แถลงการณ์ฉบับที่ ๕ / ๒๕๕๘
เรื่อง สานต่อพระปณิธานองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน และมติสงฆ์พระกรรมฐาน ในการถวายคืนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ในการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช ในทุกกรณี
ด้วยในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมานี้ได้เกิดวิกฤตการณ์ทางพระพุทธศาสนาในประเทศเรื่อยมา อาทิ ความประพฤติผิดของพระอลัชชี การสั่งสมทรัพย์สินที่ได้มาโดยขัดต่อสมณวิสัย การวิ่งเต้นขวนขวายซึ่งลาภสักการะและสมณศักดิ์ การเหยียบย่ำธรรมวินัยและโบราณราชประเพณีหวังขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช การทำลายศาสนาหวังแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ให้เกิด ฆราวาสปกครองสงฆ์ รวมทั้งการยกพระหนุ่มขึ้นในชื่อ "มหาคณิสสร" ไปพร้อมๆ กับปลดพระมหาเถระผู้มีพรรษาสูง ซึ่งความวิปริตผิดธรรมเหล่านี้ ยังความวิตกกังวลและห่วงใยมาสู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง ทุกภาคส่วนในขณะนี้จึงต่างเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งทำการปรับปรุงฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ข้อห่วงใยในวิกฤตการณ์ทางพระพุทธศาสนาทั้งหลายที่กล่าวมานี้ องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ในขณะยังทรงธาตุขันธ์อยู่ ก็ได้แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งยวดจนถึงกับได้เทศนาเตือนบรรดาผู้คิดกระทำการปฏิรูปพระศาสนาในครั้งนั้นไว้อย่างเด็ดขาดว่า
พวกนี้เป็นพวกมหาภัยจริงๆ ต่อจากนี้มันจะขึ้นเป็นสังฆเภทนะ เป็นสังฆเภทยุยงให้สงฆ์แตกจากกันทั่วประเทศไทย นี่จะเป็นกรรมหนักมาก รุนแรงมากพวกนี้
องค์หลวงตาได้ตัดสินใจเสียสละออกมาเป็นผู้นำพระกรรมฐานในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และได้ประชุมหารือโดยยึดหลักพระธรรมวินัย โบราณราชประเพณี และกฎหมายบ้านเมือง เป็นสำคัญ มีมติเป็นเอกฉันท์ขอให้ภาครัฐเร่งทำการแก้ไขหลายประการมาก่อนแล้ว ดังคำเทศนาขององค์หลวงตาในครั้งนั้นเกี่ยวกับการรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายคืนพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ในการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชได้กว่า ๑.๗ ล้านคน ที่ว่า
"รวบรวม(รายชื่อ)แล้วส่ง ส่งไปไหนก็ส่งได้เลย เรื่องพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นยอดหัวใจของชาติไทยเรา ซึ่งพี่น้องชาวไทยเราเทิดทูนอยู่ตลอดมานี้ จะปล่อยพระองค์ให้สิ่งเลวทรามทั้งหลายเข้าไปเหยียบย่ำทำลายนี้ ไม่สมควรแก่ชาติไทยเราอย่างยิ่ง ไอ้ผู้ที่มาบั่นทอนทำลายทั้งชาติทั้งศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ เรื่อยมาตั้งแต่ ๒๕๔๐ มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่มีพวกนี้ ก่อมาตลอด ใครเป็นคนก่อ พี่น้องทั้งหลายก็ทราบทั่วหน้ากัน เวลานี้ก็กำลังก่อจะบีบอำนาจตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงมา ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีพระราชอำนาจเกี่ยวกับเรื่องสมเด็จพระสังฆราชมาตลอดตั้งดึกดำบรรพ์มาแล้ว"
ด้วยความร้ายแรงของสภาพปัญหาข้างต้นนำมาพิจารณาประกอบพระธรรมเทศนาที่องค์หลวงตาเมตตากล่าวย้ำเตือนไว้นี้ ในโอกาสสำคัญเนื่องในวันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป และในโอกาสครบรอบ ๔ ปี แห่งวันพระราชทานเพลิงพระสรีระสังขารขององค์หลวงตาฯ คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาฯ จึงขอสานต่อพระปณิธานองค์หลวงตาและมติสงฆ์กรรมฐานดังกล่าวที่ได้เมตตาเริ่มต้นไว้ ด้วยการเรียกร้องภาครัฐให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ในประการต่อไปนี้
๑. เร่งถวายคืนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาและปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช ในทุกกรณี และห้ามมิให้บุคคลหรือองค์กรใดเข้าแทรกแซงก้าวก่ายความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ สถาบันหลักนี้โดยเด็ดขาด
เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการนี้ คณะศิษย์จึงขอเรียกร้องตามประชามติของประชาชนกว่า ๑.๗ ล้านคนในครั้งนั้น ขอยืนยันตามมติดังกล่าว ให้ยกเลิกความตามมาตรา ๗ แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับปัจจุบันทิ้งไป และให้ใช้ความว่า "พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง แทนข้อความเดิม
๒. เร่งการแสดงความเคารพต่อพระธรรมวินัยโดยให้ยึดถือหลักอาวุโสโดย "พรรษา" ให้ทรงคุณค่าเหนือกว่า "สมณศักดิ์" และให้ยึดถือหลัก "คุณธรรม" เหนือกว่า "พรรษา"
เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการนี้ คณะศิษย์จึงขอเรียกร้องให้ยกเลิกความ "โดยสมณศักดิ์" ตามมาตรา ๑๐ แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับปัจจุบันทิ้งไป และให้ใช้ความว่า "โดยพรรษาและคุณธรรม แทนข้อความเดิม
๓. เร่งการแสดงความเคารพต่อพระธรรมวินัย โดยห้ามมิให้ทุกภาคส่วนเข้าแทรกแซงหรือก้าวล่วงในสมบัติของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม หากสงฆ์หมู่นั้นหรือภิกษุรูปนั้นได้กระทำผิดต่อพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ก็ต้องถูกดำเนินการตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองในทันที
จึงแถลงการณ์มาเพื่อกรุณาทราบโดยทั่วกัน
ศาสตราจารย์ ดร.รัตนา ศิริพานิช
ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
๔ มีนาคม ๒๕๕๘ (วันมาฆบูชา)
===========================
|