จิตออกนอก (ก่อนปาฏิโมกข์)
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2526 เวลา 4:00 น. ความยาว 13.55 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระก่อนปาฏิโมกข์ ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๖

จิตออกนอก

ทำให้คิดถึงครูบาอาจารย์ที่ท่านชราคร่ำคร่าลงมากแล้ว ไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอนพระเณร เลยเหลว ๆ ไหล ๆ เหลว ๆ แหลก ๆ ไปอย่างนั้นนะ เพียงเราไม่ค่อยได้เข้ามาเกี่ยวข้องช่วงไม่กี่เดือน ตั้งแต่ออกพรรษามานี่สุขภาพเราไม่ค่อยอำนวย แล้วก็เป็นมาเรื่อย ๆ ดังที่เห็น ไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับหมู่กับเพื่อน แล้วดูพระเณรนี้เหลวลงเรื่อย ๆ ไม่ว่าแต่มาใหม่ เก่าก็เหลวลงเลวลง มองดูแล้วดูไม่ได้เลย จิตนี้ไม่เข้าข้างในเดี๋ยวนี้ เพ่น ๆ พ่าน ๆ ออกนอกเหมือนบ้า พระอยู่ในวัดนี้ที่เคยอยู่แล้วก็ดี ที่มาใหม่ก็รู้แล้วว่ามันยังไง ก็เคยเห็นอยู่แล้วที่มาใหม่ ส่วนมากเป็นอย่างนั้น นอกจากออกมาจากสำนักที่ได้เคยอบรมมาด้วยดี จึงมีกิริยาน่าดูบ้างที่แสดงออกมาภายนอก แต่อยู่ภายในใครก็ไม่รู้ละ มันหาบมูตรหาบคูถมากองไว้ในนั้นหมดนั่นแหละ

ทำให้คิดถึงเรื่องครูบาอาจารย์ตั้งแต่สมัยพ่อแม่ครูจารย์ยังมีชีวิตอยู่ เราก็รู้แล้ว เห็นชัด ๆ ประจักษ์ตาประจักษ์ใจอยู่แล้ว แต่นั้นก็ยังดีอยู่ในช่วงที่เราอยู่นั้น เพราะเราคอยกำชับกำชาคอยสังเกตสังกา คอยดุด่าว่ากล่าวพระเณรอยู่เสมอ ประการที่สองพระเณรก็เกรงและกลัวผมอยู่ด้วย มาทะลึ่งผมไม่ได้นี่ นั่นละที่วัดวาพระเณรก็พอดูอยู่ แม้พ่อแม่ครูจารย์จะชำรุดมาก ท่านไม่เกี่ยวข้องกับพระกับเณร พระเณรก็ยังน่าดู เพราะมีเราคอยเข้มงวดกวดขันอยู่ตลอดเวลา หัวอกจะแตกเราก็ทนเอาเพราะบุญคุณของครูบาอาจารย์ท่านปกเกล้าปกกระหม่อมเรามา

พระเณรยิ่งมีมากก็ยิ่งเหลว ๆ ไหล ๆ นี่หมายถึงท่านไม่ค่อยได้อบรมและไม่ได้อบรม เพราะท่านป่วยเพียบลงโดยลำดับ ๆ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่แก่ลง ๆ ไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับพระกับเณรเราก็ดูเอาซี รู้อยู่เห็นอยู่ได้ยินอยู่แล้ว เราก็เคยผ่านอย่างนี้มาแล้วด้วยก็ทราบได้ดี นี่กำลังจะไหลเข้ามาวัดป่าบ้านตาดละนะไอ้เรื่องทำนองนี้น่ะ เราอกจะแตกแล้วหากไม่พูด นอกจากจำเป็นจริง ๆ ก็พูดก็ว่าบ้าง พอมองพับ ๆ มันเห็นแล้ว ๆ สายตาละมากกว่าอย่างอื่น มองไปที่ไหนจนมองดูไม่ได้เวลานี้ มันมายังไงกันพวกเรา มามากเข้าทุกที ๆ แล้วเหลวลง ๆ เลวลงทุกที ๆ อย่าเข้าใจว่ามาศึกษาอบรมเพื่อคุณงามความดี จะได้เพิ่มเติมขึ้นในทางดี มันมาเหยียบย่ำทำลายกันลงโดยลำดับลำดาแล้วเวลานี้

เพียงระยะสั้น ๆ เท่านี้เองที่ผมไม่ค่อยมาเกี่ยวข้อง คิดอยู่เต็มหัวใจ อกจะแตก แต่สุขภาพไม่อำนวยก็จำเป็นต้องอนุโลมไปตามอย่างนั้นจะว่าไง ปีนี้สุขภาพเราทรุดมากเสียด้วย เอวกับโรคหัวใจนี้ก็ไปพร้อม ๆ กันอยู่อย่างนั้น ทีนี้ทุกส่วนของร่างกายก็เลยทรุดลง ๆ จะให้เกี่ยวข้องกับพระกับเณรเหมือนอย่างแต่ก่อน ๆ ที่เป็นมาเพราะสุขภาพดีนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เพียงเท่านี้เราก็ทราบแล้วพระเณรเป็นยังไง มันเหลวมันไหลทุกอย่างแล้วนะเดี๋ยวนี้

ผู้มาใหม่ก็เก้ง ๆ ก้าง ๆ ไม่ดูหน้าดูหลัง หัวสุมกันอยู่ตามครัวตามอะไรเหล่านี้ก็เหมือนกัน มองไปที่ไหนดูไม่ได้นะ เพราะไม่เคยเห็นไม่เคยมีไม่เคยปฏิบัติมาอย่างนี้ ก็ได้ทนเอาจะทำยังไง ความลำบากความจำเป็นมันบังคับให้ทนอยู่นี่ แล้วหมู่เพื่อนก็มาเรื่อย ๆ มาก็ทับกันเข้าเรื่อย ๆ ซี หาที่จะให้ดื่มให้กินอันดิบอันดีจะไม่มีแล้วนะเดี๋ยวนี้ หูมีตามีแท้ ๆ มาสังเกตมาศึกษาอบรมแท้ ๆ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ผู้อยู่เก่าก็เหลวลงไป ๆ นะเวลานี้ เลวลงไปนะ อย่าเข้าใจว่าผู้อยู่เก่าจะคงเส้นคงวาในทางที่ดี มันเหลวลงเลวลงนะเดี๋ยวนี้

เพียงเท่านี้ละ ชั่วระยะสั้น ๆ เท่านี้ที่เราไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับหมู่เพื่อนอะไรนักหนา ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกันผ่านไปผ่านมาอยู่ด้วยกันนี้ เป็นแต่เพียงไม่ได้อบรม ไม่ได้จี้ทุกบททุกบาททุกแง่ทุกมุมที่บกพร่องและเสียหาย แล้วมันก็เสริมจุดนี้ขึ้นมาเรื่อย ๆ ความดีมันไม่ขึ้น มีแต่ความไม่ดีนั่นแหละเหยียบกันลง ทำลายลงไป ๆ กุดด้วนลงไป

ให้หมู่เพื่อนได้เข้าใจนะ ตามีทุกคน หูมีทุกคน ใจมีทุกคน ผมก็มีหูมีตาทำไมจึงรู้เรื่องของหมู่เพื่อนเป็นยังไง หมู่เพื่อนทำไมไม่รู้เรื่องของหมู่เพื่อนซึ่งมาศึกษาอบรมด้วยกันทั้งนั้น ทำไมจึงไม่รู้เรื่องของเจ้าของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ติดอยู่กับเจ้าของ อาการความเคลื่อนไหวทุกอย่างติดอยู่กับเจ้าของ แสดงกับเจ้าของทำไมไม่รู้ อันนี้อยู่ไกล ๆ มองไปทำไมจึงรู้ ฟังก็รู้ เราจะเอาอะไรเป็นมรรคผลนิพพานถ้าเป็นอย่างนี้

ไอ้เรื่องภายนอก วัตถุสิ่งภายนอกมันเริ่มมากขึ้น ๆ แล้วจิตใจมันส่งออกนอกมาก อย่าเข้าใจว่าหลักศาสนา อย่าเข้าใจว่าธรรมะจะเจริญเพราะสิ่งเหล่านั้นนะ นั้นเป็นสิ่งอาศัยชั่วกาลชั่วเวลาเท่านั้น แต่จิตใจไม่ได้ไปผูกพัน ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องเป็นอารมณ์กับสิ่งเหล่านั้น เหมือนกับความสนใจในอรรถในธรรมและการปฏิบัติของตัวเอง อันนี้เป็นหลักใหญ่

เรารับพระรับเณรไว้เพราะสิ่งเหล่านี้นะ เพราะอรรถเพราะธรรมเหล่านี้ เราไม่ได้รับไว้เพื่อสิ่งเหล่านั้น อันนั้นเป็นเพียงปลีก ๆ ย่อย ๆ แต่มันทำลายได้เป็นเนื้อเป็นหนังนะ หากจะเป็นประโยชน์ก็เพียงว่า ฟังแต่ว่าปัจจัย ๆ อาหารปัจจัย ปัจจัย ๔ แน่ะ เพียงอาศัยไปเท่านั้น แต่เวลาทำลายมันทำลายได้จริง ๆ ส่วนมากจิตใจมันติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้แล้ว เคยนิสัยสันดานมา ไม่ว่าใครเหมือน ๆ กันอยู่แล้ว มันติดกันได้ง่าย ลงได้ง่าย ทำลายเจ้าของได้ง่าย แล้วจิตใจไหลลงได้ง่าย ๆ นะ ส่วนอรรถส่วนธรรมไสเข้าไปเท่าไรก็ไม่ไป

ดูแล้วไม่น่าดูเลยและไม่น่าดูไปโดยลำดับลำดานะ เพียงเดินผ่านมาศาลาเท่านั้นก็เห็นก็รู้อยู่แล้ว มันยังไงกัน แล้วมาศึกษาอะไรกันพระเณรนี้ ซึ่งทำให้คิดนะ ผู้มาใหม่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ผู้อยู่เก่านี่มันเป็นยังไงมันสำคัญตรงนี้ ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ไม่มีการฝึกการฝน ไม่มีการฝ่าฝืน ไม่มีการบังคับบัญชา ไม่มีการเข้มงวดกวดขันตนบ้างหรือเป็นยังไง เลยเป็นปัญหาขึ้นมาที่นี่

ทั้งที่มาศึกษาอบรม เทศน์ก็เทศน์ให้ฟัง พุงมันจะแตกแล้ว มีเท่าไรธรรมะทุกสิ่งทุกอย่างที่ทะลักออกมาจากหัวใจนี้สอนหมู่เพื่อนจนไม่มีอะไรติด มันพังออกมาเลยเพราะไม่มีอะไรเหลือภายใน เทศน์จริง ๆ เทศน์สอนหมู่เพื่อนอบรมหมู่เพื่อน รับหมู่เพื่อนไว้ก็ด้วยความเมตตาสงสาร เราทุกข์ยากลำบากก็ทนเอา ดูซิทนมันก็จะเหลือทนแล้ว อกมันจะแตกแล้ว

อะไรวิเศษวิโสในโลกนี้สอนหมดแล้วนี่ มีแต่ธรรมเท่านั้นที่วิเศษในโลกนี้ สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาที่ตำหนิเหล่านี้วิเศษอะไร ถ้าวิเศษจะตำหนิทำไม มันมีอยู่ทุกหัวใจสัตว์หัวใจบุคคลอยู่แล้ววิเศษวิโสอะไร ต่างคนต่างมีก็วิเศษวิโสก็เอามาแข่งกันในโลกนี้กระเทือนไปด้วยความวิเศษดูซิ แต่นี้โลกนี้กระเทือนไปด้วยความพินาศฉิบหายเพราะสิ่งเหล่านี้ทำลายนี่นะ จึงได้สอนเสมอให้เห็นพิษเห็นภัยของมัน แม้จำเป็นมีความเกี่ยวข้องกันอยู่กับสิ่งเหล่านี้ที่จะต้องอาศัยมัน ก็ต้องได้ระมัดระวังให้รู้จักประมาณ ให้รู้จักรักษาตัว ให้รู้จักความพอดี สอนแล้วสอนเล่าอยู่เสมอ

ธรรมต่างหากที่จะทำคนให้วิเศษวิโส ทำไมจึงไม่มีความหนักแน่นในสิ่งที่ควรหนักแน่น เราไปหนักแน่นอะไรกับสิ่งเหลว ๆ ไหล ๆ สิ่งทำลายเหล่านั้น

ดูอะไรมันไม่เจริญตาเลย มองไปที่ไหน ๆ มันสะดุดขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ แล้วมามากเข้าเรื่อย ๆ ด้วย หลั่งไหลกันเข้ามา ฝ่ายนั้นเข้ามาอัดเข้ามาแน่นเข้ามา ไม่ทราบได้ผลประโยชน์อะไรเพราะการมาอยู่ที่นี่ ด้วยการไม่นำพาไม่สนใจเจ้าของ ไม่รักษาเจ้าของ มันได้ประโยชน์อะไร

ท่านที่อยากญัตตินั่นจะมาทำอะไรให้ผมลำบากลำบนอยู่ด้วย ทั้งจะญัตติอะไรอีก ทั้งยังจะอยู่วัดนี้อีกไม่ใช่เหรอ นั่นสองทัพสามทัพเข้ามาแล้วนี่ ตั้งแต่รับหมู่เพื่อนที่มาธรรมดาเรียบร้อยมาแล้ว บวชมาแล้วมันก็หนักพอแล้ว ยังจะต้องให้มาญัตติแล้วรับเข้าในสำนักอีก ให้อบรมสั่งสอนอีกมันจะไม่ตายแล้วเหรอผมน่ะ ทำไมไม่คิดบ้าง ตั้งแต่รับหมู่รับเพื่อนที่หลั่งไหล ๆ มานี้ก็พอแล้วนะ ไหนจะต้องไปยุ่งอย่างนั้นเข้าอีก จึงยังรับปากรับคำไม่ได้…ไปหาผมวันนั้น

เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้คิดอยู่ตลอด มันหนักทุกด้านทุกทางแหละผม เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของผมทั้งนั้นไม่ใช่อะไร ที่ต้องคิดต้องอ่านต้องอะไร ๆ ยุ่งไปหมด เพียงแต่รับหมู่รับเพื่อนที่บวชมาเรียบร้อยแล้ว เพียงให้การอบรมเท่านั้นผมก็ยังไม่มีกำลังที่จะอบรมแล้วทุกวันนี้ ยังจะให้แบกอะไรอีก

สวดปาฏิโมกข์นี่ก็ทำไมเลวลงอีกแล้วนะ ฟังแล้วไม่น่าฟังเลย มันเลวลงทุกอย่างละนะ ก่อนที่จะสวดทำไมไม่ฝึกไม่ซ้อมตัวเองให้เรียบร้อย นี่เป็นสังฆมณฑลเป็นสันนิบาตของสงฆ์ ไม่ใช่สันนิบาตของเด็กนี่ มาทำเล่น ๆ เหมือนเด็กได้เหรอ สวดให้ถูกตามบทตามบาทดังที่เคยสวดมานั้นมันดีอยู่แล้วเราก็ไม่ว่า นี่มันเลวลงจะไม่ให้ว่ายังไง ก็ไม่ได้สอนเพื่อให้เลวลง สอนเพื่อให้ดีขึ้น เพียงสวดปาฏิโมกข์ที่เคยสวดอยู่แล้วยังเลวลงได้ หยาบ ๆ นี้ก็เห็นอยู่แล้ว ละเอียดจะเอาความดีมาจากไหนความละเอียด จะละเอียดยิ่งกว่านั้นได้ยังไง นอกจากสิ่งเหล่านี้มันไปเหยียบให้เลวลงไปด้วยกันนั่นแหละ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก