งานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา”ฯ และพิธีมอบ “ทองคำ” เข้าคลังหลวง ประจำปี ๒๕๕๙
Posted Date : วันที่ 5 ก.พ. 2559 เวลา 20:00 น.

                                                            ===========================================

งานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา”

สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา

และร่วมพิธีมอบ“ทองคำ”เข้าคลังหลวงในโอกาสครบรอบ ๑๘ ปี

ในวันอังคารที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ณ สวนแสงธรรม

 

กำหนดการ-สถานที่ในการดำเนินงาน

ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

วันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙

๑๙.๐๐ น.    สวดมนต์ทำวัตรเย็น ฟังพระธรรมเทศนารำลึกคุณูปการแห่งการช่วยชาติ

วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙

๐๗.๓๐ น.   พระสงฆ์ออกบิณฑบาตภายในสวนแสงธรรม

๐๘.๐๐ น.    พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร

๐๙.๐๐ น.    ทอดผ้าป่าประเพณี ๑๒ เมษา รักษาคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา

                พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร เสร็จพิธี

ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

วันจันทร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙

๑๙.๐๐ น.    สวดมนต์ทำวัตรเย็น

๑๙.๔๕ น.   ฟังพระธรรมเทศนารำลึกคุณูปการแห่งการช่วยชาติ ปรารภความสำคัญของคลังหลวง และความห่วงใยขององค์หลวงตา

วันอังคารที่ ๑๒ - วันจันทร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙

๐๗.๓๐ น.   พระสงฆ์ออกบิณฑบาต

๐๘.๓๐ น.   พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร

๐๙.๓๐ น.   ประชาชนทุกสารทิศเข้าถวาย "ผ้าป่าประเพณี ๑๒ เมษา รักษาคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา" ณ ศาลาวัดป่าบ้านตาด       (ด้านล่าง)

 

พิธีมอบทองคำ

วันอังคารที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙  ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ (ธปท.ยืนยันแล้ว)

๑๔.๐๐ น.   คณะสงฆ์ในนามคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตา นำทองคำแท่งที่แปรรูปจากปัจจัยบริจาคในงานบุญประเพณี เข้ามอบต่อผู้ว่าการ   ธนาคารแห่งประเทศไทย

การร่วมบุญ

ผู้ประสงค์จะร่วมบุญสามารถร่วมถวายผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ” ได้ทุกปีๆ ละ ๑ ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันนี้ หรือบริจาคได้ที่  

ธนาคารไทยพาณิชย์  สาขาถนนทหาร(อุดรธานี)  บัญชีออมทรัพย์เลขที่  721-2-36966-6  

ชื่อ “วัดป่าบ้านตาด เพื่อบุญ 12 เมษา รักษาคลังหลวง ตามปณิธานหลวงตาฯ”

          (หมายเหตุ  บัญชีจะถูกปิดในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๓๐ น. ถือว่าเสร็จสิ้นงานบุญประเพณีสำหรับปีนี้ และจะไม่มีการรับผ้าป่าหรือการรับบริจาคเพื่อการนี้อีกจนกว่าจะถึงงานบุญประเพณีในปีถัดไป หากพบเห็นในที่ใดกรุณาทราบว่าที่นั้นมิใช่งานบุญตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ)

 

งานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา’

สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ประจำปี ๒๕๕๙

 

ความเป็นมาและความสำคัญ

 

สืบเนื่องจากในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ชาติไทยประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรงตกเป็นหนี้สินต่างชาติด้วยเงินมูลค่ามหาศาล องค์หลวงตาเปรียบภาวะดังกล่าวเป็น “สงครามเศรษฐกิจ” ด้วยเมตตาธรรมขององค์ท่านจึงเสียสละออกมาเป็นผู้นำใน “โครงการช่วยชาติ” เทศนาธรรมนำพี่น้องประชาชนไทยให้รักชาติ พร้อมเพรียงสามัคคี และเสียสละด้วยการบริจาค ทองคำและเงินดอลลาร์เข้าคลังหลวง เพื่อเป็นหลักประกันของชาติสืบไป

องค์หลวงตาเมตตาก่อตั้ง “โครงการช่วยชาติ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๑ ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นประธานฝ่ายฆราวาส โครงการช่วยชาติได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากพระสงฆ์และประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างมีน้ำใจเสียสละขวนขวายทุ่มเทอย่างจริงจังเพื่อชาติ จนมีผลานิสงส์ยิ่งใหญ่ค้ำชาติไทยให้แคล้วคลาดปลอดภัยหลุดพ้นจากภัยเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

โครงการช่วยชาติได้ทำพิธีปิดอย่างเป็นทางการ ณ สวนอัมพร บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธี อย่างไรก็ตาม แม้องค์ท่านจะได้ยุติการออกเดินทางไปรับผ้าป่าช่วยชาติในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมเทศน์เตือนพระเณรให้เร่งภาวนาตามปฏิปทาที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้พาดำเนินตลอดมาเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่สูญเสียไปจากภาระที่หนักหน่วงของชาติ

แม้โครงการช่วยชาติได้ปิดลง หากแต่ความห่วงใยขององค์หลวงตาต่อคลังหลวง หรือ ทุนสำรองเงินตราว่ามีความสำคัญจำเป็นอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติกลับมิได้ลดน้อยถอยลงไปด้วยแต่อย่างใด ประกอบกับมีความพยายามหลายวาระจากผู้มีอำนาจชุดต่างๆ ที่มักหาอุบายเข้ามาแก้ไขกฎหมายหวังล้วงเอาคลังหลวงไปใช้โดยยกเอาเหตุผลต่างๆ มาเป็นข้ออ้างล่อหลอกประชาชน อาทิ เอาไปลงทุนให้ได้ดอกผลมากขึ้นบ้าง เอาไปใช้ลดหนี้สาธารณะเพื่อพัฒนาประเทศบ้าง เอาไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อความมั่งคั่งบ้าง เอาไปแก้ปัญหาภัยธรรมชาติต่างๆ บ้าง หรือแม้กระทั่งเอาคลังหลวงไปใช้แต่เพียงตัวเลขทางบัญชีบ้าง 

ภยันตรายต่างๆ ต่อคลังหลวงเช่นนี้ น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้องค์หลวงตายังต้องอุตส่าห์เมตตารับ “ทองคำน้ำไหลซึม” เข้าสู่คลังหลวงติดตามมาอีกภายหลังปิดโครงการช่วยชาติแล้วดังคำเทศนาเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๘ ว่า

“ เมื่อยังพอเป็นไปได้อยู่เราจึงได้พิจารณา ประสานให้มันค่อยเป็นไปๆ อย่างนี้ เป็นประเภททองคำน้ำซับน้ำซึมไป มันก็ไม่ได้ล่าได้สายอะไรนี่ ไม่รีบไม่ด่วนไม่เร่ง ค่อยเป็นค่อยไป มันก็ค่อยมา.....เราต้องคิดซิ เราอยู่ในบ้านอยู่ในเมือง อยู่ในชาติของเรา เราต้องคิดถึงบ้านถึงเมืองถึงชาติของเรา สังคมครอบครัวของเรา คิดย้อนหน้าย้อนหลังซิเราเป็นเจ้าของ จะอยู่เฉยๆ ไม่เหมาะนะเราเป็นเจ้าของ ปู่ย่าตายายที่ท่านพาถ่อพาพายมาท่านเป็นเจ้าของมา ท่านรับผิดชอบมาเรื่อยๆ แล้วพวกเราลูกหลานไม่รับผิดชอบต่อสายกันไปมันก็ฉิบหายได้ต้องต่อสืบทอดกันไปต้องคิดพวกเรา คิดทุกคนนะ คิดเพื่อความแน่นหนามั่นคงแห่งชาติของตน แล้วยังต้องคิดถึงความสงบสุขของบ้านเมืองอีก ต้องคิดหลายแง่หลายทาง อย่าเอาแต่ความอยากความทะเยอทะยาน ความเอาตามใจชอบๆ ความตามใจชอบมันมีแต่ฝ่ายต่ำนะ ไม่ได้มีฝ่ายสูงคือธรรมแทรกเลย ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไป ถึงฝืนก็ฝืนเป็นยาๆ ไปเรื่อย ขมก็ขมเป็นยา เป็นอย่างนั้นนะ จึงควรพิจารณาพี่น้องทั้งหลาย”

          แม้กระนั้น อีกเพียง ๒ ปี ๔ เดือน ก่อนองค์หลวงตาจะเข้าสู่พระนิพพานในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ องค์ท่านยังเทศน์ย้ำถึงความสำคัญจำเป็นเกี่ยวกับคลังหลวงเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๑ อีกด้วยว่า

“ให้พี่น้องทั้งหลายช่วยกันนะ หลวงตาบัวไม่นานก็จะตาย ลูกหลานทั้งหลายไม่ตายให้ได้อาศัยนี้ หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายช่วยหาสมบัติอันสำคัญเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อให้ลูกหลานเราได้สืบหน่อต่อแขนงต่อไปอีก ที่เราได้มานี้ปู่ย่าตายายของเราหามาไว้ให้ ทีนี้ก็ให้สืบทอดกันไป อย่าให้กุดให้ด้วนไป ของเก่าที่ได้มากินหมด ของใหม่ไม่มีไม่ได้นะ ต้องหาของใหม่มาเพิ่มเข้าไป”

แม้ที่สุดถึงวาระนิพพาน องค์หลวงตายังเน้นหนักให้ความสำคัญไปที่คลังหลวงอย่างสุดกำลังดังปรากฏตาม “พินัยกรรม” ซึ่งเปรียบประหนึ่งว่า องค์ท่านยอมเสียสละเอาพระสรีระสังขารที่หมดลมหายใจขึ้นมาโอบอุ้มคลังหลวงตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ทำให้ได้ทองคำเข้าคลังหลวงเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากรวมทั้งสิ้นตั้งแต่วันเริ่มต้นโครงการช่วยชาติเป็นน้ำหนักทั้งสิ้น ๑๓ ตัน เงินดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) ๑๐,๘๐๓,๖๐๐ เหรียญสหรัฐอเมริกา

ด้วยเหตุผลตามอรรถธรรมขององค์หลวงตาที่ได้เมตตาพร่ำสอนกล่าวเตือนไว้อย่างจริงจังเด็ดขาดย้ำแล้วย้ำเล่าเช่นนี้ อีกทั้งเพื่อเป็นการสืบสานพระปณิธานขององค์หลวงตาให้ดำรงอยู่คู่ชาติไทยมิให้เสื่อมสูญไป ศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์จึงเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเราจะตอบแทนพระคุณองค์หลวงตาด้วยการบำเพ็ญทานสืบสานประเพณีอันดีงามที่องค์ท่านได้เมตตาพาดำเนินมานี้ ให้ดำรงอยู่คู่ชาติศาสน์กษัตริย์ชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป โดยมิได้ถือเอาความมากน้อยของปัจจัยทำบุญเป็นประมาณยิ่งกว่าการปฏิบัติบูชาตามที่องค์หลวงตาพร่ำสอนไว้อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบูรพมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยอย่างเป็นรูปธรรม และต่อองค์หลวงตาที่ได้เมตตาเสียสละธาตุขันธ์วัยชรานำพาคนไทยให้รู้จักการเพิ่มพูนและปกปักรักษาคลังหลวงอันเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ชนิดยอมทุ่มเทเอาชีวิตเข้าแลกได้เลยทีเดียว

ประการสุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังที่เกิดไม่ทันหรือตกหล่นมิได้เข้าร่วมในกองบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่เพื่อชนทั้งชาติที่มีองค์หลวงตาเป็นผู้นำกองนี้ ให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มพูนและปกป้องคลังหลวงให้อยู่ยืนยงคู่ชาติศาสน์กษัตริย์เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าตลอดไป เราทั้งหลายจะมิยอมให้ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดเข้ามาแตะต้องทำลายคลังหลวงโดยเด็ดขาด ประเพณีอันดีงามนี้จักได้สืบทอดต่อไปถึงลูกถึงหลานไม่มีที่สิ้นสุด ตราบที่ผ้าป่า ๑๒ เมษา นำทรัพย์สินเข้าคลังหลวงยังดำรงอยู่ ตราบนั้นจะไม่มีใครมาแตะต้องคลังหลวงโดยง่าย ทำให้ประเพณีการรักษาคลังหลวงที่องค์หลวงตาเป็นผู้นำไม่มีวันสิ้นสูญ ลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะได้รู้จักและเห็นความสำคัญของคลังหลวง เห็นถึงความเสียสละและคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนนำโดยองค์หลวงตาที่มีต่อชาติไทยของเรา ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็จักได้ตระหนักรู้จักระมัดระวังในการเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของแผ่นดิน พระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาจักดังกึกก้องกังวาลอยู่ตลอดชั่วนิรันดร์กาลว่า

“คลังหลวงคือหัวใจของชาติ หากคลังหลวงกุดด้วนไปเมื่อใด เมื่อนั้นหลวงตาเขียน “ใบตาย” ให้กับชาติไทยในทันที”

ด้วยเหตุผลทั้งหลายข้างต้น คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาผู้มีความเคารพเทิดทูนบูชาในพระปณิธานคำสอนขององค์หลวงตา จึงได้พร้อมใจกันจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เมื่อเสร็จสิ้นงานบุญ คณะสงฆ์ได้แปรสินทรัพย์เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและร่วมกันเข้ามอบต่อ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ณ หอประชุม ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ สำหรับในปีต่อๆ มาได้มอบสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวงดังนี้

สำหรับในปี ๒๕๕๙ นี้เป็นปีครบรอบ ๑๘ ปี แห่งโครงการช่วยชาติ โดยจะเป็นการมอบสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวงครั้งที่ ๒๑ คณะสงฆ์และประชาชนศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาจึงมีสามัคคีธรรมร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวทีและความรักชาติ ด้วยการปฏิบัติบูชาตามคำสอนขององค์หลวงตาให้สัมฤทธิผลเป็นธรรมเทศนาปาฏิหาริย์ปรากฏแก่สายตาของสาธารณชนอีกครั้งหนึ่ง ยังความแน่นหนามั่นคงเพิ่มพูนคลังหลวงให้สถิตสถาพรอยู่คู่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบไป

วัตถุประสงค์

๑.ร่วมใจกันบริจาคสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวง เป็นการแสดงความรัก ความพร้อมเพรียงสามัคคี และความเสียสละเพื่อชาติ เงินบริจาคจะมากหรือน้อยไม่สำคัญยิ่งกว่าการได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ

๒. สืบทอดเจตนารมณ์ขององค์หลวงตาให้เป็นประเพณีแห่งมหาทานมหากุศลเพื่อชาติเป็นประจำทุกปี เป็นการรำลึกถึงคุณูปการและตอบแทนพระคุณขององค์หลวงตา ตลอดจนบูรพมหากษัตริย์และบรรพชนชาวไทยที่สามารถเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตได้เพื่อชาติ

๓. แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อองค์หลวงตาผู้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพบูชาอย่างสุดหัวใจของเหล่าคณะศิษย์ชั่วลูกชั่วหลาน

๔. เปิดโอกาสให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังที่เกิดไม่ทันหรือไม่มีโอกาส ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกองบุญที่มีองค์หลวงตาเป็นผู้นำแห่งการก่อตั้ง

๕. เป็นการตอกย้ำและประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า จะมิยอมให้ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดเข้ามาแตะต้องหรือทำลายคลังหลวงได้โดยเด็ดขาด จะสืบทอดประเพณีการรักษาคลังหลวงให้ดำรงอยู่คู่สถาบันหลักของชาติ

การร่วมบุญ

ผู้ประสงค์จะร่วมบุญสามารถร่วมถวายผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ” ได้ทุกปีๆ ละ ๑ ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันนี้ หรือบริจาคได้ที่

ธนาคารไทยพาณิชย์  สาขาถนนทหาร(อุดรธานี)  บัญชีออมทรัพย์เลขที่  721-2-36966-6  

ชื่อ “วัดป่าบ้านตาด เพื่อบุญ 12 เมษา รักษาคลังหลวง ตามปณิธานหลวงตาฯ”

          (หมายเหตุ  บัญชีจะถูกปิดในวันที่  ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๓๐ น. ถือว่าเสร็จสิ้นงานบุญประเพณีสำหรับปีนี้ และจะไม่มีการรับผ้าป่าหรือการรับบริจาคเพื่อการนี้อีกจนกว่าจะถึงงานบุญประเพณีในปีถัดไป หากพบเห็นในที่ใดกรุณาทราบว่าที่นั้นมิใช่งานบุญตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ)

ด้วยอานิสงส์ที่ท่านทั้งหลายมีขันติธรรมวิริยะธรรมได้ร่วมบุญและอนุโมทนาบุญในครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ ขอผลานิสงส์ผลบุญเหล่านี้จงเป็นพลวปัจจัยเกื้อหนุนให้ท่านทั้งหลายเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ และธรรมสมบัติ ถึงความสำเร็จพร้อมในกิจการงานทางโลกและทางธรรม ให้คลังหลวงมีความมั่นคงยืนยาว แคล้วคลาดปลอดภัยพ้นจากภยันตรายใดๆ สถิตสถาพรอยู่คู่บ้านคู่เมือง คู่สถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดกาลนานเทอญ

 


<< BACK

หน้าแรก