แถลงการณ์ฉบับที่ ๙ / ๒๕๕๘
เรื่อง ความรักเมตตาสัตว์ใน "เขตอุทยานแห่งชาติ" ฤาจะสู้ "เขตอภัยทานแห่งศาสนา"
ด้วยปรากฏความจริงว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติและอื่นๆ ใช้อำนาจป่าเถื่อนบุกเข้าวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (วัดเสือ) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ ๓ - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อยึดเอานกเงือก ๓๘ ตัว เม่น ๒ ตัว ไก่ฟ้า ๓ ตัว หมีควาย ๖ ตัว ซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ใช้ไม้ไผ่ฟาดนกจนตายไม่ต่ำกว่า ๓ ตัว ส่วนที่ไม่ตายก็ใช้วิธีโหดร้ายโดยแยกคู่นกเงือกตัวผู้ตัวเมียออกจากกันอันจะเป็นเหตุให้นกหลายคู่ต้องตรอมใจตายในไม่ช้า จากนั้นเมื่อวันที่ ๒ - ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ได้บุกเข้ายึดหมี ๖ ตัว ด้วยวิธีการที่ผิดหลักวิชาเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยใช้เชือกผูกคอหมี (ภาพประกอบชุดที่ ๑) ประการสำคัญ ยังก้าวล่วงสถาบันอย่างรุนแรงทั้งที่ทราบดีว่ายังอยู่ในช่วงจัดงานอุปสมบทและปฏิบัติธรรมเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ โดยได้ทรงพระกรุณาออกหมายรับสั่งที่ ๑๙๑๑ ลว.๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ด้วย (ภาพประกอบชุดที่ ๒)ความผิดในข้างต้นที่ว่าหนักก็ยังไม่แล้ว ทางกรมอุทยานฯ ยังคงให้ข่าวต่อสื่อมวลชนซ้ำเติมหนักเข้าไปอีกบ่งบอกถึงความเหิมเกริมลุแก่อำนาจอย่างสุดขีดสุดแดนโดยได้กล่าวว่า หลังสงกรานต์จะระดมกำลังบุกเข้ายึดคืนเสือทั้งหมดในวัดเสือไปให้จงได้
ผู้แทนคณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จากจตุรทิศ รู้สึกห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่งที่กระทำการขัดแย้งต่อศาสนธรรมในพระพุทธศาสนาเรื่อยมา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานเป็นไปในทางเบียดเบียน ทำร้ายและทำลายชีวิตจิตใจของสัตว์อย่างโหดเหี้ยมวิปริตผิดธรรม เมื่อพิจารณาแล้วไม่อาจนิ่งเฉยอีกต่อไปได้ จึงน้อมนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเข้าตักเตือนเจ้าหน้าที่และเพื่อคุ้มครองสัตว์ภายในวัดแห่งนี้โดยเร็วที่สุด ในเบื้องต้นคณะสงฆ์ได้ตรวจสอบความจริงกับทางวัดเสือในทุกประเด็นปัญหาต่อหน้ารูปเหมือนองค์หลวงตาฯ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กุฏิองค์หลวงตาฯ สวนแสงธรรม กทม. จึงขอชี้แจงต่อสาธารณชนดังต่อไปนี้
๑. องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เคยเมตตาปรารภธรรมที่เข้ากับกรณีนี้ว่า "(วัดเสือ) เป็นประโยชน์ทางให้อภัยแก่สัตว์ แก่ชีวิตจิตใจของสัตว์ สัตว์ลงมากินทั้งนั้น พวกที่ไม่มากินเขาอยู่ข้างบน(ภูเขา)ก็ไม่มีใครมารังแก เพราะอานุภาพของวัดนั่นแหละรักษาไว้ .. เขามาสนิทสนมมาแอบแฝงกับพระ ก็เพราะธรรมนั่นเอง ธรรมให้อภัยทุกอย่าง ไม่เบียดเบียน ไม่ทำลาย มิหนำซ้ำยังให้อาหารกิน ให้อาหารเขาด้วย รักษาเขาด้วย .. ให้เขาอยู่สบายๆ"
และ "ไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน พระกรรมฐานไปอยู่กับสัตว์นี้เข้ากันได้ดี มันรู้เรื่องรู้ราวนะ สัตว์เหล่านี้เคยบวชเป็นพระมานานแล้วนะ เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติมา .. คุ้นกับผ้าเหลืองเป็นภาพที่สนิทใจของเขา เขาถึงแอบเข้ามาๆ พระกรรมฐานไปอยู่ที่ไหนจึงสนิทกับสัตว์ได้มากกว่าที่อื่นๆ .. อยู่ที่ไหนเต็มแหละสัตว์ .. สัตว์ออกไปก็ถูกเขาฆ่า เวลานี้ไม่มีเหลือแหละ แล้วยิ่งเป็นไร่เป็นสวนไปหมด .. เดี๋ยวนี้ไม่มีป่าแล้ว หมดเลยนะ .. ให้ฟังเสียงธรรมบ้าง ธรรมท่านรู้จริงๆ ท่านไม่ได้มาหลอกลวงโลก พระพุทธเจ้าพระสาวกองค์เชี่ยวชาญเห็นหมดเรื่องราวของสัตว์ .. เราเห็นได้ที่ไหน เห็นแต่นกมันบินมาบนท้องฟ้าเท่านั้น ส่วนจิตวิญญาณของสัตว์ที่เต็มยั้วเยี้ยๆ อยู่ทั้งในน้ำบนบกมีทั่วไปหมด (ท่านเห็นหมด)"
ด้วยคำปรารภธรรมดังกล่าว คณะศิษย์ฯ จึงขอยืนยันอย่างเด็ดขาดให้กรมอุทยานแห่งชาติรีบนำนก ๓๕ ตัว และ หมี ๖ ตัว กลับคืนสู่เขตอภัยทานของวัดในทันที ขออย่าได้ "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" ด้วยการหลงผิดคิดไปว่า "เขตอุทยานฯ" ของชาวโลกผู้มืดบอดจะมาเหนือกว่า "เขตอภัยทาน" ของพระพุทธเจ้าอีกต่อไป องค์หลวงตาเป็นพระอรหันต์ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ จึงรู้ชัดถึงความต้องการที่แท้จริงของสัตว์เหล่านั้นว่าประสงค์จะฝากชีวิตจิตใจไว้กับพระกับวัดกับศาสนาเท่านั้น หาใช่เจ้าหน้าที่ไม่
๒. วัดเสือมีหลักฐานการดูแลรักษาสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองโดยชอบแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ปรากฏตามเอกสารบันทึกข้อความส่วนราชการสำนักงานป่าไม้ เรื่อง "บันทึกการฝากเลี้ยงสัตว์"ลว.๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๔ และยังมี "ใบอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินกิจการสวนสัตว์สาธารณะ"ซึ่งมีผลมายาวนานตั้งแต่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑ ถึง ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ก่อนวันหมดอายุก็ได้ยื่นแบบ "คำขอต่ออายุใบอนุญาตฯ" เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ (ภาพประกอบชุดที่ ๓) หากแต่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกลับละเลยไม่ทำการพิจารณาและมิได้แจ้งผลใดๆ ให้ทราบแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งท่านผู้รู้กฎหมายที่มีใจเมตตาสัตว์อย่างแท้จริงได้พิจารณากรณีนี้แล้วสรุปได้ว่า ใบอนุญาตดังกล่าวได้รับการต่ออายุอย่างสมบูรณ์แล้วโดยอัตโนมัติ สืบเนื่องจากทางกรมอุทยานมิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดทันกำหนดเวลาที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ (ภายใน ๙๐ วัน)
คณะศิษย์ฯ เห็นว่า ความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์ป่าของทางวัดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและมีมาตรฐานที่เป็นสากล เฉพาะอย่างยิ่งใบอนุญาตยังมีผลครอบคลุมไปถึงสัตว์ป่าทุกประเภทอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การบุกเข้ายึดสัตว์แบบป่าเถื่อนของกรมอุทยานฯ อย่างที่ผ่านมา จึงถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรงไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม คณะศิษย์ฯ ขอเรียกร้องให้รีบจัดส่ง "ใบอนุญาตที่ต่ออายุแล้วอย่างเป็นทางการ" และรีบนำสัตว์ทุกชีวิตที่ปล้นสดมภ์ไปกลับคืนสู่วัดโดยเร็วที่สุด โดยขอชี้แจงเป็นรายกรณีดังนี้
๒.๑ กรณีนกเงือก และนกอื่นๆ ๓๕ ตัว
แม้วัดเสือจะมีสัตว์ประเภทต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แต่กระนั้นทางวัดก็ได้ยอมรับผิดต่อคณะสงฆ์ในความบกพร่องของการจัดการ กรณีมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาผู้หนึ่งซึ่งพำนักอยู่ภายในวัด ได้สารภาพว่าตนเป็นผู้นำนกเงือกและนกอื่นๆ เข้ามาโดยพลการ มิได้ขออนุญาตและรายงานต่อทางวัด แต่ตนมิได้นำไปขายตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น
คณะศิษย์ฯ ขอชี้แจงให้สาธารณชนทราบว่า ทันทีที่ทางวัดทราบความจริงดังกล่าว ก็ได้ลงโทษเจ้าหน้าที่จิตอาสาผู้กระทำผิดโดยทันทีและห้ามมิให้เข้ามาพำนักในเขตวัดอีก ทั้งนี้ทางวัดเสือยังให้คำสัตย์ต่อคณะสงฆ์อีกด้วยว่า จะควบคุมและตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของวัดให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
๒.๒ กรณีหมี ๖ ตัว
หมี ๓ ตัวแรก ได้แก่ แพนเค้ก (หรือนุ้ย) ตุ๋ย และแบมแบม เป็นกลุ่มที่ทางราชการได้นำมาฝากเลี้ยงไว้กับวัดเสือโดยถูกต้องตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ส่วนอีก ๓ ตัว ได้แก่ บับเบิ้ลหยิน และ หยาง เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่นายทหารพรานและลูกศิษย์สายกรรมฐานจากทางภาคเหนือได้นำมาฝากไว้ด้วยความไว้วางใจใน "เมตตาธรรม" ของทางวัด ซึ่งอยู่ในช่วงที่ใบอนุญาตสวนสาธารณะยังมีผลอยู่ โดยได้ยื่นเรื่องแจ้งต่อทางราชการและได้ฝังไมโครชิพไว้กับหมี ๓ ตัวหลังเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
คณะศิษย์ฯ เห็นว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องรู้ในความจริงเหล่านี้ดียิ่งกว่าองค์กรใดในแผ่นดิน แต่เหตุใดจึงจงใจฝ่าฝืนซึ่งเปรียบได้กับ "การกลืนน้ำลายที่บ้วนทิ้งไปแล้วของตนเอง" อันเป็นพฤติการณ์ที่วิปริตผิดธรรมเป็นอย่างยิ่ง (ภาพประกอบชุดที่ ๔)
๓. ทางวัดเสือซึ่งประกอบด้วยฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูเสือโดยตรงมายาวนาน แม้จะมิใช่สัตวแพทย์ประจำวัดที่ย่อมรู้เห็นแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับการฝังไมโครชิพของสัตว์แต่ละตัวๆ แต่ก็ได้พร้อมใจกันยืนยันต่อรูปเหมือนองค์หลวงตาฯ ที่สวนแสงธรรม และต่อผู้แทนคณะสงฆ์กรรมฐานว่า ปัจจุบันมีเสือในความอุปถัมภ์ของวัดรวม ๑๔๖ ตัว ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่าอยู่ครบทุกตัว สำหรับข่าวที่โจมตีว่ามีเสือหายไปนั้น คณะศิษย์ฯ ขอยืนยันว่า เสือทั้ง ๓ ตัวได้แก่ ดาวเหนือ ฟ้าคราม และ แฮปปี้ ยังอยู่ที่วัดเสืออย่างครบถ้วนโดยปกติสุข ทั้งนี้กำนันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเสือดังกล่าวตลอดมา ได้ร่วมกันรับรองพร้อมกับบันทึกภาพการชี้เสือ ๓ ตัวที่เป็นประเด็นปัญหาว่ายังมีอยู่จริง (ภาพประกอบชุดที่ ๕)
คณะศิษย์ฯ มีความเชื่อมั่นในความสัตย์ความจริงของผู้ฟูมฟักเลี้ยงดูเสือมาแต่เล็กแต่น้อย ใกล้ชิด ต่อเนื่อง และยาวนาน จนสามารถจดจำได้ยากจะลืมเลือน มีความรักผูกพันถือเป็นสัตว์เลี้ยงของตนของวัดโดยปริยายหลักฐานความจริงที่เป็นไปตามหลักธรรมชาติดังกล่าวนี้ คณะสงฆ์ให้ความเชื่อถือเป็นสำคัญอันดับแรก ในขณะที่ "ไมโครชิพ" นั้นเป็นเพียงข้อมูลสนับสนุนที่ไม่อาจวางใจได้ ๑๐๐% ทั้งนี้เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถประดิษฐ์หรือปลอมแปลงขึ้นได้โดยไม่ยากนักจากผู้คนสมัยปัจจุบันที่มีกิเลสหนา เห็นแก่วัตถุเงินทอง กาม กิน เกียรติ ยิ่งกว่าศีลธรรม ซึ่งนับวันวิชาความรู้และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากเพียงใดก็มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของการประหัตประหารคร่าชีวิตมนุษย์และสัตว์ได้อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม คณะศิษย์ฯ เรียกร้องให้เจ้าพนักงานเร่งสืบสวนหาความจริงว่า เหตุใดไมโครชิพของเสือ ๓ ตัวจึงมาอยู่ในมือสัตวแพทย์ได้ มีหลักฐานการฝังไว้ในตัวเสือจริงหรือไม่ เหตุใดข้อมูลจึงไม่ปรากฏมีชื่อพ่อ แม่ หรือระบุที่มาของเสือ นับเป็นการลงทะเบียนเสือที่ดูน่าฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างยิ่ง
อนึ่ง คณะศิษย์ฯ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งว่า แฟ้มข้อมูลประวัติของเสือทุกตัวซึ่งทางวัดได้สั่งการให้สัตวแพทย์ผู้เป็นลูกจ้างทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลเข้าแฟ้มอย่างเป็นระบบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า ๑๐ ปี เหตุใดแฟ้มดังกล่าวจึงหายสาบสูญไปเสียสิ้น แม้ทางวัดจะมีคำสั่งให้สัตวแพทย์พ้นสภาพการทำหน้าที่ดังกล่าวไปแล้วมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป หากแต่แฟ้มเอกสารหลักฐานตลอดวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทุกชิ้น (โดยเฉพาะตัวอ่านไมโครชิพ) ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติของสงฆ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของวัดอย่างสมบูรณ์ทั้งสิ้นไม่ว่าตามธรรมหรือตามกฎหมายที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ฉะนั้น สัตวแพทย์ซึ่งพ้นจากตำแหน่งไปแล้วย่อมไม่อาจทำลาย แก้ไข หรือหยิบฉวยเอกสารต่างๆ ออกไปจากวัดได้แม้แต่แผ่นเดียว ทั้งนี้เอกสารทุกชิ้นถือเป็นสมบัติของวัดที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการดูแลรักษาชีวิตสัตว์ให้เป็นไปด้วยดี ผู้กระทำ "อทินนาทาน" ลักลอบนำเอกสารของสงฆ์ดังกล่าวออกไปซึ่งย่อมต้องรู้ดีว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของสัตว์อย่างร้ายแรงที่สุด การหยิบฉวยไปแม้เพียงวันเดียวก็ถือว่า "ขาดเมตตาธรรม" อันไม่คู่ควรแก่ความเป็น "สัตวแพทย์" แล้ว ในที่นี้ได้หยิบฉวยเอาไปจวนจะครบ ๒ เดือนแล้วยิ่งบ่งชี้ได้อย่างชัดแจ้งทีเดียวว่า นอกจากจะไร้ซึ่ง "เมตตาธรรม" ต่อสัตว์ที่ตนเคยดูแลแล้ว ยังมีจิตคิดอกุศลต่อข้อมูลแฟ้มประวัติของสัตว์เหล่านี้อีกด้วย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่คณะศิษย์ฯ จะต้องพิจารณาว่า มีการปลอมแปลงข้อมูลใดๆ ในแฟ้มประวัติหรือไม่ ด้วยเหตุจูงใจใด
ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อสัตว์ไปยิ่งกว่านี้ คณะศิษย์ฯ จึงขอเรียกร้องให้สัตวแพทย์คนดังกล่าวคำนึงศีลธรรมและจริยธรรมในวิชาชีพของตนอย่างเป็นกรณีพิเศษด้วย ขออย่าได้ก่อกรรมทำเข็ญอีกต่อไปเลย ขอให้รีบนำเอกสารและอุปกรณ์ทุกชิ้นส่งคืนวัดเสือโดยเร็วที่สุดด้วย
๔. เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ คณะศิษย์องค์หลวงตาฯ ได้ยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์กรณีปัญหานี้ต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อมาเมื่อทราบความจริงจากวัดเสือ ผู้แทนคณะสงฆ์ศิษย์องค์หลวงตาฯ จากจตุรทิศ พร้อมคฤหัสถ์รวมประมาณ ๕๐ คน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้างต้นต่อ ฯพณฯ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ฯพณฯ ได้กรุณามอบหมายให้ท่านเอกอนันต์ สรรประดิษฐ์ เป็นผู้แทนออกมารับหนังสือ สรุปความได้รับปากต่อคณะสงฆ์ให้เป็นที่เบาใจว่า ในระหว่างนี้จะไม่มีปฏิบัติการใดๆ ต่อเสืออย่างที่กรมอุทยานฯ เคยให้ข่าวไป หากจะดำเนินการอย่างไรจะต้องปรึกษาหารือกับทางคณะสงฆ์ให้เป็นที่ลงใจร่วมกันเสียก่อน จากนั้นเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ คณะศิษย์องค์หลวงตาฯ ก็ได้ยื่นหนังสือแจ้ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบถึงข้อตกลงดังกล่าวและเร่งทวงคืนสัตว์ที่ช่วงชิงเอาไปกลับสู่ "เขตอภัยทาน" ของวัดโดยเร็วที่สุดด้วย
คณะศิษย์ฯ จึงขออนุโมทนาสาธุการขอบพระคุณมายังรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
๕. นักสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า ได้กล่าวยืนยันว่า ความคุ้นเคย การรวมฝูง สัตว์สังคม คนเลี้ยง อาหาร และการจัดการ ที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตจิตใจและต่อสุขภาวะของสัตว์ทั้งสิ้น ดังนั้น การเคลื่อนย้ายสัตว์ป่าให้พ้นไปจากปัจจัยแวดล้อมเดิมของวัดเสือ จึงถือเป็นการ "ทารุณกรรม" สัตว์อย่างไม่สมควรยิ่ง ด้วยเหตุนี้ คณะศิษย์ฯ จึงเชื่อถือเป็นแม่นมั่นในข้อมูลที่ได้จากกลุ่มผู้สังเกตการณ์ที่มีหัวใจรักสัตว์ว่า บัดนี้ "แบมแบม" หมีกลุ่มแรกที่องค์หลวงตาฯ เมตตาสั่งการให้ทำบันทึกข้อตกลง กำลังป่วยและอยู่ในอาการซึมเศร้าอย่างหนัก จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งถึงการปฏิบัติงานของกรมอุทยานฯ ที่ก้นบึ้งมาจากใจที่โหดร้ายอำมหิต ไม่สนใจทั้งที่ทราบดีว่าเหตุปัจจัยเหล่านั้นจำเป็นต่อสุขภาวะของสัตว์เพียงใด
คณะศิษย์ฯ จึงขอเรียกร้องอย่างเฉียบขาด ให้เจ้าหน้าที่นำสัตว์กลับคืนสู่สถานที่อันเป็นสุขภาวะทั้งทางโลกทางธรรมของสัตว์ในทันทีด้วย
๖. คณะศิษย์ฯ เห็นว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติไม่สมควรใช้อำนาจหน้าที่เข้าเหยียบย่ำทำร้ายอย่างน่าอเนจอนาถเป็นที่สุดต่อสถาบันพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ก็ในเมื่อสิ่งอันเป็นที่เคารพสักการบูชาอย่างสูงสุดของปวงชนชาวไทยยังบังอาจเข้ามาทำร้ายได้ลงคอ แล้วเหตุใดจะไม่คิดทำร้ายเบียดเบียนหรือแม้กระทั่งฆ่าสัตว์ป่าทั้งหลายที่ยึดเอาไปจากวัดได้เล่า ขนาดปูชนียบุคคลที่ทรงค่าสูงสุดยังเหยียบย่ำได้ถึงเพียงนี้แล้วจะมองเห็นคุณค่าของสัตว์ป่าได้อย่างไร
ดังนั้น คณะศิษย์ฯ มีมติไม่ไว้วางใจ และหากไม่นำสัตว์กลับคืนมาสู่วัดภายใน ๑๕ วันนับแต่วันแถลงการณ์นี้ คณะศิษย์ฯ จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งนี้มิได้ประสงค์จะสร้างเวรภัยแก่เจ้าหน้าที่คนใดไปกว่าความมุ่งมั่นตามรอยธรรมขององค์หลวงตาที่ใช้หลัก "เมตตาธรรม" เข้าปกปักรักษาชีวิตจิตใจของสัตว์ให้อยู่ในร่มเงาพระศาสนาภายใต้ "เขตอภัยทาน" สืบต่อไปตราบสิ้นอายุขัย
จึงแถลงการณ์มาเพื่อกรุณาทราบโดยทั่วกัน
ศาสตราจารย์ ดร.รัตนา ศิริพานิช
ในนามคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
๑๕ เมษายน ๒๕๕๘