สิ่งสัปปายะ
วันที่ 10 มิถุนายน 2530 เวลา 4:00 น. ความยาว 9.38 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๐

สิ่งสัปปายะ

ธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงออกเพื่อสัตว์ทั้งหลายนั้น เป็นธรรมที่ทรงรู้ประจักษ์ภายในพระทัยเต็มสัดเต็มส่วนไม่มีอะไรบกพร่อง พระองค์จึงแสดงได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แสดงได้อย่างองอาจกล้าหาญ พร้อมด้วยความเมตตาเต็มส่วนที่อยากจะให้สัตว์ทั้งหลายได้เข้าอกเข้าใจในธรรมที่ทรงรู้ทรงเห็นมาแล้วทุกๆ ขั้นทุกตอน เพราะฉะนั้นท่านจึงเน้นหนักในการปฏิบัติในธรรม ๓ อย่างนี้แยกกันไม่ออก

ปริยัติ นั่นบอกแล้วว่าให้ทำอย่างไร ปฏิบัติ ก็ดำเนินตามที่สอนแล้ว ปฏิเวธ หมายถึงผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติที่สืบเนื่องมาจากปริยัติ อย่างที่ทรงชี้บอกแล้วในเวลาบวช เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ นั้นละคือบอกแล้ว นี่งานนะ สถานที่ทำงานก็บอกอีก ที่ไหนที่ทำงาน งานอันนี้สะดวกที่สุดคือที่ไหนก็บอกอีก

อันดับหนึ่งก็คือรุกขมูล นั่น ร่มไม้ อันดับต่อไปๆ ท่านก็บอกไปเรื่อยๆ ท่านว่า อติเรกลาโภๆ สิ่งเหลือเฟือหรือลาภเหลือเฟืออะไรว่าไป อันดับหนึ่งก็คือตรงนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงทำดูแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ได้ผลเป็นที่พอพระทัยมาแล้ว จึงไม่ได้สอนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เราผู้ปฏิบัติตามจึงไม่ควรทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า โดยไม่พินิจพิจารณาไตร่ตรองตามร่องรอยที่ทรงสั่งสอนไว้

ธรรมะเราอย่าไปพูดถึงเรื่องว่าสมัยนั้นสมัยนี้ ก็เหมือนกันกับกิเลสที่ฝังอยู่ในหัวใจเรานี้ มันไม่มีสมัยใดละ กิเลสต้องเป็นกิเลสวันยังค่ำ ให้ถือเอาจุดนี้ ธรรมะเพื่อแก้กิเลส ถ้านำมาแก้ให้ถูกต้องก็แก้ได้วันยังค่ำเช่นเดียวกัน แต่ส่วนมากเรามักจะไม่ทันกลมายาของกิเลสและไม่ทัน ไม่ใช่มักไม่ทัน ไม่ทันนั่นละมากกว่า อะไรๆ ถ้าเป็นผลลบแล้วมันจะเชื่อได้ง่ายๆ ถ้าเป็นผลบวกเชื่อได้ยาก นี่ละผลคือเรื่องของกิเลส มันต่อยเอาพับนี่หลุดลอยไปเลย ถ้าเป็นเรื่องของธรรมแล้วเกาะไม่ติด นี่ละมันยากอยู่ตรงนี้

ในเบื้องต้นที่เกาะยังไม่ติดนี้ ต้องได้ใช้ความพินิจพิจารณา ใช้ความพยายาม การฝึกฝนตนก็ต้องได้สังเกต อย่างที่ท่านพูดในสัปปายะนั่น ไม่ใช่สัปปายะเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ หลักใหญ่คือสัปปายะเพื่อจิตตภาวนา สัปปายะคืออะไรบ้าง

อาหารสัปปายะ นั่น พระองค์ทรงเหลือเฟือที่ไหน ดูซิ เป็นกษัตริย์เสด็จออกทรงผนวช มันก็เหมือนกับเทวดาตกจากสวรรค์ลงแดนนรกนั่นเองจะผิดอะไรไป หาขอทานเขาเสวยนั่นทุกข์ขนาดไหน นั่นละสัปปายะ พระองค์ได้ตรัสรู้เพราะอาหารเหล่านี้นะ ไม่ได้ตรัสรู้เพราะอาหารในพระราชวัง นี่ก็เป็นสัปปายะอันหนึ่งที่จะควรพินิจพิจารณา

ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่พาเราดำเนิน อย่างสมัยปัจจุบันนี้ส่วนมากมักจะเป็นอาหารประเภทเหล่านี้แหละที่สัปปายะ สัปปายะคือการภาวนาสะดวกสบาย ท่านอยู่ในป่าในเขา อยู่กับคนป่าคนเขา เขามีอะไรเขาก็ใส่บาตรให้ น้ำพริกอะไรๆ ไอ้จะหาของดิบๆ ดีๆ นี้ไม่มีแหละ มีของพอยังชีวิต ประทังชีวิตๆ นั้นแหละ ความพอประทังชีวิตในร่างกายของเรานั่นแหละ แต่มันเป็นสัปปายะสำหรับการภาวนา นี่มันดีที่ตรงนี้ สบายๆ ฉันก็ไม่ได้ฉันมาก เพราะอาหารก็อย่างว่าจะพอฉันมากอะไร บางทีไม่มีอาหาร มีแต่ข้าว แน่ะ จะเอาอะไรมาฉันมากล่ะ นี่ก็กลายมาเป็นสัปปายะ คือการนั่งภาวนาไม่โงกง่วง ไม่สัปหงกงกงัน ไม่กวนเรื่องหลับเรื่องนอน นั่งก็จิตทางด้านสมาธิก็สงบแน่ว ถ้าเป็นทางด้านปัญญาก็พิจารณาคล่องตัว นั่น

ให้เห็นซิ สมาธิพระพุทธเจ้าสอนไว้ที่ตรงไหน ที่อยู่ของสมาธิจริงๆ ที่อยู่ของปัญญาจริงๆ ที่อยู่ของมรรคผลนิพพานความหลุดพ้นจากกิเลสจริงๆ อยู่ที่ไหน ค้นหาให้เจอซิ กิเลสอยู่ที่ไหน นี่ละท่านสอนทุกบททุกบาท สอนลงตรงนี้นะ ให้ค้นให้หาให้เห็นธรรมเหล่านี้อยู่ที่ไหนๆ

สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับธรรมเหล่านี้ สะดวกสำหรับธรรมเหล่านี้ก็บอกหมดนี่ อาหารเป็นความสะดวกสำหรับธรรมเหล่านี้ก็บอก อาหารสัปปายะ แน่ะ

อุตุสัปปายะ เราก็หาอากาศที่พอเหมาะสมกับเรา ท่านว่าอุตุสัปปายะ ดินฟ้าอากาศเป็นที่เหมาะสม ไม่ทึบ เช่นอย่างในเขาในถ้ำนี่ก็ไม่ใช่ถ้ำทึบๆ โล่งอยู่สะดวกสบาย เช่นอย่างท่านว่าอัพโภกาส นั่นก็คือเป็นความสะดวกสบายมากละ เป็นกาลเป็นเวลา เช่นในกลางค่ำกลางคืนพระกรรมฐานในวงเราทุกวันนี้ ท่านไปหานั่งภาวนาอยู่กลางแจ้งเงียบๆ สบาย กลางคืนเงียบ เอ้าที่นี่เสือจะมาทางไหนล่ะ ก็ไปอยู่ในดงของมันนี่ นั่นละเราจะได้เห็นความสามารถของเรา จะได้เห็นว่าสติปัญญาของเราออกทำงานมันเป็นยังไง ได้ยินแต่สติปัญญาๆ

ถ้าไปถูกสถานที่เช่นนั้นครอบงำเข้าไปแล้ว ไม่ต้องบอกสติปัญญาจะมาเองเพื่อการแก้ไขเหตุการณ์ที่กำลังแสดงอยู่เวลานั้น นั่นฟังซิ จิตเมื่อมีผู้รักษา สติปัญญาเป็นเครื่องรักษาแล้วทำไมจะไม่สงบ ทำไมจะไม่แสดงความแปลกประหลาดอัศจรรย์ให้เห็น เพราะพระพุทธเจ้าทรงได้รับความอัศจรรย์มาแล้วจากวิธีการเหล่านี้

นี่ละเราให้ค้นหาซิ สมาธิอยู่ที่ไหนก็จะได้เห็น อ๋อ สมาธิเป็นอย่างนี้ ให้มันชัดในหัวใจเจ้าของซิ ปัญญา เอ้าปัญญาขั้นใด ไม่ต้องบอกไม่ต้องถามใครละ ลงได้ปรากฏขึ้นในใจแล้วเป็น สนฺทิฏฺฐิโกๆ เรื่อยไปเลย นั่นท่านหาความสะดวกสบายๆ สบายให้ๆ

ปุคคลสัปปายะ เพื่อนฝูงไม่ขัดไม่แย้งกันเรื่องทิฐิมานะ การประพฤติปฏิบัติลงรอยกัน เพื่ออรรถเพื่อธรรมด้วยกัน นี่คำว่าปุคคลสัปปายะ จะหมายถึงอะไรเป็นส่วนมาก ก็หมายถึงเพื่อนฝูงที่ไปด้วยกันอยู่ด้วยกัน นั่นละเป็นสำคัญ ประชาชนมีก็เป็นบางกาลบางเวลาเท่านั้น ไม่สำคัญยิ่งกว่าปุคคลสัปปายะคือเพื่อนอันเดียวกัน นี่สำคัญมาก

อาวาสสัปปายะ ที่อยู่ ที่อยู่ที่ไหนท่านก็บอกไว้แล้ว รุกขมูลเป็นที่หนึ่ง จากนั้นก็เป็นอันดับ ๒ อันดับ ๓ ไป นี่มีแต่คำว่า สัปปายะๆ คือความสะดวกสบายสำหรับการบำเพ็ญนะ ไม่ใช่สะดวกสบายในการหลับการนอนการอยู่แบบโลกๆ เขา นี่เราอยู่แบบธรรม อิริยาบถทั้งสี่เป็นอิริยาบถของนักบวชแบบธรรม เราจึงต้องอยู่แบบนี้

นี่ละการที่จะมาอยู่แบบนี้มาทำแบบนี้ ต้องพินิจพิจารณาพระโอวาทของพระพุทธเจ้าให้ถึงใจนะ อย่าสักแต่ว่าฟังเฉยๆ มันไม่ถึงใจ พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่โลกแสดงด้วยความถึงพระทัยจริงนะ ไม่ได้พูดเล่นๆ นี่ พวกเราฟังมันฟังแบบเล่นๆ คนหนึ่งพยายามเอาน้ำเทลงในหม้อของเรา หม้อน้ำเรามันคว่ำลงเอาก้นขึ้น เอาอะไรมาเทใส่มันก็ไม่เข้าซิ เอาน้ำมหาสมุทรมาเทมันก็ไหลออกหมดนั่นแหละ จะทำอะไรที่ตรงไหนกลัวแต่จะเลยธรรมพระพุทธเจ้าไป หากเทไม่มีอะไรรับมันก็อย่างนั้นละไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ให้พากันตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ

ขอให้สังเกตร่องรอยของพระองค์ให้ดีนะ สังเกตร่องรอยพระพุทธเจ้านั้นละสำคัญ ร่องรอยที่ท่านแสดงไว้คืออะไร ธรรมทุกบททุกบาท วินัยก็ให้เคารพ ธรรมก็ให้เคารพทุกบททุกบาท ใช้ความสังเกตด้วยดีนั้นละ เราจะไม่ผิดหวัง จะเจอความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงเจอมาแล้วโดยไม่ต้องสงสัย

วันนี้ก็แสดงเพียงเท่านี้ละ เอาละ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลายทุกๆ องค์


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก