรมหลักวินัย
อกเราจะแตกทีเดียว ปกติก็ยั้วเยี้ยๆ ไม่ทราบว่าทางจงกรมเป็นยังไง เห็นแต่ยั้วเยี้ย ๆ อยู่ตามนี้(ศาลา) เวลาไหนก็ดี มันภาวนาอะไรอย่างนี้ มาหาอะไรกัน ทำไมเป็นอย่างนี้ เราเคยอยู่กับครูบาอาจารย์ อะไรก็เคยมา บวชมา ๕๐ พรรษากำลังจะเข้านี้แล้ว เรื่องจะเสียนี้เร็วมองไม่ทัน นี่ซิสำคัญตรงนี้ จึงทำให้เกิดความอิดหนาระอาใจในการที่จะรับหมู่เพื่อน ตลอดถึงการสั่งสอนหมู่เพื่อน อยู่โดยลำพังมันสบายยิ่งกว่าอะไร เพราะไม่มีอะไรกวนใจ เราไม่ได้หวังอะไรกับหมู่กับเพื่อน รับหมู่เพื่อนไว้นี่นะ หวังเพื่อเป็นผลเป็นประโยชน์ แต่เวลาสิ่งแสดงออกมาอย่างนี้มันเข้ากันได้ยังไงกับการอบรมสั่งสอนมาแทบล้มแทบตาย
อะไรก็ควรปรึกษาปรารภให้มีเหตุมีผล เราเอาขอบเอาเขตเอาความเป็นธรรมของหัวใจพระเท่านั้นไม่ได้เอาอะไร เราไม่ต้องการอำนาจวาสนานอกเหนือจากหลักธรรมหลักวินัย หากจะเป็นอำนาจวาสนาก็ให้เป็นอยู่ในหลักธรรมหลักวินัยไม่ได้เป็นอยู่กับเรา เรากราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้กราบเราพอที่จะถือเอาอำนาจมาเหยียบย่ำทำลายศาสนาและหมู่เพื่อน
บอกให้รับประเคนบาตรเณร ท่านมาอบรมอะไร ถ้าท่านจะตั้งใจฟังทำไมจะไม่ชัด ผมตั้งใจพูดแท้ๆ นี่ พูดต่อหน้าท่านเมื่อวานนี้ มันสะดุดใจอีกเหมือนกันในการสั่งสอนหมู่เพื่อน มันไม่จริงไม่จังอะไรเลย นี่ละที่ว่ามาเร่ๆ ร่อนๆ เถลไถล พูดอะไรไม่รู้เรื่องๆ ไปก็ต้องเป็นอย่างนี้ มาอยู่นี้เพื่อการอบรมแท้ๆ ก็ยังเห็นชัดๆ อยู่นี้ แล้วจะเอาความวิเศษวิโสมาจากไหน ที่ออกไปจากนี้จะวิเศษขึ้นไป ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตานี้ว่าเรื่องนี้มันไม่วิเศษ มันเรื่องเถลไถล เรื่องหาเหตุหาผลหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ เรื่องจิตใจเลื่อนลอยแท้ๆ ไม่สนใจไม่เอาไหน นั่นน่ะซีใครๆ ก็ดีมันถึงได้ภาวนาไม่ได้เป็นท่าเป็นทางอะไรเลย เพราะจิตไม่ปัก จิตไม่จดไม่จ่อไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ ฟังก็สักแต่ว่าฟังไปอย่างนั้น นิสัยเดิมไม่เอาไหนมันฝังอยู่ในหัวใจ ความจริงอะไรเข้าไม่ได้ถูกปัดออกหมด
มีแขกมีคนมาเหมือนกันนะ การติดต่อพูดกับแขกกับคนก็เหมือนกัน อย่ามาเป็นเจ้าตัวประจบประแจงให้เห็นอยู่ในวัดนี้นะเราไม่ต้องการ ท้าวมหาพรหมลงมาก็มาเถอะ ถ้าไม่เป็นไปกับธรรมไม่สอดคล้องกับธรรมแล้วเราเล่นด้วยไม่ได้ทั้งนั้นละ อย่ามาให้เห็นนะ ใครมาคนนั้นใหญ่ คนนี้มีอำนาจวาสนา คนนั้นมั่งมี คนนี้ฐานะสูงอย่างนี้ อย่ามายุ่งในศาสนานี้ในหลักธรรมหลักวินัยเป็นอันขาด ประจบประแจงหาประโยชน์อะไรประจบประแจงคน หมอบลงในธรรมซีถึงจะได้ผลได้ประโยชน์ที่จะทำตัวให้ดี
มันจะเป็นพระนักธุรกิจนักธุรการไปละ กับแขกกับคนกับอะไรต่ออะไร นั้นเหรอทางดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์ แบบโลกๆ แบบกิเลสนั่นเหรอ ยุ่งอะไรกับใคร
มาหาภาวนา ใครมาก็พูดพอประมาณเท่านั้นพอ บอกให้รู้เหตุรู้ผลแล้วพอ นี้เราต้อนรับแขกต้อนรับด้วยความจำเป็นในฐานะที่เขามาเกี่ยวข้องกับเราต่างหาก ผมไม่ได้เป็นอารมณ์กับใคร ใครจะมาเราก็ไม่ได้เป็นอารมณ์กับใคร สงเคราะห์กันไปตามเรื่องเท่านั้น
มันจะกลายเป็นพระเจ้าหน้าเจ้าตาเจ้าธุรกิจธุรการไปละในวัดนี้ เห็นไหมจดหมายเขามาฉบับที่เราให้อ่านดูนั่น เรื่องเขาตำหนิเราที่ว่าเขามาเราไล่เขาหนี กำลังจะลุกแล้วเขามาอีกจะรอกราบเรา สมควรกราบตรงนั้นเราก็เลยหนี เขาว่าให้เรา แล้วก็มีพระอะไรเห็นไหมในจดหมาย เป็นลักษณะประจบประแจงอย่างนั้น เราไม่ได้มาสนใจละว่าเรื่องเขามาตำหนิเราอย่างไร ๆ แต่เราจะหาเหตุหาผลเอาหลักเอาเกณฑ์นี่นะ แล้วมาจับได้เอาตรงพระนี่ซิ ประจบประแจงอะไรกับเขา ขึ้นชื่อว่าความจริงแล้วยินดีรับทั้งนั้นละ ไม่ว่าคำตำหนิไม่ว่าคำชมเป็นเรื่องคำของโลกทั้งนั้น เราไม่ได้มาเสียกับเรื่องลมปากคน แต่เราสนใจในกิเลสที่ฝังหัวใจพระอยู่เดี๋ยวนี้ที่เราสอนให้แก้นี่ต่างหาก
อย่าให้มีนะวัดนี้ ใครมาก็พูดพอประมาณแล้วหยุดอย่ายุ่ง เราไม่ยุ่ง ใครจะมาหาไม่มาหาเราไม่ถือเป็นสำคัญยิ่งกว่าพระเณรเราปฏิบัติให้ดีในวัดนี้ เรามุ่งอันนี้เดี๋ยวนี้ หลักใหญ่เราอยู่ตรงนี้ เราไม่ได้อยู่กับแขกกับคนว่าใครมานับถือไม่นับถือ นับถือก็อยู่ในหัวใจเขานู่น นินทาก็อยู่ในหัวใจเขานู่น สร้างเหตุดีชั่วอยู่กับหัวใจของเขา ใครจะเป็นคนรับผลนอกจากเขาเอง เราไม่ใช่เป็นคนรับผลถ้าเราไม่ตีความหมายในคำพูดคำจาของเขามาเป็นเหตุขึ้นภายในหัวใจ สร้างเหตุดีเหตุชั่วขึ้นมาภายในหัวใจนี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรื่องดีเรื่องชั่วถ้าเราไม่สร้างขึ้นมาเอง นอกจากเพียงลมปากเฉยๆ มีอะไร
ลมปากเราก็มีว่าอะไรกับลมปากคนอื่น ลมปากเรายังมี เรายังพูดได้ทำไมเขาพูดไม่ได้ หูเรามีเราฟังได้ทำไมเขาฟังไม่ได้ เขาฟังได้ทำไมเราฟังไม่ได้ นอกจากจะโง่หรือฉลาดที่จะคิดเอาประโยชน์หรือความเสียหายมาเผาตัวเองและให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเท่านั้น มีเท่านั้นแหละ หลักความจริงแล้วมีเท่านั้น
แล้วแขกคนมาที่ไปเยี่ยมตามกุฏินี่ก็เหมือนกัน อย่ามาให้เห็นนะวัดนี้ มาจากไหนบวชมาจากไหนก็ตาม บวชมาเป็นพระต้องเป็นพระ หลักธรรมหลักวินัยครูบาอาจารย์พาดำเนินยังไงที่เห็นว่าถูกต้องแล้วดำเนินตามนั้น อย่าเอาเรื่องของโลกมาเหยียบมาย่ำทำลายศาสนา มาเหยียบวัดเหยียบวา เรื่องของกิเลสมันวิเศษวิโสอะไร เรื่องของธรรมต่างหากวิเศษ สอนเพื่ออรรถเพื่อธรรมต่างหาก
เสกไหนก็เสกไปซิ เสกเอาเฉยๆ ความสำคัญ ตัวไม่ดีมันเป็นไฟอยู่ในหัวใจนั่นแหละ ถ้าลงใจสว่างกระจ่างแจ้งครอบโลกธาตุนี้ ใครจะมาตำหนิสามแดนโลกธาตุก็มาซิ เพียงลมปากคนเท่านั้นวิเศษวิโสอะไร ลมพัดใบไม้ก็ยังได้ยินเสียงมาว่าอะไรลมปากคน สนใจอะไรกับเรื่องเหล่านั้น ดูหัวใจเจ้าของซิมันเคลื่อนไหวไปมาผิดถูกประการใด นั่นละตัวสร้างเหตุอยู่ตรงนั้น ดูตรงนั้นซินักปฏิบัติ
มามากเข้า ๆ ยิ่งเหลวไหลไปเรื่อย ๆ จนดูไม่ได้ อกจะแตกแล้วนะเดี๋ยวนี้ผมผู้แนะนำสั่งสอนหมู่เพื่อน ที่เป็นมาเหล่านี้ไม่ใช่ทางดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์นะ มีแต่ทางสั่งสมทุกข์ อย่ามาเอาความสำคัญว่าตนมาอยู่กับที่นั่นที่นี่ว่าดิบว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ เจ้าของไม่ดีมันอย่างเก่านั่นแหละ ถ้าดีทำไมจะต้องพูดกันอยู่ตลอดเวลา ดุด่าว่ากล่าวกันตลอดเวลา ถ้าดีแล้วว่ากันไปทำไม เกิดผลประโยชน์อะไร
***********
|