|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
กิเลสตีออกนอกลู่นอกทาง |
|
วันที่ 18 มกราคม 2545 เวลา 7:30 น. ความยาว 18.1 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | |
ค้นหา :
กิเลสตีออกนอกลู่นอกทาง
(องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ขอความเมตตาสนับสนุนสร้างพระมหาไตรปิฎก ฉบับที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรวม ๔๕ เล่มเป็นเล่มเดียว ณ วัดสวนป่าลากลอย ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ประมาณค่าใช้จ่าย ๓๐๐,๐๐๐ บาท) สร้างพระไตรปิฎก ๔๕ เล่มหนา ๆ มาเป็นเล่มเดียว ตั้งแต่เล่มบาง ๆ มันก็ไม่ยกขึ้นอ่านนะ เล่มบาง ๆ นิดเดียวมันก็ยกไม่ขึ้นไม่อ่าน จะฟาดทั้งสามพระไตรปิฎกมาใส่เล่มเดียวกันนี้มันตายกันหมดทั้งเมืองไทยเราว่าอย่างนี้ ไม่มีใครจะยก หลวงตาเองก็ไม่ยก ขนาดนี้แล้วไม่ยก นี่เหตุผลฟังซิ
ถ้าหากว่าต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ แก้ไขดัดแปลงตัวเองในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ทั่วประเทศไทยเรานี้สำหรับผู้เป็นชาวพุทธนะ แล้วจะเบาขึ้นเรื่อย ๆ เบากว่ายกพระไตรปิฎก กองทุกข์ในหัวใจของโลกชาวพุทธเราจะเบา ครอบครัวเหย้าเรือนจะเบาจากตัวเองแต่ละคน ๆ เบาด้วยการประพฤติตามศีลตามธรรม แล้วผลแห่งการปฏิบัติตามศีลตามธรรมนี้จะทำให้ร่มเย็นเป็นสุข อบอุ่นภายในครอบครัว กระจายออกไปในวงงานต่าง ๆ และทั่วประเทศไทย จะเป็นเมืองที่เบาขึ้นด้วยความสุข ๆ ความทุกข์จะค่อยระงับดับลงไป นี่ความเห็นของหลวงตาบัว จึงขอเรียนเชิญพี่น้องทั้งหลายให้ตั้งหน้าตั้งตามาปฏิบัติตัวเอง ความบกพร่องจะไม่อยู่ในพระไตรปิฎก จะอยู่ในตัวของเราทุกคน ๆ
พระไตรปิฎกท่านชี้เข้ามาหาตัวของบุคคลเรา ใครบกพร่องที่ตรงไหนให้พยายามแก้ไขดัดแปลงอย่างนี้ไปทั่วหน้ากันแล้ว เมืองไทยเราไม่ต้องถามหาเรื่องความสุข จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รวมหัวกันแล้วเกิดทั่วเมืองไทยเรา นี้คือความสุขเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ อันนี้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าชี้ลงทางภาคปฏิบัติ ปริยัติเมื่อศึกษาเล่าเรียนได้ยินได้ฟังมาแล้วให้ไปปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายตามที่ท่านสอนไว้ สอนไว้คือปริยัติ มาปฏิบัติตนเองแก้ไขตามปริยัติที่ท่านสอน หรือว่าแบบแปลนแผนผังได้แก่ปริยัติ แล้วก็ปฏิบัติตัวตามนั้น ๆ แล้วจะค่อยเบาขึ้นไปเรื่อย ๆ
คำว่าปฏิเวธ คือผลของงานที่เราทำลงไป เรียกว่าปฏิเวธ แปลออกแล้วแปลว่าความรู้แจ้งในธรรมที่ตนปฏิบัติ จากปริยัติที่ศึกษาเล่าเรียนมาแล้ว ปฏิบัติตามนั้น ๆ ผลจะเป็นความสงบร่มเย็น ๆ ตัวเองก็ชุ่มเย็นภายในจิตใจ นี่เรียกว่าปริยัติ นอกจากนั้นจะรู้เห็นธรรมในแง่ต่าง ๆ ขึ้นเป็นลำดับลำดา เริ่มตั้งแต่กิเลสขาดออกไปจากใจ ๆ ธรรมแผ่กระจายขึ้นมา เป็นความสุขขึ้นมาพร้อมกับธรรมที่แผ่กระจายออกไป นั่นเรียกว่าปฏิเวธ ๆ เป็นผลรู้ประจักษ์ใจตัวเอง ๆ แล้วก็เป็นผลจนหาที่ต้องติไม่ได้จากปริยัติ สำหรับพวกเราเรียนปริยัติจากครูจากอาจารย์ ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล แล้วผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ
ปริยัติเล่าเรียนมาเพื่ออะไร ก็เล่าเรียนมาเพื่อแก้ตัวเอง ชี้เข้ามาหาตัวเอง หลักวิชาทุกด้านของธรรมก็ดีของโลกก็มี เข้ามาหาตัวของเราทั้งนั้นแหละ ให้นำมาปฏิบัติผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะสมชื่อสมนามว่าเราเป็นชาวพุทธ เวลานี้ชาวพุทธเรามันมีแต่ชื่อนะ ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ ให้เห็นผลประจักษ์กับตัวเอง แล้วมาประกาศสอนให้คนอื่นได้รับความสุขความเย็นใจไปด้วยนี้มีน้อยมากทีเดียว อะไร ๆ ก็มีแต่วัตถุ ไปคลำไปเกาอยู่วัตถุนั่น ไม่ได้มาเกาตัวหมัดที่มันกัดให้คัน ๆ อยู่ในหัวใจคือกิเลสนั้นเลย กิเลสตัวมันทำให้คันอยู่ในนี้ ถ้ามาแก้ตรงนี้แล้วจะสมชื่อสมนามว่าพุทธศาสนาสอนสัตวโลกนะ ไม่ได้สอนให้ไปงมเงาเกาหมัดข้างนอก
อย่างนี้ละที่ควรเตือน-เตือนเสียบ้างซิ ให้รู้เรื่องรู้ราว เรื่องตำรับตำราที่ไหนนี้เกลื่อนไปหมด แต่ไม่สนใจปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามตำรับตำราซิ มันถึงเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไม่สมศักดิ์ศรีกับศาสนาที่มีวัตถุเครื่องกราบไหว้บูชาเป็นขวัญใจ แล้วนำตัวน้อมเข้าสู่ธรรมปฏิบัติตนเองตามนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ มีแต่คัมภีร์ใบลาน ไปที่ไหนเต็ม พระพุทธรูปนี้ก็เกลื่อนไปหมดเลย มันสนใจสร้างพระพุทธรูป ไม่ได้สร้างตัวเองนั่นซี ถ้าว่าธรรมก็ เอ้า พิมพ์ไป ฟาดกี่พระไตรปิฎกฟาดลงมา สุดท้ายรวมกัน ๔๕ เล่มเป็นเล่มหนึ่ง แล้วใครจะไปแบกได้หนังสือถึง ๔๕ เล่มมาเป็นเล่มหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เล่มบาง ๆ มันก็ขี้เกียจจนจะตายแล้ว
พูดตรง ๆ อย่างนี้ นี่เรียกภาษาของธรรม พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ เอาเหตุผลไปจับกันอย่างนี้ แล้วเกิดประโยชน์อะไรจากการรวมกันหาเหตุผลมาซิน่ะ เพียงเล่มเดียว ๆ มันก็พอแล้วเอามาอ่านด้วยความสนใจ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปที่ไหนติดตัวไปด้วย ติดย่ามไปด้วย ติดถุงไปด้วยก็ได้ถ้าตั้งใจปฏิบัติ ขัดข้องตรงไหน เปิดคัมภีร์ออกมาดู คัมภีร์นี่คือแปลน แปลนบ้านแปลนเรือนแปลนมรรคผลนิพพานอยู่ในนั้นในศาสนา แปลนบ้านแปลนเรือนดังที่เขาสร้าง เขาสร้างตามแปลนเป็นยังไง สำเร็จขึ้นมาเป็นบ้านเป็นเรือนตึกรามบ้านช่องใหญ่โตขนาดไหน ขึ้นมาจากแปลน ๆ อันนี้ก็เหมือนกันไม่เหนือแปลนแห่งศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าได้เลย ในสภาวธรรมทั้งหลายที่มีอยู่ในแดนโลกธาตุนี้ เต็มอยู่ในแปลนคือศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหมดแล้ว
มันบกพร่องแต่พวกเรา ที่จะปฏิบัติตามแปลนที่ถูกต้องดีงามเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนนี้บกพร่องมากพวกเรา รู้สึกว่าบกพร่องมากทีเดียว เพราะฉะนั้นไปเทศน์ที่ไหน ๆ เราจึงได้เตือนเสมอ ๆ เพราะฟืนไฟเกิดไปจากกิเลสตัวทำลายแปลน ถ้าแปลนพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างใด กิเลสจะเข้าไปลบ ๆ แล้วก็เอาตั้งแต่ความจอมปลอมขึ้นมาให้โลกได้เชื่อ เชื่อแล้วก็วิ่งตามมัน กองทุกข์ก็ไหลเข้ามา ๆ โลกอันนี้ตรงไหนที่มีความสุขเอามาอวดสักหน่อยน่ะ อย่าไปอวดพระพุทธเจ้า เอามาอวดหลวงตาบัวนี้ก็ได้ เวลานี้หลวงตาบัวยังไม่ตาย เอามาอวด แล้วหัวใจดวงนี้กับโลกทั้งหลายเอามาอวดกันดูซิน่ะ ว่าอย่างนี้นะ ฟังซิท่านทั้งหลายฟังเอา
เราสอนโลกเราสอนเล่นเมื่อไร สอนจริงสอนจังทุกอย่าง เราปฏิบัติมาจนถึงขั้นจะสลบไสล ไม่สลบไสลก็บอกไม่สลบไสล บอกว่าเราไม่เคยสลบไสล แต่เฉียดตลอด เฉียดเรื่อย ๆ พระพุทธเจ้าถึงขั้นสลบไสล นั่นฟังซิ เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่เอาตามอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของเรา คือเป็นหนูตัวหนึ่งก็มาเถอะน่ะ หนูตัวนี้ก็เต็มตัวของหนู หางมันก็มี หัวมันก็มี หูมันก็มี ขี้มันก็มี เยี่ยวมันก็มีเหมือนคน ช้างทั้งตัวมันก็มีแบบเดียวกันครบหมด แล้วจะไปมีอันไหนว่ายิ่งหย่อนกว่ากัน หนูก็เป็นหนูเต็มตัว อันนี้ความรู้ก็เต็มตัวที่ปฏิบัติมาเต็มกำลังความสามารถ อะไรขัดต่อธรรมจะรู้ทันที ๆ ไม่อวด นอกจากไม่พูดเท่านั้น เพราะเกี่ยวกับภายนอก เรื่องของเจ้าของขัดตรงไหนแก้ทันที เรื่องของคนอื่นแทนที่จะแก้ให้มันถูก สอนคนแทนที่จะเป็นมงคล กลับเป็นเสนียดจัญไรขึ้นแก่ผู้ฟังไปเสีย ไม่เกิดประโยชน์
เพราะฉะนั้นจึงพูดบ้างไม่พูดบ้าง รู้เท่าไรควรพูดก็พูด ไม่ควรพูดไม่พูด เพราะนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ยังเป็นโทษแก่ผู้ฟังอีก อย่างพูดเหล่านี้เราก็ไม่ได้เชื่อว่าจะเป็นไปตามแนวทางที่เรานำมาสอนเพื่อความถูกต้องนี้หรือไม่ประการใด เราก็ยังไม่ได้เชื่อนะหัวใจ กิเลสมันฝังมันคอยโต้ตอบอยู่ภายใน มันไม่เชื่อจะว่าไง สิ่งใดที่มันเชื่อก็คือเรื่องที่จะพาให้จม คือเรื่องลบล้างความจริงนั้นแหละ อะไรที่ไปลบล้างความจริง ก็คือความจอมปลอมไปลบล้างความจริง มันก็ปลอมไปตามกิเลสเสียไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร
เวลานี้ศาสนาของเรามีแต่คัมภีร์นะ ฟังทุกคน คัมภีร์อยู่ตามตู้ตามหีบ คัมภีร์ใบลานที่ว่านะ ไม่อยู่ในคัมภีร์คือหัวใจคนตามที่พระพุทธเจ้าประทานสอนเอาไว้ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยใจ ดีชั่วสำเร็จแล้วด้วยใจทั้งนั้น ท่านสอนลงไปที่นี่ ให้แก้ตรงนี้ ๆ ไม่ได้มาแก้คัมภีร์นี้นะ คัมภีร์ตัวมหาภัย ตัวเองทำมหาภัยแก่ตัวเอง สร้างแต่บาปแต่กรรมเต็มตัวแล้วยังไประบาดสาดกระจายไปให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนอีก ทำไมไม่พากันแก้คัมภีร์ตัวนี้น่ะ คัมภีร์ตัวนี้เป็นตัวอาละวาดใหญ่ทั่วบ้านทั่วเมือง มีอยู่กับทุกผู้ทุกคนไม่มากก็น้อย ให้แก้คัมภีร์นี้บ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้แก้คัมภีร์นี้นะ
หายุ่งตั้งแต่สิ่งภายนอกไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าที่ไหนไม่คันละไปเกา ถ้าคันไม่ยอมเกาให้มันหายคันบ้าง ถ้าเกาถูกที่คันมันก็หายคัน เกาที่มันไม่คันก็ยิ่งถลอกปอกเปิก เพิ่มความคันความเจ็บปวดแสบร้อนขึ้นอีก เลอะเทอะไปหมดทั้งตัว เลยกลายเป็นหมาขี้เรื้อนไปเลย เป็นอย่างนั้นนะเกาไม่ถูกที่คัน เป็นอย่างนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลาย นำแปลนของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้ว นั้นละคือแปลนแห่งมรรคผลนิพพาน แปลนบุญแปลนบาปอยู่ในนั้นหมด ให้นำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตัวเอง อย่ายุ่งตั้งแต่ภายนอกจนเกินไป
ไปที่ไหน ๆ เห็นตั้งแต่สิ่งก่อสร้าง ทำไปแล้วมันทำง่ายนะ ทำไปแล้วก็ทิ้งไว้ ๆ เจ้าของจะเป็นยังไงไม่สนใจ ถือว่าได้สร้างพระพุทธรูป เอาแค่นั้นแหละ สร้างตัวเองพระพุทธเจ้าสอนอย่างเด็ดขาด สร้างลงตัวเองนี่นะ ไม่ได้ให้สร้างพระพุทธรูปอะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้เคารพพระองค์ยิ่งกว่าเคารพธรรมนะ ถ้าลงธรรมตรงไหนพระพุทธเจ้ากราบ พระพุทธเจ้าไม่ทรงกราบอะไรในสามแดนโลกธาตุ กราบแต่ธรรมอย่างเดียว ฟังซิน่ะ พระพุทธเจ้าเคารพธรรมด้วย
นี่เราก็ให้เคารพธรรม ธรรมอยู่กับตัวของเรา คัมภีร์ใหญ่อยู่นี้ ให้มาแก้ตัวนี้บ้าง อย่าพากันเร่ ๆ ร่อน ๆ ไปที่ไหนมองดูถ้าตาบอด-บอดมานานแล้วนะ มันอดดูไม่ได้ ใจก็เหมือนกันใจแตกแล้วนะ มันอดดูอดคิดอดฟังอดพินิจพิจารณาเรื่องเขาเรื่องเราไม่ได้ ทีนี้เมื่อมันมาเกี่ยวข้องถึงโอกาสที่จะพูดก็พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังเสียบ้าง ให้พากันแก้ไขดัดแปลงแปลนของเราเสียใหม่ แปลนน่ะถูกต้อง ตัวของเรานี้มันไม่ถูก ท่านบอกแปลนไว้อย่างหนึ่งมันไปทำอย่างหนึ่ง บอกว่าให้ไปสร้างวัดสร้างวาหรือสร้างที่ภาวนา มันไปสร้างโรงสุราขึ้นแทน มันเป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้
อย่างที่เราเคยพูดที่หลวงปู่ท่านสอน ไปจุดธูปจุดเทียนปักไหว้วอน ดังที่เขาเขียนการ์ตูนไว้นั้น ศาลเจ้าพ่อใหญ่อยู่ข้างบน มีสายระโยงระยางลงมา เขาทำเป็นการ์ตูนให้เห็น เป็นคติธรรมดีมาก เพราะฉะนั้นจึงนำมาพูดเสมอ นี่ละความเสื่อมของคน เข้าใจไหม หลวงปู่ท่านมองเห็นซิ กำลังจุดธูปจุดเทียนไหว้วอนอยู่ ทำอะไรล่ะหลาน เป็นทุกข์อะไรเหรอ โอ๊ย เป็นทุกข์มากปู่ เป็นทุกข์เพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะปฏิบัติตามปู่สอนนั้นแหละ ปู่สอนว่ายังไง สอนว่าให้มีความปรารถนาน้อย แล้วไปทำยังไงมันถึงเป็นทุกข์ล่ะ ไปมีเมียน้อย นั่นเห็นไหมมันเสือกไปอย่างนั้น พวกนี้มันเสือกไปอย่างนั้น บอกให้ไปสร้างนี้มันไปสร้างนั้นเสีย มันไปมีเมียน้อย หมดท่าเลย หลวงปู่ก็มีแต่ เหอ เท่านั้นหมดท่าเลย หมดท่า มันเป็นอย่างนั้นนะ มันเสือกไปอย่างหนึ่ง
เวลานี้กิเลสมันตีออกนอกลู่นอกทางให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ตีตลอดเวลานะกิเลสคลื่นใหญ่มาก ยิ่งหนาแน่นขึ้นทุกวัน ๆ นะเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ถึงอ่อนใจซิ ไปที่ไหนพอที่จะดึงจะฉุดได้บ้าง ก็ต้องเทศนาว่าการเกี่ยวกับทางด้านศีลด้านธรรม เฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตตภาวนา ตัวนี้ตัวดิ้นตัวดีด ตีตัวนี้ลง พอตัวนี้สงบแล้วจะสงบหมดโลก ตัวนี้พาให้วุ่นวายนะ เขาไม่มีอะไรแหละดินฟ้าอากาศ ตัวนี้ไปยุ่งเขาละซิ แล้วก็เอามายุ่งตัวเอง คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ยุ่งอยู่ที่ตัวเอง ตัวนี้ตัวสำคัญให้ระงับตัวนี้ลงไป จะค่อยสงบสบายเย็นไป พอตัวยุ่งนี้ขาดสะบั้นลงไปหมดไม่มีกองทุกข์ หมดโดยสิ้นเชิง คือตัวนี้เองเป็นตัวสร้างกองทุกข์มากน้อย นั่นเป็นอย่างนั้นนะ
เราพูดจริง ๆ เราไม่ได้พูดด้วยความโอ้อวด พูดออกมาจากหัวใจจริง ๆ ที่ได้ปฏิบัติมา ไปที่ไหนจนปลงธรรมสังเวชก็มี โอ ปลงก็ปลงไปอย่างนั้นแหละ เราไม่ได้มีทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น เราไม่ได้สร้างทุกข์เราจะมีอะไร ก็เห็นแต่กองทุกข์ที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความเพลิดความเพลินไม่รู้เนื้อรู้ตัว พวกนี้พวกฟืนพวกไฟ การสร้างบาปสร้างกรรมนี้คือสร้างฟืนสร้างไฟเผาเจ้าของด้วยความเพลิดเพลินลืมเนื้อลืมตัว ธรรมจับเข้าไปละซิ เกิดความสลดสังเวช โห ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยขนาดนี้เทียวนา นั่นฟังซิ ฟังหรือยังพวกนี้น่ะ ที่พูดอยู่เวลานี้ หรือเราไปพูดให้นรกอเวจีที่ไหนฟัง ก็พวกที่มันจะไปนรกอเวจีนี่สอนอยู่เวลานี้ อย่าไป พระพุทธเจ้าสอนตรงไหนให้ฟังบ้างนะ ถ้าอยากมีเครื่องยึดเครื่องเกาะพึ่งเป็นพึ่งตายได้ ให้ฟังเสียงพระพุทธเจ้า ฟังเสียงกิเลสจมได้ด้วยกันทั้งนั้นกิเลสนี่ ไม่มีใครว่า กิเลส สรณํ คจฺฉามิ แต่ตัวกิเลส สรณํ คจฺฉามิ มันติดอยู่ในใจ จำเป็นอะไรต้องไปเรียกหาวะ แน่ะ มันก็อย่างนั้น
อันนี้หลวงตายังไม่เห็นด้วย นี่พูดจริง ๆ จะว่าค้านหมดทั้งผู้เกิดความดำริขึ้นมาก็เรียกว่าค้านหมดเลย ไม่ค่อยเกิดประโยชน์อะไร ไปทำไว้ก็พอให้กราบว่านี่พระไตรปิฎกใหญ่นะ เท่านั้นแหละไม่มีอะไร ดูตัวเองทั้งวันนี้มันแก้ตัวเองตลอดวัน ยกขึ้นเรื่อย นี่สำคัญอยู่ตรงนี้นะ อยู่ที่ไหนก็มีพระไตรปิฎก ไปหายกยอขึ้นมาสามตู้สามหีบสามพระไตรปิฎกมาเป็นพระไตรปิฎกเดียว ตั้งแต่เล่มบาง ๆ มันก็ไม่อยากอ่านแล้วหนังสือธรรมะ แล้วฟาดพระไตรปิฎกสามตู้มาใส่ตู้เดียว มาเป็นเล่มเดียว พากันมาแบกกันหมดทั้งจังหวัดระนอง ก็ไม่มีใครมาแบก แม้เด็กก็ไม่มา อย่าว่าผู้ใหญ่เลย ผู้ที่มาหานี้ยิ่งตัวขี้เกียจใหญ่ ไม่แบกละนะ นี่ตู้พระไตรปิฎกนะ สร้างเร็วดีนะชี้ให้เขาดู เจ้าของไม่สนใจปฏิบัติ ใครจะยกขึ้นมาอ่าน เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เห็นด้วย
อย่างนี้ละภาษาธรรม ฟังเอา ภาษาธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ตรงไปตรงมาไม่เรียกว่าธรรม ตายใจไม่ได้ ต้องตรงเป๋ง ๆ ไปเลยจึงเรียกภาษาธรรม เรื่องกิเลสปลิ้นปล้อนหลอกลวง ร้อยสันพันคมต้มตุ๋นสัตวโลกไม่มีใครเกินกิเลส ธรรมของพระพุทธเจ้าไม่เคยมี ที่จะต้มตุ๋นสัตวโลกไม่มี มีแต่ด้านการก่อการสร้างยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่มีที่จะแก้ไขดัดแปลงตัวเองสมเป็นชาวพุทธบ้าง ชาวพุทธผิว ๆ เผิน ๆ อย่างนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก ยิ่งกว่าการพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงความผิด ที่อยู่กับตัวเองนี้ออกไปเป็นลำดับ อย่างนี้เป็นประโยชน์ ให้พากันไปปฏิบัติอย่างนี้ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านไปที่ไหนท่านไม่เห็นแบกพระไตรปิฎกไป เป็นยังไงถึงได้ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา พวกเรานี้บ้านใดเรือนใดมีแต่หนังสือธรรมะ แต่สนใจอ่าน มันก็ร้องครวญครางอยู่ในบ้านในเรือนต่อหน้าพระไตรปิฎกที่อยู่ในบ้านนั่นแหละ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เราสงเคราะห์โลกเราสงเคราะห์มามากต่อมาก จนกระทั่งไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวตลอดมาอย่างนี้ แต่เราสงเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลดังที่พูดนี้ อะไรสมควรไม่สมควรบอกตามเหตุตามผลเรียกว่าธรรม อันไหนไม่สมควรบอกไม่สมควร อันไหนสมควรก็บอก ดังที่ว่าให้แก้ตัวเองนี้สมควรอย่างยิ่ง ให้พากันไปแก้ อันนี้สมควรอย่างยิ่งเป็นอันดับหนึ่งเลยเทียว ให้แก้ตัวนี้ ก็มีเท่านั้นแหละเรื่องราวก็ดี เออ ทุกขัง อนิจจัง เป็นอันว่ายุติแล้วนะ ไม่เห็นด้วยจึงไม่ให้ด้วย เป็นอย่างนั้นแหละ พากันสร้างกระต๊อบไว้ภาวนาก็ยังดี สร้างกระต๊อบไว้หรือชุมนุมกันมาภาวนานี้ก็ยังพอฟังได้บ้างนะ ถึงไม่มีเงิน หัวใจก็ยังเห็นด้วย
วันหนึ่ง ๆ มาหาเรามากต่อมากนะ ช่วยตลอดเวลา การแนะนำสั่งสอนก็หมดไส้หมดพุง ตั้งแต่สอนโลกทั่ว ๆ ไปในประเทศไทยของเราก็ร่วม ๔ ปีนี้แล้วสอนไม่หยุดไม่ถอย วันพรุ่งนี้ก็จะลงไปอยุธยาแล้ว ทีแรกว่าจะพัก ๒ คืน มีงานเดียว พอเรารับปั๊บ งานที่สองแทรกเข้ามา งานปลีกย่อยอะไรอีกแทรกเข้ามา ตกลงก็จะได้ค้างที่อยุธยา ๓ คืน แล้วคิดว่าจะกลับอุดร อ้าว งานทางภาคเหนือก็เชื่อมโยงมาจนกระทั่งอุตรดิตถ์ติดกันกับอยุธยาเข้ามาแล้ว ตกลงพอเสร็จอยุธยานี้ก็จะก้าวเข้าไปภาคเหนือแล้วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเชียงแสนเชียงรายเชียงใหม่ไปหมดเลย วันที่ ๕ กุมภา ถึงจะได้กลับมาวัด กลับมาวันที่ ๙ ที่ ๑๐ งานข้าวเปลือก อันนี้ก็งานเพื่อช่วยชาติไทยของเราอีกแหละ วันที่ ๙ ที่ ๑๐ ก็จะขึ้นที่นี่ เราก็หมุนจี๋อยู่นี้ งานรอบ ๆ นี้มีอีกเยอะ รับทราบ ๆ ยังไม่กำหนดกฎเกณฑ์มีเยอะ ไหลเข้ามาหาคนเดียวนี่แหละ
เวลานี้มากว้างขวางมากนะ แม้แต่เด็กนักเรียนมาหลายปีแล้ว และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เด็กนักเรียนนักศึกษาตำรวจทหารมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงขั้นนายพันนายพล ไม่ขั้นนายพันนายพลยังไง ไปเทศน์ที่ วปอ.วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร มีแต่คณะผู้ปกครองทั้งนั้นมาศึกษาอยู่นั้น ขั้นต่ำตั้งแต่อธิบดีขึ้นไปจนถึงนายพันนายพล นี่เราก็ได้ไปเทศน์มาแล้ว ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยก็ไปเทศน์ที่กระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นก็ไปเทศน์ที่ วปอ.ไปคราวนั้นนะ มันกว้างออกไปเรื่อย ๆ กำลังเรายิ่งลดลง ๆ มันไม่สมดุลกัน จึงลำบากมากทีเดียว
การแนะนำสั่งสอนยิ่งหนาแน่นขึ้นทุกวัน ๆ ไม่ใช่เบาบางนะ ยิ่งหนาขึ้น ยิ่งวันที่นายกไปเยี่ยมที่สวนแสงธรรมนั่น เราพูดกะว่าเหมาะในคำพูดของเราตามเหตุผลที่พูดออกมาว่า เราช่วยชาติบ้านเมืองมานี้ก็เป็นเวลานาน ล่วงเข้าสี่ปีนี้แล้ว ธาตุขันธ์อ่อนลงทุกวัน ๆ ในกาลต่อไปนี้เราคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ พูดกับนายกนะ เราจะลดหย่อนผ่อนผันส่วนเกี่ยวกับธาตุกับขันธ์ของเรา เช่น การเทศนาว่าการในที่ต่างๆ ที่เขานิมนต์มาทั่วๆ ไป เราจะรับให้เฉพาะงานที่จำเป็น ๆ นอกจากนั้นก็ขอผ่านไปตามเรื่องธาตุขันธ์ไม่อำนวย ส่วนทะเบียนบัญชีที่เปิดบริจาคไว้แล้ว ยังคงเส้นคงวาตามปรกติ ใครจะบริจาคตรงมาเลยก็ได้ จะบริจาคโอนเข้าทะเบียนบัญชีธนาคารอย่างนั้นก็ได้ เปิดไว้ตามปรกติไม่ปิด เราว่าอย่างนี้ ส่วนการเทศนาว่าการไม่ได้บอกว่าปิด จะลดหย่อนผ่อนผันลงตามธาตุขันธ์ของเรา ท่านนายกจะเห็นว่ายังไง
ท่านก็ตอบได้ดีนี่ โอ เรื่องธาตุขันธ์เป็นความจำเป็นของทุกคน เมื่อมีอยู่กับทุกคน ๆ ก็จะต้องทราบและปฏิบัติตามเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเรื่องของหลวงตาที่พูดนี้ก็เป็นเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ หลวงตาเห็นอย่างนั้น ทางกระผมก็ไม่มีอะไรที่จะคัดค้าน ก็เป็นอันว่ายอมรับกัน
พอลงไปข้างล่างพวกนักข่าวผู้คนก็รุมกันจ่อปากเดียว หูมีกี่หู ทางนั้นทั้งจะวิ่งไปยืมหูนั้นยืมหูนี้มาใส่ให้ได้หลาย ๆ หู ฟังเข้าใจไหม จ่อเข้ามาปากนายกปากเดียว พอท่านลงไปก็ถาม แล้วท่านว่ายังไง ท่านนายกก็ขึ้นทันที โอ้.หลวงตาของพวกเราท่านจะหยุดการช่วยชาติแล้วนะ เรียกว่า ปุ๊บเลย.ไม่มีข้อแม้ข้อผ่อนผันนะ ใส่ปุ๊บเลย.หลวงตาของพวกเราท่านจะหยุดการช่วยชาติแล้วนะที่นี่ ท่านจะหยุดแล้ว ทีนี้มันก็ฮือกันเลยซิ แทนที่มันจะหยุดด้วยมันไม่หยุด มันฮือกันเลย เอ้า.นิมนต์ทางโน้น นิมนต์ทางนี้นิมนต์มา หลวงตาเลยจะตาย นี่ละที่นายกพูดวันนั้น การพูดนี้เราก็ทราบนายกเป็นคนฉลาด ไม่ใช่ธรรมดา เป็นคนฉลาดรอบคอบกว้างขวาง ท่านพูดอย่างนั้นไม่ได้ผิด เราเล็งเห็นเจตนาของท่าน แต่เราไม่พูดละอันนี้ เอาแค่นั้นพอ เราก็ไม่ค้านท่าน ท่านก็ไม่ค้านเรา แต่ท่านลงไปท่านก็พูดอย่างนั้น นี่เราก็ไม่ค้านท่าน เวลาเราพูดเราก็พูดอย่างนี้ เข้าใจหรือเปล่า ก็เลยฮือกันใหญ่นะเดี๋ยวนี้ โห.ไปใหญ่เลย
เอาละให้พักไว้ก่อนนะ อะไรก็ดี ทางอันนี้ก็ยังไม่เห็นหนักแน่นมากนัก จำเป็นมากนักให้ผ่อนไปเสียก่อน ที่ไหนที่จำเป็นเราก็จะช่วยทางที่จำเป็น ทางระนองก็เหมือนกัน กรุณาทราบตามนี้ อันนั้นยิ่งไม่จำเป็นมากเลย ทำขึ้นก็ทำขึ้นเรียกว่าแบบทำไว้โชว์ ๆ อย่างนั้นแหละไม่เห็นเกิดประโยชน์ ว่าอย่างนี้เลยนะเรา ถ้านำมาปฏิบัติตัวเองอยู่ไหนเกิดหมด
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|