|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ภาษาธรรม โลกไม่ได้ใช้เวลานี้ |
|
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2545 เวลา 7:30 น. ความยาว 23.44 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
ภาษาธรรม โลกไม่ได้ใช้เวลานี้
(หลวงตาเจ้าคะ ดิฉันมาทำงานแทนผู้อำนวยการสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดน่าน คือพออ่าน หยดน้ำบนใบบัว ของหลวงตาแล้ว ไปสอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ ก็เลยลงในแผนปฏิบัติของจังหวัด ทำคู่มือนี้สำหรับครูไปใช้ แต่ว่าขาด หยดน้ำบนใบบัว ที่จะไปให้นักเรียนอ่านประกอบ จึงขอเมตตาขอหนังสือ หยดน้ำบนใบบัว ไปแจกโรงเรียนให้นักเรียนได้ใช้ โรงเรียนมี ๔๐๐ โรง ถ้าหากโรงเรียนที่มีนักเรียนมัธยมก็คาดว่าโรงละ ๕๐ เล่ม มีอยู่ ๙๘ โรง ส่วนที่มีเฉพาะประถมก็ขอสัก ๓๐ เล่มต่อโรง มี ๓๐๒ โรง รวมยอดแล้วประมาณ ๑๕,๐๐๐ เล่มเจ้าค่ะหลวงตา)
ระยะนี้หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนหมดในวัดนี้ เงินของเราทุนทรัพย์ที่จะหมุนทางโน้นทางนี้มันไม่ทั่วถึง มันจนตรอก ไม่ว่าใคร ๆ มักเป็นอย่างนั้น อย่างวัดนี้หากเป็นไปได้ เรื่องน้ำใจมีหรือไม่มีก็ให้พิจารณาเอา ถ้าเป็นไปได้แล้ว เมืองไทยเรานี้จะเอากี่เล่มเราจะพิมพ์ให้หมดเลย แต่นี้มันไม่มีเงินเลยจนตรอก เข้าใจไหมล่ะ เรื่องน้ำใจมีขนาดนั้นละ เมืองไทยนี้จะเอาสักกี่เล่ม ทันทีเลยเรื่องน้ำใจ แต่สมบัติมันตามไม่ทัน ตามมาตลอดก็ตามอย่างนั้น มันไม่ทัน ๆ
เงินมีมากมีน้อยพี่น้องทั้งหลายก็ควรจะแสดงน้ำใจต่อเรา และเด็กลูกหลานของเรา จะได้ธรรมไปเป็นคติเครื่องเตือนใจประจำวัน ๆ เด็กไปโรงเรียนก็มีคติธรรมประจำวัน มาบ้านพ่อแม่ก็มีศีลมีธรรมเป็นพื้นฐานรับรองเด็กไว้แล้ว เมื่อไปที่ไหนมีธรรมเข้าแทรก ๆ จะมีความสงบร่มเย็นทั่ว ๆ ไป ถ้ามีแต่กิเลสล้วน ๆ แล้วมีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นท่านผู้พิจารณาเห็นการณ์ไกลท่านจึงหมุนเข้ามาหาธรรม คือเกาะอะไรเกาะไม่ติด พังทั้งนั้น ถ้าธรรมเกาะมากเกาะน้อยติด ๆ เลย พอให้สงบร่มเย็นตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ถ้าไม่มีธรรมเลยนี้ โอ๊ย ไม่มีหวังเลยนะ
อันนี้ก็ได้พิจารณาเต็มกำลังความสามารถเหมือนกันในการสั่งสอนโลก ไม่ใช่สั่งสอนไปเฉย ๆ สั่งสอนพิจารณาในเวลาอยู่ลำพังตนเองนะ เป็นเวลาพิจารณาเรื่องโลกกว้างขวางมากเต็มกำลังความสามารถของตัวเองประจำวัน ประจำคืนเอาอย่างนี้ดีกว่า กลางวันมันยังมีเรื่องวุ่นวายทางโน้นทางนี้ กลางคืนไม่มีอะไรเลยนั้นละเป็นเวลาที่จิตทำงานเกี่ยวกับโลกสงสาร แต่ไม่เคยพูดให้ใครฟัง วันนี้เปิดอกเสียบ้าง อันนี้เป็นกิจประจำวันไม่พูด พิจารณาเต็มกำลังความสามารถ หนักเบามากน้อยหยาบละเอียดจนซึ้งสุดของธรรม พิจารณาเต็มกำลังมาตลอด แล้วก็เกี่ยวกับโลกสงสารที่ได้รับประโยชน์จากอรรถจากธรรมก็คิด
แต่นี้บรรดาพี่น้องทั้งหลายก็ได้คิดขึ้นมา เวลานี้เรากำลังฟื้นฟูธรรมขึ้น นี่ก็ออกแล้ว หยดน้ำบนใบบัว เริ่มแต่เด็กขึ้นไป เด็กก็ออกมาจากผู้ใหญ่เป็นผู้พินิจพิจารณา ตกออกมาเป็น หยดน้ำบนใบบัว ไปตามโรงเรียนต่าง ๆ นี่ก็ออกจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็คือผู้เห็นการณ์ไกล เห็นปัจจุบัน ทั้งเห็นการณ์ไกล พิจารณาแล้วจึงได้แสดงกิริยาออกมาให้ท่านทั้งหลายทราบว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือธรรมะ ธรรมะนี้เป็นความร่มเย็นแก่โลกตลอดมา จึงได้คิดแยกอันนี้ออกมาเป็นเอกเทศ เช่น หยดน้ำบนใบบัว เพื่อให้เด็กได้ศึกษาเล่าเรียนในข้ออรรถข้อธรรม เริ่มแล้วนี่ จากนั้นก็แตกกระจายออกไป ๆ
คนมีธรรมในใจกิริยาแสดงออกไปย่อมมีความชุ่มเย็น ๆ เย็นตาเย็นหู พูดออกไปก็มีอรรถมีธรรมมีเหตุมีผล มองดูก็งามตา นี่เรื่องธรรมไปที่ไหนเป็นอย่างนั้น เรานี้ยินดีเห็นด้วย ตั้งแต่เริ่มแรกมาติดต่อกับเราว่า จะเอา หยดน้ำบนใบบัว ของหลวงตาออก ให้เด็กพวกนักเรียนได้ศึกษาประกอบกับหลักสูตรไปด้วยตามขั้นต่าง ๆ ของวิชาที่เรียนมา เราก็ตอบรับทันที เราเห็นด้วยมานานแล้ว ไม่ว่าเห็นด้วยแต่เดี๋ยวนี้ เป็นแต่เพียงว่าวิสัยของผู้จะรับได้กระดิกพลิกแพลงออกมา พอจะรับทราบกันบ้างหรือไม่เท่านั้น เมื่อกระดิกออกมานี้ก็ตอบรับทันที เราเห็นด้วยมานานแล้ว
แล้วหนังสือที่ออกมาเป็น หยดน้ำบนใบบัว นี้ เรียกว่าออกจากความเดนตายของเรา เราถึงไม่สงสัยในแง่มุมต่าง ๆ ของหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ต้นจนสุด เราได้อ่านดูเรียบร้อยแล้วว่า ที่แต่งไปนี้เขียนไปนี้ผิดกับความเคลื่อนไหวการกระทำของเราอย่างไรหรือไม่ ไม่ผิด นี่เราถึงยอมรับ ในเรื่องของเราทุกอย่างออกก็รับ ที่จะนำไปพิมพ์นั้นเราเห็นด้วยแล้ว ให้ต่ำไปเราไม่คิดเลยแหละ ผู้รับจะรับได้มากน้อยเพียงไรเท่านั้นเอง เรื่องต่ำไปเราไม่คิด เพราะธรรมเหล่านี้เป็นธรรมที่ออกมาจากความเดนตาย ด้วยความพินิจพิจารณาทุกด้านทุกทาง จนกระทั่งออกเป็นหนังสือตั้งแต่ต้นจนสุดของหนังสือเล่มนี้ สุดประวัติเรื่องของเรา เราไม่มีที่ต้องติ เพราะฉะนั้นเวลาพิมพ์ก็พิมพ์ได้เลย แจกก็แจกไปได้เลย เพราะเราแน่ใจในการปฏิบัติของเรา
ตัวเองที่ออกมายืนยันเป็นตัวหนังสือเป็น หยดน้ำบนใบบัว นี้ ก็ทำมาแบบนั้น เรียกว่ารอดเป็นรอดตายเดนตายมา ได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายบรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟังเสมอ ใครจะเชื่อได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่ความรู้ความเห็นของคน ๆ นั้น แต่สำหรับเรานี้เราทำอย่างที่ว่ามาจริง ๆ ไม่เคลื่อนคลาดเลย เพราะฉะนั้นหนังสือนี้จึงไม่ขัดแย้งกันกับการดำเนินของเรา ดึงออกไปเป็นประวัติแล้วก็เป็นประวัติของเราโดยตรง ของเราก็คือของธรรมนั้นแหละจะเป็นอะไรไป เพราะเราดำเนินตามธรรม ผู้อยู่ในภูมิใด ๆ ก็ควรจะได้เป็นหลัก เป็นข้อยึด ๆ
ตั้งแต่เราเรียนหนังสือแต่ก่อนมีหนังสือเกี่ยวข้องกับศีลธรรม เช่น ธรรมจริยา นิทานอีสป ได้เอามาพูดอยู่ทุกวันนี้ก็ได้มาจากเรียนหนังสือ จากนั้นดูว่าห่างเหินไป ๆ มีหลักธรรมะเกี่ยวกับนักเรียนไหม ระยะนี้มีไหม แต่ก่อนเราเรียนมี สวดมนต์ไหว้พระ วันเสาร์ครึ่งวัน นั่นละวันครึ่งวัน วันนั้นไม่มีงานอะไร มีแต่ครูอบรมเล็กน้อยแล้วก็พานักเรียนไหว้พระ ครูเป็นผู้นำไหว้พระ จบแล้วจึงเลิก วันเสาร์ครึ่งวัน วันอาทิตย์ก็หยุดทั้งวัน จากนั้นเรื่อยมาตั้งแต่วันเราเข้าโรงเรียนจนกระทั่งเราออกปฏิบัติอย่างนั้นเรื่อยมา
ครั้นต่อมานี้ก็ไม่ค่อยได้ยินนักเรียนต่าง ๆ สวดมนต์ไหว้พระ ก็หูมันมีอยู่ที่ไหนก็ได้ยินซีถ้ามี แต่นี้ไม่มี ๆ จนกระทั่งเกิดความวิตกวิจารณ์ออกมาว่า ทำไมศาสนาซึ่งเป็นเครื่องดำเนินชีวิตจิตใจ ทุกอย่างอยู่ในนี้หมด ทำไมจึงไม่เห็นออกแสดงบ้าง เห็นแต่เรื่องที่จะทำความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัวเต็มในหลักวิชาต่าง ๆ ก็อดคิดไม่ได้ ถ้ามีแต่หลักวิชาความรู้ทางโลกล้วน ๆ แล้วโลกจะหวังเอาอะไรเป็นความเจริญไม่มี เรียนจะมากขนาดไหนความหวังมันไม่มี ไม่มีธรรมเข้าแทรกหาความหวังไม่ได้เลย ต้องมีธรรมเข้าแทรก กิริยาที่แสดงออกไปจากธรรมบงการจะเป็นผลเป็นประโยชน์ดีงามไปตลอด
เมื่อไม่มีแล้วจะเอาอะไรมาเป็นสาระ เรียนก็เป็นคว้าน้ำเหลว เรียนมามากมาน้อยก็เป็นคนชั่วช้าลามก เป็นมหาโจรก็ได้ มีแต่พวกเรียนมามาก ๆ แหละเป็นมหาโจรปล้นบ้านปล้นเมืองปล้นชาติปล้นศาสนาเวลานี้ มีพวกเรียน ก.ไก่ ก.กา เมื่อไร มีแต่ยกตนทะนงตนว่าเรียนสูง ๆ ทั้งนั้น ดอกเตอร์ดอกแต้ ดอกแต้ขี้หมาอะไรเราก็ไม่รู้นะ เราไม่ทราบ หากว่ากันไปอย่างนั้นแต่ความประพฤติเหลวแหลกยิ่งกว่าหมา ดูความประพฤติ หมาไม่หากินตับมนุษย์นะ มนุษย์ดอกเตอร์ดอกแต้มันกินได้ตลอดเลย เอามาเทียบซิ นี่ละไม่มีธรรมในใจ
ถ้ามีธรรมในใจ สูงขนาดไหนเรียนความรู้วิชามา เอาธรรมเข้าไปเป็นผู้จับพวงมาลัยหมุนไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา จะรอจะอะไร เบรก คันเร่ง เป็นไปตามพวงมาลัยกับรถ คือเราขับตัวของเรา ประพฤติตัวของเราเรียกว่าขับรถก็เรียบร้อย ทีนี้ก็สอนคนอื่น วิชาขับรถที่แคล้วคลาดปลอดภัยขับกันยังไง ตัวเป็นคนดีสอนคนอื่นก็ดีได้ ตัวเป็นคนเลวสอนคนอื่นให้ดีไม่มีทาง เป็นอย่างนั้นนะ ทีนี้จะดี ๆ เอาอะไรมาดี ถ้าไม่มีธรรมดีไม่ได้เลยนะ ตรงนี้ตรงตัดสินกัน ต้องธรรมเข้าเป็นผู้ตัดสินให้ ถ้าไม่มีธรรมตัดสินแล้วดีไม่ได้มนุษย์เรา
ดีก็ดีแต่ชื่อ อย่างในเรือนจำเยอะ ไปถามซิชื่อมันอยู่ฟากจรวดดาวเทียม แต่มันเต็มอยู่ในนักโทษ คือนักโทษเรือนจำ เห็นไหมชื่อมีความหมายอะไร ลมปากตั้งเท่าไรก็ได้ คนไม่ดีแล้วยังไงมันก็เลวอยู่อย่างนั้น จมอยู่ในส้วมในถานจะหาความดีมาจากไหน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีธรรม ถ้าธรรมแล้วตั้งไปยังไงก็ตั้งเถอะ ประสาชื่อเฉย ๆ มันดีอยู่กับคนไม่ได้อยู่กับชื่อ เวลานี้ก็กำลังเป็นบ้าตั้งชื่อตั้งนามกัน หลงขนาดนั้น หลงหนักไปเรื่อยนะกิเลสหลอกคน อดคิดไม่ได้เรา เพราะตามกันรู้กันอยู่ตลอดเวลา พูดจริง ๆ ไม่อวดนะ กิเลสแย็บออกตรงไหนมันรู้ทันที ๆ นอกจากไม่พูดเฉย ๆ รวดเร็วขนาดไหนก็เถอะไม่เหนือธรรมไปได้ ธรรมจับได้ตลอดเลย
พระพุทธเจ้านำธรรมมาสอนโลก คือรวดเร็วกว่ากิเลสเป็นไหน ๆ แต่พวกเราไม่รู้ให้มันจูงจมูก จมูกขาดแล้วทำยังไง เอ้า หูยังมี สอดเข้าไปหูนี้มัดหูนี้ ดึงหูนี้ขาด เอ้า หูนี้ยังอีกอยู่อย่างนั้นนะ แขนนั้นขาดแขนนี้ยัง แขนนี้ขาดแขนนั้นยัง สุดท้ายยังแต่คอ ให้มันลากไปจนเป็นซุงทั้งท่อนกลิ้งไปเลยที่นี่ ยังไปกับมันนะกลิ้งไป นี่ละความหลงความเพลิดเพลินตามกิเลสไม่รู้เนื้อรู้ตัว พูดย่นเข้ามาก็คือชาวพุทธของเราว่างี้เลย มันเข้ากันไม่ได้นะ ชาวพุทธไม่ได้สนใจกับศาสนาที่จะทำตัวให้ดีบ้างเลย พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกมาสอนโลก สอนโลกแล้วไปปฏิบัติตามกิเลสมันก็เลวไปหมดล่ะซี หาความดีไม่ได้ไม่ติดตัวทำไง จึงควรอย่างยิ่งที่จะฟื้นเนื้อฟื้นตัว ฟื้นชาติบ้านเมืองของเรา ตลอดตัวของเราให้ดีขึ้น ต้องฟื้นด้วยอรรถด้วยธรรม ฟื้นอย่างอื่นไม่มีทาง
ความเฉลียวฉลาดขนาดไหนไม่มีธรรมแทรกฉิบหายทั้งนั้นไม่เป็นอย่างอื่น ถ้ามีธรรมแทรกแล้วเป็นความสุขร่มเย็น ๆ ผู้ใหญ่ก็เป็นที่อาศัยของเด็ก เมืองใหญ่เป็นที่อาศัยของเมืองน้อยไปได้ ถ้าเมืองใหญ่ไม่มีธรรม มีแต่คอยกินคอยหลอกคอยต้มคอยตุ๋นอย่างนี้ เช่นอย่างเมืองไทยเรายิ่งเป็นเมืองเซ่อ ๆ นี้ด้วยแล้ว เมืองนอกเขาฉลาดกว่ามาหากินตับกินปอดเอาไปได้สบายนะ เอานั้นมาหลอกเอานี้มาหลอก อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี คว้ามับ ๆ ลิงร้อยตัวสู้ไม่ได้ความรวดเร็ววิ่งไปตามเขา นี่คนฉลาดแถวกิเลสมันหากินตับคน ถ้าคนฉลาดแถวธรรมแล้วเพิ่มตับให้ เข้าใจไหม แกไม่มีตับ ไม่มีตับคืออะไร แกโง่ เข้าใจไหม สอนให้ฉลาดเข้าไปซี นั่นเรียกว่าเพิ่มตับให้
คนฉลาดทางกิเลสนี้ โหย มันมีน้อยไปตับเมืองไทยเรานี้มันกินหมดนั่นแหละ มันมาหลอกกินท่านั้นท่านี้ ให้เซ็นนั้นให้เซ็นนี้ มันคอยกินอยู่ข้างในเราไม่รู้ โห พวกนี้มันของเล่นเมื่อไร นี่ละความรู้ของกิเลส ไปที่ไหนกินไปเรื่อย ๆ อย่าหวังจะให้ความสุขแก่ผู้อื่นด้วยความเมตตา ไม่มี คนเราไม่มีธรรมจะหาความเมตตาไม่ได้ เมื่อไม่มีเมตตาแล้วก็มีแต่ยักษ์แต่ผีเต็มหัวใจ กินไปหมด นี่ละเรื่องธรรมจึงเป็นของจำเป็นมากที่สุด ยิ่งอย่างเมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธ ควรจะได้ปฏิบัติตนสนใจต่อธรรมให้มาก ๆ ขึ้นไปโดยลำดับ แล้วจะค่อยฟื้นฟู ขนบประเพณีบ้านเมืองของเราก็จะเริ่มเป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมา จะไม่เลอะ ๆ เทอะ ๆ อย่างที่เป็นอยู่เวลานี้
เวลานี้เลอะ ๆ เทอะ ๆ มากนะ เอาธรรมจับเห็นหมดเลย แต่ธรรมท่านไม่เหมือนกิเลส รู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น เฉยอยู่อย่างนั้น นอกจากพิจารณาแล้วก็ปลงธรรมสังเวชเท่านั้นเอง กิเลสก็หลอกคนให้ลืมเนื้อลืมตัวไปเรื่อย ๆ เลยไม่มีแบบมีฉบับเมืองไทยเรานะ มีที่ไหนพิจารณาซิ การอยู่การกินอะไรมาคว้ามับ ๆ การใช้สอยทุกสิ่งทุกอย่างมีอะไร ๆ เช่นอย่างรถยนต์อย่างนี้ ป่าช้ารถอยู่ในเมืองไทยของเรา ไม่มีที่ไหนจะมากยิ่งกว่ารถยนต์ นี่เอามาจากไหน ก็เอาตับเอาปอดให้เขาถึงได้รถยนต์มาขับอีโหลกโขลกเขลก ตับก็ไม่มีปอดก็ไม่มี พิจารณาซิ
เรายัง โห รถรุ่นนั้นรุ่นนี้ ไม่ได้ดูตับนะ ตับหมดแล้ว แต่เอารถมาอวด เป็นเศษเหล็ก เขาเอาตับไปกินแล้วเอาเศษเหล็กมาทิ้งให้ เมืองไทยเราไปที่ไหนจึงมีตั้งแต่รถแต่ราเป็นแผ่นไปเลย แล้วมองดูข้างในไม่มีตับ มีแต่โครงกระดูกขับรถนี้เป็นแผ่นไปเลยเทียว รุ่นนี้รุ่นนั้น นี่เขาจะสั่งมารุ่นใหม่นะให้รีบ รุ่นนี้ทิ้งไปเสียเอารุ่นใหม่ เจ้าของเขายังไม่เกิด รุ่นใหม่มาแล้วรถยนต์ ทางนี้เอาตับให้เขาแล้ว เป็นอย่างนั้นนะ การอยู่การกินการใช้การสอยมีหลักมีเกณฑ์ที่ไหน ถ้ามีหลักมีเกณฑ์ต้องรู้ประมาณ ถ้ามีธรรมจับปั๊บเข้าไปอันไหนพอดี ให้อยู่ในความพอดี อันใดไม่จำเป็นปัดออก ๆ เพื่อความจำเป็นซึ่งเป็นหลักใหญ่แห่งตัวของเราหรือชาติไทยของเรา จะได้มีความแน่นหนามั่นคงด้วยขนบประเพณีอันดีงาม ซึ่งเป็นการสร้างเนื้อสร้างหนังของตัวขึ้นมา ก็เป็นอย่างนั้นซิจึงเรียกว่ามีหลักมีเกณฑ์
นี้มันโลเลโลกเลก การนุ่งการห่มก็เหมือนกัน เราไม่อยากพูดมากนะการนุ่งการห่ม เดี๋ยวมันจะมาปล่อยหีปล่อยหำให้เราดู เราจะเอาต่อฟาดเข้าใส่หีให้มันแตกฮือ ๆ หำมันแตกฮือ ๆ ฟังเสียงร้องแหง็กหงัก ๆ ยิ่งกว่าหมาถูกต่อกัดที่ว่า นั่นรังต่ออยู่นั่น พุ่มไม้นั้นยังอยู่ รังต่อนี่เอามาเป็นตัวอย่าง พี่น้องทั้งหลายฟังเป็นคติธรรม ใครอย่ามาหาเรื่องว่าหลวงตาพูดหยาบนะ กิเลสหยาบที่สุดไม่มีอะไรเกินกิเลสนะ มันปิดบังหุ้มห่อป้องกันตัวของมันไว้เรียบไม่ให้มีอะไรเข้าไปแตะมันเลย พอธรรมคือน้ำที่สะอาดชะล้างเข้าไปมันหาว่าสกปรกโสมม พูดหยาบพูดสกปรก นี้คือน้ำสะอาดธรรมสะอาดสาดเข้าไปหากิเลสตัวสกปรก มันหาเรื่องว่าธรรมสกปรก ตัวมันเป็นตัวสะอาดเห็นไหม
เวลานี้เป็นเกลื่อนอยู่ทั่วโลกทั่วสงสาร การพูดกันจึงมีแต่นิ่มนวลอ่อนหวาน ประดับประดาด้วยสำนวนของกิเลส สำนวนของธรรมเข้าไปไม่ได้ เพราะสำนวนของธรรมพูดอย่างตรงไปตรงมา นี้คือความจริงตายใจได้ สำนวนของกิเลสนิ่มขนาดไหนนวลขนาดไหนก็ตาม ตายใจไม่ได้นะ น่าไหว้หลังหลอกไม่มีอะไรเกินกิเลส เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้น เวลาพูดอะไรก็เอาละ ขยุกขยิก ๆ กิเลสมันหวงไม่อยากให้แตะมัน เป็นอย่างนั้นนะ ดูไม่ได้นะเวลานี้
พระพุทธเจ้าทรงแบบทรงฉบับ ตามหลักธรรมวินัยของท่านของพระจริง ๆ แล้วจะสวยงามมากนะ นี่ละแบบธรรมแบบวินัยของพระพุทธเจ้า นี่คือแบบฉบับของพระ การนุ่งห่มใช้สอยท่านใช้ยังไง ท่านนุ่งห่มยังไง ๆ ระเบียบแบบเดียวกันหมด นี่หมายถึงตามหลักธรรมวินัยจริง ๆ ถ้ามันเลอะ ๆ เทอะ ๆ นี่พวกเทวทัตแฝงธรรม เข้าใจไหม พวกเลอะ ๆ เทอะ ๆ นี่พวกเทวทัตแฝงธรรม กินตับกินปอดธรรมเลี้ยงตัวเอง แต่อาศัยตับปอดของศาสนาของธรรมมากิน มันถึงเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมด ไม่ได้ตำหนิฆราวาสนะ พระก็เหมือนกัน เลวเหมือนกัน มีเหมือนกัน คนมีกิเลสพูดให้เสมออย่างนี้ซี คนมีกิเลสต้องเป็นคนเลวพระเลวได้ พระก็เลวได้คนก็เลวได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้าทรงสอนเสียอย่างเดียวเท่านั้น เลอะเทอะเหมือนกันหมด
เราก็แบบเดียวกัน ถ้าไม่ปฏิบัติตามมารยาทของลูกชาวพุทธแล้วก็เลอะเทอะไปได้ พระไม่ปฏิบัติตามลูกสมศากยบุตรแล้วก็เลอะเทอะไปได้ ให้พิจารณาก็แล้วกัน เรื่องธรรมท่านพูดอย่างนี้ พูดอย่างตรงไปตรงมา ภาษาธรรมจึงไม่มีใครออกใช้นะ เพราะใครก็รักสงวนแต่กิเลส ต้องรักษาไว้หมด ความสกปรกเต็มอยู่กับกิเลส หุ้มห่อความสกปรกเอาไว้ ภายในใจก็เต็มอยู่ในหัวใจคือกิเลส กิริยาภายนอกออกมามันก็แสดงออกมา แล้วมาประดับประดาตกแต่งใหม่ให้สวยให้งามไพเราะเพราะพริ้ง ด้วยกิริยามารยาทนิ่ม ๆ นิ่มของกิเลสมันก็นิ่มแบบเหยื่อล่อปลานั่นแหละจะนิ่มอะไร ถ้าเป็นธรรมแล้วตรงไปตรงมา พูดคำไหนออกมาตายใจกันได้เลย ใช่ก็ใช่เลย นั่น นั่นเรียกภาษาธรรม โลกไม่ได้ใช้เวลานี้
อย่างที่ฟังทุกวันนี้หลวงตาออกแสดงธรรมได้ ๔ ปีมานี้แล้ว ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงอันนี้แหละ เสียงแสลงหูโลกเข้าใจไหม แต่สนิทกับธรรมตามหลักความจริงล้วน ๆ ตรงไปตรงมา ๆ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ข้อเปรียบเทียบเช่นน้ำหนัก ยกโคตรยกแซ่ยกพ่อยกแม่มาก็มี ยกหมูยกหมามาก็มี ล้วนแล้วตั้งแต่ข้อเปรียบเทียบที่ธรรมจะก้าวเดิน ไม่ได้เป็นความล่มจมนี่นะ พูดอะไรยกเอาน้ำหนัก มีน้ำหนักมีเหตุมีผลหลักเกณฑ์เป็นเครื่องดำเนิน มีน้ำหนักเป็นเครื่องเทียบเคียงกัน นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น
ท่านไม่ได้คำนึงว่านี้หยาบนี้โลน นั้นสกปรกโสมมอะไร นั้นเรื่องของกิเลส ท่านเป็นธรรม เป็นหลักธรรมชาติความจริงคือความสะอาด ต้องตรงไปตรงมาอย่างนั้น เรื่องของโลกเดี๋ยวนี้มีที่ไหน ไม่มี เพราะฉะนั้นใครได้ฟังธรรมะของเรา เวลานี้ออกกว้างขวางเสียด้วยนะหลวงตาองค์นี้ ภาษาหลวงตาองค์นี้ออกกว้างขวาง ออกด้วยปากเจ้าของด้วย ออกทางเทปด้วย ออกทางวิทยุด้วย ออกทางอินเตอร์เน็ตด้วย กว้างไปหมด ภาษานี้จะเริ่มได้ยินกันบ้างละนะ
ใครจะว่าอะไรก็ตาม สำหรับเราเองที่นำธรรมมาพูดนี้เราไม่เคยสนใจนะ ถ้าเราสนใจเราพูดอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องสนใจในธรรม หลักธรรมเป็นยังไง มีความจริงมายังไง ว่าไปตามหลักความจริง ใครจะว่าสูงว่าต่ำว่าหยาบว่าโลนไม่สนใจกับใคร ผู้ที่มีความหวังดีต่ออรรถต่อธรรมต่อคำสัตย์คำจริงมีอยู่ ผู้นี้จะยึดได้ หมายเอาอย่างนั้นต่างหาก ว่าใช่ไหม ใช่เท่านั้น รับแล้ว ตรงไปตรงมาอย่างนี้เรียกว่าภาษาธรรม ภาษาของโลกไม่ได้นะ เช่นอย่างผัวกับเมียนี้มันด้อม ๆ หลบจากหลังเมียไปแล้วไปเที่ยวเตร็ดเตร่มา ค้างวันค้างคืนกับอีหนูไหนก็ไม่รู้ ครั้นกลับมาเมียก็ว่าไปไหน เมื่อคืนนี้หายเงียบไป ทีนี้มันก็ออกลวดลาย ไปที่ไหนเมื่อคืนนี้หายเงียบไปไม่มา ไปฟังเทศน์ ฟังซิน่ะ
มันวิ่งตามอีหนูไปแล้วก็มาหลอกเมียมันว่าไปฟังเทศน์ เมียถามไปฟังเทศน์วัดไหน อู๋ย ไม่บอกเดี๋ยวจะติดใจ เราจะได้เฝ้าบ้านให้มัน ผู้หญิงจะไปฟังเทศน์เราจะเป็นเฒ่าแก่เฝ้าบ้าน ความจริงมันไปเที่ยวหาอีหนู เข้าใจไหม นั่นละภาษาของกิเลสฟังเอาซิ ไปฟังเทศน์ ภาษาธรรมก็ ไปไหนมาเมื่อคืนนี้ คือตรงไปตรงมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มันซื่อสัตย์ไหมผัวเรานี้ มันเป็นยังไง มันก็ออกแย็บเลย ไปฟังเทศน์ ซื่อสัตย์สุจริตไหม มันบอกว่าไปฟังเทศน์ แล้วถามไปอีกไปฟังเทศน์วัดไหน อู๋ย ไม่บอกแหละ ถ้าบอกเดี๋ยวจะเป็นคนแก่เฝ้าบ้าน ผู้หญิงจะไปฟังเทศน์เสียหมด เราขี้เกียจเฝ้าบ้าน ไม่บอกมันละ วัดไหนก็ช่างเถอะ เห็นไหมล่ะมันแก้ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ไม่ใช่เล่น ๆ ตัวสำคัญนะ
พี่น้องทั้งหลายพิจารณาเอานะ นี่แหละกิเลสกลของมันเป็นอย่างนี้ นี่เราพูดถึงเรื่องกลของมัน มันจะไม่พูดตามความสัตย์ความจริง มันจะหลีกเลี่ยง ๆ อย่างนี้ เพราะฉะนั้นโลกเราถึงร้อน เพราะถูกต้มถูกตุ๋น ตัวเองต้มตัวเองแล้วคนอื่นก็ต้มอีก พอว่าจะทำอย่างนี้กิเลสหลอกปั๊บนี้ไปทำตามกิเลสเสีย เข้าใจไหมล่ะ พอเราคิดจะทำความดี โอ๋ย พักเสียก่อนดีกว่านะ ปุ๊บนอนเลย หมอนถูกไม่ถูกก็ตามล้มตูมเลย นี่กล่อมแล้วเอาแล้ว นี่โกหกตัวเอง ถ้าจะไปทำความดีกิเลสซัดเข้าไปปั๊บนี้หงายหมาเลย หงายหมาคือหงายไม่เป็นท่า นี่มันโสโครกที่ไหนสกปรกที่ไหน คำว่าหงายหมาหมายถึงว่าหงายไม่เป็นท่า ถ้าหงายแมวมันตบได้ เข้าใจไหม หงายแมวล้มอย่างนี้มันตบได้นะ ถ้าหงายหมามีแต่ร้องแง ๆ นั่นเขาเรียกหงายหมา หงายไม่เป็นท่า มันหยาบไหมพูดอย่างนี้
นี่ละข้อเปรียบเทียบ ท่านเปรียบเทียบอย่างนี้ มีน้ำหนักน้ำเบาอะไรต่างกันยังไง เช่นหงายหมาแสดงว่าไม่เป็นท่าเลย เราก็ฝึกใหม่ซีอย่าให้หงายหมา ถ้าจะหงายจริง ๆ ก็ให้หงายแมว มีท่าตบบ้าง วิธีการสอนท่านสอนอย่างนั้น ท่านไม่ได้มีเจตนา
อย่างเราเทศน์ทุกวันนี้เหมือนกัน เราไม่เคยไปสนใจกับคำว่าหยาบว่าโลน สนใจตั้งแต่หลักแต่เกณฑ์น้ำหนักที่จะมาเทียบเคียง เป็นทางก้าวเดินเพื่ออรรถเพื่อธรรมแล้ว ก้าวเรื่อยเทียบเคียงไปเรื่อย เป็นอย่างนั้นต่างหากนะ เราที่จะไปคิดว่าหยาบว่าโลนพูดไม่ได้นะ ถ้าคิดอย่างนั้นพูดไม่ได้ ติดตัวเองแล้ว เมื่อติดตัวเองแล้วติดหมดก้าวไม่ออก ถ้าไม่ติดตัวเองเสียอย่างเดียว โดยอาศัยธรรมเป็นเครื่องก้าวเดินราบรื่นไปเลย ผิดถูกชั่วดีว่าไปตามเรื่อง ใครจะคิดอะไรช่าง ก็ผู้หนึ่งสอนธรรมผู้หนึ่งคิดไปเป็นโลก มันก็ขัดกันวันยังค่ำละซิ เท่านั้นก็ปล่อยไปเสีย เรื่องธรรมก็ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นแหละ
ให้พากันพิจารณาปฏิบัตินะพวกเรา ให้ต่างคนต่างฟื้นฟู มีแต่จะให้นายกคนเดียวอุ้มคนทั้งชาติ ต่างคนต่างช่วยตัวเองบ้างซิ ทางนายกท่านก็หนักพอแล้ว พวกเราที่ปฏิบัติตามผู้นำ นายกแปลว่า ผู้นำ นี่เป็นภาษาบาลี แปลว่าผู้นำ ๆ เราก็พยายามฉุดตัวเองไปซิ เมื่อได้รับอุบายวิธีการอะไรให้เดินตามผู้นำ เดินตามครูตามอาจารย์ จะไม่ค่อยผิดพลาดนักคนเรา ถ้าเดินตามแถวแนวของกิเลสที่เต็มหัวใจของทุกคนนี้ โอ๋ย สุดเหวี่ยงเลย ไม่มีสถานีจอดแวะ ลงทะเลตูม ๆ ทั้งนั้นแหละ วันนี้พูดเพียงเท่านี้
(โรงพยาบาลหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ มาขอรับบริจาคยูนิตทำฟันและเครื่องล้างฟิล์ม หลวงตาได้เมตตาอนุเคราะห์ให้ตามที่ขอ)
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ พระพรหมมุนีต้านภัยศาสนา พระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม วัดบวรนิเวศ ในฐานะประธานความมั่นคงคณะสงฆ์ เปิดเผยหลังประชุมความมั่นคง ที่สำนักแม่กองธรรมสนามหลวง เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้หยิบยกปัญหาและภัยของพระพุทธศาสนาที่มีการร้องเรียนเข้ามา อาทิ กรณี พ.ร.บ.คณะสงฆ์ที่มีการเรียกร้อง ให้มหาเถรฯ ออกมติเรียกพระสังฆาธิการทั่วประเทศมาประชุมชี้แจง เพื่อให้ปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะพระสงฆ์หลายรูปยังไม่เข้าใจเนื้อหาสาระที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ผ่านกฤษฎีกาและเตรียมเข้าสภาแล้ว
ส่วนกรณีที่หลวงตามหาบัวออกมาเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ออกเพื่อมาทำการประชาพิจารณ์ก่อนนั้น ไม่ได้มีการนำมาพูดคุย เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกรณีการแทรกแซงของต่างศาสนา โดยใช้กลไกทางการเมืองเข้าควบคุมองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงต่อการบริหารงานคณะสงฆ์ ผลกระทบจากการปฏิรูปการศึกษา ที่เปิดโอกาสให้เขตพื้นที่เป็นฝ่ายจัดการศึกษาและกำหนดหลักสูตรเอง การลดความสำคัญของหลักสูตรพระพุทธศาสนาในโรงเรียนเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการเรื่องใดก่อน โดยในวันที่ ๒๕-๒๖ กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมต่อ
ด้านนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนาเผยว่า พระพรหมมุนีเรียกประชุม เพราะมีเรื่องร้องเรียนจากชาวพุทธเข้ามามาก โดยเฉพาะเรื่องภัยของพระพุทธศาสนา ที่เกิดจากการปฏิรูปการศึกษาและการแทรกแซงจากต่างศาสนา
กราบเรียนต่อครับ หลวงพ่อเมือง กราบนมัสการพ่อแม่ครูบาจารย์ที่เคารพ เนื่องด้วยเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทางคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ได้มาแจ้งข่าวว่า หลังวันมาฆบูชานี้ เจ้าคุณพระธรรมวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส อดีตเลขาธิการคณะธรรมยุต ปัจจุบันเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมทั้งเจ้าคุณจากวัดต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครหลายรูปจะเดินทางมาเยี่ยมคณะสงฆ์ ที่วัดป่ามัชฌิมาวาส จังหวัดกาฬสินธุ์ ทางหมู่คณะสงฆ์ได้พิจารณาเห็นว่า อาจจะเกี่ยวเนื่องกับ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ จึงได้กราบเรียนพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาเพื่อทราบ และขอเมตตารับทราบความคิดเห็น หมู่คณะสงฆ์พร้อมที่จะน้อมรับและปฏิบัติตามคำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงตาทุกประการ กราบนมัสการด้วยความเคารพ พระอาจารย์เมืองครับ
หลวงตา แล้วเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ
โยม : เขาคงจะปฏิบัติตนไม่ถูกว่าจะให้ทำยังไง
หลวงตา : นั่นแล้วถามมาเหมือนหวังอะไรอยู่ ก็ไม่เห็นมีอะไรมาก ก็ให้ปรึกษาหารือกันธรรมดาก็ได้ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา ก็เป็นอันว่า ไม่ตอบก็ได้นะ ไม่มีอะไร เอาละผ่านไปได้ แล้วเรื่องที่พระสงฆ์ของเราที่จะมาประชุมหรืออะไรที่ว่านี่ เจ้าคุณพรหม
โยม : อ๋อ.เขาประชุมกันเอง แล้วก็ออกมาเป็นข่าวในกรณีที่ว่ามีการร้องเรียนจากชาวพุทธเข้ามามากเรื่องภัยของพระพุทธศาสนา ที่เกิดจากการปฏิรูปการศึกษาและการแทรกแซงจากต่างศาสนา ที่เอาการสอนพุทธศาสนาออกจากโรงเรียนต่าง ๆ นี่ละครับ เขาก็ร้องเรียนเข้ามา ตามข่าวนะครับ
หลวงตา : เรียกว่าชาวพุทธทั่วประเทศของเราคัดค้านพูดง่าย ๆ นะร้องเรียนเข้ามา ก็เป็นไปตามที่เราได้ประกาศไปเรียบร้อยแล้วดำเนินการก่อนแล้วนะ อย่างเกี่ยวกับชื่อเรานี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร
โยม : อ๋อ เขาบอกว่าสำหรับในกรณีที่หลวงตามหาบัวออกมาเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ออก เพื่อมาทำประชาพิจารณ์ก่อนนั้นไม่ได้นำมาพูดคุยกัน
หลวงตา : ที่เราว่าให้ถอนนี้คือเราสั่งไปเลยส่งไปเลย ไม่ได้มาปรึกษาหารือกันอะไรก่อน เราส่งไปเลยอย่างนั้นใช่ไหม สั่งไปเลยเป็นความเข้าใจกันแล้วว่า เราสั่งไปว่าให้เพิกถอนทั้งหมด ข้อของเขาที่ดำเนินมามากน้อยให้ถอนออกให้หมดเลย เรียกว่าเป็นฝั่งเขาฝั่งเรา ฝั่งนั้นฝั่งมหาโจร ฝั่งนี้เป็นฝั่งเจ้าของสมบัติแห่งชาติ เข้าใจไหม ให้เลิกไปคนละฝั่ง ๆ แล้วค่อยเข้ากันทีหลัง เอ้า.เข้าตรงโน้น เอ้า.มาทางนี้ก็จะยกทัพใส่กัน เข้าใจเหรอ คือไม่ให้อะไรเข้ามาแทรกมาแซง ซึ่งเป็นสื่อเป็นสารอะไรต่ออะไรที่จะเป็นภัยต่อชาติไทยของเรา เพราะฉะนั้นมีมากน้อยจึงต้องให้ถอนออกให้หมด เป็นคนละฝั่งเลย เรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เอ้า. ทีนี้มีอะไรยกทัพมา ทางนี้เราก็จะยกทัพ เราจะตีเกราะประชุม หมาเรา ๑๑-๑๒ ตัว กูเร่งรัดมากก็จะบอกไปด้วย เข้าใจไหม มันหากมีอยู่นั้นแหละ เรียกประชุมมัน
โยม : ต่อไปก็เป็นความเห็นที่ดีนะครับ ที่เขาบอกว่า ไม่ได้เอา กรณีของหลวงตาที่ออกมาเรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ. คณะสงฆ์ออกมาทำการประชาพิจารณ์ก่อนนั้น ไม่ได้มีการนำมาพูดคุยเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกรณีการแทรกแซงของต่างศาสนา เหมือนกับยกให้เป็นหน้าที่ของท่านนายกรัฐมนตรี
หลวงตา : เออ.อันนี้เข้ากันได้แล้ว
โยม : โดยใช้กลไกทางการเมืองเข้าควบคุมองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงต่อการบริหารงานคณะสงฆ์ ผลกระทบจากการปฏิรูปการศึกษาที่เปิดโอกาสให้เขตพื้นที่เป็นฝ่ายจัดการศึกษาและกำหนดหลักสูตรเอง อย่างนี้โรงเรียนต่าง ๆ กำหนดหลักสูตรเองเอาหยดน้ำบนใบบัวไปสอน นี่ละครับก็ทำได้ครับ การลดความสำคัญของหลักสูตรพุทธศาสนาในโรงเรียนเป็นต้น นี่ละครับ ทางโรงเรียนสามารถคิดหลักสูตรการสอนขึ้นไปเองได้ครับผม แสดงว่าเขาก็ยอมรับจากข่าวหนังสือพิมพ์นะครับ
หลวงตา : ทางไหนยอมรับ
โยม : ทางพระพรหมมุนี นี่ครับ ยอมรับหลักสูตร เอาหยดน้ำบนใบบัวไปเป็นหลักสูตรสอนเด็ก ทั้งชั้นประถมทั้งชั้นมัธยมนี้ เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
หลวงตา : ธรรมะอื่นใดก็ตามถ้าเป็นธรรมะแล้วเข้าได้ทั้งนั้น เมื่อหัวหน้าเห็นสมควรจะเข้า เอาตอนใดมาเข้า เข้าได้ทั้งนั้นว่างั้นเลยนะ เรียกว่าวงกว้างไปเลย อันนี้ก็กำลังละเวลานี้ เรื่องเหล่านี้รวมไปอยู่กับนายกคนเดียวหมดแล้ว ก็เรียกว่าเราก็หมดภาระไปอันหนึ่งเวลานี้ เข้านี้ปุ๊บออกนี้แล้วก็เข้านี้ปั๊บเลย เวลานี้อยู่กับนายกทั้งหมดแล้ว ให้นายกเป็นผู้ดำเนินทุกอย่างว่างั้นนะ ก็เป็นเรื่องของนายกทั้งหมดทั่วประเทศไทย อำนาจอยู่กับนายกคนเดียว อันนี้พวกเราก็เบาไป นายกจะสั่งการอะไร ๆ เรียบร้อย ตรงไหนล่อแหลมไม่ล่อแหลมอะไร ๆ นายกจะพิจารณาเองอย่างรอบคอบ เพราะอำนาจอยู่กับนายกคนเดียวหมด เรียกว่าเรื่องทั้งหมดที่รวมแล้วเข้าไปอยู่นายกหมดแล้วเวลานี้ เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้จึงเห่าว๊อก ๆ แว๊ก ๆ มา หลวงตาบัวเป็นอะไร ๆ เมื่อวานนี้ ก่อม็อบนั้นม็อบนี้อะไร ๆ ว่ามา เราก็ตอบไปพอหวานปากหวานคอสนุกไปอย่างนั้นแหละ คือมันไม่เห็น จมูกดมหาไม่เห็นไม่ได้เรื่อง ทีนี้เข้านี่ปุ๊บเงียบเลย มอบให้คนเดียวก็เป็นเรื่องของผู้เดียว ทางนี้อยู่สบาย ทางนั้นไม่สบาย จมูกระวังนะ เดี๋ยวเขาจะยืมจมูกเราไปอีก ไปเที่ยวหาดมมันไม่พอจมูกเดียว มันหาดมทางนั้นทางนี้ มันหาดมนั้นดมนี้ไม่ได้เรื่องแหละ มันก็เห่าหลวงตาวอก ๆ ไม่ใช่อีตานี่เหรอก็ว่างั้น เข้าใจเหรอ เมื่อเช้าวานนี้มั้ง
โยม : ครับผม เมื่อวานนี้ครับ
หลวงตา : นี่ละเขาเห่าวอก ๆ เขาดมไม่เห็น ดมที่ไหนไม่เห็น ๆ ก็เลยว่าคงจะหมายตัวนี้ละตัวสำคัญคงว่างั้น เห่าวอก ๆ ใส่เรา สูเห่าไปเห่าฟ้า หมาเห่าฟ้า เราก็เฉยเสีย คอยฟังก็แล้วกันเรื่องราวอยู่กับนายกหมดแล้ว มอบไปให้หมดแล้ว รายการต่าง ๆ เรียบไปหมดแล้วนะ เราจดเรารวบรวมมาหมด มอบให้เลยเทียว นายกรับปุ๊บทันทีเลย ทีนี้จะเป็นหน้าที่ของนายกอย่างเดียว นอกจากนายกจะมีกรณีพิเศษจะขัดข้องอะไร จะปรึกษาหารือกับพระเจ้าพระสงฆ์ที่มีคุณวุฒิและอาวุโสนะ เป็นบางรายหรือเป็นบางกรณีหรือบางกลุ่มของพระสงฆ์ที่จะเกี่ยวกับนายก ก็เป็นเรื่องของนายกเอง
ถ้าอันใดเกี่ยวกับเรื่องศาสนา นายกอาจจะถามปรึกษาหารือก็ได้ แต่ยังไงก็ตามเข้าอยู่ในนี้แล้ว เป็นเรื่องของนายกจะออกวิจารณ์ออกวิจัยคัดเลือกออกแง่ไหน เพราะเรามอบให้หมดแล้วเวลานี้ เพราะฉะนั้นเรื่องของเราจึงเงียบไป เรื่องทั้งหมดเข้าไปอยู่นั้นแล้วตอนนี้ อยู่กับนายกหมดเลย เราจึงคอยแต่ฟังเสียง แต่เตรียมพร้อมนี้เตรียมไว้เรียบร้อยนะ เช่น อะไรที่ลงรายชื่อ ไปรวมหมดแล้ว เมื่อสมควรที่จะเข้าถึงนายก หรือนายกถามหาเรื่องราวนี้จะออกทันที เราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เป็นเครื่องมือช่วยนายก เป็นสักขีพยานหรือหลักฐานของนายก ที่เป็นนายกของคนทั้งชาติ ได้ยินเรื่องของประชาชนทั้งชาตินี้ เข้ากันได้ไหมกับนายก ความหมายก็ว่างั้น เข้ากันเลย เข้าใจไหม อันนี้เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว
เพราะฉะนั้นถึงว่าใครจะเซ็นมากน้อยก็ยังไม่ได้ปิดบัญชี เปิดอยู่ตลอดเตรียมพร้อมไว้ ๆ เมื่อถึงกาลเวลาที่เกี่ยวข้องกับนายก หรือนายกจะเข้ามาเกี่ยวข้องนี้ยกให้ทันทีเลย ไปเลย ๆ ระยะนี้รู้สึกว่าสำหรับเองเบา แต่ก่อนมาอยู่นี้หมด พอรวบรวมนี้แล้วเข้าหานายกแล้วเราก็เบาไป นายกจะเป็นผู้พิจารณาเองทั้งหมดเลย เพราะนายกเป็นผู้มีอำนาจเหนือประเทศไทยทุกคนเลย จะอยู่ในจุดนี้หมด นายกจะเป็นผู้สั่งการสั่งงานเองตามกรณีที่เห็นสมควรประการใด นายกจะจัดการเอง ก็มีเท่านั้นละ กรุณาทราบไว้ตามนี้นะ เวลานี้กำลังอยู่ในจุดนี้แหละ จึงยังไม่มีอะไร ก็เห็นเองมันถึงได้มาหาดมนั้นดมนี้แล้วมาเห่าหลวงตาบัว เมื่อเช้าวานซืนหรืออะไร เราก็เฉยเสีย มันเห่ายังไม่ได้ใกล้ไม้ ใกล้ไม้จะตีจมูกมันเลย มันเห่าอะไรนี่วะ
โยม : รายชื่อที่ให้เซ็นมาได้ประมาณ ๔๐๐,๐๐๐
หลวงตา : รายชื่อเราเวลานี้ได้ประมาณสี่แสนแล้ว แต่เราก็ยังไม่ได้ปิดบัญชี เพราะเซ็นไม่มีคำว่าเฟ้อ มีแต่ดีไปเรื่อย ๆ เตรียมพร้อมไว้เมื่อเกี่ยวข้องกับนายกเมื่อไร ทางโน้นจะเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือทางโน้นมีกลไกอะไรที่จะให้ทางนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง ทางนี้จะออกทันที ในรายชื่อของผู้เซ็นไว้เรียบร้อยแล้วนะ จะออกทันที เตรียมพร้อมไว้อย่างนั้นละ อย่างคราวที่แล้วก็เตรียมพร้อมไว้ นั่นละเหมือนกันนะ ทีนี้พอเตรียมพร้อมแล้วก็เรียนนายก พอนายกว่าให้รอไว้ก่อนทางนี้ก็รอไว้อย่างนี้ ฟังแต่ว่ารอไว้ก่อน ออกเมื่อไรก็ได้ใช่ไหม ไม่ใช่รอตายนี่เข้าใจไหม รอไว้ก่อนที่จะออก ทีนี้เมื่อนายกฯว่าระยะนี้ให้รอไว้ก่อน คือนายกจะมีความรู้อันกว้างขวางยิ่งกว่าพวกเราเป็นไหน ๆ เราก็คอยฟัง อันนี้ให้ฟังเสียงนายกนะ แน่ะมันก็เข้ากันได้ทันทีเลย
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|