พิธีมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๒๑ เม.ย.๕๘ จากงาน “ผ้าป่า ๑๒ เมษา” ประจำปี ๒๕๕๘
Posted Date : วันที่ 1 ก.พ. 2558 เวลา 19:00 น.

พิธีมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวงเนื่องในงานบุญประเพณี

"ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง

บูชาพระคุณองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน"

๒๑ เมษายน ๒๕๕๘

 

          เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ณ สวนแสงธรรม ถ.พุทธมณฑลสาย ๓ กรุงเทพฯ คือวันสำคัญอีกวันหนึ่งในการมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวง บรรยากาศงานเป็นภาพของความสามัคคี ทั้งในส่วนของพระสงฆ์ก็ให้ความสำคัญมาก คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโนจากทุกสารทิศ และฝ่ายธนาคารแห่งประเทศไทยมาร่วมในพิธี ถือเป็นการบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และแสดงความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายที่รำลึกและตอบแทนพระคุณอย่างไม่มีประมาณขององค์หลวงตา

 

                ในพิธีการวันนั้นเมื่อถึงเวลาตามกำหนดการ นายไพบูลย์  กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย รับมอบทองคำ ๙๙.๙๙% จำนวน ๘ แท่งๆ ละ ๑ กิโลกรัม  รวม ๘ กิโลกรัม จากคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ได้ร่วมกันบริจาคในงานบุญประเพณี "ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา" ตามเจตนารมณ์ขององค์หลวงตา โดยมีพระครูปัญญาวราจารย์ (พระอาจารย์บุญทัน ฐิตสีโล)  เจ้าอาวาสวัดเขาเจริญธรรมตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ปฏิบัติหน้าที่แทนพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นผู้มอบ และ ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม ผู้แทนคณะศิษย์เป็นผู้กล่าวมอบ

          ขออนุโมทนาสาธุการในบุญกุศลที่ทุกท่านได้ร่วมเสียสละเพื่อชาติตามรอยองค์หลวงตา ขออานิสงส์แห่งบุญนี้ จงดลบันดาลให้ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เจริญสถาพรยิ่งยืนนานและขอให้ประชาชนชาวไทยทั้งหลายเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก ทางธรรม มีสุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนทุกผู้ทุกคนเทอญ

 

คำกล่าวในพิธีมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘

 

 

คำกล่าวในพิธีมอบทองคำเข้าสู่คลังหลวงเนื่องในงานบุญประเพณี "ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน"

๒๑ เมษายน ๒๕๕๘

กราบนมัสการ คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

กราบเรียน ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  พี่น้องประชาชนที่มีส่วนร่วมในกองบุญครั้งนี้ จากทั่วทุกสารทิศและที่รับชมรับฟังผู้ชมผู้ฟังรายการทางสื่อวิทยุโทรทัศน์ขององค์หลวงตาฯ ในขณะนี้ที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

เนื่องด้วยในวันที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๑ เป็นวันเปิดโครงการช่วยชาติโดยหลวงตา   พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้รับพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นจาก ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ    เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธาน โครงการช่วยชาติสัมฤทธิ์ผลยิ่งใหญ่สามารถก้าวข้ามผ่านพ้นวิกฤตการณ์ยังความร่มเย็นกลับคืนสู่ชาติบ้านเมืองได้ด้วยดี แม้จะปิดโครงการในปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ ไปแล้ว แต่ความเมตตาขององค์หลวงตาที่มีต่อชาติบ้านเมืองมิได้ปิดตามไปด้วย ดังปรากฏกองบุญ "ทองคำ น้ำซับน้ำซึม" นำทองคำเข้าเพิ่มพูนในคลังหลวงอยู่หลายวาระแม้จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตขององค์หลวงตา

บัดนี้ แม้องค์หลวงตาจะเข้าสู่พระนิพพานจากพวกเราไปกว่า ๔ ปีแล้ว แต่มโนปณิธานอันแน่วแน่จริงจังขององค์หลวงตาหาได้จากเราไปด้วยไม่ คณะศิษยานุศิษย์ขององค์หลวงตาทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ตลอดพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศ จึงประสงค์จะแสดงออกซึ่งความรักสามัคคี โดยพร้อมเพรียงกัน มุ่งมั่นตั้งใจร่วมสืบทอดพระปณิธานขององค์หลวงตาให้มั่นคงยืนยาวอยู่คู่ชาติบ้านเมืองให้ได้ตราบนานเท่านาน เพื่อให้ลูกหลานที่เกิดขึ้นมาบนผืนแผ่นดินไทยทุกชีวิต ได้มีส่วนร่วมแห่งการเสียสละเพื่อชาติและบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน  สมดังพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาที่เคยฝากไว้ว่า

“ให้พี่น้องทั้งหลายช่วยกันนะ หลวงตาบัวไม่นานก็จะตาย ลูกหลานทั้งหลายไม่ตายให้ได้อาศัยนี้ หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายช่วยหาสมบัติอันสำคัญเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อให้ลูกหลานเราได้สืบหน่อต่อแขนงต่อไปอีก ที่เราได้มานี้ปู่ย่าตายายของเราหามาไว้ให้ ทีนี้ก็ให้สืบทอดกันไป อย่าให้กุดให้ด้วนไป ของเก่าที่ได้มากินหมด ของใหม่ไม่มีไม่ได้นะ ต้องหาของใหม่มาเพิ่มเข้าไป”

ด้วยพระธรรมเทศนาและพระปณิธานขององค์หลวงตาในลักษณะดังกล่าวนี้ คณะศิษย์ฯ จึงได้พร้อมใจกันจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” เป็นประจำทุกปี เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ดังนี้

๑. เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อองค์หลวงตาผู้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพบูชาอย่างสุดหัวใจของเหล่าคณะศิษย์ชั่วลูกชั่วหลาน

๒. เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ขององค์หลวงตาให้เป็นประเพณีแห่งการบำเพ็ญมหาทานเพื่อชาติเป็นประจำทุกปีเป็นการรำลึกถึงคุณูปการและบูชาพระคุณขององค์หลวงตา ตลอดจนบูรพมหากษัตริย์และ บรรพชนชาวไทย ที่สามารถเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตได้เพื่อชาติ

๓. เพื่อแสดงความรัก ความพร้อมเพรียงสามัคคี และความเสียสละของคนในชาติเป็นสำคัญ ปัจจัยบริจาคจะมากหรือน้อยเพียงใด ไม่สำคัญยิ่งกว่าการได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ

๔. เพื่อเปิดโอกาสให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังที่เกิดไม่ทันหรือไม่มีโอกาส ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกองบุญกองนี้ที่มีองค์หลวงตาเป็นผู้นำเป็นผู้ก่อตั้ง

๕. เพื่อตอกย้ำและประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า จะมิยอมให้ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดเข้ามาแตะต้อง  หรือทำลายคลังหลวงได้โดยเด็ดขาด จะสืบทอดประเพณีการรักษาคลังหลวงให้ดำรงอยู่คู่สถาบันหลักของชาติสืบไป

สำหรับงานบุญประเพณีตามวัตถุประสงค์ข้างต้นนั้น คณะศิษย์ได้พร้อมใจกันจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พุทธศักราช ๒๕๕๕ ภายหลังเสร็จสิ้นการมอบทองคำตามพินัยกรรมขององค์หลวงตาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ซึ่งแม้งานบุญประเพณีผ้าป่าช่วยชาติ ๑๒ เมษาฯ ในปีแรก จะมิได้ประชาสัมพันธ์ในวงกว้างเท่าใดนักก็ยังสามารถรวบรวมปัจจัยเป็นจำนวนมูลค่าได้เกินคาด ในรูปเงินเหรียญสหรัสอเมริกา ในปีต่อมา ปีพุทธศักราช ๒๕๕๖  พี่น้องประชาชนก็ร่วมสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก และใน          ปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงได้เปลี่ยนจากเงินเหรียญสหรัสอเมริกา เป็นการมอบทองคำแท่ง ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ จำนวน ๕ แท่ง ๆ ละ ๑ กิโลกรัม รวมเป็นทองคำ ๕ กิโลกรัม

สำหรับวันที่ ๑๒ เมษายน ในปีนี้ถือเป็นปีที่ครบรอบ ๑๗ ปี แห่งโครงการช่วยชาติ เป็นปีที่ ๔ ของงานบุญประเพณี "ผ้าป่าช่วยชาติ ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา"  ดังนั้น ในปีนี้คณะสงฆ์และประชาชนศิษยานุ-ศิษย์องค์หลวงตาจึงพร้อมใจกันร่วมแสดงสามัคคีธรรมสามารถรวบรวมทองคำแท่ง๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ เข้าสู่คลังหลวงจำนวน ๘ แท่งๆ ละ ๑ กิโลกรัม รวม ๘ กิโลกรัม ปรากฏแก่สายตาของสาธารณชน ณ สวนแสงธรรมแห่งนี้อันเป็นสถานที่กำเนิดโครงการช่วยชาติอีกวาระหนึ่ง ยังความภาคภูมิใจแก่คณะศิษย์และประชาชน ไปพร้อม ๆ กับยังความแน่นหนามั่นคงแก่คลังหลวงให้สถิตสถาพรอยู่คู่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบไปตราบนิจนิรันดร์

ด้วยพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาที่ว่า “คลังหลวงคือหัวใจของชาติ หากคลังหลวง       กุดด้วนไปเมื่อใด เมื่อนั้นหลวงตาเขียน “ใบตาย” ให้กับชาติไทยในทันที” นั้น จึงเป็นพระอมต วาจาของจอมปราชญ์ที่ไม่มีวันตาย ยังคงแผ่ไพศาลส่งเสียงกึกก้องดังกังวานอยู่ภายในใจของคณะศิษย์ตลอดไปตราบนานเท่านาน

ความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในครั้งนี้มิอาจบังเกิดขึ้นได้เลย หากมิได้รับการสนับสนุนร่วมไม้ร่วมมือ จากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี เฉพาะอย่างยิ่งคณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาดและครูบาอาจารย์สายกรรมฐานจากทั่วทุกสารทิศ  ที่เมตตาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญแห่งกองบุญนี้ ตลอดพี่น้องชาวไทยผู้ร่วมเกิดบนผืนแผ่นดินนี้ กระผมในนามตัวแทนคณะศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ต้องขออนุโมทนาสาธุการและขอกราบขอบพระคุณคณะสงฆ์ พี่น้องประชาชน และทางธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างสุดซึ้ง มา ณ โอกาสนี้

 

ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม

ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

 

 

=====================================

งานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา”

สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา”

และร่วมพิธีมอบ”ทองคำ”เข้าคลังหลวงในโอกาสครบรอบ ๑๗ ปี

ในวันอังคารที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สวนแสงธรรม

 

 

          ด้วยในปีนี้วันที่ ๑๒ เม.ย. ตรงกับวันอาทิตย์ และ ๑๓-๑๕ เม.ย. ก็เป็นวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนไม่น้อยเข้ามากราบไหว้รูปบูชาองค์หลวงตาที่วัดป่าบ้านตาด ต่างประสงค์จะขอร่วมบุญผ้าป่า ๑๒ เมษาฯ เพื่อนำทองคำเข้าคลังหลวง ตามคำสอนขององค์หลวงตา ครูบาอาจารย์จึงพิจารณาปรับกำหนดการให้เหมาะสม และทางธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งขอปรับวันมอบทองคำอีกครั้งดังนี้

 

กำหนดการ-สถานที่ในการดำเนินงาน

ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

วันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘

๑๙.๐๐ น.    สวดมนต์ทำวัตรเย็น ฟังพระธรรมเทศนารำลึกคุณูปการแห่งการช่วยชาติ

วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘

๐๗.๓๐ น.   พระสงฆ์ออกบิณฑบาตภายในสวนแสงธรรม

๐๘.๐๐ น.    พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร

๐๙.๐๐ น.    ทอดผ้าป่าประเพณี ๑๒ เมษา รักษาคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา

                พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร เสร็จพิธี

ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

วันเสาร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘

๑๙.๐๐ น.    สวดมนต์ทำวัตรเย็น

๑๙.๔๕ น.   ฟังพระธรรมเทศนารำลึกคุณูปการแห่งการช่วยชาติ ปรารภความสำคัญของคลังหลวง และความห่วงใยขององค์หลวงตา

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ - วันจันทร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘

๐๗.๓๐ น.   พระสงฆ์ออกบิณฑบาต

๐๘.๓๐ น.   พระสงฆ์อนุโมทนาให้พร

๐๙.๓๐ น.   ประชาชนทุกสารทิศเข้าถวาย "ผ้าป่าประเพณี ๑๒ เมษา รักษาคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา" ณ ศาลาวัดป่าบ้านตาด (ด้านล่าง)

พิธีมอบทองคำ

 

วันอังคารที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘  ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ (ธปท.ยืนยันแล้ว)

๑๓.๐๐ น.   คณะสงฆ์ในนามคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตา นำทองคำแท่งที่แปรรูปจากปัจจัยบริจาคในงานบุญประเพณี เข้ามอบต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

การร่วมบุญ

ผู้ประสงค์จะร่วมบุญสามารถร่วมถวายผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ” ได้ทุกปีๆ ละ ๑ ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันนี้ หรือบริจาคได้ที่

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี อุดรธานี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 829-234381-4

ชื่อ “วัดป่าบ้านตาด เพื่อบุญ 12 เมษา รักษาคลังหลวงตามปณิธานหลวงตาฯ”

          (หมายเหตุ  บัญชีจะถูกปิดในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๓๐ น. ถือว่าเสร็จสิ้นงานบุญประเพณีสำหรับปีนี้ และจะไม่มีการรับผ้าป่าหรือการรับบริจาคเพื่อการนี้อีกจนกว่าจะถึงงานบุญประเพณีในปีถัดไป หากพบเห็นในที่ใดกรุณาทราบว่าที่นั้นมิใช่งานบุญตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ)

งานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา”

สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา”

และร่วมพิธีมอบ”ทองคำ”เข้าคลังหลวงในโอกาสครบรอบ ๑๗ ปี

ในวันอังคารที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สวนแสงธรรม

 

 

 

ความเป็นมาและความสำคัญ

สืบเนื่องจากในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ชาติไทยประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรงตกเป็นหนี้สินต่างชาติด้วยเงินมูลค่ามหาศาล องค์หลวงตาเปรียบภาวะดังกล่าวเป็น “สงครามเศรษฐกิจ” ด้วยเมตตาธรรมขององค์ท่านจึงเสียสละออกมาเป็นผู้นำใน “โครงการช่วยชาติ” เทศนาธรรมนำพี่น้องประชาชนไทยให้รักชาติ พร้อมเพรียงสามัคคี และเสียสละด้วยการบริจาค ทองคำและเงินดอลลาร์เข้าคลังหลวง เพื่อเป็นหลักประกันของชาติสืบไป

องค์หลวงตาเมตตาก่อตั้ง “โครงการช่วยชาติ” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๑ ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นประธานฝ่ายฆราวาส โครงการช่วยชาติได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากพระสงฆ์และประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างมีน้ำใจเสียสละขวนขวายทุ่มเทอย่างจริงจังเพื่อชาติ จนมีผลานิสงส์ยิ่งใหญ่ค้ำชาติไทยให้แคล้วคลาดปลอดภัยหลุดพ้นจากภัยเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

โครงการช่วยชาติได้ทำพิธีปิดอย่างเป็นทางการ ณ สวนอัมพร บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธี อย่างไรก็ตาม แม้องค์ท่านจะได้ยุติการออกเดินทางไปรับผ้าป่าช่วยชาติในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมเทศน์เตือนพระเณรให้เร่งภาวนาตามปฏิปทาที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้พาดำเนินตลอดมาเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่สูญเสียไปจากภาระที่หนักหน่วงของชาติ

แม้โครงการช่วยชาติได้ปิดลง หากแต่ความห่วงใยขององค์หลวงตาต่อคลังหลวง หรือ ทุนสำรองเงินตราว่ามีความสำคัญจำเป็นอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติกลับมิได้ลดน้อยถอยลงไปด้วยแต่อย่างใด ประกอบกับมีความพยายามหลายวาระจากผู้มีอำนาจชุดต่างๆ ที่มักหาอุบายเข้ามาแก้ไขกฎหมายหวังล้วงเอาคลังหลวงไปใช้โดยยกเอาเหตุผลต่างๆ มาเป็นข้ออ้างล่อหลอกประชาชน อาทิ เอาไปลงทุนให้ได้ดอกผลมากขึ้นบ้าง เอาไปใช้ลดหนี้สาธารณะเพื่อพัฒนาประเทศบ้าง เอาไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อความมั่งคั่งบ้าง เอาไปแก้ปัญหาภัยธรรมชาติต่างๆ บ้าง หรือแม้กระทั่งเอาคลังหลวงไปใช้แต่เพียงตัวเลขทางบัญชีบ้าง 

ภยันตรายต่างๆ ต่อคลังหลวงเช่นนี้ น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้องค์หลวงตายังต้องอุตส่าห์เมตตารับ “ทองคำน้ำไหลซึม” เข้าสู่คลังหลวงติดตามมาอีกภายหลังปิดโครงการช่วยชาติแล้วดังคำเทศนาเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๘ ว่า

 

 

“ เมื่อยังพอเป็นไปได้อยู่เราจึงได้พิจารณา ประสานให้มันค่อยเป็นไปๆ อย่างนี้ เป็นประเภททองคำน้ำซับน้ำซึมไป มันก็ไม่ได้ล่าได้สายอะไรนี่ ไม่รีบไม่ด่วนไม่เร่ง ค่อยเป็นค่อยไป มันก็ค่อยมา.....เราต้องคิดซิ เราอยู่ในบ้านอยู่ในเมือง อยู่ในชาติของเรา เราต้องคิดถึงบ้านถึงเมืองถึงชาติของเรา สังคมครอบครัวของเรา คิดย้อนหน้าย้อนหลังซิเราเป็นเจ้าของ จะอยู่เฉยๆ ไม่เหมาะนะเราเป็นเจ้าของ ปู่ย่าตายายที่ท่านพาถ่อพาพายมาท่านเป็นเจ้าของมา ท่านรับผิดชอบมาเรื่อยๆ แล้วพวกเราลูกหลานไม่รับผิดชอบต่อสายกันไปมันก็ฉิบหายได้ต้องต่อสืบทอดกันไปต้องคิดพวกเรา คิดทุกคนนะ คิดเพื่อความแน่นหนามั่นคงแห่งชาติของตน แล้วยังต้องคิดถึงความสงบสุขของบ้านเมืองอีก ต้องคิดหลายแง่หลายทาง อย่าเอาแต่ความอยากความทะเยอทะยาน ความเอาตามใจชอบๆ ความตามใจชอบมันมีแต่ฝ่ายต่ำนะ ไม่ได้มีฝ่ายสูงคือธรรมแทรกเลย ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไป ถึงฝืนก็ฝืนเป็นยาๆ ไปเรื่อย ขมก็ขมเป็นยา เป็นอย่างนั้นนะ จึงควรพิจารณาพี่น้องทั้งหลาย”

          แม้กระนั้น อีกเพียง ๒ ปี ๔ เดือน ก่อนองค์หลวงตาจะเข้าสู่พระนิพพานในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ องค์ท่านยังเทศน์ย้ำถึงความสำคัญจำเป็นเกี่ยวกับคลังหลวงเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๑ อีกด้วยว่า

“ให้พี่น้องทั้งหลายช่วยกันนะ หลวงตาบัวไม่นานก็จะตาย ลูกหลานทั้งหลายไม่ตายให้ได้อาศัยนี้ หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายช่วยหาสมบัติอันสำคัญเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อให้ลูกหลานเราได้สืบหน่อต่อแขนงต่อไปอีก ที่เราได้มานี้ปู่ย่าตายายของเราหามาไว้ให้ ทีนี้ก็ให้สืบทอดกันไป อย่าให้กุดให้ด้วนไป ของเก่าที่ได้มากินหมด ของใหม่ไม่มีไม่ได้นะ ต้องหาของใหม่มาเพิ่มเข้าไป”

แม้ที่สุดถึงวาระนิพพาน องค์หลวงตายังเน้นหนักให้ความสำคัญไปที่คลังหลวงอย่างสุดกำลังดังปรากฏตาม “พินัยกรรม” ซึ่งเปรียบประหนึ่งว่า องค์ท่านยอมเสียสละเอาพระสรีระสังขารที่หมดลมหายใจขึ้นมาโอบอุ้มคลังหลวงตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ทำให้ได้ทองคำเข้าคลังหลวงเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากรวมทั้งสิ้นตั้งแต่วันเริ่มต้นโครงการช่วยชาติเป็นน้ำหนักทั้งสิ้น ๑๓ ตัน เงินดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) ๑๐,๘๐๓,๖๐๐ เหรียญสหรัฐอเมริกา

ด้วยเหตุผลตามอรรถธรรมขององค์หลวงตาที่ได้เมตตาพร่ำสอนกล่าวเตือนไว้อย่างจริงจังเด็ดขาดย้ำแล้วย้ำเล่าเช่นนี้ อีกทั้งเพื่อเป็นการสืบสานพระปณิธานขององค์หลวงตาให้ดำรงอยู่คู่ชาติไทยมิให้เสื่อมสูญไป ศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์จึงเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเราจะตอบแทนพระคุณองค์หลวงตาด้วยการบำเพ็ญทานสืบสานประเพณีอันดีงามที่องค์ท่านได้เมตตาพาดำเนินมานี้ ให้ดำรงอยู่คู่ชาติศาสน์กษัตริย์ชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป โดยมิได้ถือเอาความมากน้อยของปัจจัยทำบุญเป็นประมาณยิ่งกว่าการปฏิบัติบูชาตามที่องค์หลวงตาพร่ำสอนไว้อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบูรพมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยอย่างเป็นรูปธรรม และต่อองค์หลวงตาที่ได้เมตตาเสียสละธาตุขันธ์วัยชรานำพาคนไทยให้รู้จักการเพิ่มพูนและปกปักรักษาคลังหลวงอันเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ชนิดยอมทุ่มเทเอาชีวิตเข้าแลกได้เลยทีเดียว

ประการสุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังที่เกิดไม่ทันหรือตกหล่นมิได้เข้าร่วมในกองบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่เพื่อชนทั้งชาติที่มีองค์หลวงตาเป็นผู้นำกองนี้ ให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มพูนและปกป้องคลังหลวงให้อยู่ยืนยงคู่ชาติศาสน์กษัตริย์เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าตลอดไป เราทั้งหลายจะมิยอมให้ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดเข้ามาแตะต้องทำลายคลังหลวงโดยเด็ดขาด ประเพณีอันดีงามนี้จักได้สืบทอดต่อไปถึงลูกถึงหลานไม่มีที่สิ้นสุด ตราบที่ผ้าป่า ๑๒ เมษา นำทรัพย์สินเข้าคลังหลวงยังดำรงอยู่ ตราบนั้นจะไม่มีใครมาแตะต้องคลังหลวงโดยง่าย ทำให้ประเพณีการรักษาคลังหลวงที่องค์หลวงตาเป็นผู้นำไม่มีวันสิ้นสูญ ลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะได้รู้จักและเห็นความสำคัญของคลังหลวง เห็นถึงความเสียสละและคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนนำโดยองค์หลวงตาที่มีต่อชาติไทยของเรา ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็จักได้ตระหนักรู้จักระมัดระวังในการเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของแผ่นดิน พระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาจักดังกึกก้องกังวาลอยู่ตลอดชั่วนิรันดร์กาลว่า

“คลังหลวงคือหัวใจของชาติ หากคลังหลวงกุดด้วนไปเมื่อใด เมื่อนั้นหลวงตาเขียน “ใบตาย” ให้กับชาติไทยในทันที”

ด้วยเหตุผลทั้งหลายข้างต้น คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาผู้มีความเคารพเทิดทูนบูชาในพระปณิธานคำสอนขององค์หลวงตา จึงได้พร้อมใจกันจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า ๑๒ เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เมื่อเสร็จสิ้นงานบุญ คณะสงฆ์ได้แปรสินทรัพย์เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและร่วมกันเข้ามอบต่อ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ณ หอประชุม ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ สำหรับในปีต่อๆ มาได้มอบสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวงดังนี้

 

         สำหรับในปี ๒๕๕๘ นี้เป็นปีครบรอบ ๑๗ ปี แห่งโครงการช่วยชาติ โดยจะเป็นการมอบสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวงครั้งที่ ๒๐ คณะสงฆ์และประชาชนศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาจึงมีสามัคคีธรรมร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวทีและความรักชาติ ด้วยการปฏิบัติบูชาตามคำสอนขององค์หลวงตาให้สัมฤทธิผลเป็นธรรมเทศนาปาฏิหาริย์ปรากฏแก่สายตาของสาธารณชนอีกครั้งหนึ่ง ยังความแน่นหนามั่นคงเพิ่มพูนคลังหลวงให้สถิตสถาพรอยู่คู่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบไป

วัตถุประสงค์

๑.ร่วมใจกันบริจาคสินทรัพย์เข้าสู่คลังหลวง เป็นการแสดงความรัก ความพร้อมเพรียงสามัคคี และความเสียสละเพื่อชาติ เงินบริจาคจะมากหรือน้อยไม่สำคัญยิ่งกว่าการได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ

๒. สืบทอดเจตนารมณ์ขององค์หลวงตาให้เป็นประเพณีแห่งมหาทานมหากุศลเพื่อชาติเป็นประจำทุกปี เป็นการรำลึกถึงคุณูปการและตอบแทนพระคุณขององค์หลวงตา ตลอดจนบูรพมหากษัตริย์และบรรพชนชาวไทยที่สามารถเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตได้เพื่อชาติ

๓. แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อองค์หลวงตาผู้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพบูชาอย่างสุดหัวใจของเหล่าคณะศิษย์ชั่วลูกชั่วหลาน

๔. เปิดโอกาสให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังที่เกิดไม่ทันหรือไม่มีโอกาส ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกองบุญที่มีองค์หลวงตาเป็นผู้นำแห่งการก่อตั้ง

๕. เป็นการตอกย้ำและประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า จะมิยอมให้ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดเข้ามาแตะต้องหรือทำลายคลังหลวงได้โดยเด็ดขาด จะสืบทอดประเพณีการรักษาคลังหลวงให้ดำรงอยู่คู่สถาบันหลักของชาติ

 

การร่วมบุญ

ผู้ประสงค์จะร่วมบุญสามารถร่วมถวายผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ” ได้ทุกปีๆ ละ ๑ ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันนี้ หรือบริจาคได้ที่

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี อุดรธานี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 829-234381-4

ชื่อ “วัดป่าบ้านตาด เพื่อบุญ 12 เมษา รักษาคลังหลวงตามปณิธานหลวงตาฯ”

          (หมายเหตุ  บัญชีจะถูกปิดในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๓๐ น. ถือว่าเสร็จสิ้นงานบุญประเพณีสำหรับปีนี้ และจะไม่มีการรับผ้าป่าหรือการรับบริจาคเพื่อการนี้อีกจนกว่าจะถึงงานบุญประเพณีในปีถัดไป หากพบเห็นในที่ใดกรุณาทราบว่าที่นั้นมิใช่งานบุญตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ)


<< BACK

หน้าแรก